- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และสวนลินเดอร์ฮอฟ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และสวนลินเดอร์ฮอฟ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
- อ่าน (4,664)
- By Webmaster
- 09:30:26 | 27 เม.ย. 2563
พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และสวนลินเดอร์ฮอฟ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
Linderhof Palace and Park, Munich, Germany
พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ พระราชวังเก่าของแคว้นบาวาเรีย
พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และสวนลินเดอร์ฮอฟ (Linderhof Palace and Park) ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ทางตอนใต้ของรัฐบาวาเรีย (Bavaria) ไม่ไกลจากเมืองมิวนิค มีความสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมร็อคโคโค ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากพระราชวังแวร์ซายน์ในประเทศฝรั่งเศส ในส่วนของสวนก็ได้จำลองมาจากสวนของแวร์ซายน์เช่นกัน พระราชวังแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในปราสาทของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย (Ludwig II of Bavaria) ที่มีความสวยงามจนกลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กใกล้กับปราสาทนอยชวานสไตน์ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองมิวนิค
แผนที่ตั้ง พระราชวังลินเดอร์ฮอฟและสวนลินเดอร์ฮอฟ (Linderhof Palace and Park) รัฐบาวาเรีย ใกล้กับเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
ประวัติ
พระราชวังลินเดอร์ฮอฟเป็นปราสาทหนึ่งในสามหลังของกษํตริย์ลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย (ปราสาททั้งสามหลังได้แก่ ปราสาทนอยชวานสไตน์ พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และพระราชวังเฮเรินคีมเซ) แม้พระราชวังลินเดอร์ฮอฟจะเป็นปราสาทหลังที่เล็กที่สุดในบรรดาปราสาททั้งสามหลังของพระองค์ แต่ก็เป็นปราสาทเพียงหลังเดียวที่พระองค์ทรงมีโอกาสได้ทอดพระเนตรการก่อสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ในขณะที่ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่
พื้นที่แต่เดิมของปราสาทลินเดอร์ฮอฟนั้นเป็นที่ตั้งของตำหนักเคอนิกเฮาเชน (Königshäuschen) ซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่ล่าสัตว์ที่พระองค์กับพระราชบิดา (กษํตริย์แม็กซิมิเลียนที่ 2) เคยประทับเมื่อทรงล่าสัตว์ด้วยกัน หลังจากที่พระองค์ขึ้นครองราชย์สืบราชสันตติวงศ์ต่อจากพระราชบิดาในปีค.ศ. 1864 พื้นที่บริเวณนี้จึงกลายเป็นมรดกตกทอดมายังพระองค์ด้วยเช่นกัน พระองค์จึงมีรับสั่งให้ทำนุบำรุงและขยายต่อเติมตำหนักเคอนิกเฮาเชนในปีค.ศ. 1869
ต่อมาในปีค.ศ. 1874 มีรับสั่งให้รื้อตำหนักเคอนิกเฮาเชนเพื่อย้ายไปสร้างใหม่ในบริเวณพื้นที่ของสวนลินเดอร์ฮอฟในปัจจุบัน สำหรับพื้นที่เดิมได้รับสั่งให้สร้างพระราชวังลินเดอร์ฮอฟขึ้น ภายใต้การดูแลของสถาปนิก จอร์จ ดอลแมน (Georg Dollmann) โดยใช้สถาปัตยกรรมร็อคโคโค (Rococo Architecture) ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ทรงชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (Louis XIV) และทรงประทับใจในความสวยงามและวิจิตรบรรจงของพระราชวังแวร์ซายน์ในประเทศฝรั่งเศส พระราชวังสร้างแล้วเสร็จในปีค.ศ.1886 ใช้งบประมาณไปทั้งสิ้นราวแปดล้านมาร์ค หรือประมาณสี่ล้านยูโร (Deutsche Mark คือสกุลเงินเยอรมันโบราณ ปัจจุบันข้อมูลจากสหภาพยุโรปกำหนดให้ DM 1.95583 = Euro 1)
