- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- จัตุรัสกร็อง ปลัส เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
จัตุรัสกร็อง ปลัส เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม

- อ่าน (4,144)
- By Webmaster
- 16:26:06 | 14 ธ.ค. 2562
จัตุรัสกร็อง ปลัส เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
Grand Place, Brussels, Belgium
ศาลาว่าการเมืองบรัสเซลส์ (ด้านซ้าย) อาคารแมซง ดูว์ รัว (ด้านขวา) สองสถาปัตยกรรมสำคัญของจัตุรัส
จัตุรัสกร็อง ปลัส (Grand Place) คือจัตุรัสกลางเมืองบรัสเซลส์ เป็นศูนย์กลางด้านประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม ประจำเมืองที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นจัตุรัสที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1998
แผนที่ตั้ง จัตุรัสกร็อง ปลัส เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
ประวัติ
บริเวณลานตรงกลางของจัตุรัสที่หนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวตลอดทั้งวัน
จัตุรัสกร็อง ปลัส (Grand Place) เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองต่างๆ ทั่วยุโรปคือเสน่ห์ของจัตุรัสกลางเมือง ที่ถูกใช้เป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการ หรือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญประจำเมือง โดยมีพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานเทศกาล อีเว้นท์ ที่พบปะสังสรรค์ของคนในเมือง ซึ่งจัตุรัสที่สวยงาม และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปคงหนีไม่พ้น จัตุรัสกร็อง ปลัส ศูนย์กลางของเมืองบรัสเซลส์นับตั้งแต่ก่อตั้งมาจนถึงปัจจุบัน พื้นที่ใจกลางจัตุรัสเป็นทางเดินปูด้วยหิน รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นจัตุรัสที่มีความกว้าง 68 เมตร ยาว 110 เมตร และแวดล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมหลากสไตล์ทั้งบาโรค (Baroque), กอธิค (Gothic), นีโอ กอธิค (Gothic) ฯลฯ โดยต้นกำเนิดของศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์เมืองบรัสเซลส์แห่งนี้ ต้อนย้อนไปในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 แรกเริ่มนั้นจัตุรัสแห่งนี้ถูกเรียกว่า โกรเทอมาคท์ (Grote Mark) เป็นตลาดค้าขายสินค้าหลักประจำเมืองที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับการพัฒนาเชิงพาณิชย์ของชาวเมืองที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยผลผลิตหลักทางเศรษฐกิจของเมืองตอนนั้นคือ ขนมปัง ผ้า เนื้อสัตว์ ซึ่งมีจำนวนการส่งออกสูงมากจนต้องสร้างห้องโถงสามหลังเพื่อใช้เป็นศูนย์กลางการค้าของสินค้าทั้งสามประเภทโดยเฉพาะ และช่วงนี้เองที่เริ่มมีการควบคุมคลังสินค้า การใช้ภาษีซื้อขาย ทำให้จากตลาดท้องถิ่น เริ่มพัฒนามาเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเมือง มีการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนสำหรับขุนนาง พ่อค้าคนสำคัญ ผู้ปกครองเมือง เพื่อใช้เป็นที่พักพิง และสั่งการประจำตลาด กลายเป็นย่านที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาจนศตวรรษที่ 17 ทำให้ปัจจุบันนักท่องเที่ยวยังสามารถพบหลักฐานเกี่ยวกับความสำคัญของตลาดในอดีตได้ผ่านชื่อถนนต่างๆ รอบจัตุรัสที่ใช้ชื่ออาหารเป็นส่วนใหญ่ เช่นชื่อถนนเนย (Rue au Beurre Street), ถนนสมุนไพร (Rue du Marche aux Herbes Street), ถนนชีส (Rue du Marche aux Fromages Street) เป็นต้น
บรรยากาศยามเช้าตรู่ของจัตุรัสกร็อง ปลัส
