- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี
- อ่าน (11,223)
- By Webmaster
- 12:58:25 | 8 เม.ย. 2563
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี
Saint Peter’s Basilica, Vatican, Rome, Italy
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (Saint Peter’s Basilica) ศาสนสถานที่มีสถาปัตยกรรมอันงดงาม และมีอายุเก่าแก่กว่า 400 ปี มหาวิหารแห่งนี้คือสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่ประจำนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ใครๆ ก็ไม่อาจพลาดเมื่อมาเที่ยววาติกัน
ประวัติ
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1626 เป็นศาสนสถานที่ดำรงความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญเป็นอันดับแรกๆ ของโลกก็ว่าได้ โดยในแต่ละปีนั้นมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวที่มหาวิหารแห่งนี้เป็นจำนวนมากถึง 10 ล้านคน
มหาวิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 14 ไร่และจุคนได้มากกว่า 60,000 คน ด้วยความใหญ่โตและวิจิตรงดงามของมหาวิหารแห่งนี้จึงใช้เวลาสร้างยาวนานกว่า 120 ปีจึงแล้วเสร็จ ความโดดเด่นของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์คือสถาปัตยกรรมโดมสูงที่มีความงดงามวิจิตร ซึ่งภายในอาคารนั้นประดับตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังและโมเสคผลงานของแบร์นินี (Bernini) และจอตโต (Giotto) สถาปนิกและจิตรกรระดับโลกชาวอิตาลีจากเมืองฟลอเรนซ์ รวมถึงผลงานศิลปะล้ำค่าอีกจำนวนมาก อาทิ งานประติมากรรมรูปปั้นผลงานของไมเคิล แอนเจโล (Michael Angelo) และประติมากรรมรูปนักบุญปีเตอร์ ผลงานของอาร์โนลโฟ ดี กัมบิโอ (Arnolfo di Cambio)
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เป็นสถานที่สำคัญที่มีประวัติความเป็นมาเชื่อมโยงกับปกรณัมของศาสนาคริสต์โดยมีเรื่องเล่าขานว่า ภายหลังจากการตรึงกางเขนพระคริสต์ เปโตรหรือปีเตอร์ซึ่งเป็นสาวกหนึ่งใน 12 คน ได้เดินทางไกลมายังกรุงโรมและพลีชีพเพื่อศาสนา ซึ่งสถานที่พลีชีพนั้นปัจจุบันคือบริเวณที่อยู่ใกล้กับเสาโอเบลิสก์อียิปต์ (Egyptian Obelisk) แต่เดิมมีก้อนหินสีแดงตั้งไว้เป็นเครื่องหมาย ภายหลังกลายเป็นแท่นบูชา และถัดมาจึงกลายมาเป็นมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แห่งแรกซึ่งทำด้วยไม้ในปีค.ศ. 360 และตั้งอยู่ ณ ที่นี้เป็นเวลากว่าพันปี กระทั่งได้เสื่อมสลายลงในศตวรรษที่ 15 โดยในปีค.ศ. 1506 สมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสได้เริ่มต้นการก่อสร้างมหาวิหารแห่งใหม่ และมีศิลปินสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการระดับโดลกหลายคนที่เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการสร้างมหาวิหารแห่งนี้ให้ออกมาอย่างวิจิตรงดงามดังที่เห็น
โดยหลังจากที่นักโบราณคดีได้ใช้เวลาเป็น 10 ปีในการขุดค้นห้องใต้ดินภายในมหาวิหารเพื่อยืนยันความเชื่อที่เชื่อถือกันมาอย่างยาวนานว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ฝังศพของนักบุญเปโตรหรือปีเตอร์ผู้ซึ่งต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกของโรม ในปีค.ศ. 1950 ระหว่างการออกอากาศทางวิทยุของสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 ก็ได้มีการประกาศว่ามีการค้นพบศพนักบุญเปโตรโตรหรือปีเตอร์ และด้วยความเชื่อที่ว่าที่นี่คือที่ฝังร่างของสมเด็จพระสันตะปาปาองค์แรก จึงทำให้พระสันตะปาปาองค์ต่อมาถูกฝังร่างที่นี่ ทำให้ภายใต้มหาวิหารแห่งนี้เป็นที่ฝังร่างของพระสันตะปาปาองค์สำคัญมากกว่า 91 องค์ ที่นี่จึงเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของคริสตจักรโรมันคาทอลิกอย่างไม่น่าแปลกใจ
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1626
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ถือเป็นศาสนสถานที่ดำรงความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในศาสนาคริสต์นิการคาทอลิก
ในแต่ละปีนั้นมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวที่มหาวิหารแห่งนี้เป็นจำนวนมากถึง 10 ล้านคน
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 14 ไร่และจุคนได้มากกว่า 60,000 คน
