- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- 25 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
25 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
- อ่าน (4,246)
- By Webmaster Webmaster
- 10:00:15 | 30 ม.ค. 2567
25 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
Top 25 Travel Destinations in Kyoto, Japan
เกียวโต (Kyoto) มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เพราะเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่นมาก่อน ที่นี่จึงเต็มไปด้วยร่องรอยของความเจริญรุ่งเรืองในอดีต ไม่ว่าจะเป็นวัดและศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีความสวยงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ทั้งยังเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง Palanla ได้รวบรวม 25 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเกียวโตมาให้ในบทความนี้
แผนที่แสดงตำแหน่งของ 25 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเกียวโต
1. หอคอยเกียวโต (Kyoto Tower)
หอคอยเกียวโต หอคอยความสูง 328 ฟุตโครงสร้างสีแดงและสีขาวที่เป็นเสมือนแลนด์มาร์กของเมืองเกียวโต เป็นผลงานการออกแบบของสถาปนิกคือ มาโมรุยามาดะ ซึ่งออกแบบรูปร่างและสีโดยรวมของหอคอยให้คล้ายกับเทียนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมกับโครงสร้างที่ทนต่อแผ่นดินไหวและพายุไต้ฝุ่นขนาดใหญ่ หอคอยแห่งนี้เปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 1964 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับการเปิดตัวรถไฟชินคันเซ็นและงานโอลิมปิกกรุงโตเกียว ภายในนอกจากจะมีจุดชมวิวเมืองที่สวยงามแบบ 360 องศาแล้ว ยังประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้าเกียวโตทาวเวอร์ซานโดะ โรงแรมเกียวโตทาวเวอร์ สปา ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว และอื่นๆ อีกมากมาย
การเดินทาง : หอคอยเกียวโต ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของสถานีเกียวโต ซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมหลักของเมือง เพียงออกจากประตู Karasuma Central แล้วข้ามถนนหรือใช้ทางเดินใต้ดินเพื่อเข้าสู่หอคอย
เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09.00 - 21.00 น.
พิกัด GPS : 34°59'14.8"N 135°45'32.7"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หอคอยเกียวโต ได้ที่ : https://www.palanla.com/th/abroadLocation/detail/2386
2. วัดชิออนอิน (Chionin Temple)
วัดชิออนอิน ตั้งอยู่ในย่านฮิกาชิยาม่า ในเกียวโต เป็นวัดศูนย์กลางของพุทธศาสนานิกายโจโด สร้างขึ้นโดยลูกศิษย์ของภิกษุโฮเน็น ผู้ก่อตั้งนิกายโจโด ปี ค.ศ. 1234 ซึ่งเป็นนิกายที่มีชาวญี่ปุ่นนับถือมากที่สุด วัดแห่งนี้ยังสร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่พระภิกษุโฮเน็น ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งนิกายโจโดอีกด้วย สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัดล้วนสร้างขึ้นให้มีความใหญ่โต สะท้อนให้เห็นถึงพลังความศรัทธาในนิกายโจโดของชาวญี่ปุ่น ทั้งประตูซานมอน (Sanmon Gate) ประตูทางเข้าวัดที่มีความสูง 24 เมตร กว้าง 50 เมตร ที่สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1619 และถือเป็นประตูซานมอนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุคนั้น รวมถึงระฆังยักษ์ (Temple Bell) ซึ่งสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1633 มีน้ำหนักถึง 74 ตัน และต้องใช้คนถึง 25 คนเพื่อตีระฆังนี้ให้ดัง
การเดินทาง : - รถไฟ ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Tozai มาลงที่ สถานี Higashiyama จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 700 เมตร
- รถบัส จากจุดขึ้นรถหน้า Kyoto Station โดยสารรถบัส Kyoto City Bus สาย 206 มาลงที่สถานี Chinonin-mae ใช้เวลาเดินทาง 20 นาที เดินต่อจากป้ายรถเมล์ประมาณ 400 เมตร
เวลาทำการเปิด-ปิด : วัดชิออนอินเปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.30 น.
พิกัด GPS : 35°00'19.1"N 135°46'56.4"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดชิออนอิน ได้ที่ : https://www.palanla.com/th/abroadLocation/detail/258
3. ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine)
ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ ตั้งอยู่ที่เขตฟูชิมิ ในเกียวโต เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต ซึ่งเป็นที่รู้จักจากเสาโทริอิจำนวนมากที่วางเรียงรายเป็นแนวยาวตั้งแต่บริเวณศาลเจ้าขึ้นไปบนเนินเขา ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าอินาริ ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการทำกสิกรรม และชาวญี่ปุ่นยังนับถือเทพอินาริในด้านการอุปถัมภ์ค้ำชู ส่งเสริมความเจริญในการงานและการประกอบกิจการต่างๆ มานับตั้งแต่ในสมัยโบราณ แต่เดิมตัวศาลเจ้านั้นสร้างขึ้นบริเวณยอดเขาอินาริยามะ (Inariyama) และในปี ค.ศ. 816 ได้ทำการย้ายลงมาอยู่บริเวณเนินเขาซึ่งเป็นที่ตั้งในปัจจุบัน สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งนอกจากเสาโทริอิของศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริแล้ว คือ สุนัขจิ้งจอก ซึ่งเราสามารถพบเห็นได้ทั้งจากรูปปั้นบริเวณทางเข้าศาลเจ้า การประดับตกแต่งต่างๆ รวมไปถึงเครื่องราง ของที่ระลึกต่างๆ ที่จำหน่ายภายในศาลเจ้า อันมาจากความเชื่อที่ว่าสุนัขจิ้งจอกเป็นผู้นำสารคำขอพรจากมนุษย์ไปถึงเทพเจ้าอินาริ และยังมีตำนานหลายตำนานที่เล่ากันว่าเทพเจ้าอินารินั้นมักจะปรากฏตัวในรูปของสุนัขจิ้งจอกด้วยบ่อยครั้ง
การเดินทาง : - รถไฟ สาย JR Nara ลงที่สถานีรถไฟ JR Inari และสาย Keihan Main Line ลงที่สถานี Fushimi Inari
- รถบัส สาย 南5 (ไม่ใช่สาย 5) ให้บริการตั้งแต่ Kyoto Station และวิ่งผ่านศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ
เวลาทำการเปิด-ปิด : ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
พิกัด GPS : 34°58'01.7"N 135°46'21.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/259
4. อาราชิยาม่า (Arashiyama)
