16 วัดสวยและแปลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

  • อ่าน (4,498)
  • ByWebmaster
  • 17:34:09 | 19 พ.ย. 2564

16 วัดสวยและแปลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

 

             เมืองไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธ ที่ผู้คนมีความเลื่อมใสศรัทธาและเกี่ยวพันกับพระพุทธศาสนามาเป็นเวลานานหลายร้อยปี จึงไม่น่าแปลกใจที่ในประเทศไทยจะมีวัดวาอารามสวยๆ และเป็นเอกลักษณ์เป็นจำนวนมาก ทั้งเก่าแก่และเพิ่งสร้างได้ไม่นานนัก โดยหลายๆ แห่งก็แฝงไว้ด้วยความแปลกและน่าอัศจรรย์ใจ วันนี้ Palanla ได้รวบรวม 16 วัดสวยและแปลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาให้ได้ชมกัน

 
แผนที่แสดงตำแหน่งของ 16 วัดสวยและแปลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

1. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)

 

           วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (Wat Phra Chetuphon Vimolmangklararm Rajworamahavihara) หรือวัดโพธิ์ ตั้งอยู่ที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร วัดแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 รวมถึงมีการจารึกสรรพตำราแพทย์แผนโบราณต่างๆ ลงบนแผ่นหินอ่อนประดับไว้ตามศาลาอันเป็นที่มาของการนวดแผนโบราณที่ขึ้นชื่อของวัดโพธิ์ด้วย นอกจากความสวยงามของสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายวัดแล้ว เอกลักษณ์อันโดดเด่นของวัดโพธิ์คือ เจดีย์ขนาดเล็กหลายองค์ ที่ประดับลวดลายกระเบื้องสวยงามแปลกตา ถือได้ว่าเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีเจดีย์มากถึงราวๆ 99 องค์ ข้างในสุดเป็นพระเจดีย์องค์สำคัญ คือ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ซึ่งเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1 – 4 ภายในพระวิหารวัดโพธิ์ยังเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธไสยาสน์สมัยรัตนโกสินทร์ที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในประเทศไทยด้วย

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน ระหว่าง 08.00 – 18.30 น.

พิกัด GPS : 13°44'47.8"N 100°29'35.2"E 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=78

2. วัดโฝวกวงซัน

 

             วัดโฝวกวงซัน (Po Guang Shan) หรือ “สถาบันพุทธศาสนา เถรวาท-มหายาน” ตั้งอยู่ที่ถนนคู้บอน เขตคลองสามวา วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งวัดสวยในประเทศไทย ด้วยสถาปัตยกรรมและบรรยากาศภายในวัดที่มีความงดงาม แปลกตา ราวกับยกวัดจากประเทศไต้หวันมาไว้ที่ประเทศไทย วัดโฝวกวงซันเป็นวัดสาขาจากไต้หวันที่ได้รับการออกแบบตามรายละเอียดของสถาปัตยกรรมวัดในไต้หวันทุกประการ มีทั้งความงดงามหมดจด ยิ่งใหญ่ และชวนให้เกิดความรู้สึกสงบเลื่อมใสในขณะเดียวกัน วิหารทั้งหมดถูกออกแบบด้วยศิลปะที่งดงามประณีต  โดยหนึ่งในจุดสำคัญของวัดโฝวกวงซันคือ อาคารที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่สีทองงามสง่าสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล นอกจากนี้ภายในวัดยังประดิษฐานเทพศักดิ์สิทธิ์หลายองค์  รวมทั้งยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่มีบรรยากาศสงบ ร่มเย็นและสวยงาม

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 9.00 - 17.00 น. (ปิดวันจันทร์)

พิกัด GPS : 13°51'24.9"N 100°40'39.4"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดโฝวกวงซัน ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=505 


3. วัดร่องเสือเต้น

 

