ค้นหา :
10 โบสถ์และมหาวิหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก
โบสถ์ และมหาวิหาร อีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างที่ตั้งอยู่ทั่วทุกมุมโลก เปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจของศาสนิกชน ล้วนสร้างขึ้นจากความเชื่อ และความศรัทธา บางสถานที่ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา บางสถานที่เปรียบเสมือนอนุสรณ์สร้างขึ้นเพื่อรำลึกเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งสถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่สามารถถ่ายทอดผลงานทางสถาปัตยกรรม และประติมากรรมออกมาได้อย่างงดงาม 10 โบสถ์และมหาวิหารที่ PALANLA จะพาไปชมในวันนี้ ถือว่าเป็นศาสนสถานที่ทั่วโลกให้การยอมรับว่ามีชื่อเสียงที่สุด
โอลิมเปียปาร์ค เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
โอลิมเปียปาร์ค (Olympiapark) ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองมิวนิค บนพื้นที่ราว 3 ตารางกิโลเมตรที่มีสภาพเป็นเนินเขาสูงต่ำสลับกันไปซึ่งก่อให้เกิดทัศนียภาพอันสวยงามของเนินเขาสีเขียวที่ลาดโค้งขึ้นลงท่ามกลางต้นไม้และทะเลสาบ โดดเด่นด้วยโอลิมปิกสเตเดียม (Olympic Stadium) ซึ่งเป็นสนามฟุตบอลล้อมรอบด้วยอัฒจรรย์ขนาดใหญ่ที่มีหลังคาโครงเหล็กรูปทรงคล้ายเต็นท์หลายหลัง และหอชมเมืองโอลิมปิกทาวเวอร์ (Olympic Tower) ซึ่งจัดเป็นอีกสองแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงของเมืองมิวนิค เพราะที่นี่เคยใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปีค.ศ. 1972 มาก่อน ปัจจุบันเป็นทั้งสวนสาธารณะ ศูนย์กีฬา และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองมิวนิค
10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองมิวนิคและพื้นที่ใกล้เคียง ประเทศเยอรมนี
เมืองมิวนิค (Munich ชื่อภาษาเยอรมันคือ München) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี ในพื้นที่ของรัฐบาวาเรีย (The State of Bavaria) เป็นเมืองที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศเยอรมนี รองจากเมืองเบอร์ลิน (Berlin) และเมืองแฮมเบิร์ก (Hamburg) ทางด้านสภาพภูมิประเทศตั้งอยู่บนพื้นที่ราบสูงตอนเหนือของรัฐบาวาเรีย แม่น้ำสายหลักของเมืองคือแม่น้ำอีซาร์ (Isar River) ทางด้านสภาพภูมิอากาศในฤดูร้อนมีอากาศอบอุ่น แต่จะมีอากาศร้อนจัดในช่วงกลางปีที่มีฝนตกหนัก และในฤดูหนาวมีอากาศหนาวเย็น โดยจะหนาวที่สุดในช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคมและมีหิมะตกในบางพื้นที่
หมู่บ้านโอเบอแรมเมอร์เกา เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
หมู่บ้านโอเบอแรมเมอร์เกา (Oberammergau Village) ตั้งอยู่ในเมืองโอเบอแรมเมอร์เกาบริเวณเทือกเขาแอมเมอร์เกาแอลป์ (Ammergau Alps) ห่างจากเมืองมิวนิคลงมาทางใต้ประมาณ 90 กิโลเมตร เป็นเมืองที่มีบรรยากาศทางธรรมชาติที่สวยงามของหุบเขา และยังเป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการตกแต่งผนังอาคารบ้านเรือนด้วยภาพเขียนทางศาสนา และวิถีชีวิตชนบท มีศิลปาชีพท้องถิ่นเป็นงานแกะสลักไม้ที่มีความสวยงามขึ้นชื่อ และเป็นสถานที่จัดแสดงอุปรากรระดับโลกที่ชื่อว่า The Passion Play ซึ่งเป็นอุปรากรที่ถ่ายทอดเรื่องราวทางศาสนาคริสต์ที่จะจัดขึ้นสิบปีต่อหนึ่งครั้ง โดยจะจัดขึ้นที่โรงละคร The Passion Play Theater ซึ่งมีผู้เข้าชมนับแสนคนจากทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ โอเบอร์แรมเมอร์เกาจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กับเมืองมิวนิคที่ควรมาแวะชมสักครั้งเมื่อมาท่องเที่ยวในบริเวณนี้
ร้านอาหารแฮ็กซินเบาเวอร์ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
ร้านอาหารแฮ็กซินเบาเวอร์ (Haxnbauer Restaurant / Haxnbauer im Scholastikahaus) ตั้งอยู่ใกล้กับจัตุรัสมาเรียนปลาทซ์ เป็นร้านอาหารเก่าแก่ในเขตเมืองเก่าที่มีอายุนับร้อยปี ปัจจุบันเป็นหนึ่งในร้านอาหารชื่อดังของเมืองมิวนิคที่ได้รับความนิยมจากชาวมิวนิคและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยอาหารขึ้นชื่อของที่นี่คือ Haxengrill เป็นขาหมูเยอรมันที่หมักด้วยเกลือและสมุนไพรสูตรพิเศษไว้ 24 ชั่วโมงก่อนนำไปย่างด้วยถ่านไม้บีช ขาหมูจึงมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และมีรสชาติอร่อยแบบกรอบนอกนุ่มใน ด้วยเหตุนี้ร้านอาหารแฮ็กซินเบาเวอร์จึงเป็นร้านอาหารยอดนิยมในเมืองมิวนิคที่นักท่องเที่ยวควรลองไปชิมสักครั้งเมื่อไปเยือนเมืองมิวนิค
จัตุรัสมาเรียนปลาทซ์ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
จัตุรัสมาเรียนปลาทซ์ (Marienplatz) เป็นจุดแลนด์มาร์กอันยิ่งใหญ่ใจกลางเมืองมิวนิค โดดเด่นด้วยอนุเสาวรีย์พระแม่มารีทองคำความสูง 11 เมตรใจกลางจตุรัส และสถาปัตยกรรมโกธิกอันสวยงามและยิ่งใหญ่ของศาลากลางสองหลังทางด้านเหนือและด้านตะวันออก เป็นจตุรัสที่สะท้อนประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมือง และยังเป็นศูนย์กลางทางด้านการท่องเที่ยว ศาสนา และวัฒนธรรม เป็นสถานที่ที่สมเด็จพระสันตะปาปาเคยเสด็จมาเยือนถึงสามพระองค์ (สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 6 ในปีค.ศ. 1782 สมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ในปีค.ศ. 1980 และสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ในปีค.ศ. 2006) และยังเป็นสถานที่จัดตลาดคริสต์มาสประจำปี และเป็นที่เฉลิมฉลองวันครบรอบต่างๆ ของเมือง นอกจากนี้จัตุรัสมาเรียนปลาทซ์ยังเป็นสถานที่ฉลองแชมป์ของสโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิคอีกด้วย ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงระดับโลกและเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองมิวนิค
มหาวิหารเฟราเอน เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
มหาวิหารเฟราเอน (Frauenkirche) เป็นโบสถ์นิกายโรมันคาทอลิก และเป็นโบสถ์คู่บ้านคู่เมืองของเมืองมิวนิคและรัฐบาวาเรีย โดดเด่นด้วยหอคอยคู่ที่มีโดมทรงหัวหอมอยู่ที่ด้านบน เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองมิวนิคที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในย่านเมืองเก่า โดยเฉพาะบริเวณจัตุรัสมาเรียนปลาทซ์ที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเมืองมิวนิค ด้านในมหาวิหารตกแต่งอย่างเรียบง่าย บริเวณหอคอยทิศใต้นั้นเป็นหอชมเมืองความสูงราว 99 เมตรที่สามารถมองเห็นภาพมุมกว้างของเมืองมิวนิคอันน่าประทับใจ และสามารถมองเห็นเทือกเขาแอลป์ที่อยู่กลออกไปทางทิศใต้ได้อีกด้วย ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเมื่อมาเยือนเมืองมิวนิค
พิพิธภัณฑ์บีเอ็มดับเบิลยู เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
พิพิธภัณฑ์บีเอ็มดับเบิลยู (BMW Museum) และอาคารบีเอ็มดับเบิลยูเวลท์ (BMW Welt) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโอลิมเปียปาร์ค ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์บีเอ็มดับเบิลยูเป็นอาคารทรงกลมสีเงินซึ่งเรียกกันว่าพิพิธภัณฑ์ทรงถ้วย (the museum bowl) ส่วนอาคารบีเอ็มดับเบิลยูเวลท์มีความโดดเด่นด้วยอาคารทรงนาฬิกาทรายที่ตกแต่งด้วยกระจกรูปทรงเรขาคณิต ทั้งสองอาคารอยู่ใกล้กับสำนักงานใหญ่ของบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป จัดเป็นสองแลนด์มาร์กอีกแห่งหนึ่งของเมืองมิวนิคที่นักท่องเที่ยวและผู้ที่ชื่นชอบด้านยานยนต์ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ด้านในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้อมูลและยานยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีรอบเข้าชมที่มีบรรยายภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมันให้เลือกได้ตามต้องการ ผู้เข้าชมจะได้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกว่าทำไมแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูถึงเป็น หนึ่งในแบรนด์รถยนต์ชั้นนำของโลก นอกจากในส่วนของพิพิธภัณฑ์แล้ว ในละแวกเดียวกันยังเป็นพื้นที่ของบีเอ็มดับเบิลยูสำนักงานใหญ่ (BMW Headquarter) และฐานการผลิต BMW Group Plant อีกด้วย ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองมิวนิคที่ไม่ควรพลาดชม
พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และสวนลินเดอร์ฮอฟ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และสวนลินเดอร์ฮอฟ (Linderhof Palace and Park) ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ทางตอนใต้ของรัฐบาวาเรีย (Bavaria) ไม่ไกลจากเมืองมิวนิค มีความสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมร็อคโคโค ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากพระราชวังแวร์ซายน์ในประเทศฝรั่งเศส ในส่วนของสวนก็ได้จำลองมาจากสวนของแวร์ซายน์เช่นกัน พระราชวังแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในปราสาทของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย (Ludwig II of Bavaria) ที่มีความสวยงามจนกลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กใกล้กับปราสาทนอยชวานสไตน์ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองมิวนิค
พระราชวังมิวนิคเรสซิเดนซ์ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
พระราชวังมิวนิคเรสซิเดนซ์ (Munich Residence / Residenz München) ตั้งใจอยู่ใจกลางเมืองมิวนิค แต่เดิมนั้นเป็นเขตพระราชฐานของราชอาณาจักรบาวาเรียและรัฐสภาบาวาเรียในช่วงปีค.ศ. 1508 ถึง ค.ศ.1918 ปัจจุบันเป็นพระราชวังเก่าและพิพิธภัณฑ์หลวงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ศิลปะการตกแต่งภายในอันวิจิตรบรรจง และของสะสมโบราณของราชวงศ์ที่เคยครองอาณาจักรบาวาเรีย โดยพระราชวังประกอบด้วยสนามหญ้า 10 สนาม และห้องจัดแสดงอีกจำนวน 130 ห้อง ในทุกรายละเอียดภายในได้สะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ และศิลปะวัฒนธรรมอันงดงามและล้ำค่าของอาณาจักรบาวาเรียที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งโรจน์มาก่อนในประวัติศาสตร์ของเยอรมนี ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กยอดนิยมที่ไม่ควรพลาดชมเมื่อมาเยือนเมืองมิวนิค
พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก และสวนนิมเฟนเบิร์ก เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก และสวนนิมเฟนเบิร์ก (Nymphenburg Palace and Park) ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองมิวนิค แต่เดิมเป็นพระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์บาวาเรียมาหลายศตวรรษ ภายในแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ บริเวณพระราชวังและพิพิธภัณฑ์ (Nymphenburg Palace with Marstallmuseum) พิพิธภัณฑ์เครื่องลายคราม (Nymphenburg Porcelain Museum) และบริเวณสวนของพระราชวัง (Nymphenburg Park Pavilions) ตัวพระราชวังและสวนได้รับการออกแบบและตกแต่งแบบผสมผสานในสไตล์ฝรั่งเศสและอังกฤษ จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในศูนย์รวมแบบอย่างงานศิลป์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กยอดนิยมของเมืองมิวนิคที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชม
ปราสาทนอยชวานสไตน์ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle) ตั้งอยู่บนหน้าผาความสูง 200 เมตรเหนือพื้นหุบเขาบนเทือกเขาแอลป์ที่อยู่บริเวณตอนใต้ของประเทศเยอรมนีใกล้กับเมืองมิวนิค เป็นพระราชวังของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย (King Ludwig II of Bavaria) ตัวปราสาทสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมฟื้นฟูโรมาเนสก์ (Romanesque Revival architecture) ซึ่งมีความสวยงามโอ่อ่าอลังการในแบบสถาปัตยกรรมในยุคกลาง และถอดแบบความงดงามที่บรรยายไว้ในบทประพันธ์จากอุปรากรเรื่องอัศวินหงส์ (The Swan Knight) ของริชาร์ด วากเนอร์ (Richard Wagner) คีตกวีเอกชาวเยอรมันในยุคนั้น และยังเป็นคีตกวีเอกคนโปรดของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 อีกด้วย ความสวยงามของปราสาทแห่งนี้ยังได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับวอลท์ ดิสนีย์ (Walt Disney) นำไปเป็นต้นแบบปราสาทของเจ้าหญิงนิทรา (Sleeping Beauty Castle) ที่ดิสนีย์แลนด์อีกด้วย ด้วยเหตุนี้ปราสาทนอยชวานสไตน์จึงถูกขนานนามว่าเป็นปราสาทแห่งเทพนิยายนับแต่นั้นมา ที่นี่จึงจัดเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญที่มีชื่อเสียงอันโด่งดัง ซึ่งนักท่องเที่ยวแทบทุกคนที่มาเยือนเมืองมิวนิคมักจะต้องแวะมาเที่ยวชมปราสาทแห่งนี้
การเดินทางโดยขนส่งสาธารณะ และยานพาหนะประเภทต่างๆ ในเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
ขนส่งสาธารณะในเมืองมิวนิคมีเส้นทางที่ครอบคลุมทั้งเมือง โดยมีทั้งรถไฟฟ้า (S-Bahn) และรถไฟใต้ดิน (U-Bahn) ของบริษัท DB ที่เป็นรถไฟสายหลักของประเทศเยอรมนี และยังมีรถราง (tram) และรถประจำทาง (bus) ของบริษัท MVG ซึ่งเป็นบริษัทเดินรถท้องถิ่นในเมืองมิวนิค
โบสถ์เซนต์ไมเคิล เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
โบสถ์เซนต์ไมเคิล (St. Michael Kirche) ตั้งอยู่ในย่านจัตุรัสคาร์ลปลาทซ์และจตุรัสมาเรียนปลาทซ์ แต่เดิมเป็นโบสถ์พระเยซูอิตซึ่งเป็นนิกายเก่าแก่นิกายหนึ่งของศาสนาคริสต์ ปัจจุบันเป็นโบสถ์คาทอลิค โบสถ์เซนต์ไมเคิลเป็นโบสถ์ที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมเรเนซองที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ของเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ และเป็นโบสถ์ที่มีอิทธิพลทางด้านสถาปัตยกรรมในสมัยนั้นในการนำไปต่อยอดสร้างโบสถ์ต่างๆ ด้วยสถาปัตยกรรมบาโรกในพื้นที่ของเยอรมนีใต้ ภายในตกแต่งอย่างสวยงาม โดดเด่นด้วยไม้กางเขนขนาดใหญ่ และแท่นบูชาสูง จึงเป็นอีกหนึ่งศาสนสถานที่ควรแวะเที่ยวชมความสวยงามเมื่อไปเที่ยวเมืองมิวนิค
ตลาดวิคทัวเลียน เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
ตลาดวิคทัวเลียน (Viktualienmarkt) เป็นตลาดเก่าที่เปิดมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ตั้งอยู่ใกล้กับจัตุรัสมาเรียนปลาทซ์ ปัจจุบันเป็นตลาดสดที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองมิวนิค เพราะมีทุกอย่างให้เลือกสรร ทั้งสินค้าท้องถิ่นและสินค้านำเข้า บนพื้นที่ราว 22,000 ตารางเมตร มีแผงและร้านค้าประมาณร้อยกว่าร้าน โดยมีสินค้าวางจำหน่ายมากมาย อย่างเช่น ผัก ผลไม้ ดอกไม้ พันธุ์พืช เนื้อสัตว์ประเภทต่างๆ ไข่ เนย น้ำผึ้ง อาหารแปรรูป สมุนไพร เครื่องเทศ ไวน์ และชา นอกจากนี้ที่นี่ยังสะท้อนวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวมิวนิคด้วยสัญลักษณ์เสาเต้นรำเก่าแก่ ที่เรียกว่า Maibaum หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Maypole ซึ่งเป็นเสาที่ใช้ตั้งในวันที่ 1 พฤษภาคม เพื่อเต้นรำเฉลิมฉลองวันแรงงาน (May Day) ซึ่งเป็นประเพณีดั้งเดิมและเก่าแก่ของประเทศแถบยุโรป
จัตุรัสคาร์ลสปลาทซ์ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
จัตุรัสคาร์ลสปลาทซ์ (Karlsplatz) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมิวนิค เป็นหนึ่งในจัตุรัสที่มีชื่อเสียงของเมืองอีกแห่งหนึ่ง บริเวณจัตุรัสมีลานน้ำพุที่มักใช้เป็นจุดนัดพบ และมีจุดแลนด์มาร์กเก่าแก่คือประตูเมืองเก่าที่มีชื่อว่าประตูเมืองคาร์ลสเตอร์ (Karlstor Gate) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามประตูเมืองเก่าที่ยังคงหลงเหลืออยู่บริเวณกำแพงเมืองมิวนิคที่ถูกรื้อไปในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 นอกจากนี้ จัตุรัสคาร์ลสปลาทซ์ยังเป็นย่านถนนช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมือง และยังทอดยาวเชื่อมต่อไปยังจตุรัสมาเรียนปลาทซ์ที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเมืองมิวนิคอีกด้วย ด้วยเหตุนี้จัตุรัสคาร์ลปลาทซ์จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองมิวนิค
8 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
เมืองแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt มีชื่อทางการว่า Frankfurt am Main) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของประเทศเยอรมนี แฟรงค์เฟิร์ตตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศ มีแม่น้ำไมน์ (Main River) เป็นแม่น้ำสายหลักไหลผ่านกลางตัวเมือง มีประชากรประมาณ 5.5 ล้านคน
ศูนย์การค้ามายเซล เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
