วัดคิโยมิซุ (วัดน้ำใส) กรุงเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น

  • อ่าน (6,245)
  • By Webmaster
  • 13:38:43 | 31 มี.ค. 2566

วัดคิโยมิซุ (วัดน้ำใส) กรุงเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น

Kiyomizu Dera Temple, Kyoto, Japan

Kiyomizu Dera Temple
อาคารหลักของวัดน้ำใสซึ่งเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก

           วัดคิโยมิซุ หรือวัดน้ำใส วัดเก่าแก่อายุกว่า 1,200 ปี ที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น และเป็น 1 ใน 17 สถานที่ในเกียวโตที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก ตั้งอยู่ที่กรุงเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น

Kiyomizu Dera Temple


ประวัติความเป็นมาของวัดคิโยมิซุ

           ตำนานในการสร้างวัดแห่งนี้กล่าวว่า ในปี ค.ศ. 776 มีพระภิกษุนามว่า “เคนชิน” ซึ่งจำวัดอยู่ในเมืองนารา เขาฝันว่าได้พบกับชายชราคนหนึ่งซึ่งบอกให้พระภิกษุเคนชินออกเดินทางไปยังทิศเหนือ เพื่อค้นหาน้ำตกที่มีน้ำใสสะอาด พระภิกษุเคนชินจึงออกเดินทางไปตามที่ตนเองฝันเห็น จนไปถึงภูเขาโอโตวะ และได้พบกับน้ำตกที่มีน้ำใสสะอาดบริสุทธิ์ นอกจากนี้พระภิกษุเคนชินยังได้พบกับพระภิกษุรูปหนึ่งนามว่า “เกียวเอโกจิ” ซึ่งได้บอกให้พระภิกษุเคนชินแกะสลักไม้เป็นรูปเจ้าแม่กวนอิมพันมือ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่กวนอิม  จากนั้นพระภิกษุเกียวเอโกจิก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

           พระภิกษุเคนชินได้แกะสลักรูปเจ้าแม่กวนอิมพันมือขึ้น และจำวัดอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้นเรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่งมีซามูไรนามว่าซากาโนะอุเอะได้เดินทางเข้ามาในป่าเพื่อล่าสัตว์ และพบกับพระภิกษุเคนชินเข้า พระภิกษุเคนชินได้ขอให้ซามูไรคนนั้นละเว้นการฆ่าสัตว์ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่กวนอิม และได้เทศนาพระธรรมให้แก่ซามูไรคนนั้นจนเกิดความนับถือเลื่อมใส จึงได้ก่อสร้างวัดขึ้นมาเพื่อประดิษฐานรูปสลักเจ้าแม่กวนอิมพันมือ และตั้งชื่อวัดว่า “คิโยมิซุ” ซึ่งแปลว่า “วัดที่มีน้ำใสบริสุทธิ์”

Kiyomizu Dera Temple
พื้นที่บริเวณทางเข้าวัดซึ่งเนืองแน่นไปด้วยผู้คนในยามเย็น

Kiyomizu Dera Temple
ทัศนียภาพสวยๆ ของวัดน้ำใส

Kiyomizu Dera Temple
บรรยากาศรอบๆ บริเวณวัดมองจากด้านบน


การเดินทางไปยังวัดคิโยมิซุ
             - รถบัส สาย 100 และ 206 ลงป้าย Gojo-zaka หรือ Kiyomizu-michi จากนั้นเดินขึ้นเนินไปสู่ตัววัดอีกประมาณ 900 เมตร ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 210 เยน

             รถแท็กซี่ รถแท็กซี่ในกรุงเกียวโตมีค่าบริการเริ่มต้นที่ 590 เยนต่อ 1.7 กิโลเมตรแรก และเพิ่มขึ้น 80 เยนทุกๆระยะทาง 324 เมตร และสำหรับรถแท็กซี่ของบริษัท MK Taxi จะมีส่วนลดให้ 10% สำหรับลูกค้าที่สวมใส่ชุดกิโมโน นักท่องเที่ยวสามารถคำนวณค่าโดยสารเบื้องต้นได้ที่ https://www.taxifarefinder.com/main.php?city=Kyoto-Japan


เวลาในการเปิด-ปิดทำการ

           วัดคิโยมิซุเปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 06.00 – 18.00 น. และอาจมีการขยายเวลาปิดทำการในช่วงที่มีงานเทศกาลต่างๆ นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่ http://www.kiyomizudera.or.jp/en/

Kiyomizu Dera Temple
ด้วยชื่อเสียงและความศักดิ์สิทธิ์ของวัดน้ำใส ทำให้วัดแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนตลอดทั้งวัน

Kiyomizu Dera Temple
บรรยากาศนักท่องเที่ยวคึกคักภายในวัดน้ำใส


การซื้อบัตรเข้าชม

           บริเวณวัดเข้าชมฟรี และมีค่าเข้า 300 เยนสำหรับการเข้าไปในบริเวณอาคารหลัก (Main Hall)

