- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- มหาวิหารโคโลญ เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
มหาวิหารโคโลญ เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
- อ่าน (6,393)
- By Webmaster
- 17:21:43 | 12 ธ.ค. 2562
มหาวิหารโคโลญ เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
Cologne Cathedral, Cologne, Germany
มหาวิหารโคโลญและสะพานโฮเอินซอลเลิร์น แลนด์มาร์กแห่งเมืองโคโลญ
มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral / ชื่อภาษาเยอรมันคือ Kölner Dom) ตั้งอยู่กลางเมืองโคโลญ ริมแม่น้ำไรน์ (Rhine River) เป็นโบสถ์นิกายโรมันคาทอลิก สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิก โดดเด่นด้วยหอคอยคู่ตั้งตระหง่านอย่างยิ่งใหญ่ด้วยความสูง 157.38 เมตร ตัดกับเส้นขอบฟ้าที่เป็นฉากหลัง จัดเป็นแลนด์มาร์กของเมืองโคโลญคู่กับสะพานโฮเอินซอลเลิร์น (Hohenzollern Bridge) ที่ทอดข้ามแม่น้ำไรน์ นอกจากนี้มหาวิหารโคโลญยังเป็นที่ประดิษฐานหีบสามกษัตริย์ จึงเป็นหนึ่งในสถานที่แสวงบุญที่สำคัญที่สุดในยุโรป อีกทั้งยังเป็นสถานที่เก็บรวมรวมทรัพย์สมบัติทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย และมีจุดชมวิวพาโนรามาบนหอคอยสูงอันน่าตื่นตาตื่นใจ มหาวิหารโคโลญได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) World Heritage Sites ในปี ค.ศ. 1996
แผนที่ตั้ง มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
ประวัติ
แต่เดิมนั้นพื้นที่บริเวณมหาวิหารแห่งนี้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาของชาวคริสเตียนในยุคโรมันมาก่อน แต่หลังจากที่พระอัครสังฆราชไรนัลด์แห่งดัสเซิล (Archbishop Rainald von Dassel) ได้นำหีบสามกษัตริย์ (the relics of the Three Wise Men) ซึ่งเป็นหีบศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์จากเมืองมิลานมาประดิษฐานยังเมืองโคโลญในปีค.ศ. 1164 โบสถ์แห่งนี้จึงกลายเป็นหนึ่งในสถานที่แสวงบุญที่สำคัญที่สุดในยุโรป และจำเป็นต้องได้รับการสร้างขึ้นใหม่เพื่อรองรับจำนวนผู้มาเยือนที่มากขึ้น
ผังอาคารของมหาวิหารแบบโกธิกได้รับการออกแบบโดยนายช่างเจอร์ราร์ดแห่งเมืองเรล (Master mason Gerhard of Reil) ซึ่งเป็นผู้ที่ออกแบบโบสถ์ใหม่ให้กับมหาวิหารในกรุงปารีส เมืองสตราสบูร์ก และเมืองอาเมียง โดยได้มีพิธีลงเสาสร้างโบสถ์แบบโกธิกนี้โดยพระอัครสังฆราชคอนราดแห่งโฮชสตาเดน (Archbishop Konrad von Hochstaden) ในวันเฉลิมฉลองพระแม่มารีขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1248
อย่างไรก็ตามการก่อสร้างยุติลงในศตวรรษที่ 16 เนื่องจากขาดงบประมาณ และสถาปัตยกรรมโกธิคไม่ได้รับความสนใจในช่วงนั้น การก่อสร้างจึงถูกระงับไปเป็นระยะเวลาเกือบ 300 ปี
ต่อมาในศตวรรษที่19 ผู้คนกลับมาให้ความสนใจในประวัติศาสตร์ยุคกลางและสถาปัตยกรรมโกธิกอีกครั้ง โดยพระเจ้าเฟร็ดดริค วิลเลียมที่สี่ (Frederick William IV) กษัตริย์แห่งปรัสเซียได้มีพระราชดำริโปรดเกล้าให้ก่อตั้งสมาคมการสร้างมหาวิหารกลาง (Central Cathedral Building Society) ซึ่งมีภารกิจหลักคือการรวบรวมเงินบริจาคเพื่อการก่อสร้างมหาวิหารให้แล้วเสร็จ หนึ่งปีนับจากนั้น มหาวิหารโคโลญกลับมาเริ่มการก่อสร้างอีกครั้ง และสร้างแล้วเสร็จในปีค.ศ.1880 ซึ่งใช้เวลาโดยรวมถึง 632 ปีนับตั้งแต่แรกสร้าง โดยมีการเฉลิมฉลองให้กับมหาวิหารที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 15 ตุลาคม
