- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- หอนาฬิกาบิ๊กเบน กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
หอนาฬิกาบิ๊กเบน กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
- อ่าน (4,178)
- By Webmaster
- 09:14:42 | 12 ก.ย. 2566
หอนาฬิกาบิ๊กเบน กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
Big Ben, London, England
หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในลอนดอนที่มีชื่อเสียงก้องโลก และเป็นสมบัติล้ำค่าของประเทศอังกฤษมานานกว่า 160 ปี โดยแต่เดิมนั้นคำว่าบิ๊กเบนเป็นชื่อของระฆังใบที่ใหญ่ที่สุดในหอนาฬิกา เรียกอีกอย่างว่า “มหาระฆัง” หรือ “เดอะเกรทเบลล์” มีน้ำหนักถึง 13 ตัน
ประวัติความเป็นมา
บิ๊กเบน หรือชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "มหาระฆังแห่งหอคอยเอลิซาเบธ" (Great Bell of the Elizabeth Tower) เป็นหอนาฬิกาประจำพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งในปัจจุบันใช้เป็นรัฐสภาของสหราชอาณาจักร โดยตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง หอนาฬิกาความสูง 96.3 เมตรที่ตั้งตระหง่านใจกลางกรุงลอนดอน โดดเด่นด้วยหน้าปัดนาฬิกาขนาดใหญ่ งานแกะสลักหินวิจิตร และยอดแหลมสีทองแห่งนี้ ได้ชื่อว่าเป็นนาฬิกาบอกเวลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ตามจริงแล้วบิ๊กเบนไม่ได้เป็นชื่อของหอนาฬิกา ทว่าเป็นชื่อเล่นของระฆังใบใหญ่ที่สุดจากจำนวน 5 ใบในหอนาฬิกา โดยมีน้ำหนักมากถึง 13 ตัน แขวนอยู่บริเวณช่องลมเหนือหน้าปัดนาฬิกา เชื่อกันว่า “บิ๊กเบน” ถูกเรียกตามเซอร์ “เบนจามิน ฮอลล์” ผู้ควบคุมการติดตั้งมหาระฆังในขณะนั้น
ตัวนาฬิกา เป็นผลงานการออกแบบโดยเซอร์ เอ็ดมันด์ เบ็คเค็ตต์ เดนิสัน (Edmund Beckett Denison) ซึ่งใช้เวลาในการสร้างถึง 13 ปีจึงแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1859 โดยหน้าปัดนาฬิกานั้นสามารถบอกเวลาได้ทั้งสี่ด้าน นอกจากนี้ยังประกอบด้วยระฆังตีบอกเวลา 5 ใบ โดยมีระฆัง 1 ใบที่ทำหน้าที่ตีบอกเวลา ส่วนอีก 4 ใบนั้นรับบทตีเพื่อให้เกิดความไพเราะเท่านั้น ซึ่งนอกจากบิ๊กเบนจะทำหน้าที่บอกเวลาแก่ชาวลอนลอนแล้ว นาฬิกาเรือนใหญ่หลังนี้ยังเป็นเครื่องบอกเวลามาตรฐานของหอดูดาวเมืองกรีนิช ผ่านสถานีวิทยุ BBC ที่จะถ่ายทอดสดเสียงตีบอกเวลาให้ได้ยินกันทั่วโลกอีกด้วย บิ๊กเบนเริ่มตีเสียงก้องกังวานให้ชาวกรุงลอนดอนได้ยินเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 ก.ค. ปี ค.ศ. 1859 ซึ่งนับจากวันนั้นจนถึงปัจจุบันก็เป็นเวลามากกว่า 160 ปีมาแล้ว
ในส่วนของหอคอย มีสถาปนิกผู้ออกแบบคือชาร์ล แบร์รี่ (Charles Barry) และออกัสตัส พิวจิน (Augustus Pugin) เป็นสถาปัตยกรรมแบบฟื้นฟูกอธิคที่คลาสสิกงามสง่า ก่อสร้างด้วยอิฐและหินปูน เรียกว่าถูกสร้างขึ้นด้วยมาตรฐานสูงสุด โดยใช้ช่างฝีมือที่ดีที่สุดและวัสดุที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ในยุคนั้นเลย หอคอยเริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1843 ตรงกับรัชสมัยพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 และสร้างแล้วเสร็จในรัชสมัยสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย โดยในเวลาต่อมาช่วงเดือนมิถุนายนปี ค.ศ. 2012 หอนาฬิกาบิ๊กเบนก็ได้ถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า “หอเอลิซาเบธ" เพื่อถวายพระเกียรติแด่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในวโรกาสครองราชย์ครบ 60 ปี แต่คนทั่วไปก็ยังเรียกหอนาฬิกาแห่งนี้ว่า “บิ๊กเบน” ด้วยความคุ้นชินมาอย่างยาวนาน
บิ๊กเบนเพิ่งผ่านการบูรณะครั้งสำคัญที่สุดมาเมื่อไม่นาน โดยปิดซ่อมแซมมาตั้งแต่ปีค.ศ.2017 และเพิ่งแล้วเสร็จในปีค.ศ. 2022 นอกจากความงามอลังการที่เผยให้เราได้เห็นในระยะใกล้แล้ว ว่ากันว่ามุมที่สวยที่สุดของหอนาฬิกาบิ๊กเบนนั้นต้องมองจากฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเทมส์ หรือขณะที่เดินเล่นบนสะพานเวสต์มินสเตอร์เพื่อไปชมอาคารรัฐสภา จึงจะถือว่าได้ว่ามาถึงลอนดอนแล้วอย่างแท้จริง