Kiyomizu Dera Temple
จุดจำหน่ายบัตรเข้าชมในส่วนของอาคารหลัก

Kiyomizu Dera Temple
ชื่อของวัดคิโยมิซุ มีความหมายว่า “วัดที่มีน้ำใสบริสุทธิ์”


ความเชื่อและความศรัทธาของวัดคิโยมิซุ

           ที่มาของคำว่า”น้ำใส”ในชื่อวัดแห่งนี้นั้น มีที่มาจากสายน้ำ 3 สายซึ่งไหลมาจากน้ำตกโอโตวะชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า หากผู้ใดได้ดื่มน้ำใสที่วัดคิโยมิสึเดระ จะสมปรารถนาในสิ่งที่หวังไว้ โดยสายน้ำ 3 สายนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์แตกต่างกันออกไป ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมดื่มน้ำทั้ง 3 สายรวมกัน

                     หากดื่มน้ำสายที่ 1 จะประสบความสำเร็จด้านการศึกษา

                     หากดื่มน้ำสายที่ 2 จะสมหวังเรื่องความรัก

                     หากดื่มน้ำสายที่ 3 จะมีสุขภาพแข็งแรงทำให้มีอายุยืนยาว

           นอกจากการดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้ว ภายในบริเวณวัดน้ำใสยังมีศาลเจ้าจิชู (Jishu-jinja) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อสักการะเทพโอคุนินุชิโนะ มิโกโตะ (Okuninushino Mikoto) ซึ่งเป็นเทพแห่งความรักและเนื้อคู่ ภายในศาลเจ้าแห่งนี้จะมีก้อนหินแห่งความรัก 2 ก้อน ตั้งอยู่ห่างกัน 18 เมตร โดยเชื่อกันว่าหากใครสามารถหลับตาเดินจากก้อนหินก้อนแรก ไปยังหินอีกก้อนหนึ่งได้โดยไม่หลงทิศทาง คนคนนั้นก็จะสมปรารถนาในความรัก

Kiyomizu Dera Temple
นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและต่างชาติทำพิธีชำระล้างก่อนจะเข้าไปในวัด


เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

           นักท่องเที่ยวสามารถแวะมาเยือนวัดคิโยมิซุได้ตลอดทั้งปี ทั้งนี้บริเวณวัดคิโยมิซุจะมีความสวยงามเป็นอย่างมากในช่วงดอกซากุระผลิบานระหว่างฤดูใบไม้ผลิ ประมาณปลายเดือนมีนาคม ถึงกลางเดือนเมษายนของทุกปี และอีกฤดูหนึ่งที่มีความสวยงามไม่แพ้กันคือฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ประมาณกลางเดือนถึงปลายเดือนพฤศจิกายนของทุกปี

           นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถตรวจสอบพยากรณ์อากาศล่วงหน้าเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยวได้ที่ https://www.accuweather.com/

Kiyomizu Dera Temple
บริเวณทางเดินในวัดซึ่งมีความงามระหว่างฤดูใบไม้เปลี่ยนสี


ข้อมูลทั่วไปที่ควรรู้

           จากบริเวณถนนใหญ่ หรือจากป้ายรถเมล์ Kiyomizu-michi นักท่องเที่ยวจำเป็นจะต้องเดินต่อมาอีกประมาณ 700 เมตรจึงจะถึงตัววัด โดยเส้นทางเดินจะเป็นทางขึ้นเนินมาเรื่อยๆ นักท่องเที่ยวจึงควรสวมรองเท้าที่สามารถเดินได้อย่างสะดวกสบาย หรือใช้บริการรถแท็กซี่ในกรณีที่มีผู้สูงอายุร่วมเดินทาง

           นอกจากนี้ ในปัจจุบัน วัดน้ำใสมีการปิดอาคารหลัก (Main Hall) รวมถึงพื้นที่อื่นๆเพื่อทำการบูรณะซ่อมแซมยาวไปจนถึงปี ค.ศ. 2020 นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบความคืบหน้าของการบูรณะก่อนเดินทางไปเยือนวัดแห่งนี้ได้ที่ https://www.japan-guide.com/e/e3901.html
 

Kiyomizu Dera Temple


           นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยว วัดคิโยมิซุ สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                       วัดคิโยมิซุ (วัดน้ำใส) กรุงเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น

                       (Kiyomizu Dera Temple, Kyoto, Japan)

                       ระดับความนิยม 

                       อัตราค่าเข้าชม : บริเวณวัดเข้าชมฟรี และ 300 เยนสำหรับการเข้าไปในบริเวณอาคารหลัก (Main Hall)

                       เวลาเปิด-ปิด : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 06.00 – 18.00น.