อาราชิยาม่า คือเมืองเล็กๆ ทางฝั่งตะวันตกของกรุงเกียวโตซึ่งเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีธรรมชาติอันสวยงามทั้งแม่น้ำ ภูเขา จนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นหนึ่งในอุทยานประวัติศาสตร์ของชาติญี่ปุ่น พื้นที่แถบอาราชิยาม่าในยุคแรกนั้นมีเพียงวัดจำนวนหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นและกระจายตัวอยู่รอบๆ และเริ่มได้รับการพัฒนาอย่างจริงจังในช่วงยุคเฮอัน จากการที่องค์พระจักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์ต่างๆ ในสมัยนั้นเลือกสร้างวังสำหรับพักผ่อนหย่อนใจในบริเวณนี้ อันเนื่องมาจากความเงียบสงบ และธรรมชาติอันสวยงามและอุดมสมบูรณ์โดยรอบ นอกจากความโดดเด่นด้านธรรมชาติแล้ว อาราชิยาม่ายังเต็มไปด้วยวัดและศาลเจ้าต่างๆ ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับอย่างสูง อาทิเช่นวันเท็นริวจิ ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน 17 สถานที่ในเกียวโตที่ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมอีกด้วย
การเดินทาง : - รถไฟ สาย JR Sagano สามารถเดินทางจาก Kyoto Station หรือจากสถานีอื่นๆ มาลงที่สถานี Saga-Arashiyama หรือรถไฟ Keifuku (Randen) เป็นรถไฟขนาดเล็กแบบมีตู้โดยสารเดียว มีเส้นทางจากบริเวณกลางเมืองเกียวโต ปลายทางสถานี Arashiyama
- รถบัส สาย 11, 28, และ 93 ให้บริการจาก Kyoto Station สู่อาราชิยาม่า
เวลาทำการเปิด-ปิด : เวลาในการเปิด-ปิดทำการของสถานที่ต่างๆบริเวณอาราชิยาม่ามีความแตกต่างกันออกไป
พิกัด GPS : 35°00'33.7"N 135°40'00.1"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อาราชิยาม่า ได้ที่ : https://www.palanla.com/th/abroadLocation/detail/260
5. ป่าไผ่อาราชิยาม่า (Path of Bamboo)
ป่าไผ่อาราชิยาม่า (Path of Bamboo) ตั้งอยู่ในเมืองอาราชิยาม่า ถือเป็นจุดท่องเที่ยวทีมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ด้วยบรรยากาศอันสงบร่มรื่น และความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของแนวต้นไผ่จำนวนมากตลอดสองข้างทาง ต้นไผ่เป็นพรรณไม้ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานควบคู่กับประเทศญี่ปุ่นมาโดยตลอด ทั้งเรื่องของความคงทน และประโยชน์ในการใช้งานอันหลากหลาย ในแต่ละเมืองจึงมีการปลูกป่าไผ่เอาไว้ตามจุดต่างๆเพื่อนำมาใช้งาน โดยในเกียวโตนั้นมีป่าไผ่ใหญ่ๆ ทั้งหมด 4 แห่ง คือป่าไผ่ ในเมืองอาราชิยาม่า ติดกับวัดเท็นริวจิ (Tenryu-ji Temple) ป่าไผ่ในวัดโคโตะอิน (Koto-in Temple) ป่าไผ่ในวัดโคไดจิ (Kodai-ji Temple) และป่าไผ่ในวัดโชเดนจิ (Shoden-ji Temple) หากสังเกตดูจะพบว่าป่าไผ่ในญี่ปุ่นนั้นมักปลูกอยู่ภายในหรือใกล้กับบริเวณวัดเป็นหลัก ซึ่งเหตุผลนั้นมาจากความเชื่อและสัญลักษณ์ของต้นไผ่ที่เป็นตัวแทนของความดี ความงาม และความเป็นสิริมงคล
การเดินทาง : - รถไฟ รถไฟสาย JR Sagano สามารถเดินทางจาก Kyoto Station หรือจากสถานีอื่นๆ มาลงที่สถานี Saga-Arashiyama จากนั้นเดินต่อจากสถานีรถไฟประมาณ 550 เมตรมายังบริเวณด้านหลังของวัดเทนริวจิ จะพบกับทางเข้าป่าไผ่ หรือ รถไฟ Keifuku (Randen) เป็นรถไฟขนาดเล็กแบบมีตู้โดยสารเดียว มีเส้นทางจากบริเวณกลางเมืองเกียวโต ปลายทางสถานี Arashiyama จากนั้นเดินเลี้ยวขวาจากสถานีรถไฟประมาณ 350 เมตร จะพบกับทางเข้าป่าไผ่
- รถบัส สาย 11, 28, และ 93 ให้บริการจาก Kyoto Station สู่อาราชิยาม่า ลงที่ป้าย Nonomiya จะพบกับทางเข้าป่าไผ่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
เวลาทำการเปิด-ปิด : ป่าไผ่อาราชิยาม่าเปิดทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง และไม่มีการเก็บค่าเข้าชม
พิกัด GPS : 35°00'33.7"N 135°40'00.1"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ป่าไผ่อาราชิยาม่า ได้ที่ : https://www.palanla.com/th/abroadLocation/detail/262
6. วัดคินคะคุจิ (วัดทอง) (Kinkakuji (Rokuonji) Temple)
วัดคินคะคุจิ (วัดทอง) เป็นวัดที่เปรียบเสมือนแลนด์มาร์คสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต ด้วยตัวอาคารหลักที่มีสีทองอร่ามโดดเด่น และยังเป็น 1 ใน 17 สถานที่ในเกียวโตที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโกอีกด้วย ที่ตั้งของวัดทองคินคะคุจิในอดีต เป็นคฤหาสน์ของโชกุนอาชิคางะ โยชิมิทสึ ซึ่งมีความประสงค์ในบั้นปลายชีวิตว่าอยากอุทิศพื้นที่คฤหาสน์ของตนให้เป็นวัดในนิกายเซน ครั้นเมื่อโชกุนอาชิคางะได้เสียชีวิตลงในปี ค.ศ.1408 บุตรชายของเขาจึงได้สานต่อเจตนารมณ์นี้ โดยตั้งวัดในนิกายเซนขึ้นมาในชื่อว่า “วัดคินคะคุจิ” และความสวยงามของวัดแห่งนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้หลานชายของโชกุนอาชิคางะ สร้าง “วัดเงิน” หรือวัดกินคาคุจิขึ้นมาคู่กันอีกด้วย วัดคินคะคุจิได้รับความเสียหายหลายต่อหลายครั้งระหว่างศึกสงครามรวมถึงไฟไหม้ในอดีตและได้รับการบูรณะเรื่อยมา โดยอาคารหลักของวัดที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นเกิดจากการก่อสร้างขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 1955
การเดินทาง : - รถบัส สาย 100 และ 206 ลงป้าย Gojo-zaka หรือ Kiyomizu-michi จากนั้นเดินขึ้นเนินไปสู่ตัววัดอีกประมาณ 900 เมตร
เวลาทำการเปิด-ปิด : วัดคินคะคุจิเปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 – 17.00 น.
พิกัด GPS : 35°02'21.8"N 135°43'43.7"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดคินคะคุจิ (วัดทอง) ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/263
7. วัดกินคะคุจิ (วัดเงิน) (Gingakuji Temple)
วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) หรือที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่า “วัดเงินแห่งเกียวโต” เป็นวัดในนิกายเซนถูกสร้างขึ้นโดยโชกุนอาชิคากะ โยชิมาสะ (Ashikaga Yoshimasa) หลานชายของท่านโชกุน ที่สร้างวัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple) หรือที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่าวัดทอง วัดเงินถูกยกให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งเมืองเกียวโต และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ.1994 อาคารของวัดเงินสร้างขึ้นในรูปแบบเดียวกันกับวัดทอง คือเป็นอาคาร 2 ชั้น และมีนกฟินิกซ์อยู่บนหลังคาอาคาร อาณาบริเวณของวัดซึ่งอยู่บนเขายังคงสภาพความเป็นธรรมชาติป่าอย่างสมบูรณ์แบบ มีต้นไม้นานาพรรณ ในแบบสวนญี่ปุ่น เต็มไปด้วยความชุ่มชื้นเย็นสบาย
การเดินทาง : - รถไฟ จากสถานีเกียวโต (Kyoto Station) นั่งรถไฟสาย Kasasuma Line (สีเขียว) ลงที่สถานี Imadegawa Station เพื่อเปลี่ยนไปขึ้นรถประจำทางสาย 203 นั่งไปลงที่ป้ายรถประจำทาง Ginkakujimae Bus Stop แล้วเดินต่ออีกประมาณ 500 เมตร
- รถประจำทาง จากสถานีเกียวโต (Kyoto Station) ให้เดินไปอีกประมาณเล็กน้อยจะเจอป้ายรถประจำทางเกียวโต (Kyoto Ekimae Bus Stop) ขึ้นรถประจำทางสาย 17 หรือ 5 นั่งไปลงที่ป้ายรถประจำทาง Ginkakujimae Bus Stop แล้วเดินต่ออีกประมาณ 500 เมตรก็จะถึงวัดกินคะคุจิ
เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น. ทั้งนี้ในเดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์ จะเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.30 น.
