- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี

- อ่าน (7,904)
- By Webmaster
- 12:58:25 | 8 เม.ย. 2563
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี
Saint Peter’s Basilica, Vatican, Rome, Italy
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (Saint Peter’s Basilica) ศาสนสถานที่มีสถาปัตยกรรมอันงดงาม และมีอายุเก่าแก่กว่า 400 ปี มหาวิหารแห่งนี้คือสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่ประจำนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ใครๆ ก็ไม่อาจพลาดเมื่อมาเที่ยววาติกัน
ประวัติ
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1626 เป็นศาสนสถานที่ดำรงความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญเป็นอันดับแรกๆ ของโลกก็ว่าได้ โดยในแต่ละปีนั้นมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวที่มหาวิหารแห่งนี้เป็นจำนวนมากถึง 10 ล้านคน
มหาวิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 14 ไร่และจุคนได้มากกว่า 60,000 คน ด้วยความใหญ่โตและวิจิตรงดงามของมหาวิหารแห่งนี้จึงใช้เวลาสร้างยาวนานกว่า 120 ปีจึงแล้วเสร็จ ความโดดเด่นของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์คือสถาปัตยกรรมโดมสูงที่มีความงดงามวิจิตร ซึ่งภายในอาคารนั้นประดับตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังและโมเสคผลงานของแบร์นินี (Bernini) และจอตโต (Giotto) สถาปนิกและจิตรกรระดับโลกชาวอิตาลีจากเมืองฟลอเรนซ์ รวมถึงผลงานศิลปะล้ำค่าอีกจำนวนมาก อาทิ งานประติมากรรมรูปปั้นผลงานของไมเคิล แอนเจโล (Michael Angelo) และประติมากรรมรูปนักบุญปีเตอร์ ผลงานของอาร์โนลโฟ ดี กัมบิโอ (Arnolfo di Cambio)
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เป็นสถานที่สำคัญที่มีประวัติความเป็นมาเชื่อมโยงกับปกรณัมของศาสนาคริสต์โดยมีเรื่องเล่าขานว่า ภายหลังจากการตรึงกางเขนพระคริสต์ เปโตรหรือปีเตอร์ซึ่งเป็นสาวกหนึ่งใน 12 คน ได้เดินทางไกลมายังกรุงโรมและพลีชีพเพื่อศาสนา ซึ่งสถานที่พลีชีพนั้นปัจจุบันคือบริเวณที่อยู่ใกล้กับเสาโอเบลิสก์อียิปต์ (Egyptian Obelisk) แต่เดิมมีก้อนหินสีแดงตั้งไว้เป็นเครื่องหมาย ภายหลังกลายเป็นแท่นบูชา และถัดมาจึงกลายมาเป็นมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แห่งแรกซึ่งทำด้วยไม้ในปีค.ศ. 360 และตั้งอยู่ ณ ที่นี้เป็นเวลากว่าพันปี กระทั่งได้เสื่อมสลายลงในศตวรรษที่ 15 โดยในปีค.ศ. 1506 สมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสได้เริ่มต้นการก่อสร้างมหาวิหารแห่งใหม่ และมีศิลปินสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการระดับโดลกหลายคนที่เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการสร้างมหาวิหารแห่งนี้ให้ออกมาอย่างวิจิตรงดงามดังที่เห็น
โดยหลังจากที่นักโบราณคดีได้ใช้เวลาเป็น 10 ปีในการขุดค้นห้องใต้ดินภายในมหาวิหารเพื่อยืนยันความเชื่อที่เชื่อถือกันมาอย่างยาวนานว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ฝังศพของนักบุญเปโตรหรือปีเตอร์ผู้ซึ่งต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกของโรม ในปีค.ศ. 1950 ระหว่างการออกอากาศทางวิทยุของสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 ก็ได้มีการประกาศว่ามีการค้นพบศพนักบุญเปโตรโตรหรือปีเตอร์ และด้วยความเชื่อที่ว่าที่นี่คือที่ฝังร่างของสมเด็จพระสันตะปาปาองค์แรก จึงทำให้พระสันตะปาปาองค์ต่อมาถูกฝังร่างที่นี่ ทำให้ภายใต้มหาวิหารแห่งนี้เป็นที่ฝังร่างของพระสันตะปาปาองค์สำคัญมากกว่า 91 องค์ ที่นี่จึงเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของคริสตจักรโรมันคาทอลิกอย่างไม่น่าแปลกใจ
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1626
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ถือเป็นศาสนสถานที่ดำรงความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในศาสนาคริสต์นิการคาทอลิก
