- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวในประเทศ
- หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย
หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย

- อ่าน (6,463)
- ByWebmaster
- 17:47:26 | 9 เม.ย. 2564
หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย
Ban Tha Sawang Silk Weaving Village, Surin Province, Thailand
หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง (Ban Tha Sawang Silk Weaving Village) เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการทอผ้าไหมยกทองที่มีเทคนิคและลวดลายงดงามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ หมู่บ้านเล็กๆ ในจังหวัดสุรินทร์แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ผู้มาเยือนจะได้รับทั้งความเพลินเพลิน และความรู้อันทรงคุณค่าเกี่ยวกับภูมิปัญญาผ้าไหมที่หาชมได้ยากยิ่งในปัจจุบัน
ประวัติ
หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่างเป็นหมู่บ้านอาคารเรือนไทยหลายหลังในบรรยากาศร่มรื่น มีทั้งส่วนที่เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ของสะสมของท่านอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย แกนนำกลุ่มผ้าทอจันทร์โสมา หมู่บ้านทอผ้าไหมที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุรินทร์แห่งนี้ได้รับการยกย่องว่า “ทอผ้าไหมหนึ่งพันสี่ร้อยสิบหกตะกอ” เมื่อครั้งทอผ้ายกทองทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากการริเริ่มของกลุ่มทอผ้ายกทอง “จันทร์โสมา” ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการอนุรักษ์และฟื้นฟูการทอผ้ายกทองชั้นสูงแบบราชสำนักไทยโบราณ โดยมีอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย เป็นแกนนำและเป็นผู้รวบรวมชาวบ้านท่าสว่างมารวมกลุ่มกันทำงานทอผ้ายามว่างจากงานไร่งานนา
ด้วยการออกแบบลวดลายที่สลับซับซ้อนงดงามและศักดิ์สิทธิ์ ผสมผสานกันระหว่างลวดลายการทอแบบราชสำนักกับเทคนิคการทอผ้าแบบพื้นบ้าน จนกลายเป็นผ้าทอที่มีความงดงามอย่างมหัศจรรย์และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ผลงานที่โดดเด่นของที่นี่ คือ การได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาลให้ทอผ้าสำหรับตัดเสื้อผู้นำและผ้าคลุมไหล่สำหรับคู่สมรสผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจที่มาร่วมประชุมผู้นำเอเปกเมื่อปลายปี 2546 จนเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในชื่อ “หมู่บ้านทอผ้าเอเปก” และได้เป็น OTOP ระดับ 5 ดาว ของประเทศ
ผ้าไหมยกทองโบราณ เกิดจากการเลือกเส้นไหมที่เล็กและบางเบานำมาผ่านกรรมวิธีฟอก ต้ม แล้วย้อมสีธรรมชาติด้วยแม่สีหลักสามสี คือ สีแดง (จากครั่ง) สีเหลือง (จากแก่นแกแล) และสีคราม (จากเมล็ดคราม) ผสานกับการออกแบบลวดลายที่วิจิตรเหมือนในอดีต อาทิ ลายเทพพนม ลายหิ่งห้อยชมสวน ลายก้านขดเต้นรำ ลายครุฑยุดนาค ฯลฯ ผสานกับลายผ้าพื้นเมืองสุรินทร์ คือ ลายอัมปรม ลายสาคู ลายสมอ ลายละเบิก ลายลูกแก้ว เป็นต้น ถักทอเป็นผ้าไหมอันงดงามประณีต
โดยการทอนี้จะสอดแทรกการยกดอกด้วยไหมทองที่ทำจากเงินแท้ รีดเป็นเส้นเล็กๆ ปั่นควบกับเส้นด้าย โดยใช้ตะกอเส้นพุ่งพิเศษที่ทำให้เกิดลายจำนวนตะกอมากกว่าร้อยตะกอ จนกระทั่งการวางกี่บนพื้นดินธรรมดามีความสูงไม่พอ ต้องขุดดินบริเวณนั้นให้เป็นหลุมลึกไป 2-3 เมตร เพื่อรองรับความยาวของตะกอที่ห้อยลงมาจากกี่ให้เป็นระเบียบ ให้สามารถอยู่ในหลุมเพื่อสอดตะกอไม้ได้ด้วย เนื่องจากไม้ตะกอมีจำนวนมาก จึงต้องใช้คนทอถึง 4 - 5 คน โดยจะมีคนช่วยกตะกอ 2 - 3 คน คนสอดไม้ 1 คน และคนทออีก 1 คน ด้วยความซับซ้อนทางด้านเทคนิคและการทอด้วยความประณีตนี้เองจึงทำให้ในแต่ละวันสามารถผลิตผลงานได้เพียง 6 - 7 ซม. เท่านั้น
เรียกได้ว่าบ้านท่าสว่างเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งจำหน่ายผ้าไหมขึ้นชื่อของเมืองสุรินทร์ ที่หากมีโอกาสนักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดเดินทางมาเยี่ยมชมงานหัตถกรรมไทยอันทรงคุณค่าเหล่านี้สักครั้ง
บรรยากาศภายในโรงทอผ้าไหมยกทอง
การทอผ้าไหมยกทองโบราณจะสอดแทรกการยกดอกด้วยไหมทองที่ทำจากเงินแท้ รีดเป็นเส้นเล็กๆ ปั่นควบกับเส้นด้าย โดยใช้ตะกอเส้นพุ่งพิเศษที่ทำให้เกิดลายที่มีจำนวนตะกอมากกว่าร้อยตะกอ
บรรยากาศร่มรื่นภายนอก
สีสันและลวดลายที่สลับซับซ้อนงดงามของผ้าไหม
ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมที่หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง
การเดินทางไปจังหวัดสุรินทร์
- รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดสุรินทร์ มีระยะทาง 440 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง
- รถไฟ (Train) การเดินทางโดยรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดสุรินทร์ ใช้เวลาเร็วสุดประมาณ 9 ชั่วโมง 30 นาที ทั้งนี้อาจใช้เวลานานกว่านี้ขึ้นอยู่กับประเภทของรถไฟ
จังหวัดสุรินทร์ไม่มีสนามบิน สำหรับผู้ที่เดินทางโดยเครื่องบินนิยมนั่งไปลงที่จังหวัดใกล้เคียงคือจังหวัดบุรีรัมย์ แล้วเดินทางโดยรถยนต์หรือรถโดยสารประจำทางต่อมายังจังหวัดสุรินทร์
การเดินทางไปหมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง
หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง อยู่ที่ ม.1 ต.ท่าสว่าง อ.เมือง ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ 10 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 20 นาที
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดทุกวัน เวลา 08.30 - 17.00 น.
อัตราค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม
บรรยากาศส่วนต่างๆ รอบๆ เรือน “จันทร์โสมา” เป็นกลุ่มที่มีการอนุรักษ์และฟื้นฟูการทอผ้ายกทองชั้นสูงแบบราชสำนักไทยโบราณ
ผ้าไหมยกทองเกิดจากการเลือกเส้นไหมที่เล็กและบางเบานำมาผ่านกรรมวิธีฟอก ต้ม แล้วย้อมสีธรรมชาติ ก่อนที่จะนำมาทอ
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวหมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง
ชมเทคนิคการทอผ้าไหมด้วยกี่โบราณ วิธีการถักทอลวดลายอันแสนงดงาม ชมกรรมวิธีการย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติ และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าไหมคุณภาพดีที่ตลาดชุมชน
ตลาดผ้าไหมบ้านท่าสว่างถือเป็นหนึ่งใน “ตลาดต้องชม” ที่ไม่ควรพลาดประจำจังหวัดสุรินทร์
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย
(Ban Tha Sawang Silk Weaving Village, Surin Province, Thailand)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30 - 17.00 น.
ตั้งอยู่ที่ : หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง ม.1 ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์
โทรศัพท์ : (+66) 0 4414 0015
เว็บไซต์ : -
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com
ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์ https://surin.mots.go.th
ศูนย์ข้อมูลการเดินทางจังหวัดสุรินทร์ https://www.dlt.go.th/site/surin
ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย
วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) Wat Bu Pai (Wat Ban Rai 2) เป็นวัดที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขาในอำเภอวังน้ำเขียว ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ หรือ พระเทพวิทยาคม พระเกจิดังวัดบ้านไร่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
อ่านต่อ
วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย
วัดแสงธรรมวังเขาเขียว (Wat Saeng Tham Wang Khao Khiao) เป็นที่ตั้งของพระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล พระมหาเจดีย์รูปทรงดอกบัวสีขาวตั้งตระหง่านสง่างามอยู่กลางคูน้ำ ท่ามกลางสวนหย่อมสีเขียวขนาดใหญ่และแวดล้อมด้วยหุบเขาสีเขียวขจีของอำเภอวังน้ำเขียว
อ่านต่อ
ผาเก็บตะวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย
ผาเก็บตะวัน (Pha Kep Tawan) หนึ่งในที่เที่ยววังน้ำเขียวที่เป็นจุดชมวิวที่มีทัศนียภาพสวยงาม แวดล้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เหมาะแก่การแวะมาชมวิวผ่อนคลาย หรือหากต้องการกางเต็นท์ค้างคืนก็ได้เช่นกัน
อ่านต่อ
วัดป่าโนนสวรรค์ จังหวัดร้อยเอ็ด ประเทศไทย
วัดป่าโนนสวรรค์ (Wat Pa Non Sawan) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดร้อยเอ็ด ภายในวัดมีความน่าตื่นตาตื่นใจของประติมากรรมปูนปั้นมากมายที่ถ่ายทอดเรื่องเกี่ยวกับพุทธประวัติ พระธรรมคำสอน รวมถึงวรรณคดีไทยชื่อดังต่างๆ ให้ได้เดินเที่ยวชม และภายในวัดยังโดดเด่นด้วยองค์เจดีย์ขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างงดงาม รวมถึงศิลปะการตกแต่งที่ใช้หม้อดินมาประดับในส่วนต่างๆ โดยรอบจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดร้อยเอ็ดที่ไม่ควรพลาดชม
อ่านต่อ
สวนหินผางาม จังหวัดเลย ประเทศไทย