             วัดร่องเสือเต้น (Wat Rong Suer Ten) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำกกที่หมู่บ้านร่องเสือเต้น ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางพุทธศาสนาที่สวยงามและมีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงราย ด้วยวิหารโทนสีน้ำเงินฟ้าตัดกับสีทองที่มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ศิลปกรรมของวัดร่องเสือเต้นเป็นศิลปะแนวพุทธศิลป์ร่วมสมัยที่แฝงด้วยธรรมของพุทธองค์ วิหารอันงดงามแห่งนี้ใช้เวลาสร้างนานถึง 11 ปีจึงแล้วเสร็จ สร้างและออกแบบโดยนายพุทธา กาบแก้ว หรือสล่านก เป็นศิลปินพื้นบ้านชาวเชียงราย ลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ผู้สร้างสร้างวัดร่องขุ่นที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถสีขาวมุก ขนาดหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 6.5 เมตร บริเวณพระเศียรบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รวมถึงมีพระรอดลำพูนจำนวน 88,000 องค์ และแก้วแหวนเงินทองมากมายถูกฝังอยู่ใต้พระพุทธรูปองค์นี้ 

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดให้เข้าชมและสักการะทุกวัน เวลา 7.00 – 20.00 น.

พิกัด GPS : 19°55'24.1"N 99°50'30.2"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดร่องเสือเต้น ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=303


4. วัดร่องขุ่น

 

             วัดร่องขุ่น (Wat Rong Khun) ตั้งอยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย วัดที่มีความวิจิตรงดงามราวกับดินแดนสวรรค์แห่งนี้ ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดเชียงราย และยังเป็นวัดที่ได้รับการยกย่องว่ามีความงดงามติดระดับโลกอยู่หลายต่อหลายครั้งจากการจัดอันดับของหลายๆ สถาบัน วัดร่องขุ่นสร้างขึ้นจากความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้าของศิลปินเอกอย่างอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ในปี พ.ศ. 2540 เมื่อเล็งเห็นว่าวัดแห่งนี้อยู่ในสภาพทรุดโทรมจึงมีความคิดที่จะสร้างวัดร่องขุ่นขึ้นมาใหม่ โดยอาจารย์ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจาก 3 สิ่ง ได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จึงตั้งใจที่จะทำงานศิลปะเพื่อเป็นสมบัติของแผ่นดิน อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา และต้องการถวายงานพระมหากษัตริย์ด้วยความความตื้นตันและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ความโดดเด่นของวัดร่องขุ่นคือพระอุโบสถสีขาวประดับด้วยกระจกแวววาว และลวดลายต่างๆ ที่งดงามซึ่งเป็นงานศิลปะที่แตกต่างจากวัดแห่งอื่นๆ ในประเทศไทย บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถมีสะพานที่สื่อถึงการเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ และมีงานประติมากรรมที่มีความงดงามอีกเป็นจำนวนมาก

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 6.30 – 18.00 น.

พิกัด GPS : 19°49'27.1"N 99°45'48.6"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดร่องขุ่น ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=302


5. วัดมหาธาตุ

 

             วัดมหาธาตุ (Wat Mahathat) ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดเก่าแก่แห่งนี้ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาในสมัยที่กรุงศรีอยุธยายังมีความรุ่งเรือง รวมถึงใช้จัดพระราชพิธีต่างๆ ทางศาสนา ภายในวัดประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และใช้เป็นสถานที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสี วัดมหาธาตุได้รับความเสียหายจากการถูกไฟไหม้อย่างมากจากเหตุการณ์เสียกรงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 และถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน สิ่งที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของวัดแห่งนี้ คือ เศียรพระพุทธรูปหินทรายอายุกว่าร้อยปีในรากไม้ เป็นเศียรพระพุทธรูปศิลปะสมัยอยุธยาอยู่ในรากโพธิ์ข้างวิหาร คาดว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ในสมัยเสียกรุงจนรากไม้ขึ้นปกคลุม เกิดเป็นความงดงามแปลกตา และกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ทำให้วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ ปัจจุบันวัดมหาธาตุเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมจากองค์กรยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น.