                       ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ช่วงดอกซากุระผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ ประมาณปลายเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนเมษายนของทุกปี

                                                                             ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ประมาณกลางเดือนถึงปลายเดือนพฤศจิกายนของทุกปี

                       สถานที่ตั้ง : ย่านฮิกาชิยาม่า กรุงเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น

                       โทรศัพท์ : (+81)75-551-1234

                       เว็บไซต์ : http://www.kiyomizudera.or.jp/

                       ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : เว็บไซต์องค์การการท่องเที่ยวญี่ปุ่น https://www.jnto.go.jp/eng/

                                                   เว็บไซต์สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งเมืองเกียวโต https://kyoto.travel/th

                                                   เว็บไซต์องค์การการท่องเที่ยวแห่งเมืองเกียวโต http://www.kyototourism.org/en/

                                                   เว็บไซต์สำหรับตรวจสอบสภาพอากาศ https://www.accuweather.com/

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

11 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดคานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น

จังหวัดคานากาว่า (Kanagawa) เป็นเขตปกครองตนเองที่ตั้งอยู่ใน ภูมิภาคคันโต ของประเทศญี่ปุ่น จังหวัดนี้เป็นที่ตั้งของเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายเมืองด้วยกัน อาทิ คามาคุระ (Kamakura) โยโกฮาม่า (Yokohama) และฮาโกเน่ (Hakone)…Palanla ได้รวบรวมเอา 11 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดคานากาว่า ตั้งแต่ชายหาด พระใหญ่ วัดเก่าแก่ ศาลเจ้า ไชน่าทาวน์ สวนสนุก อควาเรียม ทะเลสาบ ไปจนถึงกระเช้าลอยฟ้าและจุดชมภูเขาไฟฟูจิ มาไว้แล้วในบทความนี้

อ่านต่อ

สวนหลิวหยวน เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

สวนหลิวหยวน หรือ สวนสิงโต (Lion Forest Garden) เป็นสวนจีนโบราณที่สวยงาม ตั้งอยู่ในเมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน สวนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของและชื่อหลายครั้งตลอดหลายศตวรรษ สวนหลิวหยวน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสวนคลาสสิกที่สำคัญที่สุดของซูโจว และเป็นส่วนหนึ่งของ "สวนคลาสสิกของซูโจว" ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ.2000

อ่านต่อ

สวนจัวเจิ้ง เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

สวนจัวเจิ้ง (Humble Administrator’s Garden) เป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดในซูโจวและได้ชื่อว่าเป็นสวนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีนตอนใต้ สวนแห่งนี้ถูกใช้เป็นฉากหลังของภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์จีนหลายเรื่องด้วยกัน และได้รับการบันทึกให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ. 1997

อ่านต่อ

เนินเขาเสือ เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

เนินเขาเสือ หรือเนินหู่ชิว (Tiger Hill) ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในซูโจว นักท่องเที่ยวนิยมปีนขึ้นไปชมทิวทัศน์ธรรมชาติที่มีเสน่ห์และโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าของซูโจว ไม่ว่าจะเป็นหลุมศพโบราณ บ่อน้ำ เจดีย์ และห้องสมบัติ เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสความสวยงามของทิวทัศน์ในวรรณคดีจีนโบราณ โดยที่นี่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วย

อ่านต่อ

ทะเลสาบจินจี เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

ทะเลสาบจินจี (Jinji Lake) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในซูโจว ซึ่งแวดล้อมไปด้วยสวนสาธารณะริมทะเลสาบ ศูนย์จัดแสดงสินค้า พิพิธภัณฑ์ โรงแรม ฯลฯ ถือเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของเมืองซูโจว

อ่านต่อ

ถนนซานถัง เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

ถนนซานถัง (Shantang Street) ถนนโบราณที่มีความเก่าแก่เกือบ 1,200 ปี ครั้งหนึ่งถนนสายนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ปัจจุบันซานถังยังคงเป็นถนนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยได้รับการยกย่องว่าเป็น “ภาพย่อของซูโจวเก่า” และยังถูกจัดอันดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ AAAA ของประเทศ

อ่านต่อ

อุทยานวัฒนธรรมแห่งชาติคลองต้ายุ่น เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

อุทยานวัฒนธรรมแห่งชาติคลองต้ายุ่น (Grand Canal National Culture Park) เป็นส่วนหนึ่งของคลองต้ายุ่นซึ่งทอดตัวยาวกว่า 3,000 กิโลเมตร และเป็นแหล่งหลอมรวมวัฒนธรรมสำคัญในประเทศจีนมานานกว่า 2,500 ปี ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองซูโจว

อ่านต่อ

สะพานโจกากุระ โอฮาชิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

สะพานโจกากุระ โอฮาชิ (Jogakura Ohashi Bridge) ในเทือกเขาฮักโกดะทางตอนใต้ในเมืองอาโอโมริ เป็นสะพานแขวนคอนกรีตเสริมเหล็กแห่งแรกของญี่ปุ่น และยังถือเป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของตัวสะพานแล้ว สะพานโจกากุระ โอฮาชิยังขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

อ่านต่อ

พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ (Showa Daibutsu Seiryu-Ji) หรือ พระพุทธรูปไดบุทสึแห่งยุคโชวะ เป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ความสูง 21.35 เมตร น้ำหนัก 77 ตันที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ

อ่านต่อ

ตลาดปลาอาอูกะ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

ตลาดปลาอาอูกะ (Auga Fresh Market) ศูนย์กลางจำหน่ายอาหารทะเลสดใหม่จากท่าเรืออาโอโมริ ที่เป็นเหมือนครัวของเมืองนี้และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่อาจพลาด

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