- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวในประเทศ
- 16 วัดสวยและแปลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
16 วัดสวยและแปลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- อ่าน (5,054)
- ByWebmaster
- 17:34:09 | 19 พ.ย. 2564
16 วัดสวยและแปลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เมืองไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธ ที่ผู้คนมีความเลื่อมใสศรัทธาและเกี่ยวพันกับพระพุทธศาสนามาเป็นเวลานานหลายร้อยปี จึงไม่น่าแปลกใจที่ในประเทศไทยจะมีวัดวาอารามสวยๆ และเป็นเอกลักษณ์เป็นจำนวนมาก ทั้งเก่าแก่และเพิ่งสร้างได้ไม่นานนัก โดยหลายๆ แห่งก็แฝงไว้ด้วยความแปลกและน่าอัศจรรย์ใจ วันนี้ Palanla ได้รวบรวม 16 วัดสวยและแปลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาให้ได้ชมกัน
แผนที่แสดงตำแหน่งของ 16 วัดสวยและแปลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
1. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (Wat Phra Chetuphon Vimolmangklararm Rajworamahavihara) หรือวัดโพธิ์ ตั้งอยู่ที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร วัดแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 รวมถึงมีการจารึกสรรพตำราแพทย์แผนโบราณต่างๆ ลงบนแผ่นหินอ่อนประดับไว้ตามศาลาอันเป็นที่มาของการนวดแผนโบราณที่ขึ้นชื่อของวัดโพธิ์ด้วย นอกจากความสวยงามของสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายวัดแล้ว เอกลักษณ์อันโดดเด่นของวัดโพธิ์คือ เจดีย์ขนาดเล็กหลายองค์ ที่ประดับลวดลายกระเบื้องสวยงามแปลกตา ถือได้ว่าเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีเจดีย์มากถึงราวๆ 99 องค์ ข้างในสุดเป็นพระเจดีย์องค์สำคัญ คือ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ซึ่งเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1 – 4 ภายในพระวิหารวัดโพธิ์ยังเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธไสยาสน์สมัยรัตนโกสินทร์ที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในประเทศไทยด้วย
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน ระหว่าง 08.00 – 18.30 น.
พิกัด GPS : 13°44'47.8"N 100°29'35.2"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=78
2. วัดโฝวกวงซัน
วัดโฝวกวงซัน (Po Guang Shan) หรือ “สถาบันพุทธศาสนา เถรวาท-มหายาน” ตั้งอยู่ที่ถนนคู้บอน เขตคลองสามวา วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งวัดสวยในประเทศไทย ด้วยสถาปัตยกรรมและบรรยากาศภายในวัดที่มีความงดงาม แปลกตา ราวกับยกวัดจากประเทศไต้หวันมาไว้ที่ประเทศไทย วัดโฝวกวงซันเป็นวัดสาขาจากไต้หวันที่ได้รับการออกแบบตามรายละเอียดของสถาปัตยกรรมวัดในไต้หวันทุกประการ มีทั้งความงดงามหมดจด ยิ่งใหญ่ และชวนให้เกิดความรู้สึกสงบเลื่อมใสในขณะเดียวกัน วิหารทั้งหมดถูกออกแบบด้วยศิลปะที่งดงามประณีต โดยหนึ่งในจุดสำคัญของวัดโฝวกวงซันคือ อาคารที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่สีทองงามสง่าสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล นอกจากนี้ภายในวัดยังประดิษฐานเทพศักดิ์สิทธิ์หลายองค์ รวมทั้งยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่มีบรรยากาศสงบ ร่มเย็นและสวยงาม
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 9.00 - 17.00 น. (ปิดวันจันทร์)
พิกัด GPS : 13°51'24.9"N 100°40'39.4"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดโฝวกวงซัน ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=505
3. วัดร่องเสือเต้น
วัดร่องเสือเต้น (Wat Rong Suer Ten) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำกกที่หมู่บ้านร่องเสือเต้น ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางพุทธศาสนาที่สวยงามและมีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงราย ด้วยวิหารโทนสีน้ำเงินฟ้าตัดกับสีทองที่มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ศิลปกรรมของวัดร่องเสือเต้นเป็นศิลปะแนวพุทธศิลป์ร่วมสมัยที่แฝงด้วยธรรมของพุทธองค์ วิหารอันงดงามแห่งนี้ใช้เวลาสร้างนานถึง 11 ปีจึงแล้วเสร็จ สร้างและออกแบบโดยนายพุทธา กาบแก้ว หรือสล่านก เป็นศิลปินพื้นบ้านชาวเชียงราย ลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ผู้สร้างสร้างวัดร่องขุ่นที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถสีขาวมุก ขนาดหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 6.5 เมตร บริเวณพระเศียรบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รวมถึงมีพระรอดลำพูนจำนวน 88,000 องค์ และแก้วแหวนเงินทองมากมายถูกฝังอยู่ใต้พระพุทธรูปองค์นี้
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดให้เข้าชมและสักการะทุกวัน เวลา 7.00 – 20.00 น.
