- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และสวนลินเดอร์ฮอฟ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และสวนลินเดอร์ฮอฟ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
- อ่าน (4,752)
- By Webmaster
- 09:30:26 | 27 เม.ย. 2563
พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และสวนลินเดอร์ฮอฟ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
Linderhof Palace and Park, Munich, Germany
พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ พระราชวังเก่าของแคว้นบาวาเรีย
พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และสวนลินเดอร์ฮอฟ (Linderhof Palace and Park) ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ทางตอนใต้ของรัฐบาวาเรีย (Bavaria) ไม่ไกลจากเมืองมิวนิค มีความสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมร็อคโคโค ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากพระราชวังแวร์ซายน์ในประเทศฝรั่งเศส ในส่วนของสวนก็ได้จำลองมาจากสวนของแวร์ซายน์เช่นกัน พระราชวังแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในปราสาทของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย (Ludwig II of Bavaria) ที่มีความสวยงามจนกลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กใกล้กับปราสาทนอยชวานสไตน์ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองมิวนิค
แผนที่ตั้ง พระราชวังลินเดอร์ฮอฟและสวนลินเดอร์ฮอฟ (Linderhof Palace and Park) รัฐบาวาเรีย ใกล้กับเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
ประวัติ
พระราชวังลินเดอร์ฮอฟเป็นปราสาทหนึ่งในสามหลังของกษํตริย์ลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย (ปราสาททั้งสามหลังได้แก่ ปราสาทนอยชวานสไตน์ พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และพระราชวังเฮเรินคีมเซ) แม้พระราชวังลินเดอร์ฮอฟจะเป็นปราสาทหลังที่เล็กที่สุดในบรรดาปราสาททั้งสามหลังของพระองค์ แต่ก็เป็นปราสาทเพียงหลังเดียวที่พระองค์ทรงมีโอกาสได้ทอดพระเนตรการก่อสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ในขณะที่ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่
พื้นที่แต่เดิมของปราสาทลินเดอร์ฮอฟนั้นเป็นที่ตั้งของตำหนักเคอนิกเฮาเชน (Königshäuschen) ซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่ล่าสัตว์ที่พระองค์กับพระราชบิดา (กษํตริย์แม็กซิมิเลียนที่ 2) เคยประทับเมื่อทรงล่าสัตว์ด้วยกัน หลังจากที่พระองค์ขึ้นครองราชย์สืบราชสันตติวงศ์ต่อจากพระราชบิดาในปีค.ศ. 1864 พื้นที่บริเวณนี้จึงกลายเป็นมรดกตกทอดมายังพระองค์ด้วยเช่นกัน พระองค์จึงมีรับสั่งให้ทำนุบำรุงและขยายต่อเติมตำหนักเคอนิกเฮาเชนในปีค.ศ. 1869
ต่อมาในปีค.ศ. 1874 มีรับสั่งให้รื้อตำหนักเคอนิกเฮาเชนเพื่อย้ายไปสร้างใหม่ในบริเวณพื้นที่ของสวนลินเดอร์ฮอฟในปัจจุบัน สำหรับพื้นที่เดิมได้รับสั่งให้สร้างพระราชวังลินเดอร์ฮอฟขึ้น ภายใต้การดูแลของสถาปนิก จอร์จ ดอลแมน (Georg Dollmann) โดยใช้สถาปัตยกรรมร็อคโคโค (Rococo Architecture) ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ทรงชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (Louis XIV) และทรงประทับใจในความสวยงามและวิจิตรบรรจงของพระราชวังแวร์ซายน์ในประเทศฝรั่งเศส พระราชวังสร้างแล้วเสร็จในปีค.ศ.1886 ใช้งบประมาณไปทั้งสิ้นราวแปดล้านมาร์ค หรือประมาณสี่ล้านยูโร (Deutsche Mark คือสกุลเงินเยอรมันโบราณ ปัจจุบันข้อมูลจากสหภาพยุโรปกำหนดให้ DM 1.95583 = Euro 1)
ในส่วนของสวนลินเดอร์ฮอฟก็ได้รับแรงบันดาลใจมากจากสวนของพระราชวังแวร์ซายน์ด้วยเช่นกัน โดยย่อส่วนมากจากสวนของแวร์ซายน์และปรับให้พอดีกับพื้นที่บริเวณโดยรอบของพระราชวังลินเดอร์ฮอฟซึ่งเป็นพื้นที่หุบเขาหน้าแคบแต่มีความยาวประมาณ 1.2 กิโลเมตร เริ่มสร้างสวนไล่มาจากทางฝั่งใต้ ประดับด้วยประติมากรรมน้ำพุอันวิจิตรบรรจง และผสมผสานด้วยไม้ประดับ พืชสน และพืชที่ขึ้นบนเทือกเขาเข้าไว้ด้วยกัน
สวนนี้ดูแลการออกแบบโดย Carl von Effner เป็นนักออกแบบสวนจากตระกูลเก่าแก่ มีผลงานการออกแบบสนามและสวนของราชวงศ์วิทเทิลแบช และได้รับพระราชทานโอกาสจากกษัตริย์แม็กซิมิเลียนที่ 2 ให้ไปศึกษาต่อด้านการออกแบบสวนยังเมืองที่มีสวนอันมีชื่อเสียงอย่างเช่นเมืองเวียนนา พอสดัม เจนีวา และปารีส ผลงานการออกแบบสวนลินเดอร์ฮอฟของเขาถูกพระราชหฤทัยกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 เป็นอย่างมาก
