5 สถานที่ชมดอกไม้บานตามธรรมชาติที่สวยและใหญ่ที่สุดในเมืองไทย

  • อ่าน (3,894)
  • ByWebmaster
  • 15:02:20 | 22 พ.ค. 2564

5 สถานที่ชมดอกไม้บานตามธรรมชาติที่สวยและใหญ่ที่สุดในเมืองไทย

 

             ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปกี่ยุคกี่สมัย และสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ จะเกิดขึ้นตามเทรนด์อยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่า ความสวยงามที่ธรรมชาติเป็นผู้รังสรรค์ขึ้นนั้นไม่มีสิ่งใดจะมาทดแทนได้จริงๆ โดยเฉพาะความงามของดอกไม้ตามธรรมชาติที่ใครได้ชมก็ชื่นใจ แม้บางสถานที่การเดินทางอาจไม่ได้ง่ายแต่เมื่อถึงฤดูกาลที่มวลดอกไม้เบ่งบานผู้คนที่ใฝ่หาความงามและสีสันสวยๆ จากธรรมชาติก็ยินยอมพร้อมใจที่จะเดินทางไปหา ไม่ว่าจะอยู่บนดอย ในป่า หรือกลางบึงใหญ่ วันนี้ Palanla จะพาไปรู้จักกับ 5 สถานที่ชมดอกบานตามธรรมชาติ ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

 
แผนที่แสดงตำแหน่งของทุ่งดอกไม้งามทั้ง 5 แห่งในประเทศไทย


1. 
ทะเลบัวแดง

             ทะเลบัวแดง (Red Lotus Lake) บึงหนองหาน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี บึงดอกไม้ตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย งดงามละลานตาไปด้วย “บัวสาย” หรือ “บัวแดง” นับล้านๆ ดอก และยังเป็นสถานที่สำคัญของตำนานผาแดงนางไอ่ที่ยังคงเล่าขานต่อเนื่องกันมาจนถึงทุกวันนี้ หนองหานถือเป็นบึงน้ำจืดที่มีความความหลากหลายทางชีวภาพแห่งหนึ่งของประเทศ ภายในบึงนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชน้ำ พันธุ์นก และพันธุ์ปลาหลากหลายชนิด ซึ่งพันธุ์ไม้น้ำที่โดดเด่นของบึงหนองหานก็คือ “บัวสาย” หรือ “บัวแดง” นับล้านที่ธรรมชาติได้เนรมิตความงามสุดอลังการนี้ขึ้นมา ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยือนและสัมผัสกับความงดงามของ “ทะเลบัวแดง” นี้ในทุกฤดูหนาว

             ช่วงเวลาที่สามารถสัมผัสความงดงามของทะเลบัวแดงนั้นจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เดือนธันวาคมไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ หรือต้นเดือนมีนาคม ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศแต่ละปี การมาชมทะเลบัวแดงควรมาชมในช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.00 - 11.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่ดอกบัวสีชมพูจะแข่งกันเบ่งบานละลานตาและยังไม่หุบ โดยดอกบัวจะบานตั้งแต่เช้า เป็นโอกาสที่นักท่องเที่ยวจะได้ชมหรือเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามสุดแสนประทับใจด้วย

ฤดูกาลท่องเที่ยว : เดือนธันวาคม - ต้นเดือนมีนาคม

พิกัด GPS : 17°12'08.0"N 102°59'58.9"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทะเลบัวแดง ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=352


2. ทุ่งดอกกระเจียว

 

             ดอกกระเจียว (Siam Tulip Blossom) ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งมวลไม้ดอกสีชมพูอมม่วงที่จะทยอยออกดอกบานสะพรั่งทั่วผืนป่าในเขตอุทยานแห่งชาติไทรทอง จังหวัดชัยภูมิในทุกๆ ฤดูฝน นับเป็นหนึ่งไฮไลต์ของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งวสันตฤดู ที่นักท่องเที่ยวต่างตั้งตารอคอยเป็นประจำทุกปี เพราะที่นี่เรียกได้ว่าเป็นทุ่งดอกกระเจียวที่มีความงดงามและมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