หน้าประวัติศาสตร์ของจัตุรัสกร็อง ปลัส ก็ถึงจุดพลิกผันอีกครั้งในวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 1695 เมื่อกองทัพฝรั่งเศสกว่า 70,000 นาย จากเหตุการณ์ปฎิวัติฝรั่งเศส ได้ยกทัพมาถล่มเมืองบรัสเซลส์จนราบเป็นหน้ากลอง สร้างความเสียหายต่อจัตุรัส และพื้นที่โดยรอบจนเหลือแต่ซากปรักหักพัง ก่อนที่ต่อมากลุ่มกิลด์แห่งบรัสเซลส์ได้ทำการบูรณะพื้นที่บริเวณจัตุรัสขึ้นใหม่ หลังจากได้รับอนุญาตจากสภาที่ปรึกษาของเมือง และผู้ว่าการเมืองในตอนนั้น โดยมีข้อแม้ว่าต้องส่งแบบแปลนการบูรณะจัตุรัสกร็อง ปลัส มาให้คัดเลือกก่อน ทำให้สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ภายในจัตุรัสยังคงความสวยงาม ประณีต เหมือนก่อนจะถูกทำลายไม่ผิดเพี้ยน โดยกลุ่มกิลด์ต้องใช้เวลาบูรณะไปทั้งหมด 4 ปี แต่ดูเหมือนกาลเวลาจะชอบเล่นตลก เพราะในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 เหล่านักปฎิวัติก็ได้ทำการบุกจัตุรัสอีกครั้ง สถาปัตยกรรม ประติมากรรม ฯลฯ ที่กลุ่มกิลด์พากเพียรบูรณะกันขึ้นมาถูกทำลายอีกรอบ แม้ความเสียหายที่เกิดจะไม่ได้รุนแรงเท่าการรุกรานของฝรั่งเศสในครั้งแรก แต่อาคารสำคัญหลายหลังก็ได้รับความเสียหายหนัก มีการนำสถาปัตยกรรมสำคัญขายทอดตลาด จนขาดการดูแล และทำให้จัตุรัสกลายเป็นพื้นที่ทรุดโทรมจนล่วงมาถึงศตวรรษที่ 19 ผู้ว่าการเมืองคนล่าสุดก็ได้เริ่มโครงการบูรณะจัตุรัสแห่งนี้ขึ้นมาอีกครั้ง และกลายเป็นจัตุรัสที่มีความสวยงามให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมกันอย่างทุกวันนี้ โดยปัจจุบันสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงของจัตุรัสแห่งนี้ก็มีทั้ง ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ (Brussels Town Hall) อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ - , อาคารของพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (Brussels City Museum) อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ –, ประติมากรรมล้ำค่า ร้านอาหาร ร้านหนังสือ ร้านแผ่นเสียง บาร์ งานกราฟฟิตี้ ฯลฯ
สถาปัตยกรรมของอาคารที่ตั้งอยู่ในจัตุรัส
ในปี ค.ศ. 1998 จัตุรัสกร็อง ปลัส ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก และปี ค.ศ. 2010 ก็ได้รับการโหวตให้เป็นจัตุรัสที่สวยงามที่สุดในทวีปยุโรป ซึ่งทำการสำรวจโดยเว็บไซต์ www.stedentripper.com เว็บข้อมูลการท่องเที่ยวทวีปยุโรปชื่อดัง อีกไฮไลท์เด็ดของจัตุรัสคือเทศกาลพรมดอกไม้ (Brussels Flower Carpet) ที่จะมีการนำดอกไม้หลากสายพันธุ์ กว่า 500,000 ต้น มาเรียงต่อกันจนเกิดเป็นพรมขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ถึง 1,800 เมตร ซึ่งเปี่ยมไปด้วยสีสันละลายตา และลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ โดยเทศกาลนี้เกิดจากความสำเร็จของการจัดงานเฉลิมฉลองที่เบลเยียมได้เป็นประธานของสหภาพยุโรป ซึ่งมีต่อกันมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1971 ทำให้มีการจัดขึ้นอีกทุกๆ 2 ปี ในช่วงเดือนสิงหาคม และมีให้ชมกันเพียง 4 วันเท่านั้น ทำให้ที่นี่เป็นจัตุรัสกลางเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมกันหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปยุโรปเลยก็ว่าได้
แสงสียามค่ำท่ามกลางสถาปัตยกรรมอันสวยงามของจัตุรัส
สถาปัตยกรรมอันตระการตาของจัตุรัส
สถาปัตยกรรมของอาคารที่ตั้งอยู่ในจัตุรัส
ความงดงามของศาลาว่าการเมืองบรัสเซลส์
ลานกว้างตรงกลางจัตุรัส
ประติมากรรมน่าสนใจภายในจัตุรัส
สถาปัตยกรรมของอาคารที่ตั้งอยู่ในจัตุรัส
แสงสียามเช้าตรู่ของจัตุรัสกร็อง ปลัส
ม้านั่งของร้านอาหารที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับจัตุรัสกร็อง ปลัส
ร้านค้าต่างๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณรอบนอกของจัตุรัสกร็อง ปลัส