พิกัด GPS : 14°21'24.8"N 100°34'02.7"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดมหาธาตุ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=101


6. วัดนิเวศน์ธรรมประวัติราชวรมหาวิหาร

 

             วัดนิเวศน์ธรรมประวัติราชวรมหาวิหาร (Wat Niwet Thammaprawat) ตั้งอยู่ใกล้กับพระราชวังบางปะอิน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดไทยเก่าแก่ในสมัยรัชกาลที่ 5 สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปแห่งเดียวในประเทศไทย หากมองด้วยสายตาหลายคนคงไม่ทราบว่า อาคารสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่มีลักษณะคล้ายโบสถ์ในศาสนาคริสต์แห่งนี้แท้จริงแล้วคือวัดพุทธ วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2419 โดยพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญพระราชกุศลเมื่อเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับยังพระราชวังบางประอิน โดยพระองค์ทรงโปรดให้สร้างเลียนแบบโบสถ์ฝรั่ง และใช้ศิลปะรูปแบบโกธิค พระอุโบสถของวัดเป็นอาคารมีโดมหอคอยเหมือนกับวิหารในสถาปัตยกรรมตะวันตก บริเวณยอดโดมเป็นหอนาฬิกาและระฆังชุด ส่วนเหนือขึ้นไปเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ  

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 – 18.00 น.

พิกัด GPS : 14°13'53.5"N 100°34'32.8"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดนิเวศน์ธรรมประวัติราชวรมหาวิหาร ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=97


7. วัดห้วยแก้ว

 

             วัดห้วยแก้ว (Wat Huai Kaeo)  ตั้งอยู่ที่ตำบลมหาสอน อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2414  เป็นวัดที่ผสมผสานงานศิลปะผ่านสถาปัตยกรรมของวัดทั้งไทย ขอม และพม่า เข้าด้วยกัน จุดเด่นของวัดนี้คือ “พระเจดีย์มหาเมตตารัตนะรังษี” เป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองที่สร้างขึ้นในแบบสุโขทัย ตั้งอยู่กลางบึงห้วยแก้ว ภายในเจดีย์ตกแต่งด้วยบรรยากาศร่มรื่นของป่า มีพระพุทธรูปหยกเขียวหยกขาวประดิษฐานพร้อมกับพระพุทธเจ้าทั้งแปดพระองค์ซึ่งอัญเชิญมาจากพม่า ประดิษฐานตั้งตามทิศตามความเชื่อของประเทศพม่า เชื่อกันว่าผู้ใดได้มากราบไหว้บูชานั้นจะโชคดีและสมความปรารถนา ส่วนสถาปัตยกรรมโดยรอบนั้นเป็นศิลปะแบบขอม มีรูปนางอัปสราซึ่งเป็นเทพธิดาบนสวรรค์ที่ก่อด้วยอิฐศิลาแลงในอิริยาบถต่างๆ ประดับไว้ทั่วเจดีย์ นับเป็นวัดที่มีความงดงามอลังการอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน 06.30 น. – 18.00 น

พิกัด GPS : 15°02'19.4"N 100°30'19.8"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดห้วยแก้ว ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=558


8. วัดปากน้ำโจ้โล้

 

