- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- เมืองโบราณเลาดีเซีย จังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรกี
เมืองโบราณเลาดีเซีย จังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรกี
- อ่าน (5,311)
- By Webmaster
- 16:36:24 | 14 ต.ค. 2562
เมืองโบราณเลาดีเซีย จังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรกี
Laodicea on the Lycus, Denizli, Turkey
เมืองโบราณเลาดีเซีย (Laodicea on the Lycus / The ancient city of Laodicea) เมืองในยุคโบราณที่มีอายุเก่าแก่กว่า 7,500 ปี มีความสำคัญคือเป็นเมืองหนึ่งใน 7 คริสตจักร (The seven churches of Revelation) ตามที่ปรากฏในพระคัมภีร์ไบเบิลของศาสนาคริสต์ สำหรับยุคปัจจุบันเมืองโบราณเลาดีเซียนับเป็นสถาบันทางโบราณคดีแห่งแรก และเป็นแหล่งโบราณคดีที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรกี
ประวัติ
เมืองโบราณเลาดีเซีย (Laodicea on the Lycus / The ancient city of Laodicea) ตั้งอยู่ในจังหวัด Denizli เป็นเมืองโบราณในเขตชายแดนของตุรกี เมืองนี้เป็นแหล่งโบราณคดีที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน นักวิจัยคนแรกที่เริ่มสนใจซากปรักหักพังของเลาดีเซียคือ จี เวเบอร์ (G. Weber) โดยเขาได้เริ่มขุดค้นบางส่วนของเลาดีเซียในปี ค.ศ. 1833 และในปี ค.ศ. 1843 ต่อมาในปี ค.ศ. 2002 งานโบราณคดีระบบใหม่เริ่มขึ้น โดยทีมนักโบราณคดีศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยปามุกคาเล่ (Pamukkale University) และพิพิธภัณฑ์เดนิซลี เมืองโบราณแห่งนี้จึงเป็นที่รู้จักมากขึ้น
เมืองเลาดีเซียในอดีตแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ราชินี Laodice ราชินีแห่งกษัตริย์ Seleucid King Antiochus II Theos ในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช อย่างไรก็ตามจากหลักฐานการขุดค้นพบว่าประวัติศาสตร์ของเมืองเลาดีเซียนั้นมีอายุย้อนไปถึง 5,500 ปีก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว นอกจากนี้เมืองเลาดีเซียยังมีความสำคัญคือเป็นเมืองที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่าเป็นหนึ่งใน 7 คริสตจักร โดยเป็นคริสตจักรในยุคสุดท้ายจากคริสตจักรทั้งเจ็ดยุค เมืองโบราณแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกโดยเฉพาะชาวคริสต์ต้องการที่จะไปเที่ยวชมให้ได้สักครั้ง
เมืองเลาดิเซียเคยเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในระหว่างช่วงศตวรรษที่ 1 และ 3 ซึ่งจากการคำนวณประชากรของเมืองในช่วงเวลานั้นคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 80,000 คน โดยพิจารณาจากขนาดที่ใหญ่เป็นสองเท่าของเมืองโบราณของ Hierapolis และ Tripolis ซึ่งมีประชากรราว 40,000 คน
ในราวปี ค.ศ. 60 ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำให้บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างหักพังลงเป็นบริเวณกว้าง หลังจากนั้นเมืองก็สูญเสียความสำคัญและไม่สามารถกลับไปสู่ความรุ่งเรืองเช่นในอดีตได้ ซึ่งหลังจากภัยพิบัติทางธรรมชาติเมืองนี้ก็ไม่เคยได้รับการบูรณะหรือถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ผู้คนในเมืองจึงย้ายไปอยู่ที่เมืองใกล้เคียงเช่น Denizli แทน
แม้ว่าปัจจุบันเมืองโบราณเลาดีเซียจะหลงเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่โครงสร้างและชิ้นส่วนของสิ่งก่อสร้างที่เหลืออยู่บางส่วนเหล่านี้ ก็พอจะบ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีตของเมืองโบราณอันมั่งคั่งที่ตั้งอยู่บนถนนสายการค้าหลัก ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมการทอผ้าขนสัตว์ ทั้งยังมีโรงเรียนแพทย์ในสมัยโบราณมาก่อนได้เป็นอย่างดี
โครงสร้างของ Agora ทางด้านทิศเหนือของเมืองโบราณเลาดิเซีย
เสาโรมันทำจากหินอ่อนขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านเรียงราย
ซากของสิ่งก่อสร้างซึ่งทำจากหินอ่อน แกะสลักลวดลายอย่างงดงาม
Temple "A" เทวสถานในเมืองโบราณเลาดิเซียมองจากบริเวณ Agora
ซากของโครงสร้างซุ้มประตู
ถนนสายหลัก
การเดินทางจาก Istanbul ไปยัง Denizli
- เครื่องบิน (Airplane) จากอิสตันบูลไปเดินิซลีมีระยะทางประมาณ 580 กิโลเมตร การเดินทางโดยรถยนต์จะใช้เวลาประมาณ 6 - 8 ชั่วโมง หากนักท่องเที่ยวไม่ได้มีความประสงค์ที่จะเช่ารถขับเพื่อแวะเที่ยวชมที่ต่างๆ ระหว่างทาง การเดินทางโดยเครื่องบินซึ่งใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 15 นาที จึงเป็นทางเลือกที่สะดวกและประหยัดเวลาไปได้มาก จากอิสตันบูลมีเที่ยวบินตรงออกจากสนามบิน Istanbul International Airport และจากสนามบิน Sabiha Gokcen International Airport ไปยังสนามบิน Denizli Airport ของเดนิซลีให้บริการ 4 – 7 เที่ยวต่อวัน นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบตารางเที่ยวบิน ราคา และดูข้อมูลเพิ่มเติมและได้ที่ https://www.google.com/flights?hl=th&authuser=0#flt=/m/09949m.DNZ.2019-10-09*DNZ./m/09949m.2019-10-13;c:THB;e:1;sd:1;t:f