พิกัด GPS : 35°01'37.4"N 135°47'53.7"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดกินคะคุจิ (วัดเงิน) ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/623
8. ย่านกิออน (Gion District)
ย่านกิออนถือเป็นย่านราตรีและสถานที่พักผ่อนสำหรับนักเดินทางที่ผ่านมายังเมืองเกียวโตนับตั้งแต่ในอดีต ควบคู่มากับวัฒนธรรมเกอิชาที่อยู่คู่กับย่านราตรีมาโดยตลอด ปัจจุบันยังมีสำนักเกอิชาหลายสำนักตั้งอยู่ในย่านกิออน ซึ่งยังคงได้รับการสืบทอดเรื่อยมาจนถึงในปัจจุบัน พื้นที่ของย่านกิออนแบ่งออกเป็นสองโซนหลัก โซนแรกที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากคือ Hanami-koji ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนชิโจและวัดเคนนินจิ สองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านชาในสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ และสามารถพบเห็นเกอิชาและไมโกะเดินผ่านไปมาได้ค่อนข้างง่ายดาย ส่วนอีกโซนหนึ่งคือ Shirakawa ซึ่งอยู่เยื้องไปในฝั่งตรงข้าม บรรยากาศของโซนนี้จะค่อนข้างเงียบสงบกว่า และมีความพิเศษตรงที่มีลำคลองสายเล็กๆไหลผ่าน และมีความสวยงามเป็นอย่างมากในช่วงที่ดอกซากุระผลิบาน
การเดินทาง : - รถไฟ ขึ้นรถไฟสาย Keihan มาลงที่สถานี Gion-Shijo
- รถบัส โดยสารรถบัส Kyoto City Bus สาย 100 หรือ 206 มาลงที่ป้าย Gion
เวลาทำการเปิด-ปิด : นักท่องเที่ยวสามารถแวะมาเยือนย่านกิออนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ร้านรวงต่างๆภายในย่านกิออนมีเวลาในการเปิดปิดทำการแตกต่างกันออกไป
พิกัด GPS : 35°00'14.8"N 135°46'38.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ย่านกิออน ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/264
9. วัดนิชิ ฮอนกันจิ (Nishi Honganji Temple)
วัดนิชิ ฮอนกันจิ เป็นวัดศูนย์กลางของพุทธศาสนานิกายโจโด และเป็นอีก 1 ใน 17 สถานที่ในเกียวโตที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1591 โดยโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ภายหลังจากที่วัดอิชิยาม่า (Ishiyama Honganji) ในโอซาก้าซึ่งเป็นวัดหลักเดิมของนิกายโจโดนั้นได้ถูกทำลายลงเนื่องจากมีการแทรกแซงทางการเมือง การก่อสร้างวัดฮอนกันจินั้นถูกแบ่งออกเป็นวัดสองแห่ง คือวัดนิชิ ฮอนกันจิ และวัดฮิกาชิ ฮอนกันจิ เพื่อลดทอนอิทธิพลของพุทธศาสนานิกายโจโดไม่ให้มีอำนาจมากจนเกินไประหว่างการปกครองแผ่นดินโดยโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ เมื่อการก่อสร้างวัดเสร็จสิ้น วัดทั้งสองแห่งนี้ก็ได้ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของวัดอีกกว่า 10,000 แห่งในโตเกียว และอีกกว่า 200 แห่งในต่างประเทศที่อยู่ภายใต้พุทธศาสนานิกายโจโด
การเดินทาง : - รถบัส โดยสารรถ Kyoto City Bus สาย 9, 28 และ 75 ลงป้าย Nishi Hongwanji-mae
เวลาทำการเปิด-ปิด : วัดฮอนกันจิเปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 05.30 – 17.00 น. และอาจมีการเปลี่ยนแปลงเวลาปิดทำการเล็กน้อยนแต่ละฤดู
พิกัด GPS : 34°59'30.4"N 135°45'06.1"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดนิชิ ฮอนกันจิ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/266
10. วัดเท็นริวจิ (Tenryu-ji Temple)
วัดเท็นริวจิ ตั้งอยู่ที่เมืองอาราชิยาม่า เป็นหนึ่งในห้าวัดสำคัญในนิกายเซน และยังเป็นหนึ่งใน 17 สถานที่ในกรุงเกียวโตที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1994 พื้นที่เดิมของวัดเท็นริวจินั้น ในสมัยเฮอันถูกสร้างเป็นวัดชื่อว่า “ดันรินจิ” แต่เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 400 ปี ทำให้วัดแห่งนี้ทรุดโทรมลงจนยากแก่การบูรณะ จนล่วงมาถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 13 จักรพรรดิโกซางะ และพระราชโอรสคือจักรพรรดิคาเมยามะ ได้เปลี่ยนพื้นที่ของวัดดันรินจิให้เป็นเขตพระราชฐาน และสร้างพระราชวังชื่อว่า ”คาเมยามะ” ขึ้นมา ในช่วงต้นของยุคมุโรมาชิ โชกุนอาชิคากะ ทาคาอุจิ ได้มีบัญชาให้เปลี่ยนพระราชวังคาเมยามะให้กลายเป็นวัด เพื่อเป็นการรำลึกถึงองค์พระจักรพรรดิโกไดโงะ โดยในตอนแรกวัดแห่งนี้จะถูกตั้งชื่อว่า วัดเรียกุโอ ชิเซเซ็น ซึ่งเป็นชื่อรัชสมัยของจักรพรรดิในราชวงศ์ขณะนั้น แต่เนื่องจากน้องชายของโชกุนทาคาอุจิได้ฝันถึงมังกรทองที่กำลังบินผ่านแม่น้ำโออิ ที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวัด วัดแห่งนี้จึงถูกตั้งชื่อว่า วัดเท็นริวจิ ที่มีความหมายว่า วัดมังกรสวรรค์
การเดินทาง : - รถไฟ รถไฟสาย JR Sagano สามารถเดินทางจาก Kyoto Station หรือจากสถานีอื่นๆ มาลงที่สถานี Saga-Arashiyama จากนั้นเดินต่อจากสถานีรถไฟประมาณ 700 เมตร จะพบกับวัดเท็นริวจิ หรือ รถไฟ Keifuku (Randen) เป็นรถไฟขนาดเล็กแบบมีตู้โดยสารเดียว มีเส้นทางจากบริเวณกลางเมืองเกียวโต ปลายทางสถานี Arashiyama โดยวัดเท็นริวจิตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของสถานี Arashiyama
- รถบัส สาย 11, 28, และ 93 ให้บริการจาก Kyoto Station สู่อาราชิยาม่า ลงที่ป้าย Tenryu-ji Mae
เวลาทำการเปิด-ปิด : เดือนเมษายน – กันยายน เปิดทำการตั้งแต่ 08.30 – 17.30 น. เดือนตุลาคม – มีนาคม เปิดทำการตั้งแต่ 08.30 – 17.00 น.
