5 สถานที่ชมดอกไม้บานตามธรรมชาติที่สวยและใหญ่ที่สุดในเมืองไทย

  • อ่าน (4,285)
  • ByWebmaster
  • 15:02:20 | 22 พ.ค. 2564

5 สถานที่ชมดอกไม้บานตามธรรมชาติที่สวยและใหญ่ที่สุดในเมืองไทย

 

             ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปกี่ยุคกี่สมัย และสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ จะเกิดขึ้นตามเทรนด์อยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่า ความสวยงามที่ธรรมชาติเป็นผู้รังสรรค์ขึ้นนั้นไม่มีสิ่งใดจะมาทดแทนได้จริงๆ โดยเฉพาะความงามของดอกไม้ตามธรรมชาติที่ใครได้ชมก็ชื่นใจ แม้บางสถานที่การเดินทางอาจไม่ได้ง่ายแต่เมื่อถึงฤดูกาลที่มวลดอกไม้เบ่งบานผู้คนที่ใฝ่หาความงามและสีสันสวยๆ จากธรรมชาติก็ยินยอมพร้อมใจที่จะเดินทางไปหา ไม่ว่าจะอยู่บนดอย ในป่า หรือกลางบึงใหญ่ วันนี้ Palanla จะพาไปรู้จักกับ 5 สถานที่ชมดอกบานตามธรรมชาติ ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

 
แผนที่แสดงตำแหน่งของทุ่งดอกไม้งามทั้ง 5 แห่งในประเทศไทย


1. 
ทะเลบัวแดง

             ทะเลบัวแดง (Red Lotus Lake) บึงหนองหาน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี บึงดอกไม้ตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย งดงามละลานตาไปด้วย “บัวสาย” หรือ “บัวแดง” นับล้านๆ ดอก และยังเป็นสถานที่สำคัญของตำนานผาแดงนางไอ่ที่ยังคงเล่าขานต่อเนื่องกันมาจนถึงทุกวันนี้ หนองหานถือเป็นบึงน้ำจืดที่มีความความหลากหลายทางชีวภาพแห่งหนึ่งของประเทศ ภายในบึงนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชน้ำ พันธุ์นก และพันธุ์ปลาหลากหลายชนิด ซึ่งพันธุ์ไม้น้ำที่โดดเด่นของบึงหนองหานก็คือ “บัวสาย” หรือ “บัวแดง” นับล้านที่ธรรมชาติได้เนรมิตความงามสุดอลังการนี้ขึ้นมา ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยือนและสัมผัสกับความงดงามของ “ทะเลบัวแดง” นี้ในทุกฤดูหนาว

             ช่วงเวลาที่สามารถสัมผัสความงดงามของทะเลบัวแดงนั้นจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เดือนธันวาคมไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ หรือต้นเดือนมีนาคม ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศแต่ละปี การมาชมทะเลบัวแดงควรมาชมในช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.00 - 11.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่ดอกบัวสีชมพูจะแข่งกันเบ่งบานละลานตาและยังไม่หุบ โดยดอกบัวจะบานตั้งแต่เช้า เป็นโอกาสที่นักท่องเที่ยวจะได้ชมหรือเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามสุดแสนประทับใจด้วย

ฤดูกาลท่องเที่ยว : เดือนธันวาคม - ต้นเดือนมีนาคม

พิกัด GPS : 17°12'08.0"N 102°59'58.9"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทะเลบัวแดง ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=352


2. ทุ่งดอกกระเจียว

 

             ดอกกระเจียว (Siam Tulip Blossom) ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งมวลไม้ดอกสีชมพูอมม่วงที่จะทยอยออกดอกบานสะพรั่งทั่วผืนป่าในเขตอุทยานแห่งชาติไทรทอง จังหวัดชัยภูมิในทุกๆ ฤดูฝน นับเป็นหนึ่งไฮไลต์ของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งวสันตฤดู ที่นักท่องเที่ยวต่างตั้งตารอคอยเป็นประจำทุกปี เพราะที่นี่เรียกได้ว่าเป็นทุ่งดอกกระเจียวที่มีความงดงามและมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

             กระเจียวเป็นพืชล้มลุกประเภทหัวและเป็นพันธุ์ไม้ประจำถิ่นที่ขึ้นมากในประเทศไทย โดยเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติไทรทองที่ครอบคลุมเนื้อที่ถึง 199,375 ไร่ใน 4 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ รวมถึงอำเภอหนองบัวระเหว สถานที่ชมความงามของดอกกระเจียวผืนใหญ่ที่รอต้อนรับผู้มาเยือนด้วยความประทับใจ ดอกกระเจียวที่อุทยานแห่งชาติไทรทองมีให้ชม 2 สี คือ ดอกกระเจียวสีม่วงอมชมพู (เรียกว่าดอกบัวสวรรค์) และ ดอกกระเจียวสีขาว (เรียกว่าดอกบัวเทพอัปสร) ภายในทุ่งดอกกระเจียวมีเส้นทางเดินชมที่สะดวก เดินง่าย ผ่านป่าเต็งรังสลับกับจุดชมวิวตามแนวผาให้ชมตลอดเส้นทางไปกลับราวๆ 4 กิโลเมตร

