หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ศูนย์คชศึกษา จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย

  • อ่าน (10,611)
  • ByWebmaster
  • 17:39:51 | 9 เม.ย. 2564

หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ศูนย์คชศึกษา จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย

Ban Ta Klang Elephant Study Centre, Surin Province, Thailand

             หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง (Ban Ta Klang Elephant Study Centre) หรือ ศูนย์คชศึกษา เป็นสถานที่นักท่องเที่ยวสามารถชมวิถีความเป็นอยู่ ความผูกพัน ของคนในชุมชนและช้าง รวมทั้งประเพณี และวัฒนธรรมที่น่าชื่นชมของชาวสุรินทร์ได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งที่นี่ช้างไม่ได้เป็นเพียงสัตว์เลี้ยงเท่านั้น ทว่าช้างเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวของทุกบ้าน สายสัมพันธ์อันน่าทึ่งนี้ทำให้ที่นี่กลายมาเป็นหมู่บ้านเลี้ยงช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก


ประวัติ

             หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง หรือ ศูนย์คชศึกษา จังหวัดสุรินทร์ ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก ถือเป็นศูนย์รวมของสมาชิกช้างทั้งในบ้านตากลาง และจากหมู่บ้านอื่นๆ ในจังหวัดสุรินทร์มากกว่า 200 เชือก   ลักษณะการเลี้ยงช้างของชาวบ้านตากลางเหมือนการเลี้ยงช้างไว้เป็นเพื่อน โดยเกือบทุกบ้านจะมีช้างที่เลี้ยงไว้ประจำครัวเรือน เรียกว่าเป็นวิถีชีวิตที่ผูกพันกันมาอย่างยาวนาน

             ชาวบ้านตากลางดั้งเดิมเป็นชาวส่วย (กูย) หรือ กวย ที่มีความชำนาญในการคล้องช้างป่า ฝึกหัดช้าง และเลี้ยงช้างมาเป็นเวลานาน ดังจะเห็นได้จากอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง (ปุม) เจ้าเมืองคนแรกของจังหวัดสุรินทร์ซึ่งเป็นชาวส่วยที่โดดเด่นด้วยรูปปั้นงาช้างสีขาวขนาดใหญ่ 2 กิ่งขนาบข้างอยู่บริเวณทางเข้าเมืองสุรินทร์ บ่งบอกถึงความเกี่ยวพันระหว่างชาวสุรินทร์และช้างที่มีมานาน

             ในอดีตชาวบ้านตากลางโดยมากจะเดินทางไปคล้องช้างบริเวณชายแดนเขตต่อประเทศกัมพูชา ปัจจุบันชาวบ้านตากลางไม่ได้เดินทางไปคล้องช้างเช่นแต่ก่อน ทว่าชาวยังคงเลี้ยงช้างและฝึกช้างเพื่อไปร่วมแสดงในงานช้างของจังหวัดทุกปี ภายในหมู่บ้านตากลางมีโรงช้าง และมีที่อยู่ของช้างอยู่ทั่วบริเวณ ไม่ว่าจะเดินไปบริเวณไหนก็สามารถพบเห็นช้างอยู่เกือบทุกที่ ซึ่งช้างเหล่านี้เป็นช้างที่มีความคุ้นเคยกับคน แสนรู้ ไม่ดุร้าย

             ในส่วนของสนามแสดงช้างนั้นจะมีการแสดงความสามารถอันเฉลียวฉลาดและความน่ารักของช้างในศูนย์ฯ ให้นักท่องเที่ยวได้ชมอย่างใกล้ชิด อาทิ ช้างเต้นรำ ช้างวาดรูป ช้างปาลูกโป่ง ช้างเตะฟุตบอล  ขึ้นนั่งงวงช้าง ฯลฯ การแสดงมีทุกวัน วันละ 2 รอบ ได้แก่ รอบเวลา 10.30 น. และ 14.30 น.

             นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมขี่ช้างเดินชมวิถีชีวิตแล้วพาช้างไปอาบน้ำที่วังทะลุ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำมูลกับแม่น้ำชีไหลมาบรรจบกัน ห่างจากหมู่บ้านออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร บริเวณนี้เป็นจุดที่ช่วงเย็นควานช้างหรือเจ้าของช้างจะนำช้างมาลงอาบก่อนกลับเข้าไปในหมู่บ้าน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนกับช้าง และสนุกสนานเพลิดเพลินกับการมาเที่ยวที่ศูนย์คชศึกษา หรือหมู่บ้านช้างบ้านตากลางที่จังหวัดสุรินทร์

             ภายในศูนย์คชศึกษายังมีสินค้าที่ระลึกที่เป็นผลิตภัณฑ์จากช้าง มีพิพิธภัณฑ์ที่แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับช้างและวิถีชีวิตของหมู่บ้านช้าง มีการจัดแสดงโครงกระดูกช้างของจริงและอุปกรณ์การคล้องช้างต่างๆ  ของหมอช้างในอดีตด้วย


หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง หรือ ศูนย์คชศึกษา ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก


สนามแสดงช้างกับแสดงความสามารถอันเฉลียวฉลาดและความน่ารักของช้างในศูนย์ฯ ให้นักท่องเที่ยวได้ชมอย่างใกล้ชิด