พิกัด GPS : 19°55'24.1"N 99°50'30.2"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดร่องเสือเต้น ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=303
วัดร่องขุ่น (Wat Rong Khun) ตั้งอยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย วัดที่มีความวิจิตรงดงามราวกับดินแดนสวรรค์แห่งนี้ ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดเชียงราย และยังเป็นวัดที่ได้รับการยกย่องว่ามีความงดงามติดระดับโลกอยู่หลายต่อหลายครั้งจากการจัดอันดับของหลายๆ สถาบัน วัดร่องขุ่นสร้างขึ้นจากความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้าของศิลปินเอกอย่างอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ในปี พ.ศ. 2540 เมื่อเล็งเห็นว่าวัดแห่งนี้อยู่ในสภาพทรุดโทรมจึงมีความคิดที่จะสร้างวัดร่องขุ่นขึ้นมาใหม่ โดยอาจารย์ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจาก 3 สิ่ง ได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จึงตั้งใจที่จะทำงานศิลปะเพื่อเป็นสมบัติของแผ่นดิน อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา และต้องการถวายงานพระมหากษัตริย์ด้วยความความตื้นตันและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ความโดดเด่นของวัดร่องขุ่นคือพระอุโบสถสีขาวประดับด้วยกระจกแวววาว และลวดลายต่างๆ ที่งดงามซึ่งเป็นงานศิลปะที่แตกต่างจากวัดแห่งอื่นๆ ในประเทศไทย บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถมีสะพานที่สื่อถึงการเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ และมีงานประติมากรรมที่มีความงดงามอีกเป็นจำนวนมาก
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 6.30 – 18.00 น.
พิกัด GPS : 19°49'27.1"N 99°45'48.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดร่องขุ่น ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=302
วัดมหาธาตุ (Wat Mahathat) ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดเก่าแก่แห่งนี้ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาในสมัยที่กรุงศรีอยุธยายังมีความรุ่งเรือง รวมถึงใช้จัดพระราชพิธีต่างๆ ทางศาสนา ภายในวัดประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และใช้เป็นสถานที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสี วัดมหาธาตุได้รับความเสียหายจากการถูกไฟไหม้อย่างมากจากเหตุการณ์เสียกรงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 และถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน สิ่งที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของวัดแห่งนี้ คือ เศียรพระพุทธรูปหินทรายอายุกว่าร้อยปีในรากไม้ เป็นเศียรพระพุทธรูปศิลปะสมัยอยุธยาอยู่ในรากโพธิ์ข้างวิหาร คาดว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ในสมัยเสียกรุงจนรากไม้ขึ้นปกคลุม เกิดเป็นความงดงามแปลกตา และกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ทำให้วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ ปัจจุบันวัดมหาธาตุเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมจากองค์กรยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น.