ในแต่ละปีนั้นมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวที่มหาวิหารแห่งนี้เป็นจำนวนมากถึง 10 ล้านคน
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 14 ไร่และจุคนได้มากกว่า 60,000 คน
ด้วยความใหญ่โตและวิจิตรงดงามของมหาวิหารแห่งนี้จึงใช้เวลาสร้างยาวนานกว่า 120 ปี
การเดินทางจากสนามบินสู่ตัวเมือง
สนามบินโรม หรือชื่อทางการคือท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน (Leonardo da Vinci-Fiumicino Airport) ภาษาอิตาเลียนใช้ Fiumicino Aeroporto ตั้งอยู่ห่างจากกรุงโรมประมาณ 30 กิโลเมตร จากสนามบินนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าเมืองไปยังสถานีรถไฟหลักคือสถานี Roma Termini ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินทางของกรุงโรมได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้
- รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากสนามบิน Fiumicino Aeroporto ไปยังสถานี Roma Termini โดยใช้เส้นทางสาย A91 มีระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
- รถไฟ (Train) จากสนามบิน Fiumicino Aeroporto นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟสาย RV3231 ไปยังสถานี Roma Termini ได้โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
การเดินทางไป Saint Peter’s Basilica
- รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากสถานี Roma Termini ไปยัง Saint Peter’s Basilica โดยใช้เส้นทางสาย Viale del Muro Torto มีระยะทาง 6.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 17 นาที
- รถประจำทาง (Bus) จากสถานี Roma Termini ไปยัง Saint Peter’s Basilica นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถประจำทางสาย 64 ไปลงที่ป้าย Cavalleggeri/S. Pietro ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
เวลาทำการเปิด – ปิด
วันที่ 1 ตุลาคม – 31 มีนาคม เปิดเวลา 7.00 – 18.30 น.
วันที่ 1 เมษายน – 30 กันยายน เปิดเวลา 7.00 – 19.00 น.
ภายในอาคารประดับตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังและโมเสคผลงานของศิลปินชื่อดังจำนวนมาก
อัตราค่าเข้าชม
การเข้าชม St. Peter's Basilica เฉยๆ ไม่เสียค่าเข้าชม
การเข้าชม St. Peter's Basilica พร้อมด้วย Audioguide App สำหรับผู้ใหญ่ราคา 19.50 ยูโร
การขึ้นลิฟต์ไปชมส่วนโดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (Dome of St. Peter's Basilica with elevator (ระยะทางการเดินเท่ากับ 320 ก้าว) สำหรับผู้ใหญ่ราคา 10 ยูโร
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แห่งแรกซึ่งทำด้วยไม้ในปีค.ศ. 360 และตั้งอยู่ ณ ที่นี้เป็นเวลากว่าพันปี
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว Saint Peter’s Basilica
สิ่งที่จะพลาดไปไม่ได้เลยเมื่อไปเที่ยวที่ St. Peter’s Basilica คือ โดมของมหาวิหารแห่งนี้ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบโดยไมเคิล แอนเจโล (Michael Angelo)
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยว Saint Peter’s Basilica ได้ตลอดทั้งปี
ความงดงามของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์และบรรยากาศโดยรอบในยามค่ำคืน
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์อาจงดให้บริการในวันพุธสำหรับการเข้าเฝ้าทั่วไปประจำสัปดาห์ของพระสันตะปาปา
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม Saint Peter’s Basilica สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี
(Saint Peter’s Basilica, Vatican, Rome, Italy)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : การเข้าชม St. Peter's Basilica เฉยๆ ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิด – ปิด : วันที่ 1 ตุลาคม – 31 มีนาคม เปิดเวลา 7.00 – 18.30 น.
วันที่ 1 เมษายน – 30 กันยายน เปิดเวลา 7.00 – 19.00 น.