- รถโดยสารประจำทาง (Bus) หากนักท่องเที่ยวไม่ได้มีเงื่อนไขเรื่องเวลาและต้องการประหยัดค่าเดินทาง ซึ่งราคาตั๋วรถโดยสารสำหรับเส้นทางอิสตันบูล – เดนิซลี นั้นจะเริ่มต้นที่ประมาณ 120 – 143 ลีราตุรกี หรือราวๆ 640 - 765 บาท โดยจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 9 – 12 ชั่วโมง ทั้งนี้นักท่องเที่ยวควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เปรียบเทียบอัตราค่าโดยสารก่อนซื้อตั๋วเพราะราคาอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับรอบเวลาเดินทาง โดยบริษัทที่ให้บริการเดินรถนั้นมีอยู่หลายบริษัทด้วยกัน ได้แก่ Nilüfer Turizm, Efe Tur, Alaşehir Sarıkız Turizm, Metro Turizm, Pamukkale Turizm นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบตารางเวลาการเดินรถ ราคา และดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.busbud.com/en/bus-schedules-results/sxk96f/swswvu?outbound_date=2019-10-03&adults=1
- รถเช่า (Rental Car) สำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวในตุรกีโดยการเช่ารถขับเองอยู่แล้ว ก็มีบริษัทเช่ารถยนต์ให้บริการอยู่หลายบริษัท อาทิ Avis, Budget, Enterprise, Europcar, Hertz และ Sixt สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.rentalcars.com/en/city/tr/istanbul/
การเดินทางจากสนามบิน Denizli Airport ไป Laodicea on the Lycus
- รถยนต์ (Car) จากสนามบิน Denizli Airport ไป Laodicea on the Lycus มีระยะทาง 66.8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 55 นาที
จากสนามบิน Denizli Airport จะมีทัวร์ให้บริการจากสนามบินไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยตรง ทั้งนี้ทัวร์ส่วนใหญ่จะเริ่มเดินทางออกจากสนามบินตั้งแต่ช่วงเช้า ดังนั้น เที่ยวบินที่นักท่องเที่ยวนั่งมาลงที่เดนิซลีควรมาถึงระหว่างเวลา 07.00 – 08.00 น.
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 – 18.45 น.
อัตราค่าเข้าชม
บัตรเข้าชมราคา 18 ลีราตุรกี
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว Laodicea on the Lycus
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว Laodicea on the Lycus ได้แก่
- First Church of Laodicea on the Lycus
โบสถ์แห่งแรกของเมืองเลาดิเซียตามที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล
- Syria Street
ถนนซีเรียในเมืองโบราณเลาดีเซีย (Syria Street in Laodicea on the Lycus)
- Temple "A"
Temple "A" เทวสถานในเมืองโบราณเลาดิเซีย
- Temple of Zeus
“Temple of Zeus” เป็นเทวสถานที่สร้างแด่เทพเจ้าซีอุส
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยว Laodicea of Lycus ได้ตลอดทั้งปี ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม - กลางเดือนมิถุนายน) ซึ่งเป็นช่วงที่สภาพอากาศของประเทศตุรกีกำลังดี ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไปและเป็นช่วงที่กลางวันยาว นักท่องเที่ยวจึงสามารถใช้เวลาเที่ยวชมสถานที่ได้ยาวนานขึ้น
บรรยากาศโดยรอบ มีป้ายให้ข้อมูลความรู้แก่นักท่องเที่ยวกำกับอยู่ตามจุดๆ ที่สำคัญ
ซากสิ่งก่อสร้างบางส่วนของเมืองโบราณเลาดิเซีย
แม้ว่าปัจจุบันเมืองโบราณเลาดีเซียจะหลงเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่โครงสร้างและชิ้นส่วนของสิ่งก่อสร้างที่เหลืออยู่เหล่านี้ ก็พอจะบ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีตได้เป็นอย่างดี
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
การเดินเที่ยวชมรอบๆ Laodicea on the Lycus ใช้เวลาประมาณ 1 – 1.5 ชั่วโมง ภายในเมืองโบราณลูดีเซียไม่มีร้านค้า ดังนั้นหากต้องการใช้เวลาอยู่ที่นี่นานนักท่องเที่ยวควรเตรียมน้ำหรืออาหารมาด้วยเพื่อความสะดวก
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม Laodicea on the Lycus สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
เมืองโบราณเลาดีเซีย จังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรกี
(Laodicea on the Lycus, Denizli, Turkey)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : บัตรเข้าชมราคา 18 ลีราตุรกี
เวลาเปิด – ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 – 18.45 น.
ตั้งอยู่ที่ : Eskihisar, Denizli, Turkey
โทรศัพท์ : -
เว็บไซต์ : -
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวเมืองเดนิซลี http://www.pamukkale.gov.tr/en
เว็บไซต์การท่องเที่ยวประเทศตุรกี https://www.visitturkey.in/
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อรวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