- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวในประเทศ
- วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
- อ่าน (5,735)
- ByWebmaster
- 16:46:50 | 27 พ.ค. 2564
วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
Wat Ratcha Orasaram Ratchaworawihan, Bangkok, Thailand
วัดราชโอรสารามราชวรวิหารเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 3
วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร (Wat Ratcha Orasaram Ratchaworawihan) เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี วัดแห่งนี้เป็นวัดโบราณอายุสองร้อยกว่าปี มีความแตกต่างจากวัดอื่นๆ ตรงที่มีการนำศิลปะจีนมาผสมผสานกับศิลปะไทยในการออกแบบตกแต่งอาคารต่างๆ ภายในวัด ซึ่งมีความสวยงามวิจิตรบรรจงและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของวัดแห่งนี้ นอกจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้มีโอกาสสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดแล้ว ยังสามารถเที่ยวชมสถาปัตยกรรมและศิลปะการตกแต่งต่างๆ ภายในวัดได้อย่างเพลิดเพลินอีกด้วย
แผนที่ตั้ง วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร (Wat Ratcha Orasaram Ratchaworawihan) กรุงเทพฯ ประเทศไทย
ประวัติ
วัดราชโอรสารามราชวรวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี ตัววัดตั้งอยู่ริมคลองสนามไชยฝั่งตะวันตก (ฝั่งธนบุรี) และมีพื้นที่ติดกับคลองบางหว้า ภายในเขตบางขุนเทียน ของกรุงเทพมหานคร
วัดแห่งนี้เป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี แต่เดิมมีชื่อว่า วัดจอมทอง แต่บ้างก็เรียกว่า วัดเจ้าทอง หรือ วัดกองทอง โดยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 2 ราว พ.ศ. 2363 ได้เกิดข่าวว่าทางพม่ากำลังเตรียมยกทัพมาตีเมืองสยาม พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงโปรดให้พระราชโอรส คือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (พระยศของรัชกาลที่ 3 ในขณะนั้น) ทรงคุมทัพไปสกัดทัพพม่าทางด่านเจดีย์สามองค์ที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยก่อนเสด็จไปได้ประทับแรมที่หน้าวัดแห่งนี้แล้วทรงทำพิธีเบิกโขลนทวารตามตำราพิชัยสงคราม และทรงอธิษฐานให้ประสบความสำเร็จกลับมาโดยสวัสดิภาพ ต่อมาเมื่อทรงยกทัพไปถึงที่หมายกลับทรงพบว่าพม่าไม่ได้ยกทัพมาตามข่าวที่เล่าลือกัน จึงทรงเลิกทัพกลับพระนคร แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดจอมทองใหม่ และถวายเป็นพระอารามหลวง โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า "วัดราชโอรส" (ซึ่งหมายถึงวัดของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ซึ่งเป็นพระราชโอรสของในหลวงรัชกาลที่ 2 ในขณะนั้น)
วัดราชโอรสตกแต่งด้วยศิลปะจีนเป็นส่วนใหญ่ นับเป็นวัดไทยแห่งแรกที่มีการสร้างสรรค์นอกกรอบ นั่นเพราะในหลวงรัชกาลที่ 3 ทรงสถาปนาวัดแห่งนี้เป็นการส่วนพระองค์ จึงทรงมีพระราชดำริเปลี่ยนแปลงแบบอย่างศิลปกรรมได้ตามพระราชหฤทัย ซึ่งแม้จะเป็นศิลปะจีนแต่ก็มีการผสมผสานกับศิลปะไทยได้อย่างงดงามและลงตัวเป็นตัวอย่างมาก โดยลักษณะการผสมผสานทางด้านศิลปกรรมที่เด่นๆ ก็อย่างเช่น พระอุโบสถที่มีหลังคาเป็นแบบจีนแต่มุงกระเบื้องสีแบบไทย ไม่มีช่อฟ้าใบระกา และหน้าบันประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีสันสวยงามเป็นรูปแจกันดอกเบญจมาศ มีรูปสัตว์มงคลตามคติของจีน คือ มังกร หงส์ และนกยูง ด้านล่างเป็นภาพบ้านเรือน สัตว์เลี้ยงภูเขา ต้นไม้ และตามขอบหลังคาประดับด้วยกระเบื้องสี และโดยรอบ
ด้านในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร ซึ่งเป็นพระประธานปางสมาธิ โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฏ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระสรีรังคารของพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาเจษฎาบดินทร์ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 มาประดิษฐานไว้ที่ฐานพระพุทธรูปพร้อมกับถวายพระปรมาภิไธยประจำรัชกาลและศิลาจารึกดวงชันษา ต่อมาใน พ.ศ. 2504 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานนพปฎลมหาเศวตฉัตร (ฉัตร 9 ชั้น)
นอกจากนี้ยังมีพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังพระอุโบสถในเขตกำแพงแก้ว ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ที่มีขนาดความยาว 20 เมตร และที่ผนังพระระเบียงพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ มีแผ่นหินอ่อนจารึกตำรายาและตำราหมอนวดติดไว้เป็นระยะจำนวนทั้งสิ้น 92 แผ่น ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
หน้าบันพระอุโบสถประดับด้วยกระเบื้องหลากสี และไม่มีช่อฟ้าใบระกาเหมือนอย่างวัดทั่วไป
ทวารบาลในชุดแบบจีน
ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตรและทางด้านขวาเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของรัชกาลที่ 3
ซุ้มหน้าต่างที่สลักลวดลายอย่างวิจิตรบรรจง และชายหลังคาด้านบนประดับตกแต่งด้วยกระเบื้อง
บริเวณด้านหลังของพระอุโบสถ
มีเจดีย์สีขาวเรียงรายอยู่ภายนอกพระอุโบสถ และพื้นทางเดินสะอาดเงางาม
อาคารที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมจีน
ประตูบานพับแบบจีนที่สลักลวดลายสีทอง
ความวิจิตรบรรจงของจิตรกรรมบนซุ้มประตู
พระพุทธไสยาสน์ภายในวิหารด้านหลังพระอุโบสถ
พระพุทธไสยาสน์มีความยาว 20 เมตร
การเดินทางไปวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร
- รถยนต์ (Car) จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปยัง วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร มีระยะทางประมาณ 23 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
- ขนส่งสาธารณะ (Public transport) จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสมาลงที่สถานีสยาม เพื่อเปลี่ยนขบวนขึ้นสายสีลม ไปลงสถานีวุฒากาศ และเดินต่อไปยัง วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
เวลาทำการเปิด-ปิด
เปิดทุกวัน 06:00 น. – 18:00 น.