พิกัด GPS : 14°21'24.8"N 100°34'02.7"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดมหาธาตุ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=101
6. วัดนิเวศน์ธรรมประวัติราชวรมหาวิหาร
วัดนิเวศน์ธรรมประวัติราชวรมหาวิหาร (Wat Niwet Thammaprawat) ตั้งอยู่ใกล้กับพระราชวังบางปะอิน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดไทยเก่าแก่ในสมัยรัชกาลที่ 5 สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปแห่งเดียวในประเทศไทย หากมองด้วยสายตาหลายคนคงไม่ทราบว่า อาคารสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่มีลักษณะคล้ายโบสถ์ในศาสนาคริสต์แห่งนี้แท้จริงแล้วคือวัดพุทธ วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2419 โดยพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญพระราชกุศลเมื่อเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับยังพระราชวังบางประอิน โดยพระองค์ทรงโปรดให้สร้างเลียนแบบโบสถ์ฝรั่ง และใช้ศิลปะรูปแบบโกธิค พระอุโบสถของวัดเป็นอาคารมีโดมหอคอยเหมือนกับวิหารในสถาปัตยกรรมตะวันตก บริเวณยอดโดมเป็นหอนาฬิกาและระฆังชุด ส่วนเหนือขึ้นไปเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 – 18.00 น.
พิกัด GPS : 14°13'53.5"N 100°34'32.8"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดนิเวศน์ธรรมประวัติราชวรมหาวิหาร ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=97
วัดห้วยแก้ว (Wat Huai Kaeo) ตั้งอยู่ที่ตำบลมหาสอน อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2414 เป็นวัดที่ผสมผสานงานศิลปะผ่านสถาปัตยกรรมของวัดทั้งไทย ขอม และพม่า เข้าด้วยกัน จุดเด่นของวัดนี้คือ “พระเจดีย์มหาเมตตารัตนะรังษี” เป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองที่สร้างขึ้นในแบบสุโขทัย ตั้งอยู่กลางบึงห้วยแก้ว ภายในเจดีย์ตกแต่งด้วยบรรยากาศร่มรื่นของป่า มีพระพุทธรูปหยกเขียวหยกขาวประดิษฐานพร้อมกับพระพุทธเจ้าทั้งแปดพระองค์ซึ่งอัญเชิญมาจากพม่า ประดิษฐานตั้งตามทิศตามความเชื่อของประเทศพม่า เชื่อกันว่าผู้ใดได้มากราบไหว้บูชานั้นจะโชคดีและสมความปรารถนา ส่วนสถาปัตยกรรมโดยรอบนั้นเป็นศิลปะแบบขอม มีรูปนางอัปสราซึ่งเป็นเทพธิดาบนสวรรค์ที่ก่อด้วยอิฐศิลาแลงในอิริยาบถต่างๆ ประดับไว้ทั่วเจดีย์ นับเป็นวัดที่มีความงดงามอลังการอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน 06.30 น. – 18.00 น
พิกัด GPS : 15°02'19.4"N 100°30'19.8"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดห้วยแก้ว ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=558
วัดปากน้ำโจ้โล้ (Wat Paknam Jolo) ตั้งอยู่ในอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดลุ่มแม่น้ำบางปะกง แต่เดิมเป็นสำนักสงฆ์ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย วัดที่แสนงดงามแห่งนี้โดดเด่นด้วยพระอุโบสถสีทองหลังใหญ่สลักลวดลายทั้งภายนอกและภายในอย่างวิจิตรบรรจง เสาแต่ละต้นมีลวดลายยักษ์ประดับอยู่ ซุ้มประตูก็มีการประดับลวดลายโดดเด่น ส่วนบริเวณบันไดประดับด้วยคชปักษาคู่ ซึ่งแตกต่างจากวัดอื่นๆ ที่มักจะประดับด้วยพญานาค ภายในพระอุโบสถวัดปากน้ำโจ้โล้ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยอันเป็นที่เคารพศรัทธา นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่เป็นอนุสรณ์รำลึกถึงชัยชนะในการปราบทัพพม่าบริเวณนี้ในอดีตอีกด้วย บริเวณด้านหน้าวัดปากน้ำโจ้โล้มีบรรยากาศรื่นรมย์ผ่อนคลายเนื่องจากมีลำคลองไหลผ่านมารวมกับแม่น้ำบางปะกง ปัจจุบันวัดแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งจังหวัดฉะเชิงเทรา
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน 08.00 น. – 17.00 น.