ถึงแม้ว่ามหาวิหารโคโลญจะได้รับความเสียหายจากระเบิดอยู่หลายครั้งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ก็ยังสามารถตั้งตระหง่านอยู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ อย่างไรก็ตาม มหาวิหารก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมอยู่หลายปีจากความเสียหายในช่วงนั้น แต่นอกเหนือจากความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่สอง ก็ยังมีความเสียหายที่เกิดจากสภาพอากาศรวมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ จึงต้องได้รับการดูแลรักษาอยู่เสมอ จึงส่งผลให้มหาวิหารโคโลญมีบริเวณที่ถูกบูรณะซ่อมแซมอยู่เสมอ
ปัจจุบันมหาวิหารโคโลญมีโครงสร้างที่สูงเป็นอันดับที่สองของเมืองโคโลญ รองจากหอโทรคมนาคม สำหรับหอคอยคู่นั้น แต่ละหลังถูกเรียกโดยใช้ทิศแยกเพื่อความชัดเจน โดยเรียกว่าหอคอยทิศเหนือ และหอคอยทิศใต้ ซึ่งหอคอยทิศเหนือจะมีความสูงกว่าหอคอยทิศใต้ประมาณ 7 เซนติเมตร และในส่วนของจุดชมวิวด้านบนจะอยู่บนหอคอยทิศใต้
บริเวณด้านหน้าหอคอยคู่ของมหาวิหารโคโลญ
ประติมากรรมรูปสลักบริเวณทางเข้ามหาวิหาร
ภายในมหาวิหารโคโลญ บริเวณที่นั่งประกอบพิธีทางศาสนา
บริเวณแท่นประกอบพิธีทางศาสนาภายในมหาวิหารโคโลญ
ประติมากรรมพระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขน ด้านหลังเป็นหน้าต่างที่ตกแต่งด้วยกระจกโมเสกถ่ายทอดความงดงามของศิลปะและเรื่องราวทางศาสนาคริสต์
หีบสามกษัตริย์ที่ประดิษฐานอยู่บนแท่นยกสูงภายในมหาวิหารโคโลญ
ของตกแต่งในรูปแบบศิลปะนีโอโกธิกในช่วงปีค.ศ. 1892
ประติมากรรมพระเยซูถูกตรึงกางเขนอันเก่าแก่ คาดว่าทำขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1200 (รูปซ้าย) ผลงานประติมากรรมถ่ายทอดเรื่องราวตอนนำร่างพระเยซูลงจากกางเขน (รูปขวา)
ถ้าเราหันหน้าเข้าหามหาวิหารโคโลญ หอคอยด้านซ้ายมือของเราคือหอคอยทิศเหนือ ด้านขวามือของเราคือหอทิศใต้ (รูปซ้าย) ความสวยงามของมหาวิหารโคโลญในยามค่ำคืนจากไฟประดับ (รูปขวา)
บริเวณด้านข้างของมหาวิหารโคโลญ
บริเวณด้านหลังของมหาวิหารโคโลญ
การเดินทางจากสนามบินโคโลญบอนน์ (Cologne Bonn Airport) ไปยังสถานีรถไฟกลางโคโลญ (Cologne Central Station)
- รถยนต์ (Car) จาก Cologne Bonn Airport ไปยัง Cologne Central Station มีระยะทางประมาณ 18.4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 19 นาที
- รถประจำทาง (Bus) จาก Cologne Bonn Airport ให้ขึ้นรถประจำทางสาย 161 ที่สถานีรถประจำทางบริเวณสนามบิน ไปลงยัง Cologne Central Station มีระยะทางประมาณ 18.4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 19 นาที
- รถไฟ (Train) จาก Cologne Bonn Airport ให้ขึ้นรถไฟสายสีเขียวที่สถานี Köln/Bonn Flughafen ภายในสนามบิน จากนั้นลงที่สถานี Cologne Central Station ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