             กระเจียวเป็นพืชล้มลุกประเภทหัวและเป็นพันธุ์ไม้ประจำถิ่นที่ขึ้นมากในประเทศไทย โดยเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติไทรทองที่ครอบคลุมเนื้อที่ถึง 199,375 ไร่ใน 4 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ รวมถึงอำเภอหนองบัวระเหว สถานที่ชมความงามของดอกกระเจียวผืนใหญ่ที่รอต้อนรับผู้มาเยือนด้วยความประทับใจ ดอกกระเจียวที่อุทยานแห่งชาติไทรทองมีให้ชม 2 สี คือ ดอกกระเจียวสีม่วงอมชมพู (เรียกว่าดอกบัวสวรรค์) และ ดอกกระเจียวสีขาว (เรียกว่าดอกบัวเทพอัปสร) ภายในทุ่งดอกกระเจียวมีเส้นทางเดินชมที่สะดวก เดินง่าย ผ่านป่าเต็งรังสลับกับจุดชมวิวตามแนวผาให้ชมตลอดเส้นทางไปกลับราวๆ 4 กิโลเมตร

             สาวงามในชุดสีชมพูเหล่านี้จะพร้อมใจกันเบ่งบานเผยความงามให้นักท่องเที่ยวได้ชมตั้งแต่ประมาณเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม ช่วงเวลาที่บานเต็มพื้นที่จะอยู่ราวเดือนมิถุนายน การเดินทางมาชมทุ่งดอกกระเจียวในช่วงเช้าๆ เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับสายหมอกบางๆ ที่ลอยอ้อยอิ่งปกคลุมอยู่ทั่ว ทว่าถ้าหากมาในช่วงบ่ายที่ฝนเพิ่งตกใหม่ๆ ก็มีโอกาสที่จะได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้เช่นกัน   

ฤดูกาลท่องเที่ยว : เดือนพฤษภาคม - เดือนกรกฎาคม

พิกัด GPS : 15°52'28.1"N 101°30'36.2"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทุ่งดอกกระเจียว ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=447


3. ทุ่งดอกบัวตอง

ขอบคุณภาพประกอบจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย https://www.tat.or.th

             ทุ่งดอกบัวตอง (Mexican Sunflower Field) ดอยแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวชมความงามของดอกไม้ธรรมชาติที่งดงามที่สุดของเมืองไทยในช่วงฤดูหนาว ภาพของดอกบัวตองสีเหลืองสดผลิบานเต็มทั่วทั้งเขา บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ด้วยความสูงราว 1,600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตัดกับภาพของถนนที่คดเคี้ยวไปมาท่ามกลางทุ่งดอกไม้สีเหลืองคือภาพจดจำอันเป็นเอกลักษณ์และมนต์เสน่ห์ของยอดดอยแห่งนี้

             ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนคือช่วงเวลาที่ดอกบัวตองสีเหลืองทองเหล่านี้พร้อมใจกันบานเต็มหุบเขานั้น รังสรรค์เนรมิตให้เกิดภาพที่สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจของทุ่งดอกบัวตองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ราวกับภาพเขียนของจิตรกรฝีมือเอก ซึ่งระยะเวลาที่บานก็แสนสั้นเพียง 2 อาทิตย์เท่านั้น หากเดินทางมาชมทุ่งดอกบัวตองในช่วงเช้าตรู่ นอกจากดอกไม้สวยๆ แล้วนักท่องเที่ยวยังจะได้สัมผัสกับอากาศเย็นๆ และหมอกขาวที่ลอยปกคลุมยอดดอย ตัดกับแสงอาทิตย์ในยามเช้าที่โผล่พ้นของฟ้าโดยมีฉากหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงามยิ่ง