พิกัด GPS : 13°44'31.3"N 101°12'32.8"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดปากน้ำโจ้โล้ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=519
9. วัดเขาพระอังคาร
วัดเขาพระอังคาร (Wat Khao Phra Angkhan) ตั้งอยู่ที่ภูเขาพระอังคาร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ นับเป็นอีกหนึ่งวัดของภาคอีสานที่มีสถาปัตยกรรมงดงามแปลกตาและให้กลิ่นอายอารยะธรรมขอมโบราณ รอบๆ พระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยจำนวน 108 องค์เรียงรายอย่างสวยงาม มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าบริเวณที่สร้างวัดเขาพระอังคารเคยเป็นพุทธสถานมาตั้งแต่สมัยทราวดี โดยมีการพบใบเสมาหินบะซอลต์อายุราว 1,300 ปีก่อน ซึ่งเป็นวัดแห่งเดียวในประเทศไทยที่ปรากฏใบเสมาหินบะซอลต์ด้วย แม้ว่าสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในวัดเขาพระอังคารที่เห็นในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนของเดิมที่ชำรุด ทว่าก็ได้ประยุกต์สถาปัตยกรรมหลายสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว มีเสน่ห์ และเป็นเอกลักษณ์
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 8.00 – 17.00 น.
พิกัด GPS : 14°32'03.5"N 102°50'04.2"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดเขาพระอังคาร ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=276
10. วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก)
วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ตั้งอยู่ที่จังหวัดบึงกาฬ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดที่มีความสวยงาม เป็นธรรมชาติ และเรียกได้ว่าน่าอัศจรรย์ เนื่องจากอยู่บนภูเขาซึ่งต้องใช้ความอุตสาหะในการดั้นด้นขึ้นไป จุดเด่นของวัดเจติยาศรีวิหารหรือวัดภูทอกคือ ทางขึ้นแบบบันไดวน 360 องศา ซึ่งทางเดินขึ้นทั้ง 7 ชั้นของวัดภูทอกนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป โดยไฮไลต์จะอยู่ที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นสะพานไม้ทางเดินรอบเขา และเป็นชั้นที่สามารถชมทัศนียภาพได้สวยงามที่สุด กล่าวกันว่าบันไดที่ทอดขึ้นสู่ยอดภูทอกนั้นเปรียบเสมือนเส้นทางแห่งธรรมที่ทำให้พ้นโลกแห่งโลกียะ สู่โลกแห่ง โลกุตระ หรือโลกแห่งการหลุดพ้น เนื่องจากต้องใช้ความเพียรพยายามและความมุ่งมั่นในการขึ้นไป
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 8.30 – 17.00 น.
พิกัด GPS : 18°07'55.9"N 103°52'49.3"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=355
11. วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว)
วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) (Wat Sirindhorn Wararam (Wat Phu Prao) เป็นวัดป่าที่รู้จักกันในนาม “วัดเรืองแสง” ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงในอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี วัดแห่งนี้เกิดจากผลงานพุทธศิลป์ ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบจิตรกรรมภาพเขียนต้นกัลปพฤกษ์ที่อยู่บนผนังด้านหลังของอุโบสถ ซึ่งจะเรืองแสงสีเขียวในยามค่ำคืน ก่อให้เกิดภาพที่สวยงามแปลกตา อีกทั้งยังมีการสลักลวดลายเรืองแสงลงบนลานหินด้านนอกของอุโบสถ ซึ่งยิ่งส่งเสริมให้งานพุทธศิลป์นี้มีความอลังการ สร้างความตราตรึงใจให้แก่ผู้ที่มาเยือน ตัวอุโบสถของวัดสิรินธรวรารามนั้นจำลองมาจากวัดเชียงทองของประเทศลาว แต่มีขนาดใหญ่กว่าของจริงประมาณหนึ่งเท่า ด้านในมีเสาเรียงลงลวดลายดอกบัวแฝงคติธรรมเรื่องบัวสี่เหล่า เรียงรายทอดยาวไปยังพระประธานปางสมาธิที่ประดิษฐานอยู่ นอกจากนี้วัดสิรินธรวราราม หรือวัดภูพร้าวยังมีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพลำน้ำโขงและอ่างเก็บน้ำบริเวณเชิงเขาได้อย่างชัดเจนด้วย
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 6.00 น. – 21.00 น.