บิ๊กเบน หรือชื่อทางการว่า "มหาระฆังแห่งหอคอยเอลิซาเบธ" (Great Bell of the Elizabeth Tower)
หอนาฬิกาบิ๊กเบน แม่น้ำเทมส์ และสะพานเวสต์มินสเตอร์
หอนาฬิกาบิ๊กเบนมุมมองจากบนสะพานเวสต์มินสเตอร์
หอนาฬิกาบิ๊กเบนมองจากจัตุรัสรัฐสภา (Parliament Square)
ความงดงามของหอนาฬิกาบิ๊กเบนและสะพานเวสต์มินสเตอร์ในยามค่ำคืน
การเดินทางจากสนามบินฮีทโธรวไปยังตัวเมือง(บิ๊กเบน)
- รถไฟฟ้าใต้ดิน จาก Hatton Cross Station ซึ่งเป็นสถานีที่เชื่อมต่อระหว่างสนามบินฮีทโธรว เลือกขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสาย Piccadilly (สีน้ำเงิน) ลงเปลี่ยนสถานทีที่ Greenpark Station เพื่อเปลี่ยนเป็นสาย Jubilee (สีเทา) และนั่งต่อไปอีกนิด เลือกลง Westminster Station เนื่องจากเป็นสถานีที่อยู่ใกล้กับหอนาฬิกาบิ๊กเบนมากที่สุด ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 50 นาที
- รถประจำทาง นักท่องเที่ยวต้องเริ่มต้นขึ้นรถประจำทางที่ Hatton Cross (Stop C) ซึ่งเป็นป้ายรถประจำทาง สำหรับการเดินทางไปยังตัวเมือง (หอนาฬิกาบิ๊กเบน) ด้วยระยะทาง 31 กิโลเมตร โดยต้องขึ้นรถสาย 490 ไปลงที่ Richmond เพื่อเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสาย District (สีเขียว) ลงสถานี Westminster Station และเดินต่ออีกประมาณ 300 เมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
- แท็กซี่ (Black Cap) เป็นการเดินทางที่สะดวกสบายที่สุดแต่มีราคาค่อนข้างแพง เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีสัมภาระค่อนข้างเยอะ ค่าแท็กซี่จากสนามบินฮีทโธรวไปยังตัวเมืองมีราคา 52 – 97 ปอนด์ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและสภาพการจราจร
หอนาฬิกาบิ๊กเบนมีความสูง 96.3 เมตรตั้งตระหง่านใจกลางกรุงลอนดอน
เวลาทำการเปิด-ปิด
เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
อัตราเข้าชม
เข้าชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
เวลาที่เหมาะสมสำหรับท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวยังลอนดอนประเทศอังกฤษได้ตลอดทั้งปี โดยประเทศอังกฤษจะมีทั้งหมด 4 ฤดู แบ่งเป็นฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม), ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม), ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน –พฤศจิกายน) และ ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางได้ที่ https://www.accuweather.com/
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม หอนาฬิกาบิ๊กเบน สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
หอนาฬิกาบิ๊กเบน กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
(Big Ben, London, England)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
โทรศัพท์ : -
เว็บไซต์ : -
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
การท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ https://www.visitbritain.com
ระบบขนส่งสาธารณะของลอนดอนและอัตราค่าโดยสาร https://tfl.gov.uk/maps/track
สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย https://www.gov.uk/world/organisations/british-embassy-bangkok.th
ตรวจสอบข้อมูลและเวลารถไฟฟ้าใต้ดิน www.tfl.gov.uk
เว็บไซต์การยื่นขอวีซ่า www.vfsglobal.co.uk/thailand/
ตรวจสอบการเดินทางข้ามเมือง www.nationalrail.co.uk
เว็บไซต์สำหรับบริษัทรับฝากกระเป๋า www.left-baggage.co.uk/
เว็บไซต์ให้บริการเรียกรถแท็กซี่ www.comcablondon.com
เว็บไซต์สำหรับเช่ารถจักรยานเที่ยวชมเมือง www.tfl.gov.uk/barclayscyclehire
ตรวจสอบข้อมูลและตารางการเดินรถของรถเมล์ www.tfl.gov.uk/buses
ตรวจสอบการซื้อบัตร London Pass ได้ที่ www.heathrowexpress.com
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อรวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