             สาวงามในชุดสีชมพูเหล่านี้จะพร้อมใจกันเบ่งบานเผยความงามให้นักท่องเที่ยวได้ชมตั้งแต่ประมาณเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม ช่วงเวลาที่บานเต็มพื้นที่จะอยู่ราวเดือนมิถุนายน การเดินทางมาชมทุ่งดอกกระเจียวในช่วงเช้าๆ เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับสายหมอกบางๆ ที่ลอยอ้อยอิ่งปกคลุมอยู่ทั่ว ทว่าถ้าหากมาในช่วงบ่ายที่ฝนเพิ่งตกใหม่ๆ ก็มีโอกาสที่จะได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้เช่นกัน   

ฤดูกาลท่องเที่ยว : เดือนพฤษภาคม - เดือนกรกฎาคม

พิกัด GPS : 15°52'28.1"N 101°30'36.2"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทุ่งดอกกระเจียว ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=447


3. ทุ่งดอกบัวตอง

ขอบคุณภาพประกอบจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย https://www.tat.or.th

             ทุ่งดอกบัวตอง (Mexican Sunflower Field) ดอยแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวชมความงามของดอกไม้ธรรมชาติที่งดงามที่สุดของเมืองไทยในช่วงฤดูหนาว ภาพของดอกบัวตองสีเหลืองสดผลิบานเต็มทั่วทั้งเขา บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ด้วยความสูงราว 1,600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตัดกับภาพของถนนที่คดเคี้ยวไปมาท่ามกลางทุ่งดอกไม้สีเหลืองคือภาพจดจำอันเป็นเอกลักษณ์และมนต์เสน่ห์ของยอดดอยแห่งนี้

             ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนคือช่วงเวลาที่ดอกบัวตองสีเหลืองทองเหล่านี้พร้อมใจกันบานเต็มหุบเขานั้น รังสรรค์เนรมิตให้เกิดภาพที่สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจของทุ่งดอกบัวตองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ราวกับภาพเขียนของจิตรกรฝีมือเอก ซึ่งระยะเวลาที่บานก็แสนสั้นเพียง 2 อาทิตย์เท่านั้น หากเดินทางมาชมทุ่งดอกบัวตองในช่วงเช้าตรู่ นอกจากดอกไม้สวยๆ แล้วนักท่องเที่ยวยังจะได้สัมผัสกับอากาศเย็นๆ และหมอกขาวที่ลอยปกคลุมยอดดอย ตัดกับแสงอาทิตย์ในยามเช้าที่โผล่พ้นของฟ้าโดยมีฉากหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงามยิ่ง

ฤดูกาลท่องเที่ยว : เดือนพฤศจิกายน

พิกัด GPS : 18°53'40.9"N 98°05'27.9"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทุ่งดอกบัวตอง ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=448


4. ดอกนางพญาเสือโคร่ง 


ขอบคุณภาพประกอบจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย https://www.tat.or.th

             ทุกๆ ฤดูหนาว ดอกนางพญาเสือโคร่ง (Wild Himalayan Cherry Blossom) หรือซากุระเมืองไทยจะพร้อมใจกันย้อมสีสันให้พื้นที่กว่า 1,200 ไร่ของภูลมโล ในเขตพื้นที่ภูหินร่องกล้า อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย กลายเป็นสีชมพูจนได้รับฉายาว่า “หุบเขาสีชมพู” ที่นี่ถือเป็นสถานที่ชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดในประเทศไทย

             ภูลมโลเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ครอบคลุมพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด คือ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก และ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้ถูกเรียกว่าเป็นพื้นที่สีแดงในยุคลัทธิคอมมิวนิสต์ ต่อมาเมื่อเหตุการณ์สงบพื้นที่ภูลมโลที่เคยถูกหักล้างถางพงทำไร่เลื่อนลอยจนกลายเป็นเขาหัวโล้นก็ได้ส่งเสริมให้มีการปลูกพืชไร่ควบคู่ไปกับต้นนางพญาเสือโคร่งอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันที่นี่กลายเป็นแหล่งปลูกนางพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยจำนวนหลายหมื่นต้น

             ดอกนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโลจะทยอยออกดอกตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม - ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี โดยช่วงเวลาที่ซากุระเมืองไทยเหล่านี้จะเบ่งบานเต็มพื้นที่จะอยู่ประมาณช่วงกลางเดือนมกราคม นอกจากชมความงามของดอกนางพญาเสือโคร่งแล้ว จากภูลมโลยังเป็นจุดที่สามารถชมทัศนียภาพสวยๆ ของเทือกเขาสูงที่เรียงตัวซ้อนทับกันสวยงามด้วย

ฤดูกาลท่องเที่ยว : เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์

พิกัด GPS : 16°58'56.6"N 101°04'18.0"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ดอกนางพญาเสือโคร่ง ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=446