ในส่วนของสวนลินเดอร์ฮอฟก็ได้รับแรงบันดาลใจมากจากสวนของพระราชวังแวร์ซายน์ด้วยเช่นกัน โดยย่อส่วนมากจากสวนของแวร์ซายน์และปรับให้พอดีกับพื้นที่บริเวณโดยรอบของพระราชวังลินเดอร์ฮอฟซึ่งเป็นพื้นที่หุบเขาหน้าแคบแต่มีความยาวประมาณ 1.2 กิโลเมตร เริ่มสร้างสวนไล่มาจากทางฝั่งใต้ ประดับด้วยประติมากรรมน้ำพุอันวิจิตรบรรจง และผสมผสานด้วยไม้ประดับ พืชสน และพืชที่ขึ้นบนเทือกเขาเข้าไว้ด้วยกัน
สวนนี้ดูแลการออกแบบโดย Carl von Effner เป็นนักออกแบบสวนจากตระกูลเก่าแก่ มีผลงานการออกแบบสนามและสวนของราชวงศ์วิทเทิลแบช และได้รับพระราชทานโอกาสจากกษัตริย์แม็กซิมิเลียนที่ 2 ให้ไปศึกษาต่อด้านการออกแบบสวนยังเมืองที่มีสวนอันมีชื่อเสียงอย่างเช่นเมืองเวียนนา พอสดัม เจนีวา และปารีส ผลงานการออกแบบสวนลินเดอร์ฮอฟของเขาถูกพระราชหฤทัยกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 เป็นอย่างมาก
ปัจจุบันพระราชวังลินเดอร์ฮอฟเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในเส้นทางเที่ยวชมปราสาทนอกเมืองมิวนิคคู่กับปราสาทนอยชวานสไตน์และหมู่บ้านโอเบอแรมเมอร์เกาที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองมิวนิคนิยมมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก
บริเวณด้านหน้าของตัวอาคารพระราชวัง
สร้างด้วยสถาปัตยกรรมร็อคโคโค
บริเวณสวนลินเดอร์ฮอฟในช่วงฤดูหนาว
สวนลินเดอร์ฮอฟกับฉากหลังของเทือกเขาแอลป์
ซุ้มสีเขียวคือ Music Pavilion ภายในสวนลินเดอร์ฮอฟ
บรรยากาศพื้นที่บริเวณ Music Pavilion
ประติมากรรมรูปสลักที่ตกแต่งอยู่บริเวณรอบนอกตัวอาคารพระราชวัง (รูปซ้าย) โบสถ์เล็กๆ ภายในสวนลินเดอร์ฮอฟ (รูปขวา)
บรรยากาศภายในสวนลินเดอร์ฮอฟในช่วงฤดูหนาว
บริเวณโรงแรมที่พักใกล้กับพระราชวัง
การเดินทางจากสนามบินมิวนิค (Munich International Airport / Flughafen München) ไปยังสถานีรถไฟกลางมิวนิค (Munich Hauptbahnhof (Main Station))
- รถยนต์ (Car) จาก Munich International Airport ไปยัง Munich Hauptbahnhof (Main Station) มีระยะทางประมาณ 40.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 36 นาที
- รถประจำทาง (Bus) จาก Munich International Airport ไปยัง Munich Hauptbahnhof (Main Station) สามารถใช้บริการรถบัส LH-Bus เป็นรถบัสด่วนของ Autobus Oberbayern ออกทุก 15 นาที
- รถไฟ (Train) จาก Munich International Airport ให้ขึ้นรถไฟสาย S ไปลงที่สถานี Munich Hauptbahnhof (Main Station) ใช้เวลาโดยรวมประมาณ 47 นาที
การเดินทางจากสถานีสถานีรถไฟกลางมิวนิค (Munich Hauptbahnhof (Main Station)) ไปยังพระราชวังลินเดอร์ฮอฟและสวนลินเดอร์ฮอฟ (Linderhof Palace and Park)
- รถยนต์ (Car) จาก Munich Hauptbahnhof (Main Station) ไปยัง Linderhof Palace and Park มีระยะทางประมาณ 96 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 13 นาที
- รถประจำทาง (Bus) จาก Munich Hauptbahnhof (Main Station) ไปยัง Linderhof Palace and Park ให้ขึ้นรถรางสาย RB ไปลงที่ Garmisch-Partenkirchen แล้วไปต่อรถประจำทางสาย 9606 ไปลงที่ Eugen-Papst-Strasse, Oberammergau แล้วต่อรถประจำทางสาย 9622 ไปลงยัง Linderhof Schloss, Ettal และเดินต่อไปยัง Linderhof Palace and Park อีก 400 เมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 13 นาที
ข้อแนะนำในการเดินทาง เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวอยู่บนภูเขานอกตัวเมือง ถ้าต้องการความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทางสามารถซื้อบริการทัวร์ได้จากศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวหรือจากโรงแรมที่พักที่น่าเชื่อถือได้ตามต้องการ
เวลาทำการเปิด-ปิด
เดือนเมษายน ถึง 15 ตุลาคม เวลา 9:00 น. – 18:00 น.