พิกัด GPS : 35°00'56.6"N 135°40'25.5"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดเท็นริวจิ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/267
11. วัดไดโกจิ (Daigoji Temple)
วัดไดโกจิ เป็นวัดสำคัญของพุทธศาสนานิกายชินงอน ภายในวัดแห่งนี้มีเจดีย์ 5 ชั้นที่มีอายุมากกว่าพันปี จนถือเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีความเก่าแก่ที่สุดในเกียวโต และเป็น 1 ใน 17 สถานที่ในเกียวโตที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก วัดไดโกจิสร้างขึ้นในสมัยเฮอัน ปี ค.ศ. 874 โดยพระภิกษุนามว่า โชโบ และได้รับการอุปถัมป์จากองค์พระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นมาโดยตลอด มีการสร้างอาคารมากมายขึ้นตามระยะเวลา โดยเฉพาะจักรพรรดิไดโกะที่มีความศรัทธาในวัดแห่งนี้เป็นอย่างมาก จนเมื่อภายหลังการสละราชสมบัติ จังกรพรรดิไดโกะก็ได้บวชเป็นพระภิกษุประจำวัดแห่งนี้จนสิ้นพระชนม์เมื่อายุ 46 ปี และร่างของพระองค์ก็ได้ฝังอยู่ในวัดแห่งนี้เช่นกัน
การเดินทาง : - รถไฟใต้ดิน ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Tozai มาลงที่ สถานี Daigo Station
- รถบัส โดยสารรถบัส Keihan สาย 22 หรือ 22A มาลงที่ป้าย Daigoji
เวลาทำการเปิด-ปิด : วัดไดโกจิเปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 – 17.00 น.
พิกัด GPS : 34°57'03.7"N 135°49'12.7"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดไดโกจิ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/268
12. รถไฟสายโรแมนติกซากาโนะ (Sagano Romantic Train)
รถไฟสายโรแมนติกซากาโนะ เป็นรถไฟขบวนพิเศษเพื่อชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของธรรมชาติและภูมิประเทศในบริเวณอาราชิยาม่า ซึ่งมีความงดงามแตกต่างกันออกไปในแต่ละฤดู เส้นทางรถไฟสายนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1899 เพื่อเชื่อมระหว่างเกียวโตกับเมืองอื่นๆ ทางตอนเหนือ โดยภายหลังบริษัทรถไฟ JR ได้เข้ามาซื้อกิจการรถไฟในพื้นที่นี้ และมีการสร้างสายรถไฟ Sanin Main Line ขึ้นในปีค.ศ. 1989 ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟที่ตัดเป็นแนวตรง ใช้เวลาเดินน้อยกว่า และไม่ต้องลัดเลี้ยวตามขุนเขาเหมือนในอดีต ทำให้เส้นทางรถไฟสายเก่าถูกยกเลิก และถูกนำมาดัดแปลงเพื่อเป็นสายรถไฟท่องเที่ยว ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน รถไฟสายโรแมนติกซากาโนะใช้เวลาวิ่ง 1 เที่ยวประมาณ 25 นาที ครอบคลุมระยะทางความยาว 7 กิโลเมตร ระหว่างอาราชิยาม่า และคาเมโอกะ ระหว่างทางประกอบไปด้วยสถานี 4 แห่งคือ Saga, Arashiyama, Hozukyo และ Kameoka
การเดินทาง : สถานีต้นทางของรถไฟสายโรแมนติกซากาโนะคือ สถานี Saga-Arashiyama ตัวสถานีจะอยู่ติดกับสถานี Saga-Arashiyama ของรถไฟบริษัท JR
- รถไฟ โดยสารรถไฟสาย JR Sagano สามารถเดินทางจาก Kyoto Station หรือจากสถานีอื่นๆ มาลงที่สถานี Saga-Arashiyama
- รถบัส สาย 11, 28, และ 93 ให้บริการจาก Kyoto Station สู่อาราชิยาม่า
เวลาทำการเปิด-ปิด : รถไฟสายโรแมนติกให้บริการตั้งแต่ 09.00 – 16.00 น. ระหว่างวันที่ 1 มี.ค. – 29 ธ.ค. ของทุกปี และหยุดทำการทุกวันพุธ
พิกัด GPS : 35°01'06.6"N 135°40'51.2"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รถไฟสายโรแมนติกซากาโนะ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/269
13. วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple)
วัดโทฟุคุจิ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกียวโต เป็นวัดขนาดใหญ่ในนิกายรินไซซึ่งเป็นวัดหลักของคณะโทฟุกุจิ วัดโทฟุคุจิก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1236 โดยคูโจ มิชิเอะที่มีอิทธิพลอยู่ในขณะนั้น โดยได้เชิญชวนพระที่ชื่อว่าโชอิชิ โคคูชิ มาสร้างวัดแห่งนี้ให้เป็นวัดประจำตระกูล ชื่อของวัดโทฟุคุจิมาจากการรวมกันของชื่อวัดสองแห่งในนารา คือ วัด Todaiji และวัด Kofukuji Tofukuji ภายในวัดมีต้นไม้ที่เก่าแก่กว่า 2,000 ปี ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีสันสวยงามในฤดูใบไม้ร่วงทำให้ มีชื่อเสียงเรื่องการเป็นจุดชมใบไม้แดงที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต
การเดินทาง : - รถไฟ จากสถานี Kyoto Station ให้ขึ้นรถไฟ JR Nara Line หรือ Keihan Main Line ลงที่ Tofukuji Station ใช้เวลาประมาณ 5 นาที จากนั้นเดินต่ออีก 5 นาทีเพื่อไปยังวัดโทฟุคุจิ
- รถประจำทาง จากสถานี Kyoto Station ให้ขึ้นรถประจำทางสาย 208 ลงป้าย Tofukuji Bus Stop ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
เวลาทำการเปิด-ปิด : วัดโทฟุคุจิเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกวันโดยเวลาเปิด-ปิดจะเปลี่ยนแปลงตามแต่ฤดูกาล ดังนี้
เปิด – ปิด เวลา 09.00 – 16.30 น. (เมษายน – ตุลาคม)
เปิด – ปิด เวลา 08.30 – 16.30 น. (พฤศจิกายน – ต้นธันวาคม)
เปิด – ปิด เวลา 09.00 – 16.00 น. (ต้นธันวาคม – มีนาคม)
พิกัด GPS : 34°58'33.8"N 135°46'25.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โทฟุคุจิ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/620
14. วัดเซเรียวจิ (Seiryoji Temple)
วัดเซเรียวจิ แต่เดิมนั้นเคยเป็นบ้านพักบนภูเขาสำหรับโทรุแห่งมินาโมโตะ ผู้ซึ่งว่ากันว่าเป็นต้นแบบของ “เก็นจิ” ตัวละครหลักจาก “เรื่องเล่าของเก็นจิ” ที่มีชื่อเสียง โดยหลังจากที่โทรุเสียชีวิตลง พระโชเน็นก็ได้วาดแบบของวัดขึ้นมาและหลังจากที่โชเน็นเสียชีวิต ลูกชายของเขาที่ชื่อเซย์ซังก็ได้ทำตามคำขอสุดท้ายของบิดาโดยการสร้างวัดนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ ปัจจุบันวัดเซเรียวจิเป็นวัดที่รู้จักกันในนาม ซากะ-โนะ-ชากะ-โด (วัดของซากะของชากะ) รูปเคารพหลักของที่นี่คือรูปปั้นชากะ เนียวไร ริตสึโซ (รูปปั้นยืนของชากะ เนียวไร) ที่ได้นำกลับมาจากประเทศจีนโดยพระโชเน็นในปีค.ศ.987 ซึ่งเป็นสาเหตุที่วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นซากะ-โนะ-ชากะ-โด รูปปั้นยืนของชากะที่วัดแห่งนี้เป็นสมบัติของชาติ และข้างในรูปปั้นมีคัมภีร์ผ้าไหมที่มีรูปร่างเหมือนอวัยวะภายใน รวมทั้งเอกสาร และเหรียญต่างๆ
การเดินทาง : - รถไฟฟ้า จากสถานีเกียวโต (Kyoto Station) ให้นั่งรถไฟสาย San-In Line (สีม่วง) ไปยังสถานีอะราชิยามะ จากนั้นให้เดินต่อไปประมาณ 950 เมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที
- รถประจำทาง จากป้ายรถประจำทาง Kyoto Ekimae Bus Stop (เกียวโต-อิคิ-มาเอะ) นั่งรถประจำทางสาย 28 ไปลงที่ Sagashakadomae Bus Stop (ซากะ-ชาคาโดะ-มาเอะ) จากนั้นให้เดินต่ออีกประมาณ 100 เมตร
เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น.