ปัจจุบันพระราชวังลินเดอร์ฮอฟเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในเส้นทางเที่ยวชมปราสาทนอกเมืองมิวนิคคู่กับปราสาทนอยชวานสไตน์และหมู่บ้านโอเบอแรมเมอร์เกาที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองมิวนิคนิยมมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก
บริเวณด้านหน้าของตัวอาคารพระราชวัง
สร้างด้วยสถาปัตยกรรมร็อคโคโค
บริเวณสวนลินเดอร์ฮอฟในช่วงฤดูหนาว
สวนลินเดอร์ฮอฟกับฉากหลังของเทือกเขาแอลป์
ซุ้มสีเขียวคือ Music Pavilion ภายในสวนลินเดอร์ฮอฟ
บรรยากาศพื้นที่บริเวณ Music Pavilion
ประติมากรรมรูปสลักที่ตกแต่งอยู่บริเวณรอบนอกตัวอาคารพระราชวัง (รูปซ้าย) โบสถ์เล็กๆ ภายในสวนลินเดอร์ฮอฟ (รูปขวา)
บรรยากาศภายในสวนลินเดอร์ฮอฟในช่วงฤดูหนาว
บริเวณโรงแรมที่พักใกล้กับพระราชวัง
การเดินทางจากสนามบินมิวนิค (Munich International Airport / Flughafen München) ไปยังสถานีรถไฟกลางมิวนิค (Munich Hauptbahnhof (Main Station))
- รถยนต์ (Car) จาก Munich International Airport ไปยัง Munich Hauptbahnhof (Main Station) มีระยะทางประมาณ 40.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 36 นาที
- รถประจำทาง (Bus) จาก Munich International Airport ไปยัง Munich Hauptbahnhof (Main Station) สามารถใช้บริการรถบัส LH-Bus เป็นรถบัสด่วนของ Autobus Oberbayern ออกทุก 15 นาที
- รถไฟ (Train) จาก Munich International Airport ให้ขึ้นรถไฟสาย S ไปลงที่สถานี Munich Hauptbahnhof (Main Station) ใช้เวลาโดยรวมประมาณ 47 นาที
การเดินทางจากสถานีสถานีรถไฟกลางมิวนิค (Munich Hauptbahnhof (Main Station)) ไปยังพระราชวังลินเดอร์ฮอฟและสวนลินเดอร์ฮอฟ (Linderhof Palace and Park)
- รถยนต์ (Car) จาก Munich Hauptbahnhof (Main Station) ไปยัง Linderhof Palace and Park มีระยะทางประมาณ 96 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 13 นาที
- รถประจำทาง (Bus) จาก Munich Hauptbahnhof (Main Station) ไปยัง Linderhof Palace and Park ให้ขึ้นรถรางสาย RB ไปลงที่ Garmisch-Partenkirchen แล้วไปต่อรถประจำทางสาย 9606 ไปลงที่ Eugen-Papst-Strasse, Oberammergau แล้วต่อรถประจำทางสาย 9622 ไปลงยัง Linderhof Schloss, Ettal และเดินต่อไปยัง Linderhof Palace and Park อีก 400 เมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 13 นาที
ข้อแนะนำในการเดินทาง เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวอยู่บนภูเขานอกตัวเมือง ถ้าต้องการความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทางสามารถซื้อบริการทัวร์ได้จากศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวหรือจากโรงแรมที่พักที่น่าเชื่อถือได้ตามต้องการ
เวลาทำการเปิด-ปิด
เดือนเมษายน ถึง 15 ตุลาคม เวลา 9:00 น. – 18:00 น.
16 คุลาคม ถึง เดือนมีนาคม เวลา 10:00 น. – 16:30 น.
ปิดวันที่ 1 มกราคม และวันที่ 24 - 25 และ 31 ธันวาคม
ตัวพระราชวังลินเดอร์ฮอฟมีพื้นที่เพียง 30 x 27 เมตร
อัตราค่าเข้าชม
ตั๋วเข้าชมพระราชวังและสวนราคา 8.50 Euro
ตั๋วเข้าชมสวนของพระราชวังเพียงอย่างเดียวราคา 5 Euro
เด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี เข้าชมฟรี
หมายเหตุ : ภายในห้ามถ่ายรูป / ภายนอกห้ามใช้โดรน
ป้ายแผนที่ข้อมูลภายในสวนลินเดอร์ฮอฟ
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนเดือนเมษายน ถึง เดือนกันยายน
นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยว พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และสวนลินเดอร์ฮอฟ สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และสวนลินเดอร์ฮอฟ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
(Linderhof Palace and Park, Munich, Germany)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ตั๋วเข้าชมพระราชวังและสวนราคา 8.50 Euro
ตั๋วเข้าชมสวนของพระราชวังเพียงอย่างเดียวราคา 5 Euro
เด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เดือนเมษายน ถึง 15 ตุลาคม เวลา 9:00 น. – 18:00 น.
16 คุลาคม ถึง เดือนมีนาคม เวลา 10:00 น. – 16:30 น.
ปิดวันที่ 1 มกราคม และวันที่ 24 - 25 และ 31 ธันวาคม
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
โทรศัพท์ : (+49) 8822 9203-0
เว็บไซต์ : www.linderhof.de
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/th/de/germany-weather
เว็บไซต์ทางการของเมืองมิวนิค https://www.muenchen.de
เว็บไซต์ท่องเที่ยวของเมืองมิวนิค https://www.munich.travel/en
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อรวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