ประติมากรรมระลึกถึงชาร์ล บูลส์ นายกเทศมนตรีคนสำคัญของเมืองบรัสเซลส์ (ซ้าย) ประติมากรรมบอกเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ปฎิวัติฝรั่งเศสของเมืองบรัสเซลส์ (ขวา)
การเดินทางจากสนามบินบรัสเซลส์ซาเวนเทมไปยังสถานีรถไฟกลางเมืองบรัสเซลส์
- รถยนต์ จากสนามบินไปยังสถานีรถไฟกลางของเมืองบรัสเซลส์ (Brussels Centraal) ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 32 นาที
- รถบัส จากอาคารผู้โดยสารขาเข้าให้เดินไปขึ้นรถบัสที่สถานีรถบัสประจำสนามบิน โดยขึ้นรถบัสหมายเลข 12 ตรงไปยังสถานีรถไฟกลางเมืองบรัสเซลส์ (Brussels Centraal) ได้เลย ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 34 นาที สามารถตรวจสอบตารางเวลาการเดินรถ ราคา และข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.delijn.be/nl/routeplanner/index.html
- รถไฟ จากอาคารผู้โดยสารขาเข้าให้ลงไปขึ้นรถไฟ Airport City Express ที่ชั้นใต้ดินของอาคารเพื่อไปลงที่สถานีรถไฟกลางเมืองบรัสเซลส์ (Brussels Station) ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที สามารถตรวจสอบตารางเวลาการเดินรถ ราคา และข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.belgiantrain.be/en
การเดินทางจากสถานีรถไฟกลางเมืองบรัสเซลส์ไปยังจัตุรัสกร็อง ปลัส
- เดิน จากสถานีรถไฟกลางเมืองบรัสเซลส์สามารถเดินไปยังจัตุรัสกร็อง ปลัสได้เลย ระยะทางประมาณ 450 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาที
เวลาเปิด-ปิดทำการ
ตลอดเวลา
นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมจัตุรัส
นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมจัตุรัส
อัตราค่าเข้าชม
เข้าชมฟรี
ร้านค้าต่างๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณรอบนอกของจัตุรัสกร็อง ปลัส
นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมจัตุรัส
เวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว
ตลอดทั้งปี
ร้านค้าต่างๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณรอบนอกของจัตุรัสกร็อง ปลัส
นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมจัตุรัส
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยว จัตุรัสกร็อง ปลัส สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
จัตุรัสกร็อง ปลัส เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
(Grand Place, Brussels , Belgium)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดตลอดเวลา
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : เมืองบรัสเซลส์, ประเทศเบลเยียม
โทรศัพท์ : -
เว็บไซต์ : -
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : เว็บไซต์สำนักงานการท่องเที่ยวประเทศเบลเยียม http://walloniabelgiumtourism.co.uk/
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสำนักงานเมืองบรัสเซลส์ https://www.brussels.be/
เว็บไซต์สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองบรัสเซลส์ https://be.brussels/bruxelles
เว็บไซต์สำหรับตรวจสอบสภาพอากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์การเดินทางขนส่งมวลชนของเมืองบรัสเซลส์ http://www.stib-mivb.be/index.htm?l=fr
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

7 วันขับรถเที่ยวตะลุยแลปแลนด์