หมายเหตุ ชื่อสถานีรถไฟกลางโคโลญนั้นมีชื่อเรียกหลากหลาย โดยชื่อที่เป็นทางการและนิยมเรียกกัน ได้แก่
1. Köln Hauptbahnhof เป็นชื่อทางการในภาษาเยอรมัน
2. Cologne Central Station / Cologne Main Railway Station เป็นชื่อทางการในภาษาอังกฤษ
3. Dom Hauptbahnhof หมายถึง สถานีโบสถ์ เพราะสถานีติดกับมหาวิหารโคโลญ
การเดินทางจากสถานีรถไฟกลางโคโลญ (Cologne Central Station)ไปยังมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)
- เดิน (Footpath) จาก Cologne Central Station ไปยัง Cologne Cathedral มีระยะทางประมาณ 46 เมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 นาที
เวลาทำการเปิด-ปิด
เปิดทุกวัน วันจันทร์ ถึง วันอาทิตย์ เวลา 06.00 น. - 21.00 น.
บริเวณมหาวิหารโคโลญ
- เดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนเมษายน 06.00 น. - 19.30 น.
- เดือนพฤษภาคม ถึง เดือนตุลาคม 06.00 น. - 21.00 น.
บริเวณจุดชมวิวบนหอคอย
- เดือนมกราคม ถึง เดือนกุมภาพันธ์ 09.00 น. - 16.00 น.
- เดือนมีนาคม ถึง เดือนเมษายน 09.00 น. - 17.00 น.
- เดือนพฤษภาคม ถึง เดือนกันยายน 09.00 น. - 18.00 น.
- เดือนตุลาคม 09.00 น. - 17.00 น.
- เดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนธันวาคม 09.00 น. - 16.00 น.
ความสวยงามของมหาวิหารโคโลญและสะพานโฮเอินซอลเลิร์นเมื่อมองจากโรงแรมริมแม่น้ำฝั่งตรงข้าม
อัตราค่าเข้าชม
บริเวณรอบนอกและด้านในมหาวิหารโคโลญ ไม่เสียค่าเข้าชม
บริเวณจุดชมวิวบนหอคอย
- ตั๋วผู้ใหญ่ ราคา 4 Euro
- ตั๋วครอบครัว (ผู้ใหญ่ 2 คน และเด็ก 1 คน) ราคา 8 Euro
- ตั๋วนักเรียน/ นักศึกษา/ ผู้พิการ ราคา 2 Euro
- ตั๋วรวมเที่ยวชมห้องเก็บสมบัติและชมวิวบนหอคอยสำหรับผู้ใหญ่ ราคา 8 Euro
- ตั๋วรวมเที่ยวชมห้องเก็บสมบัติและชมวิวบนหอคอยสำหรับนักเรียน/ นักศึกษา/ ผู้พิการ ราคา 4 Euro
- ตั๋วรวมเที่ยวชมห้องเก็บสมบัติและชมวิวบนหอคอยสำหรับครอบครัว ราคา 16 Euro
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
ตลอดทั้งปี
ความสวยงามของมหาวิหารโคโลญและสะพานโฮเอินซอลเลิร์นในยามราตรี จากด้านบนหอชมเมืองโคโลญไทรแองเกิล
นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยว Cologne Cathedral สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
มหาวิหารโคโลญ เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
(Cologne Cathedral, Cologne, Germany)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : บริเวณรอบนอกและด้านในมหาวิหารไม่เสียค่าเข้าชม
บริเวณจุดชมวิวบนหอคอย มีค่าเข้าชมดังนี้
- ตั๋วผู้ใหญ่ ราคา 4 Euro
- ตั๋วครอบครัว (ผู้ใหญ่ 2 คน และเด็ก 1 คน) ราคา 8 Euro
- ตั๋วนักเรียน/ นักศึกษา/ ผู้พิการ ราคา 2 Euro
- ตั๋วรวมเที่ยวชมห้องเก็บสมบัติและชมวิวบนหอคอยสำหรับผู้ใหญ่ ราคา 8 Euro
- ตั๋วรวมเที่ยวชมห้องเก็บสมบัติและชมวิวบนหอคอย สำหรับนักเรียน/ นักศึกษา/ ผู้พิการ ราคา 4 Euro
- ตั๋วรวมเที่ยวชมห้องเก็บสมบัติและชมวิวบนหอคอยสำหรับครอบครัว ราคา 16 Euro
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน วันจันทร์ ถึง วันอาทิตย์ 06.00 น. - 21.00 น.