พิกัด GPS : 35°01'23.2"N 135°40'28.2"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดเซเรียวจิ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/621
15. วัดโฮคันจิ (เจดีย์ยาซากะ) (Hokan-ji Temple)
วัดโฮคันจิ หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า เจดีย์ยาซากะ (Yasaka Pagoda) เป็นเจดีย์สูง 5 ชั้น ที่ตั้งอยู่กลางย่านเกียวโตเก่า มีความโดดเด่นด้วยหลังคาลาดเอียงสง่างาม วัดนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 592 โดยเจ้าชายโชโทคุ ไทชิ ก่อนกรุงเกียวโตจะกลายเป็นเมืองหลวงในปี ค.ศ. 794 ทั้งวัดโฮคันจิและเจดีย์ยาซากะเคยพังทลายเพราะถูกไฟไหม้และมีการสร้างขึ้นมาใหม่หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งตัวเจดีย์ที่เห็นในปัจจุบันเป็นเจดีย์ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1440 โดยโชกุนโยชินาริ อาชิทากะ ทว่าอาคารอื่นๆของวัดโฮคันจิไม่ได้รับการบูรณะขึ้นมาด้วย ทำให้เจดีย์ยาซากะตั้งอยู่อย่างโดดเด่นในย่านนี้มาจนถึงปัจจุบัน
การเดินทาง : - รถประจำทาง จากสถานีเกียวโต เดินไปที่ป้ายรถปะจำทาง Kyoto Ekimae Bus Stop นั่งรถประจำทางสาย 110, สาย 100 หรือสาย 206 ลงป้าย Higashiyama-Yasui หรือ Kiyomizu-michi จากนั้นเดินขึ้นเนินไปสู่ตัววัดอีกประมาณ 270 เมตร
เวลาทำการเปิด-ปิด : วัดโฮคันจิเปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 16.00 น. ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปเจดีย์ยาซากะจากบริเวณรอบนอกตัววัดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
พิกัด GPS : 34°59'54.4"N 135°46'45.7"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดโฮคันจิ (เจดีย์ยาซากะ) ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/622
16. วัดคิโยมิซุ (วัดน้ำใส) (Kiyomizu Dera Temple)
วัด คิโยมิซุ หรือวัดน้ำใส เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 1,200 ปี ที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น และเป็น 1 ใน 17 สถานที่ในเกียวโตที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก ตามตำนานในการสร้างวัดแห่งนี้กล่าวว่า ในปี ค.ศ. 776 มีพระภิกษุนามว่า “เคนชิน” ซึ่งจำวัดอยู่ในเมืองนารา นิมิตฝันว่าได้พบกับชายชราคนหนึ่งซึ่งบอกให้พระภิกษุเคนชินออกเดินทางไปยังทิศเหนือ เพื่อค้นหาน้ำตกที่มีน้ำใสสะอาด พระภิกษุเคนชินจึงออกเดินทางไปตามที่ตนเองฝันเห็น จนไปถึงภูเขาโอโตวะ และได้พบกับน้ำตกที่มีน้ำใสสะอาดบริสุทธิ์ นอกจากนี้พระภิกษุเคนชินยังได้พบกับพระภิกษุรูปหนึ่งนามว่า “เกียวเอโกจิ” ซึ่งได้บอกให้พระภิกษุเคนชินแกะสลักไม้เป็นรูปเจ้าแม่กวนอิมพันมือ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่กวนอิม พระภิกษุเคนชินจึงได้แกะสลักรูปเจ้าแม่กวนอิมพันมือขึ้นและจำวัดอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้นเรื่อยมา กระทั่งวันหนึ่งมีซามูไรนามว่าซากาโนะอุเอะได้เดินทางเข้ามาในป่าเพื่อล่าสัตว์และพบกับพระภิกษุเคนชินเข้าและเกิดความเลื่อมใส จึงได้ก่อสร้างวัดขึ้นมาเพื่อประดิษฐานรูปสลักเจ้าแม่กวนอิมพันมือ และตั้งชื่อวัดว่า “คิโยมิซุ” ซึ่งแปลว่า “วัดที่มีน้ำใสบริสุทธิ์”
การเดินทาง : วัดคิโยมิซุเปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 06.00 – 18.00 น.