สวนหินผางาม (Hin Pha Ngam Park) เป็นแนวภูเขาหินปูนอันสลับซับซ้อนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีทิวทัศน์อันสวยงามแปลกตาจนได้รับสมญานามว่าเป็นคุนหมิงเมืองเลย สามารถเดินชมสถานที่ไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ หรือจะนั่งรถอีแต๊กเข้าชมก็ได้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่นำเที่ยวชมและบรรยายสถานที่เพื่อให้ความรู้ โดยนอกจากจะได้ชมหน้าผาหินปูนรูปร่างแปลกตากับโพรงถ้ำต่างๆ แล้ว นักท่องเที่ยวยังจะได้ชมต้นไม้หายาก และซากดึกดำบรรพ์ของปะการัง เปลือกหอย ซากพืขที่ฝังตัวอยู่ในหิน เนื่องจากในอดีตพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นท้องทะเลมาก่อน สวนหินผางามจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สายธรรมชาติไม่ควรพลาดชมเป็นอย่างยิ่ง
อ่านต่อ
ลานคริสต์มาสภูเรือ จังหวัดเลย ประเทศไทย
ลานคริสต์มาสภูเรือ (Poinsettia Garden Phu Ruea) เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินในช่วงเทศกาลฤดูหนาวปลายปีที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนยังอำเภอภูเรือ ด้วยบรรยากาศของเทศกาลสวนดอกไม้เมืองหนาวที่จะจัดขึ้นในฤดูหนาวของทุกปี ทำให้ลานแห่งนี้เต็มไปด้วยพอยน์เซตเทียสีแดงซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมากท่ามกลางสภาพอากาศที่เย็นสบาย สามารถเดินชมสวนและถ่ายภาพสวยๆ เก็บความประทับใจได้ตามอัธยาศัยโดยไม่เสียค่าเข้าชม
อ่านต่อ
น้ำตกเพียงดิน จังหวัดเลย ประเทศไทย
น้ำตกเพียงดิน (Peang Din Waterfall) เป็นน้ำตกขนาดกลางที่มีความร่มรื่นจากป่าไม้โดยรอบ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติและผู้ที่ชอบเล่นน้ำและสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นน้ำตกที่สามารถลงเล่นน้ำได้เพราะมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ อีกทั้งการเดินทางไปก็ค่อนข้างสะดวกเพราะไม่ต้องปีนป่ายหรือเดินเท้าในระยะไกลนัก อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับสวนหินผางามหรือคุนหมิงเมืองเลยอีกด้วย
อ่านต่อ
อุทยานแห่งชาติภูลังกา จังหวัดนครพนม ประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติภูลังกา (Phu Langka National Park) เป็นพื้นที่ป่าและภูเขาที่ตั้งอยู่ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ภายในอุทยานมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่งให้เที่ยวชม ไม่ว่าจะเป็นหน้าผา ถ้ำ และน้ำตก โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ในปัจจุบันคือ ถ้ำนาคา ที่เป็นถ้ำที่มีลักษณะของหินที่คล้ายกับงูใหญ่หรือพญานาค ซึ่งตรงตามความเชื่อเกี่ยวกับเจ้าปู่อือลือที่ถูกสาปให้เป็นพญานาคและถูกจองจำ นอกจากนี้ยังมีจุดชมทัศนียภาพของป่าเขาอีกหลายแห่งให้ได้เที่ยวชมอีกด้วย
อ่านต่อ
อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ จังหวัดนครพนม ประเทศไทย
อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Museum) เป็นอนุสรณ์สถานที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของประเทศไทยและเวียดนาม เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สมัยที่อดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์เคยเข้ามาพำนักในประเทศไทยในช่วงสงครามเวียดนามเพื่อกอบกู้เอกราชของเวียดนาม ภายในอนุสรณ์สถานมีซุ้มประตูและอาคารพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างไทยกับเวียดนามไว้อย่างงดงาม โดยภายในได้จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ครั้งนั้นและหุ่นท่านโฮจิมินห์เอาไว้ และยังมีอาคารจำลองบ้านพักของท่านโฮจิมินห์และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ให้ผู้ที่สนใจได้เที่ยวชมอีกด้วย
อ่านต่อ
บ้านลุงโฮจิมินห์ จังหวัดนครพนม ประเทศไทย
บ้านลุงโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh’s House) หรือบ้านลุงโฮ เป็นบ้านที่เคยใช้เป็นที่พำนักของท่านประธานาธิบดีโฮจิมินห์ในช่วงกอบกู้เอกราชของเวียดนาม ปัจจุบันเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่จัดแสดงเรื่องราวที่สำคัญในครั้งนั้น รวมทั้งประวัติและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของท่านโฮจิมินห์ ตัวบ้านมีลักษณะเป็นบ้านโบราณที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมไทยผสมเวียดนามอย่างมีเอกลักษณ์ และโดยรอบยังมีความร่มรื่นจากต้นไม้นานาชนิดให้เที่ยวชมอีกด้วย
อ่านต่อ