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
โทรศัพท์ : (+49)221 179 40-100
เว็บไซต์ : https://www.koelner-dom.de/index.php?id=19167&L=1
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/th/de/germany-weather
เว็บไซต์ทางการของเมืองโคโลญ https://www.cologne.de
เว็บไซต์ท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการของเมืองโคโลญ https://www.cologne-tourism.com/
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
ล่องบอลลูนชม 2 ดินแดนมรดกโลก…พุกาม & คัปปาโดเชีย
หากเอ่ยถึง “พุกาม” (Bagan) เชื่อว่าคงจะนึกถึงสิ่งอื่นใดไปไม่ได้ นอกจากทะเลเจดีย์นับพันที่สร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณพื้นที่ของเขตเขตมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ และหากเอ่ยถึง “คัปปาโดเชีย” (Cappadocia) ประเทศตุรกีหรือตุรเคีย แน่นอนว่าก็คงจะต้องมีภาพของบอลลูนหลากสีลอยล่องอยู่เหนือภูมิประเทศแปลกตา ที่เต็มไปด้วยกลุ่มภูเขาหินรูปกรวยโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน... ในครั้งนี้ Palanla จะพาออกเดินทางไปสัมผัสกับความน่าอัศจรรย์ของ 2 ดินแดนมรดกโลก “พุกาม” และ “คัปปาโดเชีย” ด้วยมุมมองจากบนท้องฟ้าผ่านการล่องบอลลูนลมร้อน พร้อมแล้วไปด้วยกัน!
อ่านต่อเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) & ฮาจิโกะ (Hachiko)
สุนัข ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่แสนดีและซื่อสัตย์ของมนุษย์มายาวนานอยู่ทุกหนแห่งของโลกใบนี้ หลายๆ เรื่องราวถูกถ่ายทอดความประทับใจออกมาผ่านภาพยนตร์ หนังสือ ตลอดจนสร้างเป็นรูปปั้นอนุสรณ์สถานเพื่อเชิดชูและระลึกถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่เจ้าตูบและมนุษย์มีต่อกัน เช่นเดียวกับรูปปั้นของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ 2 แห่งที่ Palanla จะพาไปชมในวันนี้ ที่แรกคือ รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) เมืองเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์ และอีกที่คือ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ (Hachiko) ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
อ่านต่อ8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
อิสตันบูล (Istanbul) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นนคร 2 ทวีป ซึ่งมีช่องแคบบอสฟอรัสเป็นเส้นแบ่งระหว่างยุโรปและเอเชียแห่งนี้ คือเมืองที่รุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์ความเป็นมานับพันๆ ปี จึงไม่น่าแปลกใจหากอิสตันบลูจะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่และงดงามทรงคุณค่ามากมายที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นยุโรปและเอเชียจากอดีตจนถึงปัจจุบัน Palanla จะพาไปชม 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอิสตันบูลที่หากมีโอกาสไปเยือนประเทศตุรกีไม่ควรพลาด
อ่านต่อล่องเรือชมวิวช่องแคบบอสฟอรัส เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
ช่องแคบบอสฟอรัส เป็นช่องแคบเล็กๆ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของตุรกี เคยเป็นทั้งเส้นทางการค้าที่สำคัญ และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมาจนถึงปัจจุบัน การล่องเรือชมวิวช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) จึงเป็นวิธีที่ดีที่จะได้สัมผัสบรรยากาศ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมที่หลากหลายของอิสตันบูล