ด้วยความใหญ่โตและวิจิตรงดงามของมหาวิหารแห่งนี้จึงใช้เวลาสร้างยาวนานกว่า 120 ปี
การเดินทางจากสนามบินสู่ตัวเมือง
สนามบินโรม หรือชื่อทางการคือท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน (Leonardo da Vinci-Fiumicino Airport) ภาษาอิตาเลียนใช้ Fiumicino Aeroporto ตั้งอยู่ห่างจากกรุงโรมประมาณ 30 กิโลเมตร จากสนามบินนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าเมืองไปยังสถานีรถไฟหลักคือสถานี Roma Termini ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินทางของกรุงโรมได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้
- รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากสนามบิน Fiumicino Aeroporto ไปยังสถานี Roma Termini โดยใช้เส้นทางสาย A91 มีระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
- รถไฟ (Train) จากสนามบิน Fiumicino Aeroporto นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟสาย RV3231 ไปยังสถานี Roma Termini ได้โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
การเดินทางไป Saint Peter’s Basilica
- รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากสถานี Roma Termini ไปยัง Saint Peter’s Basilica โดยใช้เส้นทางสาย Viale del Muro Torto มีระยะทาง 6.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 17 นาที
- รถประจำทาง (Bus) จากสถานี Roma Termini ไปยัง Saint Peter’s Basilica นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถประจำทางสาย 64 ไปลงที่ป้าย Cavalleggeri/S. Pietro ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
เวลาทำการเปิด – ปิด
วันที่ 1 ตุลาคม – 31 มีนาคม เปิดเวลา 7.00 – 18.30 น.
วันที่ 1 เมษายน – 30 กันยายน เปิดเวลา 7.00 – 19.00 น.
ภายในอาคารประดับตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังและโมเสคผลงานของศิลปินชื่อดังจำนวนมาก
อัตราค่าเข้าชม
การเข้าชม St. Peter's Basilica เฉยๆ ไม่เสียค่าเข้าชม
การเข้าชม St. Peter's Basilica พร้อมด้วย Audioguide App สำหรับผู้ใหญ่ราคา 19.50 ยูโร
การขึ้นลิฟต์ไปชมส่วนโดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (Dome of St. Peter's Basilica with elevator (ระยะทางการเดินเท่ากับ 320 ก้าว) สำหรับผู้ใหญ่ราคา 10 ยูโร
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แห่งแรกซึ่งทำด้วยไม้ในปีค.ศ. 360 และตั้งอยู่ ณ ที่นี้เป็นเวลากว่าพันปี
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว Saint Peter’s Basilica
สิ่งที่จะพลาดไปไม่ได้เลยเมื่อไปเที่ยวที่ St. Peter’s Basilica คือ โดมของมหาวิหารแห่งนี้ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบโดยไมเคิล แอนเจโล (Michael Angelo)
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยว Saint Peter’s Basilica ได้ตลอดทั้งปี
ความงดงามของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์และบรรยากาศโดยรอบในยามค่ำคืน
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์อาจงดให้บริการในวันพุธสำหรับการเข้าเฝ้าทั่วไปประจำสัปดาห์ของพระสันตะปาปา
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม Saint Peter’s Basilica สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี
(Saint Peter’s Basilica, Vatican, Rome, Italy)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : การเข้าชม St. Peter's Basilica เฉยๆ ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิด – ปิด : วันที่ 1 ตุลาคม – 31 มีนาคม เปิดเวลา 7.00 – 18.30 น.
วันที่ 1 เมษายน – 30 กันยายน เปิดเวลา 7.00 – 19.00 น.
ตั้งอยู่ที่ : Piazza San Pietro, 00120 Città del Vaticano
โทรศัพท์ : (+39) 06 6982
เว็บไซต์ : http://stpetersbasilica.info/touristinfo.htm
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวเมืองโรม https://www.rome.net/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวประเทศอิตาลี http://www.italia.it
ขนส่งสาธารณะเมืองโรม https://www.rome.net/transportation
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อรวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