16 คุลาคม ถึง เดือนมีนาคม เวลา 10:00 น. – 16:30 น.
ปิดวันที่ 1 มกราคม และวันที่ 24 - 25 และ 31 ธันวาคม
ตัวพระราชวังลินเดอร์ฮอฟมีพื้นที่เพียง 30 x 27 เมตร
อัตราค่าเข้าชม
ตั๋วเข้าชมพระราชวังและสวนราคา 8.50 Euro
ตั๋วเข้าชมสวนของพระราชวังเพียงอย่างเดียวราคา 5 Euro
เด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี เข้าชมฟรี
หมายเหตุ : ภายในห้ามถ่ายรูป / ภายนอกห้ามใช้โดรน
ป้ายแผนที่ข้อมูลภายในสวนลินเดอร์ฮอฟ
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนเดือนเมษายน ถึง เดือนกันยายน
นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยว พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และสวนลินเดอร์ฮอฟ สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
พระราชวังลินเดอร์ฮอฟ และสวนลินเดอร์ฮอฟ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
(Linderhof Palace and Park, Munich, Germany)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ตั๋วเข้าชมพระราชวังและสวนราคา 8.50 Euro
ตั๋วเข้าชมสวนของพระราชวังเพียงอย่างเดียวราคา 5 Euro
เด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เดือนเมษายน ถึง 15 ตุลาคม เวลา 9:00 น. – 18:00 น.
16 คุลาคม ถึง เดือนมีนาคม เวลา 10:00 น. – 16:30 น.
ปิดวันที่ 1 มกราคม และวันที่ 24 - 25 และ 31 ธันวาคม
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
โทรศัพท์ : (+49) 8822 9203-0
เว็บไซต์ : www.linderhof.de
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/th/de/germany-weather
เว็บไซต์ทางการของเมืองมิวนิค https://www.muenchen.de
เว็บไซต์ท่องเที่ยวของเมืองมิวนิค https://www.munich.travel/en
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
ล่องบอลลูนชม 2 ดินแดนมรดกโลก…พุกาม & คัปปาโดเชีย
หากเอ่ยถึง “พุกาม” (Bagan) เชื่อว่าคงจะนึกถึงสิ่งอื่นใดไปไม่ได้ นอกจากทะเลเจดีย์นับพันที่สร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณพื้นที่ของเขตเขตมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ และหากเอ่ยถึง “คัปปาโดเชีย” (Cappadocia) ประเทศตุรกีหรือตุรเคีย แน่นอนว่าก็คงจะต้องมีภาพของบอลลูนหลากสีลอยล่องอยู่เหนือภูมิประเทศแปลกตา ที่เต็มไปด้วยกลุ่มภูเขาหินรูปกรวยโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน... ในครั้งนี้ Palanla จะพาออกเดินทางไปสัมผัสกับความน่าอัศจรรย์ของ 2 ดินแดนมรดกโลก “พุกาม” และ “คัปปาโดเชีย” ด้วยมุมมองจากบนท้องฟ้าผ่านการล่องบอลลูนลมร้อน พร้อมแล้วไปด้วยกัน!