พิกัด GPS : 15°08'55.7"N 105°27'56.3"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=397
วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ (Wat Phra That Suphannahong) หรือวัดบ้านหว้าน ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านหว้าน อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ วัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีพระอุโบสถบนเรือสุพรรณหงส์อันงดงามตั้งอยู่โดดเด่นกลางน้ำ และมีทางเดินเป็นบันไดสลักลวดลายพญานาคทอดยาวไปสู่ตัวพระอุโบสถ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดหากมีโอกาสมาเที่ยวศรีสะเกษ โดยพระอุโบสถบนเรือสุพรรณหงส์จำลองที่วัดแห่งนี้มีความกว้าง 5 เมตร ยาว 13.6 เมตร หลังคาเป็นทรงจตุรมุข 3 ชั้นมียอดมณฑป ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปหลายองค์ นอกจากชมความงดงามของพระอุโบสถบนเรือสุพรรณหงส์และกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว บริเวณภายในวัดยังมีตลาดโบราณวัฒนธรรมชุมชนให้ได้เดินเที่ยวชมด้วย
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 5.00 – 18.00 น.
พิกัด GPS : 15°11'39.1"N 104°17'38.7"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=420
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ วัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2547 ในชื่อ “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” โดยหลวงพ่อปารมี สุรยุทโธ (หลวงพ่อยงยุทธ) และ พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส ผู้ซึ่งได้ทิ้งปริศนาธรรมไว้มากมายให้ผู้มาเยือนได้นำไปขบคิดและประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วเป็นวัดที่โดดเด่นด้วยเจดีย์พระธาตุ 9 ชั้นงามสง่า ประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องสี ถ้วยชามเบญจรงค์ ตลอดจนเซรามิคหลากสีสัน ตั้งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางขุนเขาเขียวขจีและทะเลหมอกสีขาว โดยเมื่อยามต้องแสงแดด ทั่วทั้งบริเวณจะสะท้อนประกายงดงามวาววับราวกับดินแดนบนสรวงสวรรค์ ถือเป็นวัดสวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศไทที่ควรค่าแก่การไปเยือน นอกจากนี้วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธเจ้า 5 พระองค์” พระพุทธรูปสีขาวขนาดใหญ่ 5 องค์ประทับนั่งซ้อนกันบนฐานดอกบัว ท่ามกลางทัศนียภาพรอบด้านที่โอบล้อมด้วยขุนเขาและเมฆหมอก โดยนอกจากการมากราบไหว้สักการะและชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมแล้ว วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วยังเป็นจุดชมวิวสวยๆ อีกจุดหนึ่งของเขาค้อด้วย
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 7.00 – 17.00 น.
