- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- ปามุคคาเล่ จังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรกี
ปามุคคาเล่ จังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรกี
- อ่าน (7,119)
- By Webmaster
- 16:18:59 | 14 ต.ค. 2562
ปามุคคาเล่ จังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรกี
Pamukkale, Denizli, Turkey
ปามุคคาเล่ (Pamukkale) หรือ ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ของตุรกีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ด้วยภาพคุ้นตาคือน้ำสีฟ้าใสในแอ่งสีขาวที่ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ สวยงามเหล่านี้เป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ถูกค้นพบโดยชาวโรมันเมื่อหลายพันปีมาแล้ว และเป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ. 1988
ประวัติ
ปามุคคาเล่ เป็นเนินเขาหินปูนสีขาว ความยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร สูง 160 เมตร ตั้งอยู่ในจังหวัดเดนิซลี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งสปา” เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก เนินเขาหินปูนสีขาวที่ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ จนถูกเรียกว่าเป็นปราสาทปุยฝ้ายเหล่านี้เกิดจากน้ำพุร้อนที่นำแคลเซียมคาร์บอเนตมาตกตะกอน ด้วยลักษณะทางธรรมชาติที่โดดเด่นไม่เหมือนที่ใดในโลก ปามุคคาเล่จึงได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกโลกร่วมกับเมืองโบราณเฮียราโพลิส (Hierapolis) ซึ่งตั้งอยู่บนปามุคคาเล่ ในปี ค.ศ. 1988
ปามุคคาเล่เป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เกิดจากความดันความร้อนใต้พื้นดินที่ 35 - 36 องศาเซลเซียส แหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติเหล่านี้เกิดจากการประทุของน้ำและมีแคลเซียมไฮดรอกซัลคาร์บอเนตออกมา ผนวกกับพื้นที่บริเวณนี้มีการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกอยู่บ่อยครั้ง จึงก่อให้เป็นแหล่งบ่อน้ำพุร้อนจำนวนมาก
ว่ากันว่าน้ำพุร้อนที่นี่มีอายุมากว่า 14,000 ปี โดยตะกอนที่ไหลมาได้ฝังตัวทับถมกันจนเป็นตะไคร่น้ำสีขาวและกลายเป็นปราสาทปุยฝ้ายเช่นที่ปรากฏ ส่วนน้ำสีฟ้าใสราวกับแสงตกกระทบกับกระเบื้องหินอ่อนนั้น เกิดจากน้ำร้อนที่ทำปฏิกิริยากับกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และสูญเสียความร้อน เมื่อก๊าซสัมผัสกับอากาศจึงทำให้แคลเซียมคาร์บอเนตตกตะกอน พื้นน้ำในบ่อน้ำพุร้อนเหล่านี้จึงมีสีฟ้าสดใส สวยงาม และเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถแช่น้ำแร่ธรรมชาติที่นี่ได้ด้วย
ปามุคคาเล่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง คือระหว่างเดือนกันยายน – พฤศจิกายน และช่วงฤดูใบไม้ผลิ คือระหว่างเดือนมีนาคม – พฤษภาคมจะเป็นช่วงที่น้ำจะเต็มทุกบ่อ และอากาศไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไปจึงเหมาะสำหรับการมาเที่ยวปามุคคาเล่ที่สุด เพราะในช่วงฤดูร้อนนั้นน้ำจะค่อนข้างแห้งและอากาศร้อนอบอ้าว ส่วนฤดูหนาวอากาศก็หนาวเย็นจนเกินไป มีทั้งความหนาวจากลมและจากหิมะเนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้อยู่ติดกับทะเล แต่หากนักท่องเที่ยวไม่ได้มีเงื่อนไขในเรื่องของสภาพอากาศที่หนาว การเดินทางมาเที่ยวปามุคคาเล่ในฤดูนี้ก็จะได้สัมผัสกับความสวยงามในอีกบรรยากาศที่ต่างออกไป
ปามุคคาเล่ เป็นเนินเขาหินปูนสีขาว ความยาวทอดไกลประมาณ 2.7 กิโลเมตร
เนินเขาหินปูนสีขาวที่ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ เหล่านี้เกิดจากน้ำพุร้อนที่นำแคลเซียมคาร์บอเนตมาตกตะกอน