ศูนย์การค้ามายเซล (MyZeil Shopping Center) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแฟรงค์เฟิร์ตใกล้กับย่านฮอพวอช เป็นศูนย์รวมร้านค้าแบรนด์ดังมากมาย และเป็นหนึ่งในศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศเยอรมนี โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ดูล้ำสมัยด้วยสถาปัตยกรรมยุคใหม่ที่ผสมผสานการตกแต่งด้วยแผ่นกระจกที่มีขนาดแตกต่างกันมาประกอบเข้าด้วยกันทั้งบริเวณส่วนหลังคาและผนัง เพื่อเน้นความโปร่งใสและให้ความรู้สึกมีมิติ เมื่อมองจากด้านนอกห้าง บริเวณด้านบนจะมีรูปร่างเหมือนอวกาศที่มีคลื่นหมุนวนอยู่ การตกแต่งด้านในยังโดดเด่นด้วยเสากระจกขนาดใหญ่บริเวณตรงกลางห้าง ซึ่งนอกจากมีความสวยงามแปลกตาแล้ว ยังให้แสงสว่างจากด้านนอกเข้าสู่ด้านในตัวอาคารได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้จุดขายอีกอย่างของที่นี่คือ บันไดเลื่อนความยาว 42 เมตร จากชั้นล่าง (ชั้น Ground) ไปสู่ชั้นสี่ ด้วยความเร็วประมาณ 120 วินาที ซึ่งนอกจากเป็นบันไดเลื่อนด่วนแล้ว ยังจัดเป็นบันไดเลื่อนภายในอาคารที่มีความยาวที่สุดในยุโรปอีกด้วย ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวและแลนด์มาร์กที่ได้รับความนิยมเมื่อมาเที่ยวเมืองแฟรงค์เฟิร์ต
สะพานเหล็กไอเซิร์นเนอร์เสต็ก เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
สะพานเหล็กไอเซิร์นเนอร์เสต็ก (Eiserner Steg / Iron Bridge) เป็นสะพานคนเดินอันเก่าแก่ของเมืองแฟรงค์เฟิร์ตที่ทอดข้ามแม่น้ำไมน์ (Main River) เชื่อมพื้นที่ระหว่างบริเวณศูนย์กลางเมืองและพื้นที่ริมแม่น้ำฝั่งใต้เข้าไว้ด้วยกัน ตัวสะพานทำจากโครงเหล็กสีเขียวเข้ม ทางเดินปูด้วยคอนกรีต ที่นี่นอกจากจะเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของเมืองเพราะมีทัศนีภาพอันสวยงามบริเวณริมฝั่งแม่น้ำแล้ว แต่ยังเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมในการคล้องกุญแจแห่งความรักที่บริเวณรั้วด้านข้างของสะพานอีกด้วย
สถานีรถไฟกลางแฟรงค์เฟิร์ต เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
สถานีรถไฟกลางแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt (Main) Hauptbahnhof / Frankfurt Central Station) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแฟรงค์เฟิร์ต เป็นสถานีรถไฟที่มีความทันสมัย มีร้านค้า และร้านอาหารมากมาย รวมถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างเช่น ที่จอดรถ เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว บริการตู้ล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า เคาน์เตอร์แลกเงิน ศูนย์รับแจ้งคืนของหาย ห้องน้ำ อินเตอร์เน็ต ตู้เอทีเอ็ม และตู้โทรศัพท์สาธารณะ เป็นหนึ่งในสถานีรถไฟที่สำคัญที่สุดและพลุกพล่านที่สุดในประเทศเยอรมนี มีรถไฟเป็นพันสายวิ่งเข้าออกทุกวัน มีทั้งสายที่ให้บริการในเมืองแฟรงค์เฟิร์ต และสายที่วิ่งไปยังประเทศต่างๆ มีนักท่องเที่ยวมากกว่าสามแสนต่อคนคนเดินทางผ่านสถานีรถไฟแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีบริการรถไฟด่วน ICE เชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟกลางแฟรงค์เฟิร์ตและสนามบินแฟรงค์เฟิร์ต และมีเส้นทางที่วิ่งไปยังเมืองต่างๆ ในเยอรมนีอย่างเช่นเมืองเบอร์ลิน และเส้นทางต่างประเทศอย่างเช่น กรุงโคเปนเฮเกนในเดนมาร์ก กรุงอัมสเตอร์ดัมในเนเธอร์แลนด์ และกรุงปรากในสาธารณรัฐเช็กอีกด้วย
ศาลากลางโรเมอร์ เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
ศาลากลางโรเมอร์ (Romer City Hall) เป็นบ้านหลังใหญ่ที่สร้างขึ้นในสมัยยุคกลาง และทางสภาเทศบาลเมืองได้ทำการซื้อต่อจากเจ้าของเดิมมาเพื่อใช้เป็นศาลากลางประจำเมือง ต่อมาได้มีการสร้างอาคารที่มีสถาปัตยกรรมแบบเดียวกันขึ้นอีกหลายหลังในละแวกนั้น ปัจจุบันเรียกว่าย่าน Romerberg เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด และยังเป็นสถานที่จัดตลาดคริสต์มาสและงานประจำปีอื่นๆ ของเมืองแฟรงค์เฟิร์ต
ย่านฮอพวอช เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
ฮอพวอช (Hauptwache) เป็นชื่อป้อมปราการเก่าแก่ของเมืองแฟรงค์เฟิร์ตที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 แต่ปัจจุบันกลายเป็นแลนด์มาร์กใจกลางเมือง แฟรงค์เฟิร์ตเคียงคู่กับโบสถ์เซนต์แคทเธอรีน (St. Catherine's Church) พื้นที่บริเวณนี้ถูกเรียกว่าย่านฮอพวอช โดยเรียกตามชื่อของป้อมปราการแห่งนี้นั่นเองสถานที่เชิงประวัติศาสตร์แห่งนี้รายล้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ถนนคนเดิน และสถานีรถไฟ นอกจากนี้ ที่นี่ยังนิยมใช้เป็นจุดนัดพบของนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นอีกด้วย ฮอพวอชจึงจัดเป็นอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คยอดนิยมของเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ปัจจุบันบริเวณป้อมปราการเป็นที่ตั้งของร้านอาหารเก่าแก่ที่มีชื่อว่า คาเฟ่ฮอพวอช (Cafe Hauptwache) ที่เปิดมานานกว่าร้อยปี
มหาวิหารเซนต์บาร์โธโลมิว เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
มหาวิหารเซนต์บาร์โธโลมิว (St. Bartholomew’s Cathedral) เป็นมหาวิหารที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมโกธิก มีความสูง 95 เมตร เดิมทีเมื่อแรกสร้างเสร็จจัดเป็นสถาปัตยกรรมที่สูงที่สุดในเมือง แต่เมื่อมหานครแฟรงค์เฟิร์ตกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศเยอรมนี จึงมีตึกสูงเสียดฟ้าเกิดขึ้นมากมาย ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันมหาวิหารเซนต์บาร์โธโลมิวจึงไม่ได้ติดอันดับอาคารที่สูงที่สุดอีกต่อไป แต่ยังคงมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นศูนย์รวมใจของคริสตศาสนิกชน และยังเป็นแลนด์มาร์กสะท้อนประวัติศาสตร์อันสำคัญและยิ่งใหญ่ของเมือง เพราะมหาวิหารเซนต์บาร์โธโลมิวยังมีอีกชื่อหนึ่งอย่างเป็นทางการว่า Imperial Cathedral of Saint Bartholomew (ชื่อภาษาเยอรมันคือ Kaiserdom St. Bartholomäus) ซึ่งนอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุส่วนกระโหลกหน้าผากของนักบุญบาร์โธโลมิว ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบสองอัครสาวกรุ่นแรกของพระเยชูคริสต์ และยังเป็นสถานที่ที่ใช้ประกอบพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกให้กับจักรพรรดิโรมันในช่วงศตวรรษที่ 12 ถึง ศตวรรษที่ 17 ด้วยเหตุนี้ที่นี่จึงได้รับการสถาปนาเป็นมหาวิหารหลวงแม้จะไม่มีพระอัครสังฆราชประทับอยู่ก็ตาม บริเวณพื้นที่ของมหาวิหารยังมีส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโบราณวัตถุทางศาสนา และในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม สามารถเดินขึ้นบันไดจำนวน 324 ขั้นขึ้นไปยังด้านบนหอคอยเพื่อชมทัศนีภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจได้อีกด้วย
โบสถ์เซนต์ปอล เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
โบสถ์เซนต์ปอล (St Paul's Church / ภาษาเยอรมันคือ Paulskirche) เป็นโบสถ์นิกายโปรเตสแตนต์ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ไม่ไกลจากย่านศาลากลางโรเมอร์ และเป็นโบสถ์คริสต์ลูเธอร์แรนที่เป็นสมาชิกสมาคมโบสถ์อีวานเจลิคัลแห่งชาติในประเทศเยอรมนี นอกจากนี้ที่นี่ยังเคยเป็นรัฐสภาแฟรงค์เฟิร์ตในปีค.ศ. 1848 ที่นี่จึงเป็นที่รู้จักกันในนาม "แหล่งกำเนิดประชาธิปไตยในเยอรมนี" และได้รับการยกย่องว่าเป็นอนุสรณ์สถานของประเทศด้านเสรีภาพและประชาธิปไตยอีกด้วย
ตึกยูโรทาวเวอร์ เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
ตึกยูโรทาวเวอร์ (Eurotower) เป็นอาคารสี่สิบชั้นที่มีความสูง 148 เมตร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ที่นี่เคยเป็นที่ตั้งสำนักใหญ่ของธนาคารกลางแห่งยุโรป (European Central Bank (ECB)) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 - ค.ศ. 2014 แต่ปัจจุบันสำนักงานใหญ่ได้ย้ายไปยังตึก Main Building ในเขต Ostend ทางตะวันออกของเมือง แต่สาขาธนาคารที่ตึกยูโรทาวเวอร์ยังเปิดให้บริการตามปกติ บริเวณด้านนอกของตึกยูโรทาวเวอร์ จะมีจุดแลนด์มาร์กขนาดใหญ่เรียกว่า อนุเสาวรีย์สกุลเงินยูโร (Euro mounument) มีลักษณะเป็นสัญลักษณ์ของสกุลเงินยูโรสีน้ำเงิน และมีดาวสีทองล้อมรอบอยู่ ซึ่งเป็นจุดแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ตึกไมน์ทาวเวอร์ เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