             วัดปากน้ำโจ้โล้ (Wat Paknam Jolo) ตั้งอยู่ในอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดลุ่มแม่น้ำบางปะกง แต่เดิมเป็นสำนักสงฆ์ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย วัดที่แสนงดงามแห่งนี้โดดเด่นด้วยพระอุโบสถสีทองหลังใหญ่สลักลวดลายทั้งภายนอกและภายในอย่างวิจิตรบรรจง เสาแต่ละต้นมีลวดลายยักษ์ประดับอยู่ ซุ้มประตูก็มีการประดับลวดลายโดดเด่น ส่วนบริเวณบันไดประดับด้วยคชปักษาคู่ ซึ่งแตกต่างจากวัดอื่นๆ ที่มักจะประดับด้วยพญานาค ภายในพระอุโบสถวัดปากน้ำโจ้โล้ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยอันเป็นที่เคารพศรัทธา นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่เป็นอนุสรณ์รำลึกถึงชัยชนะในการปราบทัพพม่าบริเวณนี้ในอดีตอีกด้วย บริเวณด้านหน้าวัดปากน้ำโจ้โล้มีบรรยากาศรื่นรมย์ผ่อนคลายเนื่องจากมีลำคลองไหลผ่านมารวมกับแม่น้ำบางปะกง ปัจจุบันวัดแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งจังหวัดฉะเชิงเทรา

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน 08.00 น. – 17.00 น.

พิกัด GPS : 13°44'31.3"N 101°12'32.8"E 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดปากน้ำโจ้โล้ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=519 


9. วัดเขาพระอังคาร

 

             วัดเขาพระอังคาร (Wat Khao Phra Angkhan) ตั้งอยู่ที่ภูเขาพระอังคาร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ นับเป็นอีกหนึ่งวัดของภาคอีสานที่มีสถาปัตยกรรมงดงามแปลกตาและให้กลิ่นอายอารยะธรรมขอมโบราณ รอบๆ พระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยจำนวน 108 องค์เรียงรายอย่างสวยงาม มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าบริเวณที่สร้างวัดเขาพระอังคารเคยเป็นพุทธสถานมาตั้งแต่สมัยทราวดี โดยมีการพบใบเสมาหินบะซอลต์อายุราว 1,300 ปีก่อน ซึ่งเป็นวัดแห่งเดียวในประเทศไทยที่ปรากฏใบเสมาหินบะซอลต์ด้วย แม้ว่าสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในวัดเขาพระอังคารที่เห็นในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนของเดิมที่ชำรุด ทว่าก็ได้ประยุกต์สถาปัตยกรรมหลายสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว มีเสน่ห์ และเป็นเอกลักษณ์

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 8.00 – 17.00 น.

พิกัด GPS : 14°32'03.5"N 102°50'04.2"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดเขาพระอังคาร ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=276


10. วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก)

 

             วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ตั้งอยู่ที่จังหวัดบึงกาฬ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดที่มีความสวยงาม เป็นธรรมชาติ และเรียกได้ว่าน่าอัศจรรย์ เนื่องจากอยู่บนภูเขาซึ่งต้องใช้ความอุตสาหะในการดั้นด้นขึ้นไป จุดเด่นของวัดเจติยาศรีวิหารหรือวัดภูทอกคือ ทางขึ้นแบบบันไดวน 360 องศา ซึ่งทางเดินขึ้นทั้ง 7 ชั้นของวัดภูทอกนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป โดยไฮไลต์จะอยู่ที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นสะพานไม้ทางเดินรอบเขา และเป็นชั้นที่สามารถชมทัศนียภาพได้สวยงามที่สุด กล่าวกันว่าบันไดที่ทอดขึ้นสู่ยอดภูทอกนั้นเปรียบเสมือนเส้นทางแห่งธรรมที่ทำให้พ้นโลกแห่งโลกียะ สู่โลกแห่ง โลกุตระ หรือโลกแห่งการหลุดพ้น เนื่องจากต้องใช้ความเพียรพยายามและความมุ่งมั่นในการขึ้นไป

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 8.30 – 17.00 น.