นักท่องเที่ยวป้อนอ้อยให้ช้างกับมือ


นักท่องเที่ยวขึ้นนั่งบนงวงช้าง


ช้างกับห่วงฮูล่าฮูป


ช้างโชว์วาดรูป เล่นฟุตบอล และเดินข้ามคน


การเดินทางไปจังหวัดสุรินทร์

             - รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดสุรินทร์ มีระยะทาง  440 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง

             - รถไฟ (Train) การเดินทางโดยรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดสุรินทร์ ใช้เวลาเร็วสุดประมาณ 9 ชั่วโมง 30 นาที ทั้งนี้อาจใช้เวลานานกว่านี้ขึ้นอยู่กับประเภทของรถไฟ

             จังหวัดสุรินทร์ไม่มีสนามบิน สำหรับผู้ที่เดินทางโดยเครื่องบินนิยมนั่งไปลงที่จังหวัดใกล้เคียงคือจังหวัดบุรีรัมย์ แล้วเดินทางโดยรถยนต์หรือรถโดยสารประจำทางต่อมายังจังหวัดสุรินทร์


การเดินทางไป
หมู่บ้านช้างตากลาง ศูนย์คชศึกษา

             หมู่บ้านช้างตากลาง ศูนย์คชศึกษา ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ถนนสุรินทร์ - ร้อยเอ็ด อำเภอท่าตูม ห่างจากตัวจังหวัดสุรินทร์ 53 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 55 นาที


เวลาทำการเปิด – ปิด

             เปิดทุกวัน เวลา 8.30 - 16.30 น.


การเลี้ยงช้างของชาวบ้านตากลางจะเลี้ยงช้างไว้เหมือนเป็นเพื่อน เป็นวิถีชีวิตที่ผูกพันกันมายาวนาน


อัตราค่าเข้าชม

             ชาวไทยผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 10 บาท 

             ชาวต่างชาติ 100 บาท


สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว
หมู่บ้านช้างตากลาง ศูนย์คชศึกษา

             ชมการแสดงช้าง อาทิ ช้างเต้นรำ ช้างวาดรูป ช้างปาลูกโป่ง ช้างเตะฟุตบอล  ฯลฯ

             ชมพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับช้างและวิถีชีวิตของหมู่บ้านช้าง มี

             ขี่ช้างเดินชมวิถีชีวิตแล้วพาช้างไปอาบน้ำที่วังทะลุ

             ซื้อสินค้าที่ระลึกที่เป็นผลิตภัณฑ์จากช้าง


นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับช้างอย่างใกล้ชิดที่หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง


เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

             สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี 


             
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม หมู่บ้านช้างตากลาง ศูนย์คชศึกษา สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                         หมู่บ้านช้างตากลาง ศูนย์คชศึกษา จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย

                         (Ban Ta Klang Elephant Study Centre, Surin Province, Thailand)

                         ระดับความนิยม :

                         อัตราค่าเข้าชม : ชาวไทย ผู้ใหญ่ 50 เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท

                         เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 8.30 – 16.30 น.

                         ตั้งอยู่ที่ : หมู่ 2 ถนนสุรินทร์ - ร้อยเอ็ด อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์

                         โทรศัพท์ : (+66)  044511 975, 04451 7461

                         เว็บไซต์ : -

                         ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com

                                       ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์ https://surin.mots.go.th

                                       ศูนย์ข้อมูลการเดินทางจังหวัดสุรินทร์ https://www.dlt.go.th/site/surin

                                       ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย

จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้

อ่านต่อ

วัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย

วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

น้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน

อ่านต่อ

เกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) Wat Bu Pai (Wat Ban Rai 2) เป็นวัดที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขาในอำเภอวังน้ำเขียว ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ หรือ พระเทพวิทยาคม พระเกจิดังวัดบ้านไร่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

อ่านต่อ

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว (Wat Saeng Tham Wang Khao Khiao) เป็นที่ตั้งของพระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล พระมหาเจดีย์รูปทรงดอกบัวสีขาวตั้งตระหง่านสง่างามอยู่กลางคูน้ำ ท่ามกลางสวนหย่อมสีเขียวขนาดใหญ่และแวดล้อมด้วยหุบเขาสีเขียวขจีของอำเภอวังน้ำเขียว

อ่านต่อ

ผาเก็บตะวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

ผาเก็บตะวัน (Pha Kep Tawan) หนึ่งในที่เที่ยววังน้ำเขียวที่เป็นจุดชมวิวที่มีทัศนียภาพสวยงาม แวดล้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เหมาะแก่การแวะมาชมวิวผ่อนคลาย หรือหากต้องการกางเต็นท์ค้างคืนก็ได้เช่นกัน

อ่านต่อ

วัดป่าโนนสวรรค์ จังหวัดร้อยเอ็ด ประเทศไทย

วัดป่าโนนสวรรค์ (Wat Pa Non Sawan) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดร้อยเอ็ด ภายในวัดมีความน่าตื่นตาตื่นใจของประติมากรรมปูนปั้นมากมายที่ถ่ายทอดเรื่องเกี่ยวกับพุทธประวัติ พระธรรมคำสอน รวมถึงวรรณคดีไทยชื่อดังต่างๆ ให้ได้เดินเที่ยวชม และภายในวัดยังโดดเด่นด้วยองค์เจดีย์ขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างงดงาม รวมถึงศิลปะการตกแต่งที่ใช้หม้อดินมาประดับในส่วนต่างๆ โดยรอบจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดร้อยเอ็ดที่ไม่ควรพลาดชม

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