ตั้งอยู่ที่ : Piazza San Pietro, 00120 Città del Vaticano
โทรศัพท์ : (+39) 06 6982
เว็บไซต์ : http://stpetersbasilica.info/touristinfo.htm
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวเมืองโรม https://www.rome.net/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวประเทศอิตาลี http://www.italia.it
ขนส่งสาธารณะเมืองโรม https://www.rome.net/transportation
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

14 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเนฟเชียร์ ประเทศตุรกี
หากเอ่ยถึงการท่องเที่ยวประเทศตุรกี เชื่อว่าหนึ่งในภาพที่หลายๆ คนมักจะนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ คือภาพของบอลลูนลมร้อนหลากสีสันที่ลอยละล่องอยู่เต็มน่านฟ้า เหนือภูมิประเทศแปลกตาด้วยกลุ่มหินรูปทรงต่างๆ และสถานที่ที่ว่านี้ก็คือเนฟเชียร์ จังหวัดทางภาคกลางของตุรกีที่มีเมืองดังอย่างคัปปาโดเชียเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ในบทความนี้ Palanla ได้รวบรวมเอา 14 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเนฟเชียร์มาให้ออกเดินทางสำรวจไปพร้อมๆ กัน
อ่านต่อ
8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดอิซเมียร์ ประเทศตุรกี
อิซเมียร์ (Izmir) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศตุรกี และเป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากอิสตันบูล ซึ่งไม่เพียงแต่ความเป็นเมืองใหญ่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเท่านั้น ทว่าอิซเมียร์ยังรุ่มรวยไปด้วยภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง เชื่อว่า 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในอิซเมียร์ที่ Palanla ได้คัดสรรมาให้ได้ชมในบทความนี้จะทำให้คุณรู้จักอิซเมียร์มากขึ้นกว่าที่เคยอย่างแน่นอน
อ่านต่อ
7 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรกี
เดนิซลี (Denizli) จังหวัดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกีที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่งให้สำรวจ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมรดกโลกชื่อดังอย่างปามุคคาเล่ หรือเมืองโบราณเฮียราโพลิส และเมืองโบราณเลาดิเซียซึ่งเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในสมัยโรมันและไบแซนไทน์มาก่อน Palanla ได้รวบรวม 7 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเดนิซลีมาให้ได้ชมกัน
อ่านต่อ
10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไอร์แลนด์เหนือ
ประเทศไอร์แลนด์เหนือตั้งอยู่ในทวีปยุโรปและเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์เหนือมีชื่อเสียงทางด้านภูมิประเทศที่สวยงามและทิวทัศน์ทางธรรมชาติอันน่าหลงใหล อีกทั้งยังเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีพิพิธภัณฑ์และสถาปัตยกรรมต่างๆ ให้เที่ยวชมมากมายโดยมีสถานที่ท่องเที่ยวกระจายตัวอยู่ตามเมืองต่างๆ อย่างเช่นเมืองเบลฟาสต์ เมืองลอนดอนเดอร์รี่ และเมืองแถบชายฝั่งทะเล ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ก็อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ไททานิกเบลฟาสต์ที่จัดแสดงเรื่องราวของเรือไททานิกอันโด่งดัง และไจแอนท์คอสเวย์ที่ได้รับเลือกให้เป็นแหล่งมรดกโลกแห่งองค์การยูเนสโก นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยทาง Palanla ได้รวบรวมมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้
อ่านต่อ
สะพานเชือกคาร์ริก-อะ-รีด เขตอนุรักษ์แห่งชาติ ชายฝั่งคอสเวย์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