พิกัด GPS : 18°07'55.9"N 103°52'49.3"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=355


11. วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว)

 

             วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) (Wat Sirindhorn Wararam (Wat Phu Prao) เป็นวัดป่าที่รู้จักกันในนาม “วัดเรืองแสง” ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงในอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี  วัดแห่งนี้เกิดจากผลงานพุทธศิลป์ ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบจิตรกรรมภาพเขียนต้นกัลปพฤกษ์ที่อยู่บนผนังด้านหลังของอุโบสถ ซึ่งจะเรืองแสงสีเขียวในยามค่ำคืน ก่อให้เกิดภาพที่สวยงามแปลกตา อีกทั้งยังมีการสลักลวดลายเรืองแสงลงบนลานหินด้านนอกของอุโบสถ ซึ่งยิ่งส่งเสริมให้งานพุทธศิลป์นี้มีความอลังการ สร้างความตราตรึงใจให้แก่ผู้ที่มาเยือน ตัวอุโบสถของวัดสิรินธรวรารามนั้นจำลองมาจากวัดเชียงทองของประเทศลาว แต่มีขนาดใหญ่กว่าของจริงประมาณหนึ่งเท่า ด้านในมีเสาเรียงลงลวดลายดอกบัวแฝงคติธรรมเรื่องบัวสี่เหล่า เรียงรายทอดยาวไปยังพระประธานปางสมาธิที่ประดิษฐานอยู่ นอกจากนี้วัดสิรินธรวราราม หรือวัดภูพร้าวยังมีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพลำน้ำโขงและอ่างเก็บน้ำบริเวณเชิงเขาได้อย่างชัดเจนด้วย

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 6.00 น. – 21.00 น.

พิกัด GPS : 15°08'55.7"N 105°27'56.3"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=397


12. วัดพระธาตุสุพรรณหงส์

 

             วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ (Wat Phra That Suphannahong) หรือวัดบ้านหว้าน ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านหว้าน อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ วัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีพระอุโบสถบนเรือสุพรรณหงส์อันงดงามตั้งอยู่โดดเด่นกลางน้ำ และมีทางเดินเป็นบันไดสลักลวดลายพญานาคทอดยาวไปสู่ตัวพระอุโบสถ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดหากมีโอกาสมาเที่ยวศรีสะเกษ โดยพระอุโบสถบนเรือสุพรรณหงส์จำลองที่วัดแห่งนี้มีความกว้าง 5 เมตร ยาว 13.6 เมตร หลังคาเป็นทรงจตุรมุข 3 ชั้นมียอดมณฑป ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปหลายองค์ นอกจากชมความงดงามของพระอุโบสถบนเรือสุพรรณหงส์และกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว บริเวณภายในวัดยังมีตลาดโบราณวัฒนธรรมชุมชนให้ได้เดินเที่ยวชมด้วย

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 5.00 – 18.00 น.

พิกัด GPS : 15°11'39.1"N 104°17'38.7"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=420


13. วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

 

             วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ วัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2547 ในชื่อ “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” โดยหลวงพ่อปารมี สุรยุทโธ (หลวงพ่อยงยุทธ) และ พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส ผู้ซึ่งได้ทิ้งปริศนาธรรมไว้มากมายให้ผู้มาเยือนได้นำไปขบคิดและประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วเป็นวัดที่โดดเด่นด้วยเจดีย์พระธาตุ 9 ชั้นงามสง่า ประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องสี ถ้วยชามเบญจรงค์ ตลอดจนเซรามิคหลากสีสัน ตั้งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางขุนเขาเขียวขจีและทะเลหมอกสีขาว โดยเมื่อยามต้องแสงแดด ทั่วทั้งบริเวณจะสะท้อนประกายงดงามวาววับราวกับดินแดนบนสรวงสวรรค์ ถือเป็นวัดสวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศไทที่ควรค่าแก่การไปเยือน นอกจากนี้วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วยังเป็นที่ประดิษฐาน  “พระพุทธเจ้า 5 พระองค์” พระพุทธรูปสีขาวขนาดใหญ่ 5 องค์ประทับนั่งซ้อนกันบนฐานดอกบัว  ท่ามกลางทัศนียภาพรอบด้านที่โอบล้อมด้วยขุนเขาและเมฆหมอก โดยนอกจากการมากราบไหว้สักการะและชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมแล้ว วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วยังเป็นจุดชมวิวสวยๆ อีกจุดหนึ่งของเขาค้อด้วย

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 7.00 – 17.00 น.