แลปแลนด์ (Lapland) ภูมิภาคซึ่งตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศฟินแลนด์ (Finland) นับเป็นจุดหมายหลักสำหรับนั่งท่องเที่ยวจากทั่วโลกรวมถึงพวกเราด้วยที่อยากจะเดินทางไปสัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยวฤดูหนาวแบบขั้วโลกเหนือ ไม่ว่าจะเป็นการพักอยู่ในที่พักแบบกระท่อมหลังคากระจกใสท่ามกลางบรรยากาศแวดล้อมของป่าสนและทุ่งหิมะขาวโพลนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เฝ้ารอชมปรากฏการณ์แสงเหนือวาดลีลาอันสวยงามเหนือท้องฟ้าในยามค่ำคืน และทำกิจกรรมฤดูหนาวสนุกๆ อย่างการนั่งเลื่อนที่วิ่งลากโดยสุนัขฮัสกี้จอมพลัง ขับสโนวโมบิลออกไปตะลุยตกปลาน้ำแข็ง รวมถึงนั่งเลื่อนกวางเรนเดียร์ เที่ยวปราสาทหิมะ ไปเที่ยวหมู่บ้านซานต้าและชมเส้นวงกลมละติจูดอาร์กติก (Arctic Circle) ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าเส้นสำคัญของโลกที่ลากผ่านเมืองโรวาเนียมี
อ่านต่อ
14 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเนฟเชียร์ ประเทศตุรกี
หากเอ่ยถึงการท่องเที่ยวประเทศตุรกี เชื่อว่าหนึ่งในภาพที่หลายๆ คนมักจะนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ คือภาพของบอลลูนลมร้อนหลากสีสันที่ลอยละล่องอยู่เต็มน่านฟ้า เหนือภูมิประเทศแปลกตาด้วยกลุ่มหินรูปทรงต่างๆ และสถานที่ที่ว่านี้ก็คือเนฟเชียร์ จังหวัดทางภาคกลางของตุรกีที่มีเมืองดังอย่างคัปปาโดเชียเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ในบทความนี้ Palanla ได้รวบรวมเอา 14 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเนฟเชียร์มาให้ออกเดินทางสำรวจไปพร้อมๆ กัน
อ่านต่อ
8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดอิซเมียร์ ประเทศตุรกี
อิซเมียร์ (Izmir) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศตุรกี และเป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากอิสตันบูล ซึ่งไม่เพียงแต่ความเป็นเมืองใหญ่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเท่านั้น ทว่าอิซเมียร์ยังรุ่มรวยไปด้วยภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง เชื่อว่า 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในอิซเมียร์ที่ Palanla ได้คัดสรรมาให้ได้ชมในบทความนี้จะทำให้คุณรู้จักอิซเมียร์มากขึ้นกว่าที่เคยอย่างแน่นอน
อ่านต่อ
7 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรกี
เดนิซลี (Denizli) จังหวัดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกีที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่งให้สำรวจ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมรดกโลกชื่อดังอย่างปามุคคาเล่ หรือเมืองโบราณเฮียราโพลิส และเมืองโบราณเลาดิเซียซึ่งเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในสมัยโรมันและไบแซนไทน์มาก่อน Palanla ได้รวบรวม 7 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเดนิซลีมาให้ได้ชมกัน
อ่านต่อ
10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไอร์แลนด์เหนือ
ประเทศไอร์แลนด์เหนือตั้งอยู่ในทวีปยุโรปและเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์เหนือมีชื่อเสียงทางด้านภูมิประเทศที่สวยงามและทิวทัศน์ทางธรรมชาติอันน่าหลงใหล อีกทั้งยังเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีพิพิธภัณฑ์และสถาปัตยกรรมต่างๆ ให้เที่ยวชมมากมายโดยมีสถานที่ท่องเที่ยวกระจายตัวอยู่ตามเมืองต่างๆ อย่างเช่นเมืองเบลฟาสต์ เมืองลอนดอนเดอร์รี่ และเมืองแถบชายฝั่งทะเล ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ก็อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ไททานิกเบลฟาสต์ที่จัดแสดงเรื่องราวของเรือไททานิกอันโด่งดัง และไจแอนท์คอสเวย์ที่ได้รับเลือกให้เป็นแหล่งมรดกโลกแห่งองค์การยูเนสโก นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยทาง Palanla ได้รวบรวมมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้
อ่านต่อ
สะพานเชือกคาร์ริก-อะ-รีด เขตอนุรักษ์แห่งชาติ ชายฝั่งคอสเวย์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
