ท่องเที่ยวต่างประเทศ
ยุโรป
ร้านอาหารแฮ็กซินเบาเวอร์ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
ร้านอาหารแฮ็กซินเบาเวอร์ (Haxnbauer Restaurant / Haxnbauer im Scholastikahaus) ตั้งอยู่ใกล้กับจัตุรัสมาเรียนปลาทซ์ เป็นร้านอาหารเก่าแก่ในเขตเมืองเก่าที่มีอายุนับร้อยปี ปัจจุบันเป็นหนึ่งในร้านอาหารชื่อดังของเมืองมิวนิคที่ได้รับความนิยมจากชาวมิวนิคและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยอาหารขึ้นชื่อของที่นี่คือ Haxengrill เป็นขาหมูเยอรมันที่หมักด้วยเกลือและสมุนไพรสูตรพิเศษไว้ 24 ชั่วโมงก่อนนำไปย่างด้วยถ่านไม้บีช ขาหมูจึงมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และมีรสชาติอร่อยแบบกรอบนอกนุ่มใน ด้วยเหตุนี้ร้านอาหารแฮ็กซินเบาเวอร์จึงเป็นร้านอาหารยอดนิยมในเมืองมิวนิคที่นักท่องเที่ยวควรลองไปชิมสักครั้งเมื่อไปเยือนเมืองมิวนิค
จัตุรัสมาเรียนปลาทซ์ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
จัตุรัสมาเรียนปลาทซ์ (Marienplatz) เป็นจุดแลนด์มาร์กอันยิ่งใหญ่ใจกลางเมืองมิวนิค โดดเด่นด้วยอนุเสาวรีย์พระแม่มารีทองคำความสูง 11 เมตรใจกลางจตุรัส และสถาปัตยกรรมโกธิกอันสวยงามและยิ่งใหญ่ของศาลากลางสองหลังทางด้านเหนือและด้านตะวันออก เป็นจตุรัสที่สะท้อนประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมือง และยังเป็นศูนย์กลางทางด้านการท่องเที่ยว ศาสนา และวัฒนธรรม เป็นสถานที่ที่สมเด็จพระสันตะปาปาเคยเสด็จมาเยือนถึงสามพระองค์ (สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 6 ในปีค.ศ. 1782 สมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ในปีค.ศ. 1980 และสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ในปีค.ศ. 2006) และยังเป็นสถานที่จัดตลาดคริสต์มาสประจำปี และเป็นที่เฉลิมฉลองวันครบรอบต่างๆ ของเมือง นอกจากนี้จัตุรัสมาเรียนปลาทซ์ยังเป็นสถานที่ฉลองแชมป์ของสโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิคอีกด้วย ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงระดับโลกและเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองมิวนิค
มหาวิหารเฟราเอน เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
มหาวิหารเฟราเอน (Frauenkirche) เป็นโบสถ์นิกายโรมันคาทอลิก และเป็นโบสถ์คู่บ้านคู่เมืองของเมืองมิวนิคและรัฐบาวาเรีย โดดเด่นด้วยหอคอยคู่ที่มีโดมทรงหัวหอมอยู่ที่ด้านบน เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองมิวนิคที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในย่านเมืองเก่า โดยเฉพาะบริเวณจัตุรัสมาเรียนปลาทซ์ที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเมืองมิวนิค ด้านในมหาวิหารตกแต่งอย่างเรียบง่าย บริเวณหอคอยทิศใต้นั้นเป็นหอชมเมืองความสูงราว 99 เมตรที่สามารถมองเห็นภาพมุมกว้างของเมืองมิวนิคอันน่าประทับใจ และสามารถมองเห็นเทือกเขาแอลป์ที่อยู่กลออกไปทางทิศใต้ได้อีกด้วย ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเมื่อมาเยือนเมืองมิวนิค
พิพิธภัณฑ์บีเอ็มดับเบิลยู เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
พิพิธภัณฑ์บีเอ็มดับเบิลยู (BMW Museum) และอาคารบีเอ็มดับเบิลยูเวลท์ (BMW Welt) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโอลิมเปียปาร์ค ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์บีเอ็มดับเบิลยูเป็นอาคารทรงกลมสีเงินซึ่งเรียกกันว่าพิพิธภัณฑ์ทรงถ้วย (the museum bowl) ส่วนอาคารบีเอ็มดับเบิลยูเวลท์มีความโดดเด่นด้วยอาคารทรงนาฬิกาทรายที่ตกแต่งด้วยกระจกรูปทรงเรขาคณิต ทั้งสองอาคารอยู่ใกล้กับสำนักงานใหญ่ของบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป จัดเป็นสองแลนด์มาร์กอีกแห่งหนึ่งของเมืองมิวนิคที่นักท่องเที่ยวและผู้ที่ชื่นชอบด้านยานยนต์ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ด้านในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้อมูลและยานยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีรอบเข้าชมที่มีบรรยายภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมันให้เลือกได้ตามต้องการ ผู้เข้าชมจะได้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกว่าทำไมแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูถึงเป็น หนึ่งในแบรนด์รถยนต์ชั้นนำของโลก นอกจากในส่วนของพิพิธภัณฑ์แล้ว ในละแวกเดียวกันยังเป็นพื้นที่ของบีเอ็มดับเบิลยูสำนักงานใหญ่ (BMW Headquarter) และฐานการผลิต BMW Group Plant อีกด้วย ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองมิวนิคที่ไม่ควรพลาดชม
พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และสวนลินเดอร์ฮอฟ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และสวนลินเดอร์ฮอฟ (Linderhof Palace and Park) ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ทางตอนใต้ของรัฐบาวาเรีย (Bavaria) ไม่ไกลจากเมืองมิวนิค มีความสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมร็อคโคโค ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากพระราชวังแวร์ซายน์ในประเทศฝรั่งเศส ในส่วนของสวนก็ได้จำลองมาจากสวนของแวร์ซายน์เช่นกัน พระราชวังแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในปราสาทของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย (Ludwig II of Bavaria) ที่มีความสวยงามจนกลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กใกล้กับปราสาทนอยชวานสไตน์ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองมิวนิค
พระราชวังมิวนิคเรสซิเดนซ์ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
พระราชวังมิวนิคเรสซิเดนซ์ (Munich Residence / Residenz München) ตั้งใจอยู่ใจกลางเมืองมิวนิค แต่เดิมนั้นเป็นเขตพระราชฐานของราชอาณาจักรบาวาเรียและรัฐสภาบาวาเรียในช่วงปีค.ศ. 1508 ถึง ค.ศ.1918 ปัจจุบันเป็นพระราชวังเก่าและพิพิธภัณฑ์หลวงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ศิลปะการตกแต่งภายในอันวิจิตรบรรจง และของสะสมโบราณของราชวงศ์ที่เคยครองอาณาจักรบาวาเรีย โดยพระราชวังประกอบด้วยสนามหญ้า 10 สนาม และห้องจัดแสดงอีกจำนวน 130 ห้อง ในทุกรายละเอียดภายในได้สะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ และศิลปะวัฒนธรรมอันงดงามและล้ำค่าของอาณาจักรบาวาเรียที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งโรจน์มาก่อนในประวัติศาสตร์ของเยอรมนี ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กยอดนิยมที่ไม่ควรพลาดชมเมื่อมาเยือนเมืองมิวนิค