พิกัด GPS : 16°47'21.8"N 101°02'56.9"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ได้ที่https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=743        


14. วัดถ้ำผาแด่น

 

             วัดถ้ำผาแด่น (Wat Tham Pha Daen) เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน ในเขตจังหวัดสกลนคร วัดที่สร้างโดยประติมากรรมแกะสลักภูเขาทั้งลูกที่น่าตื่นตาตื่นใจแห่งนี้ มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน โดยเป็นสถานที่ที่เกจิอาจารย์ชื่อดังทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบันใช้เป็นที่ปฏิบัติกรรมฐาน และยังมีจุดชมวิวธรรมชาติที่น่าสนใจหลายจุด ภายในวัดถ้ำผาแด่นมีแลนด์มาร์คสำคัญคือ ภาพแกะสลักหน้าผาหินบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ในพระพุทธศาสนา ด้านบนประดิษฐานเจดีย์ก้อนหินสีทองขนาดใหญ่สื่อแทนยอดเขาพระสุเมรุที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล ส่วนใกล้ๆ กันก็มีรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ที่ประชาชนมากราบไหว้สักการะ และมีองค์พญานาคปรกขนาดใหญ่ซึ่งมีความงามสง่าน่าเกรงขาม นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ ใต้เศียรของพญานาคมีรูปปั้นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ นอกจากนี้วัดถ้ำผาแด่นยังมีสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์คือศาลาไม้ที่ตัวเสานั้นก็ทำด้วยต้นไม้ทั้งต้น ทั้งสวยงาม สะดุดตา และขับให้บรรยากาศของวัดบนเทือกเขาภูพานแห่งนี้น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้นไปอีก

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 6.00 – 17.00 น.

พิกัด GPS : 17°01'51.6"N 104°04'21.4"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดถ้ำผาแด่น ได้ที่https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=715 


15. วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง)

 

             วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) (Wat Prachakom Wanaram (Wat Phakoong) ตั้งอยู่ที่ตำบลศรีสมเด็จ อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด วัดแห่งนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นคือเจดีย์หินทรายที่สร้างเลียนแบบมาจากเจดีย์โบโรบูโด (บรมพุทโธ) เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ความน่าอัศจรรย์ของเจดีย์หินทรายวัดป่ากุงคือสร้างด้วยหินธรรมชาติทั้งหลัง เป็นหินทรายธรรมชาติจากปากช่อง จ. นครราชสีมา โดยใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปีจึงแล้วเสร็จ ภายนอกเจดีย์มีภาพแกะสลักที่สวยงาม วิจิตรพิสดาร เป็นเรื่องราวพุทธประวัติและพระเวสสันดรชาดก ส่วนภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุซึ่งอยู่ ณ จุดศูนย์กลางของเจดีย์ เจดีย์หินทรายวัดป่ากุงถือเป็นบุโรพุทโธเจดีย์หินทรายแห่งแรกของประเทศไทย

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 06.00 - 19.00 น.

พิกัด GPS : 15°59'28.8"N 103°29'43.8"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=297


16. วัดสามพราน

 