เวลาทำการเปิด-ปิด : บริเวณวัดเข้าชมฟรี และมีค่าเข้า 300 เยนสำหรับการเข้าไปในบริเวณอาคารหลัก (Main Hall)
พิกัด GPS : 34°59'41.3"N 135°47'05.9"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดคิโยมิซุ (วัดน้ำใส) ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/261
17. วัดนันเซนจิ (Nanzenji Temple)
วัดนันเซนจิ เป็นวัดพุทธศาสนานิกายเซนที่มีความสำคัญอย่างมากของเกียวโต สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1291 หรือในยุคเฮอันของญี่ปุ่น โดยจักรพรรดิคาเมะยามะ โดยตอนแรกพระองค์ตั้งใจจะใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นสถานที่พักอาศัยภายหลังจากการสละราชสมบัติ แต่ต่อมา องค์จักรพรรดิได้เกิดความเลื่อมใสในพุทธศาสนานิกายเซนอย่างสูง จึงได้ตัดสินใจอุทิศพื้นที่ตรงนี้เพื่อสร้างเป็นวัดในพุทธศาสนานิกายเซนขึ้นมา พื้นที่ภายในยังประกอบไปด้วยวัดย่อยอื่นๆ อีกหลายแห่ง อาทิ วัดนันเซนอิน วัดคอนจิอิน วัดเทนจูอัน และวัดเอคันโดะ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอย่างสวนโฮโจ คลองส่งน้ำจากทะเลสาบบิวะ ซึ่งแสดงถึงภูมิปัญญาในการลำเลียงน้ำของผู้คนในอดีตได้เป็นอย่างดี และประตูซานมอน ประตูไม้ขนาดใหญ่ความสูง 22 เมตร ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าวัด
การเดินทาง : - รถไฟ ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Tozai มาลงที่ Keage Station จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 300 เมตร
- รถบัส โดยสารรถบัส Kyoto City Bus สาย 5 มาลงที่ป้าย Nanzenji-Eikando-michi
เวลาทำการเปิด-ปิด : พื้นที่ภายในวัดนันเซนจิมีวัดและสถานที่อื่นๆ รวมอยู่ด้วย ซึ่งแต่ละแห่งมีเวลาทำการดังต่อไปนี้
- ประตูซันมอน (Sanmon Gate) เปิดตั้งแต่ 08.40 – 17.00 น. (ปิดทำการเวลา 16.30น. ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์)
- สวนโฮโจ (Hojo) เปิดตั้งแต่ 08.40 – 17.00 น. (ปิดทำการเวลา 16.30น. ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์)
- วัดนันเซนอิน (Nanzenin) เปิดตั้งแต่ 08.40 – 17.00 น. (ปิดทำการเวลา 16.30น. ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์)
- วัดคอนจิอิน (Konchi-in) เปิดตั้งแต่ 08.30 – 17.00 น. (ปิดทำการเวลา 16.30น. ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์)
- วัดเทนจูอัน (Tenjuan) เปิดตั้งแต่ 09.00 – 17.00 น. (ปิดทำการเวลา 16.30น. ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์)
พิกัด GPS : 35°00'40.8"N 135°47'40.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดนันเซนจิ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/270
18. วัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple)
วัดเบียวโดอิน ถือเป็นสถานที่สำคัญและมีชื่อเสียงโด่งดังของเมืองอุจิ จังหวัดเกียวโต ซึ่งมีวิหารปรากฏอยู่บนเหรียญ 10 เยนของญี่ปุ่น และยังได้รับคัดเลือกจากองค์การยูเนสโกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกของญี่ปุ่นด้วย วัดเบียวโดอินสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเฮอันในปี ค.ศ. 1052 หรือราวๆ 1,000 ปีมาแล้ว แต่เดิมวัดเบียวโดอินถูกสร้างเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศของตระกูลฟุจิวะระ ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ ต่อมาในปี ค.ศ. 1052 วัดแห่งนี้ถูกดัดแปลงเป็นวัดศาสนาพุทธ และได้มีการสร้างห้องโถงโฮโอโดะ หรือ อะมิดะ หรือที่รู้จักในนาม “ห้องโถงนกฟีนิกซ์” (Phoenix Hall ) ในปีถัดมา ห้องโถงที่ว่านี้มีลักษณะเป็นวิหารไม้สีแดงสดตั้งอยู่ตรงใจกลางวัด โดยตัววิหารนั้นเป็นโครงสร้างดั้งเดิมจากอดีต ด้านบนตรงมุมสันหลังคามีรูปปั้นนกโฮโอหรือที่ทั่วไปนิยมเรียกว่าฟีนิกซ์สองตัวยืนอยู่ ล้อมรอบด้วยบึงน้ำใส
การเดินทาง : - รถไฟ จากสถานี Kyoto Station นั่งรถไฟสาย Nara ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที ลงสถานี Uji Station และเดินต่อประมาณ 15 นาที
เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 17.30 น.
พิกัด GPS : 34°53'21.7"N 135°48'28.0"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดเบียวโดอิน ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/2395
19. วัดนาริอาอิจิ (Nariaiji Temple)
วัดนาริอาอิจิ เป็นวัดเก่าแก่อายุหลายร้อยปีที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไม่ควรพลาดอีกแห่งหนึ่งหากมีโอกาสได้ไปเยือนแถบอามาโนะฮาชิดาเตะ วัดแห่งนี้เป็นวัดพุทธนิกายชินกอน (Shingon Sect) โดยในอดีตนั้นตั้งอยู่ใกล้ยอดเขา Tsuzumigatake แต่ภายหลังจากเกิดเหตุภูเขาถล่มเมื่อ 250 ปีก่อนจึงได้มีการย้ายมาตั้งอยู่ที่ปัจจุบัน จุดน่าสนใจที่เป็นไฮไลต์ของวัดวัดนาริอาอิจิ คือเจดีย์ห้าชั้น งามสง่า และโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่เพิ่งสร้างขึ้นในปลายปี ค.ศ.1990 เป็นสถาปัตยกรรมที่มีความงดงามและโดดเด่นมากอีกแห่งหนึ่งของเกียวโต นอกจากนี้ยังมีหอระฆัง “Bell of Neutrality” เป็นหอระฆังขนาดเล็กที่สร้างจากไม้ทั้งหมด มีตำนานแสนเศร้าเกี่ยวกับการสร้างหอระฆังแห่งนี้ว่า มีเด็กตัวน้อยหล่นลงไปขณะที่หลอมโลหะด้วย จนทำให้ระฆังแห่งนี้ไม่เคยได้ถูกใช้งานจวบจนมาถึงปัจจุบัน
การเดินทาง : - รถประจำทาง จากสถานี Kyoto Station ขึ้นรถสาย Kyoto Eki ไปลงป้าย Amanohashidate Eki mae ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง โดยวัดนาริอาอิจินั้นจะตั้งอยู่บนภูเขาทางทิศเหนือของจุดชมวิวอามาโนะฮาชิดาเตะ มีรถประจำทางออกจาก Kasamatsu Park ใช้เวลาเดินทาง 7 นาที จากนั้นขึ้นเคเบิ้ลคาร์ประมาณ 5 นาทีไปยังวัดนาริอาอิจิ
เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 16.30 น.
พิกัด GPS : 35°35'42.9"N 135°11'15.1"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดนาริอาอิจิ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/2397
20. ศาลเจ้าเฮอัน (Heian Shrine)
ศาลเจ้าเฮอัน มาจากชื่อเดิมของเมืองเกียวโต สร้างขึ้นในโอกาสครบรอบ 1,100 ปีของการก่อตั้งเมืองหลวงในเกียวโต และสร้างเพื่ออุทิศให้กับดวงวิญญาณของ จักรพรรดิองค์แรก คือ จักรพรรดิคัมมู ( ค.ศ.737 - 806) และองค์สุดท้าย คือ จักรพรรดิโคเม (ค.ศ. 1831 - 1867) ที่ครองเมือง ศาลเจ้าเฮอันโดดเด่นด้วยประตูโทริอิขนาดยักษ์ เป็นสัญลักษณ์นำทางไปสู่ศาลเจ้า ซึ่งรอบๆ มีพิพิธภัณฑ์อยู่สองสามแห่ง บริเวณศาลเจ้าจริงๆ นั้นกว้างขวางมาก โดยมีลานเปิดโล่งอยู่ตรงกลาง อาคารหลักของศาลเจ้าเป็นการจำลองบางส่วนของพระราชวังหลวงดั้งเดิมจากสมัยเฮอัน ซึ่งสร้างขึ้นในขนาดค่อนข้างเล็กกว่าของจริง ศาลเจ้าเฮอันถูกใช้สำหรับกิจกรรมพิเศษต่างๆ ของเมือง เช่น เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลจิได (Jidai) ในวันที่ 22 ตุลาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันครบรอบการก่อตั้งเมืองเกียวโต
การเดินทาง : - รถไฟใต้ดิน จากสถานี Kyoto Station นั่งรถไฟสาย Tozai Line ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 15 นาที โดยลงที่สถานี Higashiyama Station และเดินต่อประมาณ 5 นาที
- รถประจำทาง จากสถานี Kyoto Station ขึ้นรถประจำทางสาย 5 และ 100 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที โดยให้ลงป้าย Jingu-michi bus stop และเดินต่อประมาณ 5 นาที
เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 06.00 - 17.00 น.
