- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก และสวนนิมเฟนเบิร์ก เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก และสวนนิมเฟนเบิร์ก เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
- อ่าน (5,904)
- By Webmaster
- 17:40:18 | 24 เม.ย. 2563
พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก และสวนนิมเฟนเบิร์ก เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
Nymphenburg Palace and Park, Munich, Germany
พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก และคลอง Central Canal ภายในสวนนิมเฟนเบิร์ก
พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก และสวนนิมเฟนเบิร์ก (Nymphenburg Palace and Park) ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองมิวนิค แต่เดิมเป็นพระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์บาวาเรียมาหลายศตวรรษ ภายในแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ บริเวณพระราชวังและพิพิธภัณฑ์ (Nymphenburg Palace with Marstallmuseum) พิพิธภัณฑ์เครื่องลายคราม (Nymphenburg Porcelain Museum) และบริเวณสวนของพระราชวัง (Nymphenburg Park Pavilions) ตัวพระราชวังและสวนได้รับการออกแบบและตกแต่งแบบผสมผสานในสไตล์ฝรั่งเศสและอังกฤษ จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในศูนย์รวมแบบอย่างงานศิลป์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กยอดนิยมของเมืองมิวนิคที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชม
แผนที่ตั้งพระราชวังนิมเฟนเบิร์ก และสวนนิมเฟนเบิร์ก (Nymphenburg Palace and Park) เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
ประวัติ
พระราชวังนิมเฟนเบิร์กเป็นพระราชวังฤดูร้อนที่สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1662 เพื่อต้อนรับการประสูติขององค์รัชทายาทแม็ก เอ็มมานูแอล (Max Emanuel) ผู้เป็นพระราชโอรสในเจ้านครรัฐผู้คัดเลือกแห่งอาณาจักรบาวาเรีย เฟอร์ดินันด์ มาเรีย (Bavarian Elector Ferdinand Maria) กับพระนางเฮนเรียต อเดลเลด แห่งซาวอย (Henriette Adelaide of Savoy) หลังจากการรอคอยอย่างยาวนานมาถึงสิบปีตั้งแต่อภิเษกสมรส
ต่อมาเมื่อองค์รัชยาทายาทขึ้นครองราชย์เป็น เจ้านครรัฐผู้คัดเลือกแห่งอาณาจักรบาวาเรีย แม็กซ์ เอ็มมานูเอล (ในช่วงปีค.ศ. 1680 - ค.ศ. 1726) พระองค์จึงมีพระประสงค์ให้ขยับขยายพระราชวังออกไปทางด้านเหนือและด้านใต้ การก่อสร้างได้เริ่มขึ้นในปีค.ศ. 1701 โดยนายสถาปนิกเฮนรีโค ซัคแคลลี (Henrico Zuccalli) แต่การก่อสร้างก็มีเหตุต้องหยุดชะงักไปในช่วงปีค.ศ.1704 ถึง ค.ศ.1715 เนื่องด้วยสงครามสืบราชบัลลังก์สเปน (Spanish War of Succession) ที่พระองค์ต้องเสด็จไปทรงงานนอกอาณาจักรบาวาเรียอยู่หลายปี
เมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับมายังเมืองมิวนิคในปีค.ศ. 1715 พระองค์ทรงพาศิลปินชาวฝรั่งเศสหลายคนกลับมาด้วย เพื่อสานต่อการขยายพระราชวังออกไปในรูปแบบฝรั่งเศสที่นำสมัยที่สุดในยุคนั้น ภายใต้การร่วมงานกับนายสถาปนิกโจเซฟ เอฟเนอร์ (Joseph Effner) และโดมินิก จีราร์ด (Dominique Girard) ศิลปินนักออกแบบสวน ในส่วนของทัศนียภาพที่มองจากด้านในแกลเลอรี่ของพระราชวังนิมเฟนเบิร์กนั้นดูแลโดยนายฟรังซ์ โจชิม เบช (Franz Joachim Beich) และนายโจแอน แบพทิสท์ ชิมเมอร์แมนน์ (Johann Baptist Zimmermann) ผู้ดูแลงานปูนปั้นฝีมือเอก ด้วยเหตุนี้พระราชวังจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางงานศิลป์ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป
ต่อมาเมื่อเข้าสู่รัชสมัยของเจ้านครรัฐผู้คัดเลือกแห่งอาณาจักรบาวาเรีย แม็กซิมิเลียนที่ 3 โจเซฟ (Bavarian Elector Maximilian III Joseph) ในช่วงปีค.ศ.1745 ถึง ค.ศ. 1777 พระราชวังนิมเฟนเบิร์กก็ได้รับการตกแต่งเพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนของ Great Hall ที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามมาจนถึงบัดนี้ นอกจากนี้ในส่วนของสวนก็ได้รับการปรับภูมิทัศน์ใหม่ด้วยเช่นกัน มีการออกแบบใหม่ และตกแต่งด้วยรูปปั้นเทพเจ้าแห่งโอลิมปัสตามตำนานของเทพปกรณัมกรีก
ต่อมาเมื่อเข้าสู่รัชสมัยของเจ้านครรัฐผู้คัดเลือกแห่งอาณาจักรบาวาเรีย คาร์ล ธีโอดอร์ (Bavarian Elector Karl Theodor) ในช่วงปีค.ศ. 1777 ถึง ค.ศ. 1799 พระองค์ทรงมีรับสั่งให้ขยายส่วนแกลเลอรี่ให้กว้างขึ้น เพื่อรองรับการสร้างห้องใหม่ที่เพิ่มขึ้น และได้เปิดพระราชวังนิมเฟนเบิร์กให้สาธารณะได้เข้าชม
เมื่อถึงยุคปลายศตวรรษที่ 18 เมื่ออาณาจักรบาวาเรียได้กลายเป็นแคว้นบาวาเรีย ในรัชสมัยของกษัตริย์แม็กซิมิเลียนที่ 1 โจเซฟ (King Maximilian I Joseph) พระองค์ได้มีพระประสงค์ให้ออกแบบบางห้องภายในพระราชวังนิมเฟนเบิร์กใหม่ และตกแต่งด้วยเครื่องเรือนชั้นสูงในสไตล์นีโอคลาสสิก สำหรับในส่วนของสวนของพระราชวังก็ได้มีการเปลี่ยนจากสไตล์ฝรั่งเศสมาเป็นสวนภูมิทัศน์สไตล์อังกฤษ
นอกจากนี้ พระราชวังนิมเฟนเบิร์กนั้นเป็นสถานที่ที่กษัตริย์แม็กซิมิเลียนที่ 1 สิ้นพระชนม์ในปีค.ศ. 1825 และยังเป็นสถานที่ที่กษัตริย์ลุดวิกที่ 2 (King Ludwig II) ประสูติในปีค.ศ. 1845 อีกด้วย ซึ่งนอกจากเป็นสถานที่ที่ทรงคุณค่าทางด้านศิลปะและสถาปัตยกรรมแล้ว ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของราชวงศ์บาวาเรียมาหลายยุคหลายสมัย ปัจจุบันพระราชวังนิมเฟนเบิร์กจึงเป็นอีกหนึ่งพระราชวังเก่าที่ควรมาเที่ยวชมเมื่อมาเยือนเมืองมิวนิค
บริเวณสวนสไตล์อังกฤษของพระราชวังนิมเฟนเบิร์ก
สวนนิมเฟนเบิร์กมีพื้นที่ประมาณ 180 เฮคตาร์ หรือประมาณ 1.8 ตารางกิโลเมตร
ตัวอาคารฝั่งทิศเหนือของพระราชวัง
บริเวณปีกอาคารพระราชวัง
อาคาร Court Stables
คลองขุดบริเวณรอบพระราชวัง
ทัศนียภาพโดยรอบ
คลองรอบนอกพระราชวัง
บึงกลางสวนนิมเฟนเบิร์ก และความสวยงามของธรรมชาติโดยรอบ
ห่านสายพันธุ์แคนาดา (Canada goose) เป็นหนึ่งในสัตว์ตัวน้อยที่อาศัยอยู่ในสวนนิมเฟมเบิร์ก
บริเวณภายในห้องโถงใหญ่ (The Great Hall) ภาพเขียนขนาดใหญ่ด้านบนเพดานเป็นภาพจำลองสรวงสวรรค์แห่งโอลิมเปียน เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ
การตกแต่งภายในห้องโถงเป็นแบบร็อคโคโค
ภาพเขียนตรงกลางคือภาพของของกษัตริย์แม็กซิมิเลียน วาดโดย Joseph Vivien ภายในห้อง North Salettl (antechamber) ที่ตกแต่งภายในแบบฝรั่งเศส
ห้องทรงงาน (Writing Cabinet) ที่ได้รับการตกแต่งใหม่ในแบบร็อคโคโคในปีค.ศ. 1764
แกลเลอรี่รวมภาพหญิงงามแห่งเมืองมิวนิคของกษัตริย์ลุดวิกที่ 1 (King Ludwig I's Gallery of Beauties)
ภาพวาดหญิงงามจากทุกชนชั้นในสังคม วาดโดย Joseph Stieler
ห้องบรรทมภายในพระราชวัง ภาพเขียนด้านบนเตาผิงเป็นภาพกษัตริย์แม็กซิมิเลียนเมื่อครั้งเสด็จกลับจากฝรั่งเศสในปีค.ศ. 1715 วาดโดย François Roettier
ห้องรับรองแขกผู้มาเข้าเฝ้าราชินี (Queen's audience room) สร้างขึ้นในสมัยราชินีแคโรลีน (Queen Caroline) เครื่องเรือนทำจากไม้มะฮอกกานีจากฝรั่งเศส
การเดินทางจากสนามบินมิวนิค (Munich International Airport / Flughafen München) ไปยังสถานีรถไฟกลางมิวนิค (Munich Hauptbahnhof (Main Station))
- รถยนต์ (Car) จาก Munich International Airport ไปยัง Munich Hauptbahnhof (Main Station) มีระยะทางประมาณ 40.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 36 นาที
- รถประจำทาง (Bus) จาก Munich International Airport ไปยัง Munich Hauptbahnhof (Main Station) สามารถใช้บริการรถบัส LH-Bus เป็นรถบัสด่วนของ Autobus Oberbayern ออกทุก 15 นาที