ปามุคคาเล่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกโลกร่วมกับเมืองโบราณฮีเอราโปลิส (Hierapolis) ในปี ค.ศ. 1988
เชื่อกันว่าน้ำพุร้อนที่นี่สามารถรักษาโรคได้
แหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติเหล่านี้เกิดจากการประทุของน้ำและทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุ ผนวกกับพื้นที่บริเวณนี้มีการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกอยู่บ่อยครั้ง จึงก่อให้เป็นแหล่งบ่อน้ำพุร้อนจำนวนมาก
ตะกอนที่ไหลมาฝังตัวทับถมกันจนเป็นตะไคร่น้ำสีขาวและกลายเป็นปราสาทปุยฝ้ายตามที่เรียกขานกัน
บรรยากาศอันงดงามยามพระอาทิตย์ทอแสงลงมาตกกระทบ
นักท่องเที่ยวดื่มด่ำกับบรรยากาศอันสวยงามของปามุคคาเล่ในยามเย็น
ความงดงามของธรรมชาติ
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และฤดูใบไม้ผลิ จะเป็นช่วงที่น้ำเต็มทุกบ่อ
นักท่องเที่ยวระหว่างที่พักจากการลงแช่น้ำในบ่อ
การเดินทางจาก Istanbul ไปยัง Denizli
- เครื่องบิน (Airplane) จากอิสตันบูลไปเดินิซลีมีระยะทางประมาณ 580 กิโลเมตร การเดินทางโดยรถยนต์จะใช้เวลาประมาณ 6 - 8 ชั่วโมง หากนักท่องเที่ยวไม่ได้มีความประสงค์ที่จะเช่ารถขับเพื่อแวะเที่ยวชมที่ต่างๆ ระหว่างทาง การเดินทางโดยเครื่องบินซึ่งใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 15 นาที จึงเป็นทางเลือกที่สะดวกและประหยัดเวลาไปได้มาก จากอิสตันบูลมีเที่ยวบินตรงออกจากสนามบิน Istanbul International Airport และจากสนามบิน Sabiha Gokcen International Airport ไปยังสนามบิน Denizli Airport ของเดนิซลีให้บริการ 4 – 7 เที่ยวต่อวัน นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบตารางเที่ยวบิน ราคา และดูข้อมูลเพิ่มเติมและได้ที่ https://www.google.com/flights?hl=th&authuser=0#flt=/m/09949m.DNZ.2019-10-09*DNZ./m/09949m.2019-10-13;c:THB;e:1;sd:1;t:f
- รถโดยสารประจำทาง (Bus) หากนักท่องเที่ยวไม่ได้มีเงื่อนไขเรื่องเวลาและต้องการประหยัดค่าเดินทาง ซึ่งราคาตั๋วรถโดยสารสำหรับเส้นทางอิสตันบูล – เดนิซลี นั้นจะเริ่มต้นที่ประมาณ 120 – 143 ลีราตุรกี หรือราวๆ 640 - 765 บาท โดยจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 9 – 12 ชั่วโมง ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เปรียบเทียบอัตราค่าโดยสารก่อนซื้อตั๋วเพราะราคาอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับรอบเวลาเดินทาง โดยบริษัทที่ให้บริการเดินรถนั้นมีอยู่หลายบริษัทด้วยกัน ได้แก่ Nilüfer Turizm, Efe Tur, Alaşehir Sarıkız Turizm, Metro Turizm, Pamukkale Turizm นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบตารางเวลาการเดินรถ ราคา และดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.busbud.com/en/bus-schedules-results/sxk96f/swswvu?outbound_date=2019-10-03&adults=1
- รถเช่า (Rental Car) สำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวในตุรกีโดยการเช่ารถขับเองอยู่แล้ว ก็มีบริษัทเช่ารถยนต์ให้บริการอยู่หลายบริษัท อาทิ Avis, Budget, Enterprise, Europcar, Hertz และ Sixt สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.rentalcars.com/en/city/tr/istanbul/
การเดินทางจากสนามบิน Denizli Airport ไป Pamukkale
- รถยนต์ (Car) จากสนามบิน Denizli Airport ไป Pamukkale มีระยะทาง 68.9 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 52 นาที
จากสนามบิน Denizli Airport จะมีทัวร์ให้บริการจากสนามบินไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยตรง ทั้งนี้ทัวร์ส่วนใหญ่จะเริ่มเดินทางออกจากสนามบินตั้งแต่ช่วงเช้า ดังนั้น เที่ยวบินที่นักท่องเที่ยวนั่งมาลงที่เดนิซลีควรมาถึงระหว่างเวลา 07.00 – 08.00 น.