อัตราค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
ตลอดทั้งปี
นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยว วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
(Wat Ratcha Orasaram Ratchaworawihan, Bangkok, Thailand)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00 น. – 18:00 น.
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : -
โทรศัพท์ : (+66) 02 893 7274
เว็บไซต์ : http://www.dhammathai.org/watthai/bangkok/watratchaorasaram.php
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์กรุงเทพมหานคร http://www.bangkok.go.th/main/index.php?l=th
เว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org/Home
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
พิจิตร จังหวัดเล็กๆ ที่ซ่อนเสน่ห์เอาไว้มากมาย และไม่ได้มีแค่บึงสีไฟเพียงอย่างเดียว เพราะเมืองชาละวันแห่งนี้มีทั้งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ วัดวาอารามเก่าแก่ และวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่นที่น่าสนใจ บทความนี้ Palanla จะพาไปเปิดมุมมองใหม่กับ 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนพิจิตร
อ่านต่อวัดหิรัญญาราม (วัดบางคลาน) จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
วัดหิรัญญาราม (Wat Hiranyaram) หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันดีในชื่อ วัดบางคลาน (Wat Bang Khlan) เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากแห่งหนึ่งของจังหวัดพิจิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่รู้จักจาก หลวงพ่อเงิน พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่มีผู้คนให้ความเคารพนับถืออย่างมาก
อ่านต่ออุทยานเมืองเก่าพิจิตร จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
อุทยานเมืองเก่าพิจิตร (Pichit Historical Park) เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัด เชื่อกันว่าเดิมทีบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของเมืองพิจิตรเก่า
อ่านต่อวัดนครชุม จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
วัดนครชุม (Wat Nakhon Chum) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า "วัดใหญ่" ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย โดยเคยเป็นวัดสำคัญของเมืองพิจิตรในอดีต
อ่านต่อวัดเขารูปช้าง จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
วัดเขารูปช้าง (Wat Khao Rup Chang) อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ของจังหวัดพิจิตรที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา บนยอดเขาที่มีหินสีขาวซ้อนกันเป็นรูปช้างคุกเข่าโดดเด่นด้วยเจดีย์แบบลังกา ประดับกระเบื้องเคลือบสีทองทั้งองค์
อ่านต่อทุ่งดอกกระเจียวยักษ์บ้านเขาโล้น จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
ทุ่งดอกกระเจียวยักษ์บ้านเขาโล้น (Giant Siam Tulip Field Baan Khao Loan) ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน เมื่อดอกกระเจียวสีชมพูบานสะพรั่งทั่วทั้งทุ่ง
อ่านต่อตลาดย่านเก่าวังกรด จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
ตลาดย่านเก่าวังกรด ( Yan Kao Wang Krot Market) ตลาดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ณ ย่านเก่าวังกรด จังหวัดพิจิตร เป็นแหล่งรวมอาหารอร่อยที่เรียงรายด้วยสถาปัตยกรรมอาคารไม้เก่าแก่สวยงาม พร้อมทั้งหอนาฬิกาที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของชุมชน
อ่านต่อน้ำตกไทรโยคใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย
น้ำตกไทรโยคใหญ่ (Sai Yok Yai Waterfall) เปรียบเสมือนอัญมณีแห่งเมืองกาญจนบุรี ด้วยความงามของม่านน้ำอันยิ่งใหญ่ที่ไหลรินลงมาจากหน้าผาสูงและกลายเป็นสายน้ำที่ทอดยาว รายล้อมไปด้วยป่าไม้ร่มรื่น ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของจังหวัดกาญจนบุรี
อ่านต่อต้นจามจุรียักษ์ จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย
ต้นจามจุรียักษ์ (Giant Monkey Pod Tree) อายุกว่า 100 ปี ที่ยืนตระหง่าน แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาแก่ผู้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจ คืออีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองกาญจนบุรีในปัจจุบัน
อ่านต่อคู่มือการดำเนินการตามกระบวนการเคลมประกันรถยนต์ฉบับสมบูรณ์
การมีส่วนร่วมในอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือประสบความเสียหายต่อยานพาหนะของคุณอาจเป็นประสบการณ์ที่ตึงเครียดและท่วมท้น อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์สามารถช่วยบรรเทาความวิตกกังวลและแก้ไขปัญหาได้ราบรื่นยิ่งขึ้น
อ่านต่อ