ตึกไมน์ทาวเวอร์ (Main Tower) เป็นอาคาร 56 ชั้น มีความสูง 200 เมตร ตั้งอยู่ในเขต Innenstadt ของเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ได้รับการตั้งชื่อตามแม่น้ำไมน์ (Main River) ที่เป็นแม่น้ำสายหลักของเมือง ตัวอาคารประกอบไปด้วยสำนักงานให้เช่า ศูนย์ออกกำลังกาย และหอชมเมืองบริเวณชั้นดาดฟ้า ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดชมวิวเมืองแฟรงเฟิร์ตที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะสามารถชมทัศนียภาพเมืองจากด้านบนได้โดยรอบสามร้อยหกสิบองศา และยังมีส่วนของภัตตาคารให้นักท่องเที่ยวได้รับประทานอาหารพร้อมชมวิวที่น่าประทับใจได้อีกด้วย จัดเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กยอดนิยมของเมืองแฟรงค์เฟิร์ต
ตลาดกลางเคลนมาร์คแทล เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
ตลาดกลางเคลนมาร์คแทล (Kleinmarkthalle Market Hall) เป็นตลาดภายในอาคาร มีพื้นที่ประมาณ 1,500 ตารางเมตร เป็นตลาดยอดนิยมของเมือง แฟรงค์เฟิร์ตที่เปิดมายาวนานกว่าหกสิบปี เป็นดั่งสวรรค์ของผู้ที่รักการทำอาหาร เพราะเป็นแหล่งขายวัตถุดิบคุณภาพดีทั้งวัตถุดิบท้องถิ่น และวัตถุดิบนำเข้าจากนานาชาติ ที่นี่มีสินค้าให้เลือกหลากหลายประเภท มีแผงขายของประมาณร้อยกว่าแผงซึ่งถูกจัดสรรพื้นที่อย่างเป็นสัดส่วนและเป็นระเบียบเรียบร้อย ประกอบด้วยแผงขายของสดอย่างเช่น เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ แผงขายอาหารแปรรูปอย่างเช่น ไส้กรอก ชีส เส้นสปาเก็ตตี และแผงขายดอกไม้ นอกจากนี้ยังมีร้านค้าและร้านอาหารประมาณอีกประมาณหกสิบกว่าร้าน ให้นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นได้เลือกซื้อสินค้ากันอย่างเพลิดเพลิน ตลาดกลางเคลนมาร์คแทลจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด
การเดินทางโดยการใช้ขนส่งสาธารณะในเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
เมืองแฟรงค์เฟิร์ตมีขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุมทั่วทั้งเมือง และมีเส้นทางเดินรถแต่ละประเภทที่ไม่ทับซ้อนกัน โดยขนส่งสาธารณะหลักในเมืองจะเป็นการเดินทางโดยรถไฟสาย S-Bahn กับ U-Bahn และมีรถประจำทางให้บริการในเขตพื้นที่รอบนอกเส้นทางเดินรถไฟ และผ่านจุดที่ให้ผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟได้ อีกทั้งยังมีความสะดวกด้วยระบบตั๋วโดยสารที่เชื่อมต่อกันทั้งระบบ โดยซื้อบัตรโดยสารใบเดียวในการเดินทางก็สามารถใช้ได้ทั้ง รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และรถประจำทาง อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ใช้จักรยานเป็นยานพาหนะโดยสามารถนำจักรยานขึ้นรถสาธารณะได้อีกด้วย
10 มุมสวยถ่ายภาพมหาวิหารโคโลญ เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
เมืองโคโลญเป็นเมืองเล็กๆ อยู่ทางตะวันตกของประเทศเยอรมนี มีสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำไรน์เป็นแม่น้ำสายหลักไหลผ่านกลางตัวเมือง ทำให้เกิดพื้นที่ริมแม่น้ำขึ้นสองฝั่ง เมืองโคโลญไม่เพียงแค่มีทัศนียภาพทางธรรมชาติอันสวยงามแต่ยังมีความยิ่งใหญ่และมีเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของแลนด์มาร์กประจำเมือง อย่างมหาวิหารโคโลญที่มีหอคอยคู่ตั้งตระหง่านตัดกับสีของท้องฟ้าที่ต่างกันไปในแต่ละช่วงวัน และสะพานโฮเอินซอลเลิร์นที่ทอดข้ามแม่น้ำไรน์เชื่อมพื้นที่สองฝั่งเข้าไว้ด้วยกัน ปัจจัยเหล่านี้ทำให้มีบรรยากาศที่เหมาะแก่การพักผ่อนและเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีมุมถ่ายภาพที่สวยงามมากมายให้เก็บภาพความประทับใจอีกด้วย และ Palanla.com ได้รวบรวมมุมสวยถ่ายภาพแลนด์มาร์กยอดนิยมแห่งเมืองโคโลญมาฝากผู้ที่รักการเดินทางท่องเที่ยวและการถ่ายภาพไว้ดังต่อไปนี้
10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
เมืองโคโลญ (Cologne / ชื่อภาษาเยอรมันคือ Köln) เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับที่สี่ของประเทศเยอรมนี รองจากเมืองเบอร์ลิน แฮมเบิร์ก และมิวนิค เมืองโคโลญตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศเยอรมนีในเขตลุ่มแม่น้ำไรน์ จึงมีสภาพภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำ
การเดินทางโดยการใช้ขนส่งสาธารณะในเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
การเดินทางโดยการใช้ขนส่งสาธารณะในเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี Traveling by Public Transportation in Berlin, Germany
การเดินทางโดยการใช้ขนส่งสาธารณะในเมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
เมืองโคโลญเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีเส้นทางของระบบขนส่งสาธารณะครอบคลุมทั่วเมืองทั้งรถไฟและรถประจำทาง โดยการเดินทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจะเป็นรถไฟ เพราะมีความสะดวกสบายและมีสถานีใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ โดยสถานีหลักของเมืองโคโลญคือ สถานีรถไฟกลางโคโลญ (Cologne Central Station)
หอชมเมืองโคโลญไทรแองเกิล เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
หอชมเมืองโคโลญไทรแองเกิล (Cologne Triangle / ชื่อภาษาเยอรมันคือ KölnTriangle) ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามมหาวิหารโคโลญ บริเวณด้านบนอาคารชั้นดาดฟ้าเป็นที่ตั้งของหอชมเมืองที่สามารถชมทัศนียภาพเมืองโคโลญอันสวยงามตราตรึงใจได้ในแบบพาโนรามา ผ่านรั้วกระจกที่มีชื่อสถานที่และภาพสัญลักษณ์กำกับไว้ให้นักท่องเที่ยวรู้จักสถานที่ที่เห็นผ่านกระจกบริเวณนั้นได้อย่างเข้าใจง่ายและรวดเร็ว จัดเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กและสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองโคโลญ
แหล่งช้อปปิ้งชิลเดอร์กัส เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
แหล่งช้อปปิ้งชิลเดอร์กัส (Schildergasse Shopping Centre)เป็นถนนช้อปปิ้งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมืองโคโลญ และยังเป็นหนึ่งในแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมของประเทศเยอรมนีอีกด้วย โดยอาคารที่เป็นจุดเด่นของที่นี่คือห้าง Weltstadthaus ที่ตัวตึกล้อมรอบด้วยกระจกทั้งหลัง และถ้ามองจากด้านบนจะมีรูปทรงเหมือนปลาวาฬแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางแหล่งช้อปปิ้ง ด้านในเป็นที่ตั้งของร้านเสื้อผ้า Peek & Cloppenburg นอกจากนี้ยังมีห้างร้านของสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำมากมายตั้งอยู่ในแหล่งช้อปปิ้งชิลเดอร์กัส อาทิเช่น Galeria Kaufhof, H&M, Zara, Adidas, Tommy Hilfiger และที่พลาดไม่ได้คือ The House of 4711 Original Eau De Cologne แหล่งต้นกำเนิดน้ำหอมชื่อดัง No. 4711 ที่นี่จึงเป็นถนนคนเดินที่ถูกใจนักช้อปปิ้งอีกแห่งหนึ่งของประเทศเยอรมนี
สะพานโฮเอินซอลเลิร์น เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
สะพานโฮเอินซอลเลิร์น (Hohenzollern Bridge / ชื่อภาษาเยอรมันคือ Hohenzollernbrücke) เป็นสะพานข้ามแม่น้ำไรน์ (Rhine River) และเป็นแลนด์มาร์กของเมืองโคโลญเคียงคู่กับมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) สะพานแห่งนี้นอกจากจะเชื่อมพื้นที่กลางเมืองทั้งสองฝั่งแม่น้ำเข้าไว้ด้วยกัน แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของเหล่าคู่รักที่นิยมมาคล้องกุญแจแห่งความรัก (love locks) บริเวณรั้วบนสะพานแห่งนี้อีกด้วย ปัจจุบันมีแม่กุญแจหลากสีหลายขนาดคล้องไว้บริเวณรั้วบนสะพานโฮเอินซอลเลิร์นหลายพันชิ้น บางชิ้นมีการสลักชื่อ ติดสติ๊กเกอร์ และตกแต่งในแบบที่แตกต่างกันจากนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก เป็นอีกสีสันหนึ่งของการท่องเที่ยวเมืองโคโลญในปัจจุบัน
สวนสัตว์เมืองโคโลญ เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
สวนสัตว์เมืองโคโลญ (Cologne Zoological Garden / ชื่อภาษาเยอรมันคือ Zoologische Garten Köln / Kölner Zoo) เป็นสวนสัตว์ที่มีสัตว์มากกว่าหนึ่งหมื่นชีวิตและมากกว่าแปดร้อยสายพันธุ์จากทั่วโลกอาศัยอยู่บนพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่ได้รับการจัดสรรให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมตามถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ชนิดต่างๆ และยังเป็นศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าที่หายากและใกล้สูญพันธุ์อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีส่วนจัดนิทรรศการและการแสดงจากสัตว์แสนรู้ เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเมื่อมาเยือนเมืองโคโลญ