             วัดสามพราน (Wat Sampran) อยู่ที่ตำบลสามพราน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมงดงามแปลกตา ด้วยการผสมผสานศิลปะไทยและจีนไว้ด้วยกัน สิ่งที่โดดเด่นของวัดแห่งนี้ที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล คือ “พญามังกรตะกายฟ้า” เป็นกุฏิสีชมพูทรงกลม 16 ชั้น ความสูง 80 เมตร เปรียบเสมือนพรรษาที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้านนอกของกุฏิมีมังกรสีเขียวขนาดใหญ่พันรอบตัวอาคารสีชมพูจากด้านล่างไปจนถึงยอดตึกที่หาชมได้ที่นี่เพียงแห่งเดียว โดยภายในตัวมังกรนั้นเป็นบันไดทางเดินที่มีลักษณะเป็นอุโมงค์ขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบน นอกจากนี้ภายในวัดยังเต็มไปด้วยประติมากรรมต่างๆ ที่สะท้อนถึงความเชื่อ ตำนาน และปริศนาธรรม วัดสามพรานเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะในช่วงตรุษจีน โดยพุทธศาสนิกชนจะเดินทางมาทำบุญ กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถือศีล และปฏิบัติธรรม รวมทั้งเที่ยวชมสิ่งก่อสร้างสำคัญภายในวัดแห่งนี้

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน  เวลา 7.00 – 18.00 น.

พิกัด GPS : 13°44'07.3"N 100°12'55.5"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดสามพราน ได้ที่https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=714 



ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
 : เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ www.accuweather.com 

                    การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย http://thai.tourismthailand.org/home

                    สกุลเงินที่ใช้ : บาท (THB)

                    ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ https://www.xe.com/currencyconverter/


แอปพลิเคชันแนะนำสำหรับเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ในประเทศไทย

                   - Grab สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)


อัตราค่าบริการแท็กซี่ (
TAXI FARE)


อัตราค่าครองชีพ (
DAILY COST)


สภาพอากาศ (WEATHER)

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

คู่มือการดำเนินการตามกระบวนการเคลมประกันรถยนต์ฉบับสมบูรณ์

การมีส่วนร่วมในอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือประสบความเสียหายต่อยานพาหนะของคุณอาจเป็นประสบการณ์ที่ตึงเครียดและท่วมท้น อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์สามารถช่วยบรรเทาความวิตกกังวลและแก้ไขปัญหาได้ราบรื่นยิ่งขึ้น

อ่านต่อ

สวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

สวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม (Muang Photharam Municipal Public Park) เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ริมเขื่อนแม่น้ำแม่กลองในอำเภอโพธาราม ภายในสวนมีบรรยากาศร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ และยังมีส่วนของจุดชมวิว สนามหญ้า ทางวิ่งออกกำลังกาย ลานกีฬา เครื่องออกกำลังกาย และสนามเด็กเล่น สวนสาธาณะแห่งนี้เหมาะกับคนทุกวัยที่ต้องการมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และชมวิวแม่น้ำแม่กลองที่เป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดราชบุรี และที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานกิจกรรมและงานประเพณีต่างๆ ของเมืองโพธารามอีกด้วย

อ่านต่อ

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี (Ratchaburi National Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์จากการใช้ศาลากลางหลังเก่าของจังหวัดราชบุรีมาก่อตั้งขึ้นเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อาคารแห่งนี้เป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามและอยู่คู่กับจังหวัดราชบุรีมาอย่างนาวนาน และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติอีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรีมีนิทรรศการท้องถิ่นที่น่าสนใจของจังหวัดราชบุรีให้เที่ยวชม โดยจัดแสดงเรื่องราวทางสภาพภูมิศาสตร์และธรรมชาติวิทยา ประวัติศาสตร์และโบราณคดี ชนเผ่าชาติพันธุ์วิทยา มรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม และบุคคลสำคัญ ไปจนถึงคลังโบราณวัตถุที่หาชมได้ยากตั้งแต่เครื่องปั้นดินเผาไปจนถึงพระพุทธรูปในยุคต่างๆ