พิกัด GPS : 35°00'57.4"N 135°46'56.8"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศาลเจ้าเฮอัน ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/2384
21. สะพานโทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge)
สะพานโทเง็ตสึเคียว เป็นสะพานไม้เก่าแกจากยุคเฮอันที่พาดข้ามแม่น้ำคัตสึระ โดยมีภูเขาอาราชิยาม่าเป็นฉากหลัง อีกหนึ่งจุดเช็กอินของคนที่มาเที่ยวแถบอาราชิยาม่า (Arashiyama) ของเกียวโต สะพานโทเง็ตสึเคียว มีความยาว 155 เมตร กว้าง 12.2 เมตร ตัวสะพานโทเง็ตสึเคียวดั้งเดิมนั้นสร้างขึ้นในสมัยเฮอันราวปี ค.ศ. 836 โดยเป็นสะพานไม้ทั้งหมด ส่วนรูปแบบสะพานที่เห็นในปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1934 ช่วงฐานของสะพานเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ทว่ายังใช้ราวสะพานเป็นไม้เพื่อคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้อยู่ ทัศนียภาพรอบๆ สะพานโทเง็ตสึเคียวนั้นสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งภาพทิวทัศน์ดังกล่าวนี้ก็ปรากฏให้เห็นตามสื่อต่างๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงราวปลายเดือนพฤศจิกายน ที่ใบไม้จะเปลี่ยนสีสวยๆ ให้ได้ชมริมแม่น้ำ
การเดินทาง : - รถประจำทาง จากสถานี Kyoto Station สามารถนั่งรถ Kyoto City Bus สาย 28 มาลงที่ป้าย Arashiyama Koen หรือ นั่งรถ Kyoto Bus สาย 73 มาลงที่ป้าย Arashiyama ใช้เวลาประมาณ 40 - 45 นาที
เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
พิกัด GPS : 35°00'46.3"N 135°40'40.1"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สะพานโทเง็ตสึเคียว ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/2385
22. อามาโนะฮาชิดาเตะ วิวแลนด์ (Amanohashidate View Land)
อามาโนะฮาชิดาเตะ วิวแลนด์ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสันทรายอามาโนะฮาชิดาเตะ ซึ่งเป็นสันทรายยาว 3.6 กิโลเมตรที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติกลางอ่าวมิยาซุ (Miyazu) ในจังหวัดเกียวโต โดยเป็นจุดชมวิวที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น ด้านบนของจุดชมวิวแห่งนี้ยังมีสวนสนุกเล็กๆ อยู่ด้วยทั้ง อาทิ ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ รถบั๊ม รวมถึงเครื่องเล่นสุดตื่นเต้นอย่างการขี่จักรยานบนรางลอยฟ้า จากอามาโนะฮาชิดาเตะ วิวแลนด์ จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามของอามาโนะฮาชิดาเตะได้แบบพาโนรามา หนึ่งในกิจกรรมสนุกๆ ที่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวจุดชมวิวอามาโนะฮาชิดาเตะ วิวแลนด์ มักทำกันคือ การก้มลงมองลอดใต้หว่างขาจากจุดชมวิว โดยเมื่อทำเช่นนี้ฝั่งนี้จะได้เห็นสันทรายในมุมมองที่ต่างออกไป ซึ่งเมื่อทำเช่นนี้จะได้เห็นอามาโนะฮาชิดาในมุมมองที่ต่างออกไป โดยอ่าวจะดูเหมือนท้องฟ้า และสันทรายจะดูเหมือนมังกรเขียวตัวใหญ่ที่กำลังเหาะผ่านท้องฟ้านั่นเอง
การเดินทาง : - รถประจำทาง จากสถานี Kyoto Station ขึ้นรถสาย Kyoto Eki ไปลงป้าย Amanohashidate Eki mae ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาทีเพื่อไปยังอามาโนะฮาชิดาเตะ วิวแลนด์
เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09.00 - 17.00 น.
พิกัด GPS : 35°33'10.1"N 135°10'55.4"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อามาโนะฮาชิดาเตะ วิวแลนด์ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/2399
23. หมู่บ้านโบราณมิยามะ คายาบุกิโนะซาโตะ (Miyama Kayabuki no Sato)
หมู่บ้านโบราณมิยามะ คายาบุกิโนะซาโตะ เป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมท้องถิ่นเล็กๆ ในชนบทเมืองมิยามะ (Miyama) ในจังหวัดเกียวโต บ้านเรือนมีลักษณะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยหลังคาทรงสูงและมุงหลังคาด้วยหญ้าคายะ (Kaya) และมีของขึ้นชื่อคือไข่ไก่และถั่วดำ ภายในหมู่บ้านโบราณแห่งนี้เป็นบ้านที่ใช้อยู่อาศัยจริง มีเรือกสวนไร่นาและแปลงผักต่าง ๆ ที่ปลูกไว้รับประทานเอง บ้านทั้งหมดมี 50 หลังด้วยกัน โดย 38 หลังยังคงโครงสร้างแบบดั้งเดิมที่สร้างขึ้นเมื่อราวเกือบ 200 ปีมาแล้วไว้ได้อย่างสมบูรณ์ บ้านบางหลังได้รับการรีโนเวททำเป็นคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่น และมีบ้าน 2 หลังเปิดเป็นที่พักแบบโฮมสเตย์ แก่นักท่องเที่ยว
การเดินทาง : - รถไฟใต้ดิน จากสถานี Kyoto Station นั่งรถไฟสาย JR Sagano Line ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ลงสถานี Hiyoshi Station จากนั้นต่อรถประจำทางสายมิยามะโซโนเบะ ลงป้าย Kita ใช้เวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง
เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
พิกัด GPS : 35°18'46.4"N 135°37'21.0"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หมู่บ้านโบราณมิยามะ คายาบุกิโนะซาโตะ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/2398
24. วัดชิออนจิ (Chion-Ji Temple)
วัดชิออนจิ (Chion-Ji Temple) วัดพุทธนิกายเซ็นที่มีประตูทางเข้าวัดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคแทงโก้ ตั้งอยู่แถบเดียวกับอามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate) วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันในฐานะ 1 ใน 3 วัดพุทธพระโพธิสัตว์แห่งปัญญาในญี่ปุ่น ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระโพธิสัตว์แห่งปัญญา (Monju) และมีชื่อเสียงในด้านการประทานสติปัญญาแก่ผู้ที่มาสักการะ โดยภาพที่สามารถสามารถพบเห็นได้เป็นประจำคือ นักเรียนนักศึกษามักจะมากราบขอพรเพื่อให้สอบแข่งขันได้ และยังนิยมซื้อเครื่องราง Omikuji มีลักษณะเหมือนพัดที่พับไว้ โดยเชื่อกันว่าหากขอพรแล้วนำไปแขวนไว้ที่ต้นสนจะสมความปรารถนา นอกจากประตูทางเข้าขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นประจำวัดแห่งนี้แล้ว ยังมีเจดีย์สองชั้น (Tahoto) ที่สร้างขึ้นช่วงปี ค.ศ. 1500 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ที่สุดของวัดชิออนจิ
การเดินทาง : - รถประจำทาง จากสถานี Kyoto Station ไปวัดชิออนจิมีระยะทาง 7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที โดยขึ้นรถประจำทางสาย Shiei 206 (Higashiyama Dori/Kita Oji Bus Terminal Yuki) ไปลงป้าย Hyakumamben แล้วเดินต่อ 3 นาทีเพื่อไปยังวัดชิออนจิ
เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.