รถไฟเล็กวอลเตอร์บิมเมลบาเนนชมเมืองโคโลญ เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
รถไฟเล็กวอลเตอร์บิมเมลบาเนน (Wolters Bimmelbahnen) เป็นรถไฟขนาดเล็กสีเขียวคาดเหลืองขับเคลื่อนบนถนนแบบไม่ต้องใช้ราง เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย เพราะมีความสะดวกสบายในการเดินทางเที่ยวชมทัศนียภาพสองข้างทางของเมือง มีบรรยายภาษาอังกฤษ และแวะจอดที่สถานที่ท่องเที่ยวหลักในเมืองโคโลญอย่างมหาวิหารโคโลญ พิพิธภัณฑ์ช็อคโกแลต และสวนสัตว์โคโลญ โดยมีสองเส้นทางให้เลือกคือ เส้นทางไปพิพิธภัณฑ์ช็อคโกแลต (Chocolate-Express) ผ่านทางย่านเมืองเก่า และเส้นทางไปสวนสัตว์ (Zoo-Express) โดยทางเลียบแม่น้ำไรน์ โดยทั้งสองเส้นทางจะมีจุดเริ่มต้นที่เดียวกันคือมหาวิหารโคโลญ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อตั๋วรถไฟได้ทั้งแบบเที่ยวเดียวและแบบไปกลับ โดยจุดซื้อตั๋วและขึ้นรถไฟนี้อยู่ที่ศูนย์บริการการท่องเที่ยวเมืองโคโลญ (Cologne Tourist Board Service Centre / ชื่อภาษาเยอรมันคือ KölnTourismus GmbH) ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามมหาวิหารโคโลญ
สถานีรถไฟกลางโคโลญ เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
สถานีรถไฟกลางโคโลญ (Cologne Central Station / ชื่อภาษาเยอรมันคือ Köln Hauptbahnhof) เป็นสถานีหลักของเมืองโคโลญ และเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการรถไฟที่สำคัญที่สุดอีกแห่งหนึ่งในยุโรป เป็นจุดเชื่อมต่อขนส่งสาธารณะหลักที่มีเส้นทางครอบคลุมเมืองหลักๆ ในประเทศเยอรมนี และประเทศอื่นๆ ในแถบยุโรป ในทุกๆ วันจะมีรถไฟมากกว่า 1,300 ขบวนวิ่งให้บริการในเส้นทางระหว่างเมืองโคโลญไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ในประเทศเยอรมนีและในประเทศที่อยู่รอบนอก จุดเด่นของสถานีรถไฟนี้คือมีรถไฟความเร็วสูงให้บริการไปมายังสนามบินโคโลญบอนน์ (Cologne/Bonn Airport station) และเมืองแฟรงค์เฟิร์ตที่สถานี Köln-Deutz railway station ในส่วนของขนส่งสาธารณะท้องถิ่นในก็มีความสะดวกสบายไม่แพ้กัน โดยมีเส้นทางครอบคลุมเขตต่างๆ ของเมืองโคโลญ และมีเวลาเดินรถให้เลือกได้ตามความต้อง
ย่านเมืองเก่าโคโลญ เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
ย่านเมืองเก่าโคโลญ (Cologne Old Town / ชื่อภาษาเยอรมันคือ Altstädter Köln) เป็นเมืองเก่าที่มีอาคารบ้านเรือนเรียงรายอยู่ในตรอกทางเดินที่ปูด้วยหินใกล้กับสวนริมแม่น้ำไรน์และโบสถ์เกรทเซนต์มาร์ติน ด้านในมีโรงเบียร์ ผับ และร้านอาหารมากมายให้นักท่องเที่ยวได้มาลิ้มลองเครื่องดื่มขึ้นชื่ออย่างดราฟท์เบียร์ Kölsch หรืออาหารท้องถิ่นอย่างแซนด์วิช Halver Hahn นอกจากนี้ในบริเวณย่านเมืองเก่าโคโลญยังมีพิพิธภัณฑ์ อนุเสาวรีย์ อนุสรณ์สถานและประติมากรรมอันสวยงามและแปลกตาของน้ำพุ และรูปปั้นต่างๆ อีกด้วย
มหาวิหารโคโลญ เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral / ชื่อภาษาเยอรมันคือ Kölner Dom) ตั้งอยู่กลางเมืองโคโลญ ริมแม่น้ำไรน์ (Rhine River) เป็นโบสถ์นิกายโรมันคาทอลิก สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิก โดดเด่นด้วยหอคอยคู่ตั้งตระหง่านอย่างยิ่งใหญ่ด้วยความสูง 157.38 เมตร ตัดกับเส้นขอบฟ้าที่เป็นฉากหลัง จัดเป็นแลนด์มาร์กของเมืองโคโลญคู่กับสะพานโฮเอินซอลเลิร์น (Hohenzollern Bridge) ที่ทอดข้ามแม่น้ำไรน์ นอกจากนี้มหาวิหารโคโลญยังเป็นที่ประดิษฐานหีบสามกษัตริย์ จึงเป็นหนึ่งในสถานที่แสวงบุญที่สำคัญที่สุดในยุโรป อีกทั้งยังเป็นสถานที่เก็บรวมรวมทรัพย์สมบัติทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย และมีจุดชมวิวพาโนรามาบนหอคอยสูงอันน่าตื่นตาตื่นใจ มหาวิหารโคโลญได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) World Heritage Sites ในปี ค.ศ. 1996
พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตเมืองโคโลญ เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตเมืองโคโลญ (Cologne Chocolate Museum / ชื่อภาษาเยอรมันคือ Schokoladenmuseum Köln) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งเมืองโคโลญ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไรน์ (Rhine River) บริเวณท่าเรือไรโน (Rheinau harbour) ไม่ไกลจากมหาวิหารโคโลญ พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติของช็อกโกแลตตั้งแต่แรกเริ่มจากการปลูกเมล็ดโกโก้ไปจนถึงกระบวนการผลิตช็อกโกแลตในโรงงาน รวมถึงวัฒนธรรมและของสะสมของแต่ละท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับช็อกโกแลตตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน และที่เป็นจุดเด่นที่สุดของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็คือ น้ำพุช็อคโกแลตความสูงราวสามเมตรนอกจากนี้ยังมีส่วนของคาเฟ่และร้านขายช็อกโกแลต ให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองรสชาติของช็อคโกแลตและขนมที่ทำจากช็อคโกแลตอันแสนอร่อยอีกด้
โบสถ์เกรทเซนต์มาร์ติน เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
โบสถ์เกรทเซนต์มาร์ติน (Great St. Martin Church / ชื่อภาษาเยอรมันคือ Kath. Kirche Groß St. Martin) เป็นโบสถ์นิกายโรมันคาทอลิกตั้งอยู่ย่านเมืองเก่าริมแม่น้ำไรน์มาตั้งแต่ยุคกลาง ด้วยสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะโดดเด่น มีหอคอยสี่ทิศล้อมรอบหลังคาโบสถ์ยอดแหลมประดับด้วยไม้กางเขนที่ด้านบน สามารถมองเห็นได้จากริมแม่น้ำไรน์ จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กยอดนิยมของเมืองโคโลญ
กระเช้าลอยฟ้าโคโลญ เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
กระเช้าลอยฟ้าโคโลญ (Cologne Cable Car / ชื่อภาษาเยอรมันคือ Rhein-Seilbahn) เป็นกระเช้าลอยฟ้าข้ามแม่น้ำไรน์ (Rhine River) ไปมาระหว่างฝั่งสวนสัตว์โคโลญทางด้านตะวันตก กับฝั่งสวนสาธารณะไรน์พาร์ค (Rheinpark) ทางด้านตะวันออกเพื่อชมวิวเมืองโคโลญอันน่าประทับใจจากด้านบนกระเช้า เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทุกวัย โดยสามารถเลือกได้ว่าจะขึ้นเที่ยวเดียวหรือไปกลับ กระเช้าเปิดบริการทุกวันตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคมของทุกปี
พิพิธภัณฑ์ลุดวิก เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
พิพิธภัณฑ์ลุดวิก (Museum Ludwig) ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1976 เป็นสถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะสมัยใหม่ (modern art) และยังเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกในเมืองโคโลญที่จัดแสดงศิลปะสมัยใหม่ นอกจากนี้ที่นี่ยังจัดแสดงงานศิลปะแนว Pop art และมีการจัดแสดงภาพเขียน Russian Avant-garde ที่มีอายุอยู่ในช่วงค.ศ. 1906 - ค.ศ. 1930 อีกทั้งยังมีผลศิลปะงานนับร้อยชิ้นของ Pablo Picasso อีกด้วย
10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
เมืองเบอร์ลิน (Berlin) เมืองหลวงของประเทศเยอรมนี (Germany) ชื่อทางการของประเทศคือ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (Federal Republic of Germany) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีจำนวนประชากรมากที่สุดในประเทศ และมากเป็นอันดับสองของสหภาพยุโรปรองจากเมืองลอนดอน ทางด้านสภาพภูมิศาสตร์ ตัวเมืองเบอร์ลินตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ โดยมีลักษณะเป็นพื้นที่ราบลุ่มที่มีแม่น้ำสายหลักคือแม่น้ำชเปร (Spree) ตัดผ่านกลางตัวเมือง หนึ่งในสามของเมืองเป็นพื้นที่สีเขียวอย่างเช่น พื้นที่ป่า สวนสาธารณะ และแม่น้ำคูคลองต่างๆ ทางด้านสภาพภูมิอากาศ เบอร์ลินเป็นเมืองที่มีสภาพอากาศดี มีฤดูร้อนที่อบอุ่น และฤดูหนาวที่ไม่รุนแรง โดยฤดูร้อนจะอยู่ในช่วงเดือนเมษายน ถึง เดือนกันยายน มีอุณหภูมิเฉลี่ยราว 23 องศาเซลเซียส และฤดูหนาวอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม ถึง เดือนมีนาคม มีอุณหภูมิเฉลี่ยราว 3 องศาเซลเซียส มีฝนตกเกือบตลอดปี ซึ่งช่วงที่มีปริมาณน้ำฝนสูงสุดของปีคือช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน ถึง เดือนสิงหาคม