อ่านต่ออุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน (Yerebatan Sarnici) คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของตุรกี ดินแดนที่เต็มไปด้วยประวัติความเป็นมามากกว่าพันปี อุโมงค์เก่าแก่ขนาดใหญ่แห่งนี้คือสถานที่เก็บน้ำในสมัยโบราณที่ยังคงความยิ่งใหญ่และงดงาม กับเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างเสากรีกที่ค้ำเรียงรายมากถึง 336 ต้น และเสาเมดูซ่าพร้อมตำนานที่เล่าขานกันมาหลายชั่วอายุคน รวมถึงซากโบราณของพระราชวังใต้ดินแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิลสมัยไบเซนไทน์อีกด้วย
อ่านต่อตลาดเครื่องเทศ เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
ตลาดเครื่องเทศ (Historical Spice Bazaar / Egyptıan Spıce Bazaar) ในอิสตันบูล เป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก ตลาดแห่งนี้มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ในสมัยจักรวรรดิออตโตมัน เดิมทีเป็นจุดแลกเปลี่ยนเครื่องเทศ ผ้าไหม และสินค้าอื่นๆ จากเอเชียมาสู่ยุโรป
อ่านต่อ10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
บูดาเปสต์ (Budapest) เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี ตัวเมืองถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งด้วยแม่น้ำดานูบที่ไหลผ่านกลางเมือง ทำให้ในเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกจากสถาปัตยกรรมอันสวยงามเปี่ยมเสน่ห์ที่รอคอยให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือน Palanla ได้รวบรวมเอา 10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองบูดาเปสต์มาให้แล้วในบทความนี้
อ่านต่อ12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองปราก สาธารณรัฐเช็ก
ปราก (Prague) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลนี้ ตั้งอยู่ใจกลางของทวีปยุโรป ในอดีต เมืองปรากเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองอันยิ่งใหญ่ของทวีปยุโรป ซึ่งอารยธรรมแห่งความยิ่งใหญ่ และเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนั้น ก็ยังคงสะท้อนอยู่ในวิถีชีวิตของชาวเมือง วัฒนธรรมประเพณี สถาปัตยกรรม ฯลฯ ราวกับมรดกที่สืบทอด และรักษากันมาอย่างดี จนถูกยกให้เป็นเมืองที่มีความน่าหลงใหล ควรค่าแก่การไปสัมผัสความเป็นยุโรปมากที่สุด โดยเมืองปรากยังได้รับการประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก จากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วย ปัจจุบันเมืองนี้นับเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญ ของบรรดานักท่องเที่ยวที่มาเยือนทวีปยุโรป ไปชม 12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองปรากพร้อมๆ กันกับ Palanla!
อ่านต่อถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
ถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ (Fashion Street Budapest) เป็นถนนช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงในใจกลางเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ถนนสายนี้เป็นที่รู้จักในด้านร้านค้าแฟชั่นชั้นนำจากแบรนด์ระดับโลก อาทิ Gucci, Louis Vuitton, Dior, Armani, Prada และ Chanel ถนนสายนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่มากมาย จึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวเมืองบุดาเปสต์เองด้วย
อ่านต่อล่องเรือดินเนอร์ในบูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
ล่องเรือดินเนอร์ในบูดาเปสต์ (Dinner Cruise Budapest) เป็นวิธียอดเยี่ยมในการชมความสวยงามของเมืองบูดาเปสต์ โดยขณะที่เรือล่องไปตามแม่น้ำดานูบ (Danube River) นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงามของสะพาน พระราชวัง และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รวมทั้งอิ่มอร่อยกับอาหารรสเลิศและเครื่องดื่มแสนอร่อย
อ่านต่อ