พิกัด GPS : 35°33'30.2"N 135°11'03.1"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดชิออนจิ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/2396
25. ซันโจ เมเทนไก ช้อปปิ้ง อาร์เคด (Sanjo Meitengai Shopping Arcades)
ซันโจ เมเทนไก ช้อปปิ้ง อาร์เคด เป็นหนึ่งในแหล่งช้อปปิ้งที่เก่าแก่ที่สุดของเกียวโต เรียกว่าเป็นโซนช้อปปิ้งที่เพลิดเพลิน เต็มไปด้วยร้านค้าและโครงสร้างเก่าแก่ ควบคู่ไปกับโลกของอาคารและร้านบูติกสมัยใหม่ สถาปัตยกรรมของอาร์เคดแห่งนี้มีหลังคาสไตล์โดมพร้อมหลังคาทรงโดมด้านบนและงานโมเสกบนทางเท้ากับรูปแบบที่แตกต่างกันถึง 30 แบบ โมเสกเหล่านี้สร้างขึ้นบนทางเท้าโดยใช้หินแกรนิตที่มีเฉดสีต่างกันในรูปทรงกลมและสี่เหลี่ยม ถือเป็นอาร์เคดแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่มีทางเดินที่สวยงามเช่นนี้
การเดินทาง : - รถประจำทาง จากสถานี Kyoto Station ขึ้นรถสาย 17 Kinrin Shako mae ไปลงป้าย Kawaramachi Sanjo ได้เลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที
เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 12.00 - 20.00 น.
พิกัด GPS : 35°00'31.7"N 135°46'06.9"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ซันโจ เมเทนไก ช้อปปิ้ง อาร์เคด ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/2394
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ :
- เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ
https://www.accuweather.com/
- เว็บไซต์องค์การการท่องเที่ยวแห่งเมืองเกียวโต
http://www.kyototourism.org/en/
- สกุลเงินที่ใช้ : เยน (JPY)
แอปพลิเคชัน "บริการรถแท็กซี่" ในประเทศญี่ปุ่น
- Uber สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
- JapanTaxi สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
แอปพลิเคชัน "แผนที่ในการนำทาง" ในประเทศญี่ปุ่น
- Google Map สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองญาจาง – ดาลัด ประเทศเวียดนาม
หากอยากสัมผัสบรรยากาศเมืองชายทะเลสุดคึกคักอากาศอบอุ่น แล้วไปผ่อนคลายในเมืองแห่งภูเขาอากาศเย็นสบายที่เวียดนามใต้ ญาจางและดาลัดคือคำตอบ! สองเมืองนี้จะพาคุณดื่มด่ำไปกับธรรมชาติที่งดงาม วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์และกิจกรรมที่หลากหลาย Palanla ได้รวบรวมเอา 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองญาจางและดาลัดมาให้แล้วในบทความนี้
อ่านต่ออาสนวิหารญาจาง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
อาสนวิหารญาจาง (Christ the King Cathedral Nha Trang) หรือ โบสถ์หินญาจาง สุดยอดสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิคผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบโรมัน ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาใจกลางเมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม อายุเกือบร้อยปีแห่งนี้ เปรียบเสมือนแลนด์มาร์กของเมือง ด้วยผนังหินสีน้ำตาลเข้มที่สลักเสลาอย่างวิจิตรบรรจง และหลังคาสูงชะลูดที่ดูอลังการ ตัดกับท้องฟ้าสีคราม ทำให้โบสถ์แห่งนี้กลายเป็นแลนด์มาร์กที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว
อ่านต่อหาดญาจาง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
หาดญาจาง (Nha Trang Beach) เป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดของประเทศเวียดนาม ด้วยชายรูปร่างเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ความยาวกว่า 6 กิโลเมตรที่โอบล้อมอ่าวญาจาง ในจังหวัดหวัดคั้ญฮวา ท่ามกลางภูมิทัศน์โดยรอบที่สวยงามของอาคารสถาปัตยกรรมสำคัญๆ มากมาย
อ่านต่อหอคอยแตร่มเฮือง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
หอคอยแตร่มเฮือง (Tram Huong Tower) สัญลักษณ์และจุดเช็กอินยอดนิยมของหาดญาจางในปัจจุบัน
อ่านต่อวินเพิร์ลแลนด์ เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
วินเพิร์ลแลนด์ (Vinpearl Land) เป็นสวนสนุกและรีสอร์ตหรูครบวงจรระดับโลกที่เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม มีจุดเด่นอยู่ที่ทำเลที่ตั้งที่สวยงามติดทะเล และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์สำคัญของการไปเที่ยวที่นี่คือ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก
อ่านต่อวัดลองเซิน เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
วัดลองเซิน (Long Son Pagoda) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “วัดพระใหญ่” เป็นวัดพุทธมหายานเก่าแก่ และใหญ่ที่สุดของเมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม นอกจากความสวยงามอลังการของตัววัดแล้ว จากยอดเขายังสามารถมองเห็นวิวของเมืองญาจางและทะเลได้อย่างสวยงาม
อ่านต่อวัดตั๊กลัม เมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม
วัดตั๊กลัม (Truc Lam Monastery of Da Lat) เป็นวัดพุทธในนิกายเซนบนยอดเขาเฟืองฮว่าง นอกจากภายในบริเวณวัดจะมีสิ่งก่อสร้างที่สวยงาม ยังมีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์โดยรอบด้วยสวนดอกไม้สดสวย ถือเป็นวัดที่งดงามและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดในดาลัด
อ่านต่อน้ำตกดาตันลา เมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม
น้ำตกดาตันลา (Datanla Waterfall) ไม่เพียงแต่เป็นน้ำตกที่สวยงาม แต่ยังซ่อนเรื่องราวตำนานพื้นเมืองของดาลัดที่น่าสนใจเอาไว้ นอกจากสัมผัสความเย็นฉ่ำของละอองน้ำที่กระเซ็นจากม่านน้ำตกแล้ว ยังมีกิจกรรมสนุกๆ คือการนั่งรถรางลัดเลาะไปตามเส้นทางที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติอันเขียวขจี
อ่านต่อเจดีย์มังกรวัดลึงเฟือก เมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม
เจดีย์มังกรวัดลึงเฟือก (Linh Phuoc Pagoda) วัดศาสนาพุทธนิกายเซนในดาลัด โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ตัวอาคารทำจากเศษกระเบื้องเคลือบงดงามวิจิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปปั้นมังกรขนาดใหญ่ที่พันรอบองค์พระเจดีย์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวัด
อ่านต่อฮาจิ เลน ประเทศสิงคโปร์
ตรอกฮาจิ หรือ ฮาจิ เลน (Haji Lane) ถนนสายเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวาในย่านกัมปง กลาม (Kampong Glam) ของสิงคโปร์ เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นในฐานะแหล่งรวมร้านค้าบูติก ร้านอาหาร คาเฟ่ และศิลปะบนท้องถนนที่น่าสนใจ ฮาจิ เลน ไม่เพียงแค่เป็นถนนสายช้อปปิ้ง แต่ยังเป็นเหมือนแกลเลอรี่กลางแจ้งที่แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรมที่หลากหลายของสิงคโปร์อีกด้วย
อ่านต่อ