สวนสาธารณะเทียร์การ์เทน เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
สวนสาธารณะเทียร์การ์เทน (Tiergarten) เป็นพื้นที่สีเขียวที่เปรียบเสมือนปอดของเมืองเบอร์ลิน ด้วยพื้นที่ครอบคลุมเนื้อที่ราว 210 เฮคตาร์ (1 เฮคตาร์ เท่ากับ 10,000 ตารางเมตร ดังนั้น 210 เฮคตาร์จึงเท่ากับพื้นที่ราว 2,100,000 ตารางเมตร) ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าไฮด์พาร์ค (Hyde Park) ของเมืองลอนดอนเล็กน้อย เป็นสถานที่ที่ชาวเมืองนิยมมาพักผ่อนหย่อนใจ ขี่จักรยาน เล่นเสก็ตบอร์ด เดินเล่นชมสวน วิ่งออกกำลังกาย นั่งปิกนิกบนสนามหญ้า พายเรือ และเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ในบริเวณสวนตามอัธยาศัย สวนนี้ตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์กลางของเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวหลักอย่างเช่น ประตูบรันเดินบวร์ค (Brandenburg Gate) เสาชัยชนะ (Victory Column) สวนสัตว์เบอร์ลิน (Berlin Zoo) และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเบอร์ลิน (Aquarium Berlin)
จัตุรัสเจนดาร์เมนมาร์ค เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
จัตุรัสเจนดาร์เมนมาร์ค (Gendarmenmarkt) จัดเป็นจัตุรัสที่สวยที่สุดในกรุงเบอร์ลิน และตั้งอยู่ในศูนย์กลางของสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เป็นหนึ่งในบริเวณที่พลุกพล่านคึกคักของเมืองหลวง มีนักท่องเที่ยวมากกว่าล้านคนมาเยือนในแต่ละปี ด้วยทำเลที่นอกจากจะมีทั้งร้านค้า โรงแรม ร้านอาหาร ธนาคาร และห้างสรรพสินค้า และยังเป็นสถานที่รายล้อมด้วยอาคารที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่สวยงาม เช่น อาคารจัดแสดงคอนเสิร์ต (Concert Hall) โบสถ์ฝรั่งเศส (French church) และโบสถ์เยอรมัน (German church) ให้เที่ยวชมและเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในที่จัดงานตลาดคริสต์มาส (Christmas market) ของเมืองเบอร์ลินอีกด้วย
สะพานโอเบอร์บวม เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
สะพานโอเบอร์บวม (Oberbaum Bridge / ชื่อภาษาเยอรมันคือ Oberbaumbrücke) เป็นสะพานข้ามแม่น้ำชเปร (Spree) มีลักษณะเป็นสะพานสองชั้น ชั้นบนเป็นทางรถไฟ ชั้นล่างสำหรับยานพาหนะทั่วไป และมีทางเท้าสำหรับคนสัญจรไปมา โดยสะพานแห่งนี้ได้เชื่อมพื้นที่เขต Friedrichshain ในฝั่งตะวันออก กับเขต Kreuzberg ในฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเข้าไว้ด้วยกัน เหตุผลที่สะพานแห่งนี้นับเป็นจุดแลนด์มาร์กอีกแห่งหนึ่งของเมืองเบอร์ลิน ไม่ใช่เพียงแค่มีทัศนียภาพอันสวยงาม และสถาปัตยกรรมของสะพานที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังเป็นสะพานประวัติศาสตร์ในช่วงการแบ่งแยกเยอรมนีอีกด้วย โดยสะพานโอเบอร์บวมเป็นเขตชายแดนที่เป็นจุดผ่านแดนระหว่างเยอรมนีตะวันออกและตะวันตก ซึ่งให้เฉพาะคนฝั่งตะวันตกผ่านเข้าฝั่งตะวันออกเท่านั้น และหลังการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลินสะพานแห่งนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ในเชิงเอกภาพที่เชื่อมกรุงเบอร์ลินทั้งสองฝั่งให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง
หอส่งสัญญาณโทรทัศน์ เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
หอส่งสัญญาณโทรทัศน์ (TV Tower / ชื่อภาษาเยอรมันคือ Berliner Fernsehturm) สถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์แห่งกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของประเทศเยอรมนี ด้วยความสูงเสียดฟ้าถึง 368 เมตรรวมเสาอากาศจึงเป็นแลนด์มาร์กที่สังเกตเห็นได้ง่ายที่สุดของเมือง และจัดเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในยุโรปที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ด้านบนเป็นที่ตั้งของหอชมเมืองที่ระดับความสูง 203 เมตรที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพในมุมมอง 360 องศารอบเมืองเบอร์ลินและเมืองใกล้เคียงในระยะประมาณ 60 กิโลเมตรในวันที่ท้องฟ้าเปิด ภายในหอคอยยังมีห้องอาหารที่ระดับความสูง 207 เมตรที่จะหมุนรอบตัวเอง 360 องศาภายในเวลาครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ให้แขกที่มาเยือนได้นั่งรับประทานอาหารไปและชมวิวไปพร้อมกัน
ศาลากลางสีแดง เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
ศาลากลางสีแดง (Rotes Rathaus) คือ ศาลากลางประจำเมืองเบอร์ลิน (Berlin City Hall) เป็นทั้งสำนักงานของนายกเทศมนตรี และสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของเมืองเบอร์ลิน ตัวอาคารสร้างด้วยอิฐสีแดงจึงเป็นที่มาของชื่ออาคารว่า Rotes Rathaus (ภาษาเยอรมัน rotes แปลว่า สีแดง และ rathaus แปลว่า ศาลากลาง) ศาลากลางนี้เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่ตั้งอยู่ใกล้กับ Alexanderplatz และ TV Tower ภายในอาคารมีห้องโถงและห้องจัดนิทรรศการที่ตกแต่งอย่างสวยงามหลายห้องไว้สำหรับจัดงานพิธีสำคัญต่างๆ และไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชม
เสาชัยชนะ เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
เสาชัยชนะ (Victory Culumn / ชื่อภาษาเยอรมันคือ Siegessäule) เป็นอนุเสาวรีย์ที่มีความสูง 67 เมตร ด้านบนสุดประดับด้วยรูปปั้นเทพีวิกตอเรียสีทอง ซึ่งเป็นเทพีแห่งชัยชนะในตำนานของกรีกโรมันโบราณ ในอดีตสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะในสงครามของปรัสเซีย ปัจจุบันถือเป็นจุดแลนด์มาร์กยอดนิยมอีกแห่งของเมืองเบอร์ลินที่มีจุดชมวิวแบบพาโนรามา เสาชัยชนะตั้งอยู่ใจกลางสวนสาธารณะเทียร์การ์เทน (Tiergarten) บริเวณเกาะกลางของวงเวียน Der Große Stern (The Great Star) ที่มีถนนห้าสายมาบรรจบกัน ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่นายบารัค โอบามา ได้มากล่าวสุนทรพจน์ในปีค.ศ. 2008 ก่อนที่เขาจะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
อนุสรณ์สถานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
อนุสรณ์สถานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว (Memorial to the Murdered Jews of Europe) เป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างอุทิศแด่เหยื่อชาวยิวกว่าหกล้านคนในเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และให้คนรุ่นหลังรำลึกถึงความหายนะในอดีต ความทรงจำอันน่าเศร้าสลด และยังเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับคนยุคใหม่อีกด้วย สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 19,000 ตารางเมตร ใจกลางกรุงเบอร์ลิน ออกแบบโดย Peter Eisenman สถาปนิกชาวนิวยอร์ก ด้วยการวางแท่งคอนกรีตจำนวน 2,711 แท่งที่มีขนาดความสูงต่ำแตกต่างกันไปบนพื้นที่ที่ลาดเอียงเล็กน้อย โดยมีระยะช่องทางเดินในแต่ละช่อง เมื่อมองเผินๆ โครงสร้างโดยรวมจะคล้ายคลื่นไม่ว่าคุณจะยืนอยู่ตรงไหนก็ตาม โดยสถาปัตยกรรมนี้มีชื่อเรียกว่า Field of Stelae ที่นี่ยังแตกต่างจากอนุสรณ์สถานทั่วไปเพราะไม่มีจุดศูนย์กลางของสถานที่อย่างเช่น รูปปั้น หรือ เสาธง เหมือนอย่างที่อื่น เนื่องจากเป็นการออกแบบเชิงนามธรรม (Abstract) เปิดกว้างให้ผู้ที่มาเยือนตีความความรู้สึกที่สัมผัสได้เอาเอง เช่น บางคนอาจรู้สึกอึดอัด หรือบางคนอาจสัมผัสได้ถึงความไม่มั่นคง ความไม่แน่นอน นอกจากนี้ที่นี่ยังมีศูนย์ข้อมูล (Information Centre) ขนาด 800 ตารางเมตรตั้งอยู่ชั้นใต้ดิน จัดแสดงข้อมูลของเหยื่อ เช่น ชีวประวัติสั้นๆ รวมถึงหลักฐานทางประวัติศาสตร์อย่างเช่น จดหมายอำลา หรือภาพถ่ายของสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์การทำลายล้าง และเนื่องจากศูนย์บริการข้อมูลนี้อาจมีภาพหรือเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนแรง จึงมีการจำกัดอายุผู้เข้าชมสำหรับบุคคลอายุ 14 ปีขึ้นไปเท่านั้น
พระราชวังชาร์ล็อทเทินบวร์ค เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
พระราชวังชาร์ล็อทเทินบวร์ค (Schloss Charlottenburg) เป็นพระราชวังเก่า ครั้งหนึ่งเคยเป็นพระราชวังฤดูร้อน สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมรอคโคโค (Rococo architecture) ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะฝรั่งเศสผสมผสานกับสถาปัตยกรรมบาโรก เป็นการออกแบบตกแต่งที่เน้นความโอ่อ่าและหรูหรา ออกแบบโดยนายสถาปนิกโยฮัน อาร์น็อลท์ เนริง (Johann Arnold Nering) ชื่อของพระราชวังตั้งตามพระนามของพระนางโซฟี ชาร์ล็อท (Sophie Charlotte) พระชายาองค์แรกของพระเจ้าฟรีดริชที่ 3 แห่งนครบรันเดินบวร์คและดยุคแห่งรัฐปรัสเซีย ปัจจุบันเป็นพระราชวังที่งดงามและใหญ่โตที่สุดในกรุงเบอร์ลิน และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนกรุงเบอร์ลินอีกด้วย
รัฐสภาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
รัฐสภาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (German Bundestag / ภาษาเยอรมันคือ Deutscher Bundestag) เป็นที่ประชุมสภาของประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ที่อาคารไรชส์ทาค (Reichstag Building) ในกรุงเบอร์ลิน สิ่งที่น่าสนใจของอาคารไรชส์ทาคแห่งนี้คือโดมแก้วขนาดใหญ่ (Reichstag Dome) ด้านบนสุดของอาคารที่ได้รับการออกแบบอย่างสวยงามและทันสมัย โดยมีระบบกระจกที่สามารถควบคุมแสงและพลังงานความร้อนได้ตามสภาพอากาศ และไม่เพียงแค่สามารถมองเห็นวิว 360 องศาของเมืองเบอร์ลิน แต่ยังสามารถมองเห็นห้องประชุมสภาที่อยู่ด้านล่างได้อีกด้วย นอกจากนี้ภายในโดมแก้วยังมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับรัฐสภาให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ โดยบริเวณโดมเปิดให้เข้าชมฟรีแต่ต้องมีการลงทะเบียนล่วงหน้าในเว็บไซต์ ที่นี่จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของกรุงเบอร์ลินอีกแห่งหนึ่ง
เช็คพอยท์ชาร์ลี เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
เช็คพอยท์ชาร์ลี (Checkpoint Charlie) หรือด่านชาร์ลี แต่เดิมเป็นด่านตรวจเข้าออกพรมแดนระหว่างเยอรมนีตะวันออกและเยอรมนีตะวันตกในช่วงสงครามเย็น (Cold War) ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนนฟรีดริชสตราสเซอ (Friedrichstraße) และซิมเมอร์สตราสเซอ (Zimmerstraße) และยังเป็นบริเวณที่เกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การเผชิญหน้ากันของรถถังอเมริกากับโซเวียตในปี ค.ศ. 1961 ในปัจจุบันเช็คพอยท์ชาร์ลีเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในกรุงเบอร์ลิน โดยมีการจำลองด่าน ธงชาติ ป้ายประกาศ และแผงกระสอบทรายกันกระสุนไว้ตรงที่เดิม พร้อมนักแสดงที่ใส่ชุดทหารประกอบ เพื่อสร้างบรรยากาศในยุคนั้นให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่คึกคักของอาคารร้านค้าสองข้างทางในยุคนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับการแต่งนวนิยายแนวสืบสวนชื่อดังอย่างเช่นเรื่อง James Bond in Octopussy ไปจนถึง The Spy Who Came In From The Cold
ประตูบรันเดินบวร์ค เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
ประตูบรันเดินบวร์ค (Brandenburg Gate / ภาษาเยอรมันคือ Brandenburger Tor) เป็นประตูเมืองเก่าที่ปัจจุบันเป็นแลนด์มาร์กขนาดใหญ่ใจกลางเมืองเบอร์ลิน และเป็นฉากหลังของประวัติศาสตร์สำคัญมากมายมานับร้อยปี ไม่ว่าจะเป็นในยุคสงคราม ยุคแบ่งแยกประเทศ จนถึงวันรวมชาติเยอรมนี จึงได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งเอกภาพและสันติภาพ สร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่17 ตามพระราชโองการของพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 2 แห่งปรัสเซีย (Friedrich Wilhelm II, Emperor of Prussia) ออกแบบโดย คาร์ล ก็อทท์ฮาร์ด แลงฮานส์ (Carl Gotthard Langhans) โดยใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมกรีกโรมันโบราณ (Neoclassical Architecture) ให้มีลักษณะคล้ายกับประตูเอเธนส์ (Athens) โดยประกอบด้วยเสาหินทราย ขนาดใหญ่ ฝั่งละ 6 ต้น รวม จำนวน 12 ต้น มีทางเข้าออก 5 ทาง ด้านบนของประตูประดับด้วยประติมากรรมควอดริกา (Quardriga) เป็นรูปปั้นของเทพีวิกตอเรีย (Victoria) เทพีแห่งชัยชนะของโรมัน ประทับอยู่บนราชรถเทียมม้าสี่ตัว ประตูแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของกรุงเบอร์ลิน
เบอร์ลินวอลเมมโมเรียล เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
เบอร์ลินวอลเมมโมเรียล (Berlin Wall Memorial หรือในภาษาเยอรมันคือ Gedenkstätte Berliner Mauer) เป็นอนุสรณ์สถานให้ระลึกถึงเหตุการณ์ครั้งแบ่งแยกประเทศเยอรมนีด้วยกำแพงเบอร์ลิน อนุสรณ์สถานแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของประเทศ ริมถนน Bernauer Strasse (Bernauer Straße) มีความยาว 1.4 กิโลเมตร อนุสรณ์สถานแห่งนี้ประกอบด้วยส่วนของนิทรรศการกลางแจ้งจัดแสดงชิ้นส่วนที่หลงเหลืออยู่ของกำแพงเบอร์ลินพร้อมกับพื้นที่ที่อยู่ลึกไปด้านหลังกำแพงประมาณ 60 เมตรเพื่อถ่ายทอดให้เห็นภาพเรื่องราวในอดีตจนกระทั่งถึงยุคล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน นอกจากนี้ยังมีส่วนของศูนย์การเรียนรู้ที่จัดแสดงข้อมูลและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของกำแพงเบอร์ลินซึ่งช่วยให้ผู้ที่มาเที่ยวชมเข้าใจประวัติศาสตร์ของการแบ่งแยกเยอรมนีได้ง่ายขึ้น และยังมีหอสวด (The Chapel of Reconciliation) ที่สร้างขึ้นบริเวณเดียวกันกับโบสถ์ (Reconciliation Church) ที่ถูกรื้อถอนไปในสมัยก่อน อนุสรณ์สถานแห่งนี้อยู่ในความดูแลของมูลนิธิกำแพงเบอร์ลิน (Berlin Wall Foundation)
เบอร์ลินวอลอีสท์ไซด์แกลเลอรี่ เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
เบอร์ลินวอลอีสท์ไซอีสท์ไซด์แกลลอรี (Berlin Wall East Side Gallery) คือชิ้นส่วนกำแพงที่ยาวที่สุดของกำแพงเบอร์ลินที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ในรูปแบบแกลเลอรี่กลางแจ้ง ตั้งอยู่บนถนนมูห์เลนสตราบ (Mühlenstraße / Mühlenstrasse) ใกล้กับสะพานโอเบอร์บวม (Oberbaum Bridge) แกลเลอรี่กลางแจ้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน ด้วยจำนวนศิลปิน 118 คนจาก 21 ประเทศ ได้ออกแบบผลงานศิลปะลงบนชิ้นส่วนกำแพงขนาดยาว 1.3 กิโลเมตรที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของเขตพรมแดน ให้เป็นแกลเลอรี่กลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลก อนุสรณ์สถานในรูปแบบแกลเลอรี่กลางแจ้งแห่งนี้เป็นทั้งสัญลักษณ์แห่งความสุขในการสิ้นสุดการแบ่งแยกประเทศเยอรมนีและยังเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ให้หวนระลึกถึงความไร้มนุษยธรรมของระบอบการปกครองของเยอรมันตะวันออกในยุคนั้น ปัจจุบันนี้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเบอร์ลิน โดยเปิดตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน และไม่เสียค่าเข้าชม
มหาวิหารเบอร์ลิน เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
มหาวิหารเบอร์ลิน (Berlin Cathedral Church / ภาษาเยอรมันคือ Berliner Dom) เป็นโบสถ์นิกายโปรเตสแตนต์ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเบอร์ลิน ที่นี่เป็นทั้งศาสนาสถานและแลนด์มาร์กของเมือง และยังเคยเป็นคริสตจักรประจำราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น (Hohenzollern dynasty) ราชวงศ์กษัตริย์แห่งปรัสเซียและเยอรมนี ในปัจจุบันที่นี่ยังคงฐานะโบสถ์หลวงและมหาวิหารซึ่งให้บริการคริสตศาสนิกชนนิกายโปรเตสแตนต์ในกรุงเบอร์ลินและพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงเปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชมความสวยงามของมหาวิหารที่ได้รับการออกแบบและตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงและประณีตสวยงามทั้งสถาปัตยกรรมด้านนอกและการตกแต่งภายในโบสถ์ด้วยกระจกโมเสกสีสันสดใส พร้อมทั้งภาพจิตรกรรมที่บอกเล่าเรื่องราวของศาสนาคริสต์ นอกจากนี้ยังมีส่วนห้องใต้ดินที่ใช้เป็นที่เก็บรักษาหีบพระศพของราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น และที่พลาดไม่ได้ก็คือการขึ้นไปยังด้านบนโดม (Cathedral dome) เพื่อชมวิวพาโนรามา 360 องศาอันน่าตื่นตาตื่นใจ มหาวิหารเบอร์ลินจึงจัดเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวเมืองเบอร์ลิน
เบเบลพลัทซ์ เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
จัตุรัสเบเบลพลัทซ์ (Bebelplatz) เป็นจตุรัสสาธารณะที่ล้อมรอบด้วยเหล่าอาคารที่มีสถาปัตยกรรมอันสวยงามและโดดเด่นอย่างเช่น โรงอุปรากรเบอร์ลิน (Berlin State Opera / Deutsche Staatsoper) โบสถ์เซนต์เฮดวิก (St. Hedwig’s Cathedral) นิกายโรมันคาทอลิก โรงแรมโฮเทลเดอโรม (Hotel de Rome) หอสมุดเก่าเบอร์ลิน (Alte Bibliothek) และพระราชวังเก่า (Altes Palais) ด้านหน้าจัตุรัสติดกับถนนอุนเทอร์ เดน ลินเดน (Unter den Linden) ถนนที่มุ่งหน้าสู่ประตูบรันเดินบวร์ค (Brandenburg Gate) นอกจากสถาปัตยกรรมอันสวยงามของอาคารที่ล้อมรอบ ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เยอรมนีอีกด้วย