เวลาทำการเปิด – ปิด
เวลาสำหรับเปิดให้เที่ยวชมปามุคคาเล่แตกต่างกันไปตามฤดูกาล ดังนี้
15 เมษายน – 2 ตุลาคม เปิดให้เข้าชมระหว่างเวลา 08.00 – 21.00 น.
3 ตุลาคม – 14 เมษายน เปิดให้เข้าชมระหว่างเวลา 08.30 - 17.00 น.
ทัศนียภาพของบ่อน้ำพุร้อนสีขาวเป็นชั้นๆ ที่ลดหลั่นกัน บางบ่อก็ไม่มีน้ำในฤดูนั้นๆ
อัตราค่าเข้าชม
ค่าเข้าชม 35 ลีราตุรกี
สันนิษฐานว่าน้ำพุร้อนที่นี่มีอายุมากว่า 14,000 ปี
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว Pamukkale
เมื่อไปเที่ยวที่ปามุคคาเล่ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ หากมีเวลานักท่องเที่ยวจึงไม่ควรพลาดที่จะลองแช่น้ำพุร้อนซึ่งเต็มไปด้วยแร่ธาตุ โดยเชื่อกันว่าแร่ธาตุจากน้ำพุร้อนที่นี่จะช่วยบำรุงผิว การไหลเวียนของโลหิต ช่วยคลายอ่อนเพลียให้แก่ร่างกายเป็นต้น การแช่ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดว่ายน้ำ นักท่องเที่ยวสามารถใส่กางเกงขาสั้นที่เหมาะสมกับเสื้อยืดลงแช่ก็ได้
ปามุคคาเล่เป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เกิดจากความดันความร้อนใต้พื้นดินที่ 35 - 36 องศาเซลเซียส
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวที่ปามุคคาเล่ได้ตลอดทั้งปี ทั้งนี้ช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) และฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม) เนื่องจากเป็นช่วงที่น้ำจะเต็มทุกบ่อ และอากาศไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป
บรรยากาศของนักท่องเที่ยวที่เพลิดเพลินกับการมาเที่ยวชมปามุคคาเล่
น้ำสีฟ้าใสเกิดจากน้ำพุร้อนที่ทำปฏิกิริยากับกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และสูญเสียความร้อน เมื่อก๊าซสัมผัสกับอากาศจึงทำให้แคลเซียมคาร์บอเนตตกตะกอน
ทัศนียภาพมุมสูงของปามุคคาเล่
การล่องบอลลูนในยามเช้าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวปามุคคาเล่
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
บริเวณทางเข้าปามุคคาเล่จะมีป้ายติดไว้ว่าให้ถอดรองเท้าก่อนเดินเข้าไปในอุทยาน โดยเมื่อถอดรองเท้าแล้วให้นักท่องเที่ยวถือรองเท้าไปด้วย นักท่องเที่ยวควรปฏิบัติตามเพื่อช่วยกันรักษาธรรมชาติที่สวยงามให้คงอยู่
ทั้งนี้ เนื่องจากเมืองโบราณเฮียราโพลิส สระโบราณของคลีโอพัตรา และปามุคคาเล่ นั้นอยู่ในเส้นทางเดียวกัน จึงแนะนำว่าสถานที่แรกที่นักท่องเที่ยวควรไปคือ เมืองโบราณเฮียราโพลิส โดยอาจใช้เวลาเที่ยวชมอยู่ที่นั่นสัก 1 - 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงมาต่อที่สระโบราณของคลีโอพัตราเพื่อลงแช่น้ำคลายร้อน แล้วค่อยมาปิดท้ายที่ปามุคคาเล่ เดินทอดน่องที่ปราสาทปุยฝ้ายในบรรยากาศแดดล่มลมตก และชมพระอาทิตย์ตกอันแสนแสนงดงามที่นี่เป็นสิ่งสุดท้ายของวัน
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม Pamukkale สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
ปามุคคาเล่ จังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรกี
(Pamukkale, Denizli, Turkey)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ค่าเข้าชม 35 ลีราตุรกี
เวลาเปิด – ปิด : 15 เมษายา – 2 ตุลาคม เปิดให้เข้าชมเวลา 08.00 – 21.00 น.
3 ตุลาคม – 14 เมษายน เปิดให้เข้าชมเวลา 08.30 - 17.00 น.
ตั้งอยู่ที่ : Denizli, Turkey
โทรศัพท์ : -
เว็บไซต์ : https://www.pamukkale-turkey.com
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวเมืองเดนิซลี http://www.pamukkale.gov.tr/en
เว็บไซต์การท่องเที่ยวประเทศตุรกี https://www.visitturkey.in/
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อรวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