อ่านต่อ

น้ำตกเก้าชั้น จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

น้ำตกเก้าชั้น (Kaew Chan Waterfalls) เป็นน้ำตกกลางหุบเขาที่มีความสูง 9 ชั้น โดยแต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป ชั้นที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดคือบริเวณชั้นที่ 6 น้ำตกเก้าชั้นสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะมีน้ำไหลทุกฤดูกาล โดยจะมีน้ำมากที่สุดและสวยที่สุดในช่วงฤดูฝน เพราะจะมองเห็นสายน้ำตกสีขาวขนาดใหญ่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงท่ามกลางป่าไม้อันเขียวขจีและเสียงของน้ำตก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่งของอำเภอสวนผึ้ง

อ่านต่อ

ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก (Lao Tuk Luck Floating Market) เป็นตลาดน้ำแห่งแรกของจังหวัดราชบุรีที่ก่อตั้งขึ้นมาก่อนตลาดน้ำดำเนินสะดวก มีลักษณะเป็นตลาดน้ำขนาดย่อมที่ตั้งอยู่บนเรือนไม้ริมน้ำที่ชุมชนชาวไทย-จีนอาศัยอยู่ ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลักมีบรรยากาศเรียบง่ายและคลาสสิก แต่มีความพลุกพล่านน้อยกว่าตลาดน้ำดำเนินสะดวก การเดินทางก็แสนง่าย แค่เพียงแค่ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำจากฝั่งตลาดน้ำดำเนินสะดวกมายังฝั่งตรงข้าม ก็จะได้พบกับเรือนไม้โบราณของชุมชนชาวจีนและลำคลองที่ตัดผ่าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอาหารทานง่ายอร่อยๆ ให้เลือกมากมาย และมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้เก็บความประทับใจ นอกจากนี้ในวันหยุดจะมีเสียงดนตรียุค 80 คลอเคล้าสร้างความเพลิดเพลินในการเดินตลาดอีกด้วย

อ่านต่อ

ตลาดน้ำอโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย

ตลาดน้ำอโยธยา (Ayothaya Floating Market) ตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเก่าแห่งนี้

อ่านต่อ

วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย

วัดราชบูรณะ (Wat Ratchaburana) อนุสรณ์สถานแห่งการแย่งชิงราชบัลลังค์ เป็นอีกหนึ่งในวัดที่ใหญ่ และเก่าแก่มากที่สุดในพระนครศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือ เจ้าสามพระยา เมื่อปี พ.ศ. 1967

อ่านต่อ

วัดมเหยงคณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย

วัดมเหยงคณ์ (Wat Mahaeyong) อดีตพระอารามหลวง และกลายเป็นวัดร้างไปภายหลังกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อ พ.ศ. 2310 ปัจจุบันวัดแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นสถานปฏิบัติธรรม ใจกลางโบราณสถานที่เก่าแก่ของอยุธยาอีกด้วย

อ่านต่อ

10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย

จังหวัดนครสวรรค์ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางตอนบน เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เป็นแหล่งเกษตรกรรมของไทย อีกทั้งยังได้รับสมญานามว่าเป็นประตูสู่ภาคเหนือ และเป็นพื้นที่ต้นกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ จังหวัดนครสวรรค์จึงมีทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงาม และมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายโดยเฉพาะวัดและตลาดที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชาวนครสวรรค์ได้เป็นอย่างดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวม 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดนครสวรรค์มาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

หอชมเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย

หอชมเมืองนครสวรรค์ (Nakhon Sawan Observation Tower) เป็นหอชมเมืองที่ตั้งอยู่บนเขาคีรีวงศ์ จุดชมวิวจะตั้งอยู่บริเวณชั้น 10 ของหอชมเมืองซึ่งสามารถชมวิวเมืองนครสวรรค์จากมุมสูงได้โดยรอบ และมองเห็นทิวทัศน์ของธรรมชาติที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างเต็มตา นอกจากนี้บริเวณชั้น 1 ยังมีร้านขายของที่ระลึกซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นให้เลือกซื้ออีกด้วย หอชมเมืองนครสวรรค์จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองปากน้ำโพที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