จัตุรัสอเล็กซานเดอร์พลัทซ์ เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
จตุรัสอเล็กซานเดอร์พลัทซ์ (Alexanderplatz) หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกสั้นๆ ว่า อเล็กซ์ (Alex) เป็นจัตุรัสกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเยอรมนี เป็นสถานที่ที่มีความคึกคักและพลุกพล่านแห่งหนึ่งของกรุงเบอร์ลิน มีจำนวนผู้คนสัญจรไปมากว่าสามแสนคนต่อวัน เพราะเป็นศูนย์กลางทางตะวันออกของกรุงเบอร์ลินและเป็นจุดเชื่อมต่อขนส่งสาธารณะแห่งใหญ่ที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถราง และรถประจำทาง ที่นี่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านค้า โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร และในละแวกนั้นยังมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ในระยะที่สามารถเดินท่องเที่ยวได้ อย่างเช่น หอกระจายภาพโทรทัศน์ (TV Tower) ที่ว่าการเมืองสีแดง (Rotes Rathaus) และมหาวิหารเบอร์ลิน (Berlin Cathedral) เป็นต้น จัดได้ว่าเป็นจุดนัดพบและจุดศูนย์กลางในการเริ่มต้นท่องเที่ยวเมืองเบอร์ลิน นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่อยู่เสมอ และมี Christmas market ในช่วงปลายปีอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์อัลเทอ เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
พิพิธภัณฑ์อัลเทอ (Alte Museum) หรือหอศิลป์แห่งชาติหลังเก่า (Old National Gallery / ภาษาเยอรมันคือ Alte Nationalgalerie) ของกรุงเบอร์ลิน สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งที่สามในจำนวนห้าพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นบนเกาะพิพิธภัณฑ์ (Museum Island / Museumsinsel) กลางแม่น้ำชเปร (Spree) ตัวอาคารถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับวิหาร บริเวณด้านบนของบันไดด้านหน้าที่ทอดยาวขึ้นสู่ตัวพิพิธภัณฑ์มีพระบรมรูปทรงม้าของกษัตริย์ฟรีดริชวิลเฮ็ล์มที่ 4 (King Friedrich Wilhelm IV) ตั้งอยู่รับกับตัวอาคารที่เป็นฉากหลังอย่างสง่างาม ภายในจัดแสดงผลงานศิลปะโบราณในช่วงสมัยศตวรรษที่17-19 อันมีชื่อเสียง อาทิเช่น ภาพเขียนของ Adolph Menzel รูปปั้นคู่ของ Princesses Luise และ Friederike of Prussia โดยฝีมือของ Johann Gottfried Schadow ภาพเขียนสีน้ำมันชื่อ Monk by the Sea โดย Caspar David Friedrich ศิลปินชาวเยอรมัน และภาพเขียนสีน้ำมันชื่อ In Summer โดย Pierre-Auguste Renoir เป็นต้น
พิพิธภัณฑ์นอยเอส เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
พิพิธภัณฑ์นอยเอส (Neues Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งที่สองที่ถูกสร้างขึ้นบนเกาะพิพิธภัณฑ์ (Museum Island / Museumsinsel) กลางแม่น้ำชเปร (Spree) ในกรุงเบอร์ลิน ปัจจุบันที่นี่จัดแสดงของล้ำค่าหาชมได้ยากกว่า 9,000 ชิ้น โดยแบ่งออกเป็นสามโซน ได้แก่ ผลงานศิลปะและของสะสมของชาวอียิปต์โบราณ สิ่งของโบราณที่มีอายุก่อนประวัติศาสตร์ และผลงานศิลปะของกรีกโรมันโบราณ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นับเป็นชิ้นส่วนสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ได้จากการสำรวจพบจากดินแดนของยุโรป และดินแดนตะวันออกกลางในอดีต บางส่วนมีอายุตั้งแต่ก่อนยุคหินไปจนถึงยุคกลาง ตัวอย่างสิ่งที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเช่น ประติมากรรมจำลองราชินีเนเฟอร์ตีติ (Nefertiti Bust) รูปสลักกรีนเฮด (Green Head) จารึกต่างๆ บนกระดาษปาปิรุส (Papyrus texts) จากดินแดนอียิปต์โบราณ รวมถึงสิ่งที่เก่าแก่ที่สุดอย่างขวานโบราณอายุ 700,000 ปีจากยุคหินเก่า เรียกได้ว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นแหล่งรวบรวมวิวัฒนาการทางด้านศิลปะ และสถาปัตยกรรมของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัยจากดินแดนเกือบทั่วโลกเอาไว้ในที่เดียว
พิพิธภัณฑ์อัลเทส เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
พิพิธภัณฑ์อัลเทส (Altes Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์เก่าแก่ และเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกในจำนวนห้าพิพิธภัณฑ์ ที่ถูกสร้างขึ้นบนเกาะพิพิธภัณฑ์ (Museum Island / ภาษาเยอรมันคือ Museumsinsel) กลางแม่น้ำชเปร (Spree) ในกรุงเบอร์ลิน ตัวอาคารมีความอลังการโดดเด่น สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้ที่มาเที่ยวชม เพราะถูกสร้างโดยอิงแบบจากวิหารแพนธีออน (The Pantheon) ในกรุงโรม (Rome) ด้วยสถาปัตยกรรมกรีกโรมันโบราณ (Neoclassical architecture) ในรูปแบบเสาหินขนาดมหึมาจำนวนสิบแปดต้นเรียงรายทอดยาวสร้างความโอ่อ่าให้กับตัวอาคาร รวมถึงขั้นบันไดหินกว้าง และภายในห้องโถงทรงกลมขนาดใหญ่รายล้อมด้วยรูปสลักโบราณ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นแหล่งสะสมโบราณวัตถุอันน่าทึ่งมากมายจากกรีซ (Greece) โรมัน (Roman) และอีทรัสคัน (Etruscan) ในช่วงศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล มีตั้งแต่สมบัติชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่าง เหรียญ เครื่องประดับ แจกัน ไปจนถึงผลงานศิลปะและประติมากรรมขนาดใหญ่ เช่น ผลงานประติมากรรมศีรษะของซีซาร์ (Caesar) และพระนางคลีโอพัตรา (Cleopatra) เป็นต้น พิพิธภัณฑ์อัลเทสได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) ในปีค.ศ. 1993 และเกาะพิพิธภัณฑ์ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) เช่นกันในปีค.ศ. 1999
พิพิธภัณฑ์เพอร์กามอน เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
พิพิธภัณฑ์เพอร์กามอน (Pergamon Museum / Pergamonmuseum) เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งที่ห้าตั้งอยู่บนเกาะพิพิธภัณฑ์ (Museum Island) กลางแม่น้ำชเปร (Spree) ในเมืองเบอร์ลิน พิพิธภัณธ์แห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้ที่หลงใหลในโบราณสถานและโบราณวัตถุ เพราะได้เก็บรักษาและรวบรวมสิ่งที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของตะวันออกโบราณ อิหร่าน คาบสมุทรแถบเอเชียตะวันตก อียิปต์ และดินแดนยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีทั้งโบราณวัตถุและโบราณสถานที่เคยยิ่งใหญ่รุ่งเรืองในยุคหลายร้อยปีก่อนและหลังคริสตกาล บางส่วนผุพังและได้รับความเสียหายไปตามกาลเวลา แต่เมื่อถูกค้นพบ จึงได้รับการบูรณะซ่อมแซมแล้วย้ายมาเก็บรักษาไว้ที่นี่ ตัวอย่างเช่น ประตูเมืองอิชตาร์แห่งนครบาบิโลน (Ishtar Gate of Babylon) แท่นบูชาเพอร์กามอน (Pergamon Altar) อายุ 150 ปีก่อนคริสตกาล ของกรีกโบราณ (ส่วนนี้ปิดปรับปรุงถึงปี 2024) ประตูตลาดมิเลตุส (Market Gate of Miletus) ช่วงศตวรรษที่ 2 หลังคริสตกาลในสมัยโรมัน และกำแพงหินมัชชาตาฟาเคด (Mschatta Façade) หนึ่งในชิ้นส่วนโบราณสถานของปราสาทในทะเลทรายประเทศจอร์แดนที่สะท้อนศิลปะของชาวอิสลามโบราณ ดังนั้นสิ่งที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงนับว่ามีคุณค่ามหาศาล คุ้มค่าต่อการเข้าชม เพราะไม่สามารถหาดูได้จากที่ไหนได้อีก
พิพิธภัณฑ์โบด เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
พิพิธภัณฑ์โบด (Bode Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งที่สี่ในห้าพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ตั้งอยู่บนเกาะพิพิธภัณฑ์ (Museum Island / Museumsinsel) กลางแม่น้ำชเปร (Spree) ใจกลางกรุงเบอร์ลิน ซึ่งเกาะนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) World Heritage Sites ในปี ค.ศ. 1999 พิพิธภัณฑ์โบดตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดบนเกาะพิพิธภัณฑ์ เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากบรรดานักท่องเที่ยวผู้หลงใหลในผลงานศิลปะ เพราะที่นี่จัดแสดงผลงานประติมากรรม ชุดสะสมเหรียญโบราณ และผลงานศิลปะในยุคไบแซนไทน์ (Byzantine Art) ในช่วงศตวรรษที่ 13 ถึง 18 อันเก่าแก่ ทรงคุณค่า และหาดูได้ยากไว้อย่างมากมาย
แท็ก
แท็กท่องเที่ยวอื่นๆที่คุณอาจสนใจ