สะพานเชือกคาร์ริก-อะ-รีด เขตอนุรักษ์แห่งชาติ (National Trust Carrick-a-Rede) เป็นสะพานเชือกความยาว 20 เมตรที่เชื่อมระหว่างพื้นที่ชายฝั่งกับเกาะหินคาร์ริก-อะ-รีดที่อยู่ตรงข้ามกัน ที่นี่เป็นจุดชมทิวทัศน์มหาสมุทรแอตแลนติกอันกว้างใหญ่พร้อมกับเส้นทางผจญภัยบนสะพานเชือกที่ทอดข้ามข้ามเหวลึก 30 เมตรไปสำรวจเกาะเบื้องหน้าซึ่งเป็นที่ตั้งของกระท่อมชาวประมงเก่าแก่ที่มีอายุราวสี่ร้อยกว่าปี ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในจุดชมวิวและจุดถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
อ่านต่อ
ปราสาทเบลฟาสต์ เมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
ปราสาทเบลฟาสต์ (Belfast Castle) เป็นคฤหาสน์เก่าแก่หลังใหญ่ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบสกอตต์บารอนอย่างงดงาม ถือเป็นแลนด์มาร์กขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นบนเนินเขาเคฟฮิลล์ในเมืองเบลฟาสต์ นอกจากปราสาทเบลฟาสต์จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆ เช่น งานแต่งงานและการประชุมทางธุรกิจ นอกจากนี้ ด้วยพื้นที่เนินเขาที่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 120 เมตร จึงทำให้ที่นี่เป็นจุดชมวิวเมืองเบลฟาสต์จากมุมสูงอีกด้วย
อ่านต่อ
ตลาดเซนต์จอร์จ เมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
ตลาดเซนต์จอร์จ (St George’s Market) เป็นตลาดในร่มสไตล์วิคตอเรียนแห่งสุดท้ายที่ยังเปิดทำการอยู่ในเมืองเบลฟาสต์ ตลาดแห่งนี้เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ช่วงสายถึงบ่ายสอง โดยมีแผงขายอาหาร สินค้าแฮนด์เมด และสินค้าหลากหลายประเภท ท่ามกลางดนตรีสดและบรรยากาศที่คึกคัก ตลาดแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองในทุกสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดเซนต์จอร์จยังได้รับรางวัลทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศทางด้านผลผลิตสดใหม่ในท้องถิ่นและบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังได้รับการเสนอชื่อให้เป็นตลาดในร่มขนาดใหญ่ที่ดีที่สุดของสหราชอาณาจักรประจำปี 2023 จาก NABMA Great British Market Awards อีกด้วย
อ่านต่อ
กำแพงเมืองเดอร์รี เมืองลอนดอนเดอร์รี่ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
กำแพงเมืองเดอร์รี (The Derry Walls) เป็นอนุสรณ์สถานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเป็นกำแพงเมืองที่ยาวที่สุดและมีความสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบที่เหลืออีก 30 เมืองในไอร์แลนด์อีกด้วย กำแพงเมืองเดอร์รี่อยู่ใกล้กับแม่น้ำฟอยล์ มีประตูเมือง 7 ประตู ภายในกำแพงเมืองเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ปราสาท ศาลากลาง และโบสถ์ ไฮไลท์ของกำแพงเมืองแห่งนี้คือปืนใหญ่จำนวน 22 กระบอกที่เรียงรายไปตามป้อมปราการของกำแพงเมือง ปืนเหล่านี้เป็นปืนโบราณจากศตวรรษที่ 16, 17 และ 18 โดยมีปืนโรริงเมกอันโด่งดังตั้งอยู่ที่ป้อมปราการที่อยู่ใกล้ประตูบิชอป กำแพงเมืองเดอร์รี่จึงถือเป็นแหล่งมรดกที่มีความสำคัญระดับชาติและเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ควรแวะเที่ยวชม
อ่านต่อ
11 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ซูริค (Zurich) หนึ่งในเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของยุโรปที่นักเดินทางทั่วโลกใฝ่ฝัน เพราะนอกจากมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติอันงดงามบริสุทธิ์แล้ว ยังรุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม Palanla ได้รวบรวมเอา 11 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในซูริคมาฝากกัน
อ่านต่อ
อลาคาติ จังหวัดอิซเมียร์ ประเทศตุรกี
อลาคาติ (Alacati ) เมืองตากอากาศในบรรยากาศสไตล์กรีก โดดเด่นด้วยถนนแคบๆ กับบ้านหินแบบดั้งเดิมทาสีขาว ฟ้า ตกแต่งด้วยสีสันสดใส และกังหันลม ให้กลิ่นอายของซานโตรินี สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศกรีซ
อ่านต่อ