- รถไฟ (Train) จาก Munich International Airport ให้ขึ้นรถไฟสาย S ไปลงที่สถานี Munich Hauptbahnhof (Main Station) ใช้เวลาโดยรวมประมาณ 47 นาที
การเดินทางจากสถานีสถานีรถไฟกลางมิวนิค (Munich Hauptbahnhof (Main Station)) ไปยังพระราชวังนิมเฟนเบิร์กและสวนนิมเฟนเบิร์ก (Nymphenburg Palace and Park)
- รถยนต์ (Car) จาก Munich Hauptbahnhof (Main Station) ไปยัง Nymphenburg Palace and Park มีระยะทางประมาณ 4.9 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 นาที
- รถไฟ (Train) จาก Munich Hauptbahnhof (Main Station) ให้ขึ้นรถไฟสาย S ไปลงสถานี Laim และเดินต่อไปยัง Nymphenburg Palace and Park อีกประมาณ 800 เมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรวมประมาณ 18 นาที
เวลาทำการเปิด-ปิด
เปิดทุกวัน
ปิดวันที่ 1 มกราคม วัน Shrove Tuesday และวันที่ 24-25/31 ธันวาคม
รายละเอียดเวลาทำการในส่วนต่างๆ ของพระราชวังนิมเฟนเบิร์ก
พระราชวังและพิพิธภัณฑ์ (Palace and Museum)
- เดือนเมษายน ถึง 15 ตุลาคม 9:00 น. - 18:00 น.
- 16 ตุลาคม ถึง มีนาคม 10:00 น. - 16:00 น.
สวนพระราชวัง (Park Pavilions)
- เดือนเมษายน ถึง 15 ตุลาคม 9:00 น. - 18:00 น.
- 16 ตุลาคม ถึง มีนาคม ปิดให้เข้าชม
บริเวณน้ำพุ (Fountains)
- วันอีสเทอร์ - ต้นเดือนตุลาคม 10:00 น. - 16:00 น.
ล่องเรือกอนโดล่าในคลองสายหลัก (Gondola Rides on the Central Canal)
- เดือนเมษายน ถึง กลางเดือนตุลาคม เปิดบริการทุกวันในช่วงที่สภาพอากาศดี
บริเวณห้องโถงใหญ่ (The Great Hall)
อัตราค่าเข้าชม
- ตั๋วเข้าชมพระราชวังนิมเฟนเบิร์ก ราคา 8 Euro
- ตั๋วเข้าชมสวนของพระราชวัง ราคา 5 Euro
- ตั๋วรวมค่าเข้าชมพระราชวัง พิพิธภัณฑ์ และสวน ช่วงวันที่ 1 เมษายน ถึง 15 ตุลาคม ราคา 15 Euro
- ตั๋วรวมค่าเข้าชมพระราชวังและพิพิธภัณฑ์ ช่วงวันที่ 16 ตุลาคม ถึง 31 มีนาคม ราคา 12 Euro (ฤดูหนาวสวนปิดให้เข้าชม)
- เด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี เข้าชมฟรี
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายน ถึง ช่วงต้นเดือนตุลาคม เพราะเป็นช่วงเวลาที่สวนนิมเฟนเบิร์กเปิดให้เข้าชม เนื่องจากมีสภาพอากาศที่เหมาะสม
นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยว พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก และสวนนิมเฟนเบิร์ก สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก และสวนนิมเฟนเบิร์ก เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
(Nymphenburg Palace and Park, Munich, Germany)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : - ตั๋วเข้าชมพระราชวังนิมเฟนเบิร์ก ราคา 8 Euro
- ตั๋วเข้าชมสวนของพระราชวัง ราคา 5 Euro
- ตั๋วรวมค่าเข้าชมพระราชวัง พิพิธภัณฑ์ และสวน ช่วงวันที่ 1 เมษายน ถึง 15 ตุลาคม ราคา 15 Euro
- ตั๋วรวมค่าเข้าชมพระราชวังและพิพิธภัณฑ์ ช่วงวันที่ 16 ตุลาคม ถึง 31 มีนาคม ราคา 12 Euro (ฤดูหนาวสวนปิดให้เข้าชม)
- เด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน ปิดวันที่ 1 มกราคม วัน Shrove Tuesday และวันที่ 24-25/31 ธันวาคม
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
โทรศัพท์ : (+49) 89 17908-0
เว็บไซต์ : www.schloss-nymphenburg.de
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/th/de/germany-weather
เว็บไซต์ทางการของเมืองมิวนิค https://www.muenchen.de
เว็บไซต์ท่องเที่ยวของเมืองมิวนิค https://www.munich.travel/en
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อรวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