อ่านต่อเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) & ฮาจิโกะ (Hachiko)
สุนัข ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่แสนดีและซื่อสัตย์ของมนุษย์มายาวนานอยู่ทุกหนแห่งของโลกใบนี้ หลายๆ เรื่องราวถูกถ่ายทอดความประทับใจออกมาผ่านภาพยนตร์ หนังสือ ตลอดจนสร้างเป็นรูปปั้นอนุสรณ์สถานเพื่อเชิดชูและระลึกถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่เจ้าตูบและมนุษย์มีต่อกัน เช่นเดียวกับรูปปั้นของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ 2 แห่งที่ Palanla จะพาไปชมในวันนี้ ที่แรกคือ รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) เมืองเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์ และอีกที่คือ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ (Hachiko) ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
อ่านต่อ8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
อิสตันบูล (Istanbul) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นนคร 2 ทวีป ซึ่งมีช่องแคบบอสฟอรัสเป็นเส้นแบ่งระหว่างยุโรปและเอเชียแห่งนี้ คือเมืองที่รุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์ความเป็นมานับพันๆ ปี จึงไม่น่าแปลกใจหากอิสตันบลูจะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่และงดงามทรงคุณค่ามากมายที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นยุโรปและเอเชียจากอดีตจนถึงปัจจุบัน Palanla จะพาไปชม 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอิสตันบูลที่หากมีโอกาสไปเยือนประเทศตุรกีไม่ควรพลาด
อ่านต่อล่องเรือชมวิวช่องแคบบอสฟอรัส เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
ช่องแคบบอสฟอรัส เป็นช่องแคบเล็กๆ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของตุรกี เคยเป็นทั้งเส้นทางการค้าที่สำคัญ และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมาจนถึงปัจจุบัน การล่องเรือชมวิวช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) จึงเป็นวิธีที่ดีที่จะได้สัมผัสบรรยากาศ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมที่หลากหลายของอิสตันบูล
อ่านต่ออุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน (Yerebatan Sarnici) คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของตุรกี ดินแดนที่เต็มไปด้วยประวัติความเป็นมามากกว่าพันปี อุโมงค์เก่าแก่ขนาดใหญ่แห่งนี้คือสถานที่เก็บน้ำในสมัยโบราณที่ยังคงความยิ่งใหญ่และงดงาม กับเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างเสากรีกที่ค้ำเรียงรายมากถึง 336 ต้น และเสาเมดูซ่าพร้อมตำนานที่เล่าขานกันมาหลายชั่วอายุคน รวมถึงซากโบราณของพระราชวังใต้ดินแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิลสมัยไบเซนไทน์อีกด้วย
อ่านต่อตลาดเครื่องเทศ เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
ตลาดเครื่องเทศ (Historical Spice Bazaar / Egyptıan Spıce Bazaar) ในอิสตันบูล เป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก ตลาดแห่งนี้มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ในสมัยจักรวรรดิออตโตมัน เดิมทีเป็นจุดแลกเปลี่ยนเครื่องเทศ ผ้าไหม และสินค้าอื่นๆ จากเอเชียมาสู่ยุโรป
อ่านต่อ10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
บูดาเปสต์ (Budapest) เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี ตัวเมืองถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งด้วยแม่น้ำดานูบที่ไหลผ่านกลางเมือง ทำให้ในเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกจากสถาปัตยกรรมอันสวยงามเปี่ยมเสน่ห์ที่รอคอยให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือน Palanla ได้รวบรวมเอา 10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองบูดาเปสต์มาให้แล้วในบทความนี้
อ่านต่อ12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองปราก สาธารณรัฐเช็ก
ปราก (Prague) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลนี้ ตั้งอยู่ใจกลางของทวีปยุโรป ในอดีต เมืองปรากเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองอันยิ่งใหญ่ของทวีปยุโรป ซึ่งอารยธรรมแห่งความยิ่งใหญ่ และเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนั้น ก็ยังคงสะท้อนอยู่ในวิถีชีวิตของชาวเมือง วัฒนธรรมประเพณี สถาปัตยกรรม ฯลฯ ราวกับมรดกที่สืบทอด และรักษากันมาอย่างดี จนถูกยกให้เป็นเมืองที่มีความน่าหลงใหล ควรค่าแก่การไปสัมผัสความเป็นยุโรปมากที่สุด โดยเมืองปรากยังได้รับการประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก จากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วย ปัจจุบันเมืองนี้นับเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญ ของบรรดานักท่องเที่ยวที่มาเยือนทวีปยุโรป ไปชม 12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองปรากพร้อมๆ กันกับ Palanla!
อ่านต่อถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
ถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ (Fashion Street Budapest) เป็นถนนช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงในใจกลางเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ถนนสายนี้เป็นที่รู้จักในด้านร้านค้าแฟชั่นชั้นนำจากแบรนด์ระดับโลก อาทิ Gucci, Louis Vuitton, Dior, Armani, Prada และ Chanel ถนนสายนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่มากมาย จึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวเมืองบุดาเปสต์เองด้วย
อ่านต่อล่องเรือดินเนอร์ในบูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
ล่องเรือดินเนอร์ในบูดาเปสต์ (Dinner Cruise Budapest) เป็นวิธียอดเยี่ยมในการชมความสวยงามของเมืองบูดาเปสต์ โดยขณะที่เรือล่องไปตามแม่น้ำดานูบ (Danube River) นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงามของสะพาน พระราชวัง และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รวมทั้งอิ่มอร่อยกับอาหารรสเลิศและเครื่องดื่มแสนอร่อย
อ่านต่อ