พิกัด GPS : 16°47'21.8"N 101°02'56.9"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=743
14. วัดถ้ำผาแด่น
วัดถ้ำผาแด่น (Wat Tham Pha Daen) เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน ในเขตจังหวัดสกลนคร วัดที่สร้างโดยประติมากรรมแกะสลักภูเขาทั้งลูกที่น่าตื่นตาตื่นใจแห่งนี้ มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน โดยเป็นสถานที่ที่เกจิอาจารย์ชื่อดังทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบันใช้เป็นที่ปฏิบัติกรรมฐาน และยังมีจุดชมวิวธรรมชาติที่น่าสนใจหลายจุด ภายในวัดถ้ำผาแด่นมีแลนด์มาร์คสำคัญคือ ภาพแกะสลักหน้าผาหินบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ในพระพุทธศาสนา ด้านบนประดิษฐานเจดีย์ก้อนหินสีทองขนาดใหญ่สื่อแทนยอดเขาพระสุเมรุที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล ส่วนใกล้ๆ กันก็มีรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ที่ประชาชนมากราบไหว้สักการะ และมีองค์พญานาคปรกขนาดใหญ่ซึ่งมีความงามสง่าน่าเกรงขาม นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ ใต้เศียรของพญานาคมีรูปปั้นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ นอกจากนี้วัดถ้ำผาแด่นยังมีสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์คือศาลาไม้ที่ตัวเสานั้นก็ทำด้วยต้นไม้ทั้งต้น ทั้งสวยงาม สะดุดตา และขับให้บรรยากาศของวัดบนเทือกเขาภูพานแห่งนี้น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้นไปอีก
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 6.00 – 17.00 น.
พิกัด GPS : 17°01'51.6"N 104°04'21.4"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดถ้ำผาแด่น ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=715
15. วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง)
วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) (Wat Prachakom Wanaram (Wat Phakoong) ตั้งอยู่ที่ตำบลศรีสมเด็จ อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด วัดแห่งนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นคือเจดีย์หินทรายที่สร้างเลียนแบบมาจากเจดีย์โบโรบูโด (บรมพุทโธ) เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ความน่าอัศจรรย์ของเจดีย์หินทรายวัดป่ากุงคือสร้างด้วยหินธรรมชาติทั้งหลัง เป็นหินทรายธรรมชาติจากปากช่อง จ. นครราชสีมา โดยใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปีจึงแล้วเสร็จ ภายนอกเจดีย์มีภาพแกะสลักที่สวยงาม วิจิตรพิสดาร เป็นเรื่องราวพุทธประวัติและพระเวสสันดรชาดก ส่วนภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุซึ่งอยู่ ณ จุดศูนย์กลางของเจดีย์ เจดีย์หินทรายวัดป่ากุงถือเป็นบุโรพุทโธเจดีย์หินทรายแห่งแรกของประเทศไทย
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 06.00 - 19.00 น.
พิกัด GPS : 15°59'28.8"N 103°29'43.8"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=297
16. วัดสามพราน
วัดสามพราน (Wat Sampran) อยู่ที่ตำบลสามพราน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมงดงามแปลกตา ด้วยการผสมผสานศิลปะไทยและจีนไว้ด้วยกัน สิ่งที่โดดเด่นของวัดแห่งนี้ที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล คือ “พญามังกรตะกายฟ้า” เป็นกุฏิสีชมพูทรงกลม 16 ชั้น ความสูง 80 เมตร เปรียบเสมือนพรรษาที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้านนอกของกุฏิมีมังกรสีเขียวขนาดใหญ่พันรอบตัวอาคารสีชมพูจากด้านล่างไปจนถึงยอดตึกที่หาชมได้ที่นี่เพียงแห่งเดียว โดยภายในตัวมังกรนั้นเป็นบันไดทางเดินที่มีลักษณะเป็นอุโมงค์ขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบน นอกจากนี้ภายในวัดยังเต็มไปด้วยประติมากรรมต่างๆ ที่สะท้อนถึงความเชื่อ ตำนาน และปริศนาธรรม วัดสามพรานเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะในช่วงตรุษจีน โดยพุทธศาสนิกชนจะเดินทางมาทำบุญ กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถือศีล และปฏิบัติธรรม รวมทั้งเที่ยวชมสิ่งก่อสร้างสำคัญภายในวัดแห่งนี้
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 7.00 – 18.00 น.