สะพานเชือกคาร์ริก-อะ-รีด เขตอนุรักษ์แห่งชาติ (National Trust Carrick-a-Rede) เป็นสะพานเชือกความยาว 20 เมตรที่เชื่อมระหว่างพื้นที่ชายฝั่งกับเกาะหินคาร์ริก-อะ-รีดที่อยู่ตรงข้ามกัน ที่นี่เป็นจุดชมทิวทัศน์มหาสมุทรแอตแลนติกอันกว้างใหญ่พร้อมกับเส้นทางผจญภัยบนสะพานเชือกที่ทอดข้ามข้ามเหวลึก 30 เมตรไปสำรวจเกาะเบื้องหน้าซึ่งเป็นที่ตั้งของกระท่อมชาวประมงเก่าแก่ที่มีอายุราวสี่ร้อยกว่าปี ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในจุดชมวิวและจุดถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
อ่านต่อ
ปราสาทเบลฟาสต์ เมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
ปราสาทเบลฟาสต์ (Belfast Castle) เป็นคฤหาสน์เก่าแก่หลังใหญ่ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบสกอตต์บารอนอย่างงดงาม ถือเป็นแลนด์มาร์กขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นบนเนินเขาเคฟฮิลล์ในเมืองเบลฟาสต์ นอกจากปราสาทเบลฟาสต์จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆ เช่น งานแต่งงานและการประชุมทางธุรกิจ นอกจากนี้ ด้วยพื้นที่เนินเขาที่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 120 เมตร จึงทำให้ที่นี่เป็นจุดชมวิวเมืองเบลฟาสต์จากมุมสูงอีกด้วย
อ่านต่อ
ตลาดเซนต์จอร์จ เมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
ตลาดเซนต์จอร์จ (St George’s Market) เป็นตลาดในร่มสไตล์วิคตอเรียนแห่งสุดท้ายที่ยังเปิดทำการอยู่ในเมืองเบลฟาสต์ ตลาดแห่งนี้เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ช่วงสายถึงบ่ายสอง โดยมีแผงขายอาหาร สินค้าแฮนด์เมด และสินค้าหลากหลายประเภท ท่ามกลางดนตรีสดและบรรยากาศที่คึกคัก ตลาดแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองในทุกสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดเซนต์จอร์จยังได้รับรางวัลทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศทางด้านผลผลิตสดใหม่ในท้องถิ่นและบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังได้รับการเสนอชื่อให้เป็นตลาดในร่มขนาดใหญ่ที่ดีที่สุดของสหราชอาณาจักรประจำปี 2023 จาก NABMA Great British Market Awards อีกด้วย
อ่านต่อ
กำแพงเมืองเดอร์รี เมืองลอนดอนเดอร์รี่ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
กำแพงเมืองเดอร์รี (The Derry Walls) เป็นอนุสรณ์สถานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเป็นกำแพงเมืองที่ยาวที่สุดและมีความสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบที่เหลืออีก 30 เมืองในไอร์แลนด์อีกด้วย กำแพงเมืองเดอร์รี่อยู่ใกล้กับแม่น้ำฟอยล์ มีประตูเมือง 7 ประตู ภายในกำแพงเมืองเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ปราสาท ศาลากลาง และโบสถ์ ไฮไลท์ของกำแพงเมืองแห่งนี้คือปืนใหญ่จำนวน 22 กระบอกที่เรียงรายไปตามป้อมปราการของกำแพงเมือง ปืนเหล่านี้เป็นปืนโบราณจากศตวรรษที่ 16, 17 และ 18 โดยมีปืนโรริงเมกอันโด่งดังตั้งอยู่ที่ป้อมปราการที่อยู่ใกล้ประตูบิชอป กำแพงเมืองเดอร์รี่จึงถือเป็นแหล่งมรดกที่มีความสำคัญระดับชาติและเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ควรแวะเที่ยวชม
อ่านต่อ
11 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ซูริค (Zurich) หนึ่งในเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของยุโรปที่นักเดินทางทั่วโลกใฝ่ฝัน เพราะนอกจากมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติอันงดงามบริสุทธิ์แล้ว ยังรุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม Palanla ได้รวบรวมเอา 11 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในซูริคมาฝากกัน
อ่านต่อ