ฤดูกาลท่องเที่ยว : เดือนพฤศจิกายน

พิกัด GPS : 18°53'40.9"N 98°05'27.9"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทุ่งดอกบัวตอง ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=448


4. ดอกนางพญาเสือโคร่ง 


ขอบคุณภาพประกอบจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย https://www.tat.or.th

             ทุกๆ ฤดูหนาว ดอกนางพญาเสือโคร่ง (Wild Himalayan Cherry Blossom) หรือซากุระเมืองไทยจะพร้อมใจกันย้อมสีสันให้พื้นที่กว่า 1,200 ไร่ของภูลมโล ในเขตพื้นที่ภูหินร่องกล้า อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย กลายเป็นสีชมพูจนได้รับฉายาว่า “หุบเขาสีชมพู” ที่นี่ถือเป็นสถานที่ชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดในประเทศไทย

             ภูลมโลเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ครอบคลุมพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด คือ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก และ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้ถูกเรียกว่าเป็นพื้นที่สีแดงในยุคลัทธิคอมมิวนิสต์ ต่อมาเมื่อเหตุการณ์สงบพื้นที่ภูลมโลที่เคยถูกหักล้างถางพงทำไร่เลื่อนลอยจนกลายเป็นเขาหัวโล้นก็ได้ส่งเสริมให้มีการปลูกพืชไร่ควบคู่ไปกับต้นนางพญาเสือโคร่งอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันที่นี่กลายเป็นแหล่งปลูกนางพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยจำนวนหลายหมื่นต้น

             ดอกนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโลจะทยอยออกดอกตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม - ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี โดยช่วงเวลาที่ซากุระเมืองไทยเหล่านี้จะเบ่งบานเต็มพื้นที่จะอยู่ประมาณช่วงกลางเดือนมกราคม นอกจากชมความงามของดอกนางพญาเสือโคร่งแล้ว จากภูลมโลยังเป็นจุดที่สามารถชมทัศนียภาพสวยๆ ของเทือกเขาสูงที่เรียงตัวซ้อนทับกันสวยงามด้วย

ฤดูกาลท่องเที่ยว : เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์

พิกัด GPS : 16°58'56.6"N 101°04'18.0"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ดอกนางพญาเสือโคร่ง ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=446


5. 
ทุ่งดอกหงอนนาค

 
ขอบคุณภาพประกอบจากเฟซบุ้คอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว https://www.facebook.com/phusoidao07/photos

             ทุ่งดอกหงอนนาค (Murdannia Giganteum Field) ถือเป็นนางเอกที่คอยแต่งแต้มความสวยงามอ่อนหวานให้กับผืนป่าของอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์ ในทุกฤดูฝน โดยนอกจากภูสอยดาวจะเป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทยแล้ว พื้นที่ของภูสอยดาวซึ่งปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้ามีดอกไม้ป่าหลากหลายชนิดออกดอกหมุนเวียนอวดความงามตลอดทั้งปีนั้น ยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งชมทุ่งดอกหงอนนาคที่สวยที่สุดในเมืองไทยอีกด้วย ดอกหงอนนาคมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หญ้าหงอนเงือก หรือน้ำค้างกลางเที่ยง เป็นพืชล้มลุกที่มีทั้งดอกสีม่วงอ่อน ม่วงน้ำเงิน ขาว และชมพู ทว่าสีที่สามารถพบเห็นได้มากกว่าสีอื่นๆ คือสีม่วงอ่อน ในยามเช้าดอกหงอนนาคจะหุบดอกและจะบานเมื่อมีแสงแดด ส่วนกลางของดอกมักมีหยดน้ำติดอยู่ เป็นที่มาของชื่ออันไพเราะเพราะพริ้งว่า “น้ำค้างกลางเที่ยง”   

             ในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม – ปลายเดือนกันยายน จะเป็นช่วงเวลาอวดโฉมของดอกหงอนนาค เจ้าของฉายา “นางเอกแห่งภูสอยดาว” แม้ว่าดอกหงอนนาคจะเป็นพืชล้มลุกที่สามารถพบได้บ้างตามแห่งอื่นๆ ทว่าภูสอยดาวยังคงได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งทุ่งดอกหงอนนาคที่ใหญ่ที่สุด และสวยงามที่สุดในเมืองไทยที่นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติใฝ่ฝันจะเดินทางไปสัมผัสกับความงามสีม่วงอ่อนนี้อยู่เสมอ บนภูสอยดาวมีทุ่งดอกหงอนนาคให้ชมหลายทุ่งด้วยกัน ทั้งบริเวณลานสนและบริเวณจุดกางเต็นท์ที่แวดล้อมไปด้วยทุ่งดอกหงอนนาค 2 ทุ่งใหญ่ๆ รวมถึงมีให้ชมตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติด้วยเช่นกัน

ฤดูกาลท่องเที่ยว : เดือนกรกฎาคม – เดือนกันยายน  

พิกัด GPS : 17°41'45.9"N 100°56'48.9"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทุ่งดอกหงอนนาค ได้ที่ :  https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=449



ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
 : เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/

                            การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) https://thai.tourismthailand.org/

                            สำนักงานอุทยานแห่งชาติ http://park.dnp.go.th/

                            บริการขนส่ง (รถทัวร์ประจำทาง) http://www.busticket.in.thhttp://www.thairoute.com 

                            สกุลเงินที่ใช้ : บาท (THB)

                            ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ https://www.xe.com/currencyconverter/


แอปพลิเคชันแนะนำสำหรับเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ในประเทศไทย

                   - Grab สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)


อัตราค่าบริการแท็กซี่ (
TAXI FARE)


อัตราค่าครองชีพ (
DAILY COST)


สภาพอากาศ (WEATHER)

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย

จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้

อ่านต่อ

วัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย

วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

น้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน

อ่านต่อ

เกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) Wat Bu Pai (Wat Ban Rai 2) เป็นวัดที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขาในอำเภอวังน้ำเขียว ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ หรือ พระเทพวิทยาคม พระเกจิดังวัดบ้านไร่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

อ่านต่อ

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว (Wat Saeng Tham Wang Khao Khiao) เป็นที่ตั้งของพระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล พระมหาเจดีย์รูปทรงดอกบัวสีขาวตั้งตระหง่านสง่างามอยู่กลางคูน้ำ ท่ามกลางสวนหย่อมสีเขียวขนาดใหญ่และแวดล้อมด้วยหุบเขาสีเขียวขจีของอำเภอวังน้ำเขียว

อ่านต่อ

ผาเก็บตะวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

ผาเก็บตะวัน (Pha Kep Tawan) หนึ่งในที่เที่ยววังน้ำเขียวที่เป็นจุดชมวิวที่มีทัศนียภาพสวยงาม แวดล้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เหมาะแก่การแวะมาชมวิวผ่อนคลาย หรือหากต้องการกางเต็นท์ค้างคืนก็ได้เช่นกัน

อ่านต่อ

วัดป่าโนนสวรรค์ จังหวัดร้อยเอ็ด ประเทศไทย

วัดป่าโนนสวรรค์ (Wat Pa Non Sawan) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดร้อยเอ็ด ภายในวัดมีความน่าตื่นตาตื่นใจของประติมากรรมปูนปั้นมากมายที่ถ่ายทอดเรื่องเกี่ยวกับพุทธประวัติ พระธรรมคำสอน รวมถึงวรรณคดีไทยชื่อดังต่างๆ ให้ได้เดินเที่ยวชม และภายในวัดยังโดดเด่นด้วยองค์เจดีย์ขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างงดงาม รวมถึงศิลปะการตกแต่งที่ใช้หม้อดินมาประดับในส่วนต่างๆ โดยรอบจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดร้อยเอ็ดที่ไม่ควรพลาดชม

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