5. 
ทุ่งดอกหงอนนาค

 
ขอบคุณภาพประกอบจากเฟซบุ้คอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว https://www.facebook.com/phusoidao07/photos

             ทุ่งดอกหงอนนาค (Murdannia Giganteum Field) ถือเป็นนางเอกที่คอยแต่งแต้มความสวยงามอ่อนหวานให้กับผืนป่าของอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์ ในทุกฤดูฝน โดยนอกจากภูสอยดาวจะเป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทยแล้ว พื้นที่ของภูสอยดาวซึ่งปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้ามีดอกไม้ป่าหลากหลายชนิดออกดอกหมุนเวียนอวดความงามตลอดทั้งปีนั้น ยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งชมทุ่งดอกหงอนนาคที่สวยที่สุดในเมืองไทยอีกด้วย ดอกหงอนนาคมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หญ้าหงอนเงือก หรือน้ำค้างกลางเที่ยง เป็นพืชล้มลุกที่มีทั้งดอกสีม่วงอ่อน ม่วงน้ำเงิน ขาว และชมพู ทว่าสีที่สามารถพบเห็นได้มากกว่าสีอื่นๆ คือสีม่วงอ่อน ในยามเช้าดอกหงอนนาคจะหุบดอกและจะบานเมื่อมีแสงแดด ส่วนกลางของดอกมักมีหยดน้ำติดอยู่ เป็นที่มาของชื่ออันไพเราะเพราะพริ้งว่า “น้ำค้างกลางเที่ยง”   

             ในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม – ปลายเดือนกันยายน จะเป็นช่วงเวลาอวดโฉมของดอกหงอนนาค เจ้าของฉายา “นางเอกแห่งภูสอยดาว” แม้ว่าดอกหงอนนาคจะเป็นพืชล้มลุกที่สามารถพบได้บ้างตามแห่งอื่นๆ ทว่าภูสอยดาวยังคงได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งทุ่งดอกหงอนนาคที่ใหญ่ที่สุด และสวยงามที่สุดในเมืองไทยที่นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติใฝ่ฝันจะเดินทางไปสัมผัสกับความงามสีม่วงอ่อนนี้อยู่เสมอ บนภูสอยดาวมีทุ่งดอกหงอนนาคให้ชมหลายทุ่งด้วยกัน ทั้งบริเวณลานสนและบริเวณจุดกางเต็นท์ที่แวดล้อมไปด้วยทุ่งดอกหงอนนาค 2 ทุ่งใหญ่ๆ รวมถึงมีให้ชมตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติด้วยเช่นกัน

ฤดูกาลท่องเที่ยว : เดือนกรกฎาคม – เดือนกันยายน  

พิกัด GPS : 17°41'45.9"N 100°56'48.9"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทุ่งดอกหงอนนาค ได้ที่ :  https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=449



ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
 : เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/

                            การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) https://thai.tourismthailand.org/

                            สำนักงานอุทยานแห่งชาติ http://park.dnp.go.th/

                            บริการขนส่ง (รถทัวร์ประจำทาง) http://www.busticket.in.thhttp://www.thairoute.com 

                            สกุลเงินที่ใช้ : บาท (THB)

                            ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ https://www.xe.com/currencyconverter/


แอปพลิเคชันแนะนำสำหรับเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ในประเทศไทย

                   - Grab สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)


อัตราค่าบริการแท็กซี่ (
TAXI FARE)


อัตราค่าครองชีพ (
DAILY COST)


สภาพอากาศ (WEATHER)

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ จังหวัดมุกดาหาร ประเทศไทย

อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ (Phu Pha Toep National Park) หรือ อุทยานแห่งชาติมุกดาหาร เป็นหนึ่งในอุทยานที่มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดในประเทศไทย โดยอุทยานแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหินรูปทรงประหลาดและถ้ำที่มีจิตรกรรมวาดด้วยมือ

อ่านต่อ

ภูห้วยอีสัน จังหวัดหนองคาย ประเทศไทย

ภูห้วยอีสัน (Phu Huai Isan) เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกแห่งใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว ด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลหมอกลอยละล่องเหนือสายน้ำโขง และขุนเขาสลับซับซ้อน ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาจังหวัดหนองคาย

อ่านต่อ

อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ ประเทศไทย

อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม (Pa Hin Ngam National Park) จังหวัดชัยภูมิ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีสภาพป่าสมบูรณ์และมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง โดยเฉพาะทุ่งดอกกระเจียวที่จะออกดอกสีชมพูอมม่วงบานสะพรั่งไปทั่วผืนป่าในช่วงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี

อ่านต่อ

ปราสาทพนมวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

ปราสาทพนมวัน (Prasat Phanom Wan) อีกหนึ่งปราสาทหินเก่าแก่ในจังหวัดนครราชสีมาที่สร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 15 เพื่อเป็นเทวสถาน ปราสาทหินแห่งนี้ถือเป็นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย

อ่านต่อ

5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย

จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้

อ่านต่อ

วัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย

วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

น้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน

อ่านต่อ

เกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