พิกัด GPS : 13°44'07.3"N 100°12'55.5"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดสามพราน ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=714
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ www.accuweather.com
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย http://thai.tourismthailand.org/home
สกุลเงินที่ใช้ : บาท (THB)
ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ https://www.xe.com/currencyconverter/
แอปพลิเคชันแนะนำสำหรับเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ในประเทศไทย
- Grab สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
อัตราค่าบริการแท็กซี่ (TAXI FARE)
อัตราค่าครองชีพ (DAILY COST)
สภาพอากาศ (WEATHER)
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
พิจิตร จังหวัดเล็กๆ ที่ซ่อนเสน่ห์เอาไว้มากมาย และไม่ได้มีแค่บึงสีไฟเพียงอย่างเดียว เพราะเมืองชาละวันแห่งนี้มีทั้งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ วัดวาอารามเก่าแก่ และวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่นที่น่าสนใจ บทความนี้ Palanla จะพาไปเปิดมุมมองใหม่กับ 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนพิจิตร
อ่านต่อวัดหิรัญญาราม (วัดบางคลาน) จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
วัดหิรัญญาราม (Wat Hiranyaram) หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันดีในชื่อ วัดบางคลาน (Wat Bang Khlan) เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากแห่งหนึ่งของจังหวัดพิจิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่รู้จักจาก หลวงพ่อเงิน พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่มีผู้คนให้ความเคารพนับถืออย่างมาก
อ่านต่ออุทยานเมืองเก่าพิจิตร จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
อุทยานเมืองเก่าพิจิตร (Pichit Historical Park) เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัด เชื่อกันว่าเดิมทีบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของเมืองพิจิตรเก่า
อ่านต่อวัดนครชุม จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
วัดนครชุม (Wat Nakhon Chum) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า "วัดใหญ่" ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย โดยเคยเป็นวัดสำคัญของเมืองพิจิตรในอดีต
อ่านต่อวัดเขารูปช้าง จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
วัดเขารูปช้าง (Wat Khao Rup Chang) อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ของจังหวัดพิจิตรที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา บนยอดเขาที่มีหินสีขาวซ้อนกันเป็นรูปช้างคุกเข่าโดดเด่นด้วยเจดีย์แบบลังกา ประดับกระเบื้องเคลือบสีทองทั้งองค์
อ่านต่อทุ่งดอกกระเจียวยักษ์บ้านเขาโล้น จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
ทุ่งดอกกระเจียวยักษ์บ้านเขาโล้น (Giant Siam Tulip Field Baan Khao Loan) ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน เมื่อดอกกระเจียวสีชมพูบานสะพรั่งทั่วทั้งทุ่ง
อ่านต่อตลาดย่านเก่าวังกรด จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
ตลาดย่านเก่าวังกรด ( Yan Kao Wang Krot Market) ตลาดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ณ ย่านเก่าวังกรด จังหวัดพิจิตร เป็นแหล่งรวมอาหารอร่อยที่เรียงรายด้วยสถาปัตยกรรมอาคารไม้เก่าแก่สวยงาม พร้อมทั้งหอนาฬิกาที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของชุมชน
อ่านต่อน้ำตกไทรโยคใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย
น้ำตกไทรโยคใหญ่ (Sai Yok Yai Waterfall) เปรียบเสมือนอัญมณีแห่งเมืองกาญจนบุรี ด้วยความงามของม่านน้ำอันยิ่งใหญ่ที่ไหลรินลงมาจากหน้าผาสูงและกลายเป็นสายน้ำที่ทอดยาว รายล้อมไปด้วยป่าไม้ร่มรื่น ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของจังหวัดกาญจนบุรี
อ่านต่อต้นจามจุรียักษ์ จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย
ต้นจามจุรียักษ์ (Giant Monkey Pod Tree) อายุกว่า 100 ปี ที่ยืนตระหง่าน แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาแก่ผู้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจ คืออีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองกาญจนบุรีในปัจจุบัน
อ่านต่อคู่มือการดำเนินการตามกระบวนการเคลมประกันรถยนต์ฉบับสมบูรณ์
การมีส่วนร่วมในอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือประสบความเสียหายต่อยานพาหนะของคุณอาจเป็นประสบการณ์ที่ตึงเครียดและท่วมท้น อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์สามารถช่วยบรรเทาความวิตกกังวลและแก้ไขปัญหาได้ราบรื่นยิ่งขึ้น
อ่านต่อ