- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวในประเทศ
- หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ศูนย์คชศึกษา จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย
หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ศูนย์คชศึกษา จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย
- อ่าน (12,364)
- ByWebmaster
- 17:39:51 | 9 เม.ย. 2564
หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ศูนย์คชศึกษา จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย
Ban Ta Klang Elephant Study Centre, Surin Province, Thailand
หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง (Ban Ta Klang Elephant Study Centre) หรือ ศูนย์คชศึกษา เป็นสถานที่นักท่องเที่ยวสามารถชมวิถีความเป็นอยู่ ความผูกพัน ของคนในชุมชนและช้าง รวมทั้งประเพณี และวัฒนธรรมที่น่าชื่นชมของชาวสุรินทร์ได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งที่นี่ช้างไม่ได้เป็นเพียงสัตว์เลี้ยงเท่านั้น ทว่าช้างเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวของทุกบ้าน สายสัมพันธ์อันน่าทึ่งนี้ทำให้ที่นี่กลายมาเป็นหมู่บ้านเลี้ยงช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ประวัติ
หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง หรือ ศูนย์คชศึกษา จังหวัดสุรินทร์ ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก ถือเป็นศูนย์รวมของสมาชิกช้างทั้งในบ้านตากลาง และจากหมู่บ้านอื่นๆ ในจังหวัดสุรินทร์มากกว่า 200 เชือก ลักษณะการเลี้ยงช้างของชาวบ้านตากลางเหมือนการเลี้ยงช้างไว้เป็นเพื่อน โดยเกือบทุกบ้านจะมีช้างที่เลี้ยงไว้ประจำครัวเรือน เรียกว่าเป็นวิถีชีวิตที่ผูกพันกันมาอย่างยาวนาน
ชาวบ้านตากลางดั้งเดิมเป็นชาวส่วย (กูย) หรือ กวย ที่มีความชำนาญในการคล้องช้างป่า ฝึกหัดช้าง และเลี้ยงช้างมาเป็นเวลานาน ดังจะเห็นได้จากอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง (ปุม) เจ้าเมืองคนแรกของจังหวัดสุรินทร์ซึ่งเป็นชาวส่วยที่โดดเด่นด้วยรูปปั้นงาช้างสีขาวขนาดใหญ่ 2 กิ่งขนาบข้างอยู่บริเวณทางเข้าเมืองสุรินทร์ บ่งบอกถึงความเกี่ยวพันระหว่างชาวสุรินทร์และช้างที่มีมานาน
ในอดีตชาวบ้านตากลางโดยมากจะเดินทางไปคล้องช้างบริเวณชายแดนเขตต่อประเทศกัมพูชา ปัจจุบันชาวบ้านตากลางไม่ได้เดินทางไปคล้องช้างเช่นแต่ก่อน ทว่าชาวยังคงเลี้ยงช้างและฝึกช้างเพื่อไปร่วมแสดงในงานช้างของจังหวัดทุกปี ภายในหมู่บ้านตากลางมีโรงช้าง และมีที่อยู่ของช้างอยู่ทั่วบริเวณ ไม่ว่าจะเดินไปบริเวณไหนก็สามารถพบเห็นช้างอยู่เกือบทุกที่ ซึ่งช้างเหล่านี้เป็นช้างที่มีความคุ้นเคยกับคน แสนรู้ ไม่ดุร้าย
ในส่วนของสนามแสดงช้างนั้นจะมีการแสดงความสามารถอันเฉลียวฉลาดและความน่ารักของช้างในศูนย์ฯ ให้นักท่องเที่ยวได้ชมอย่างใกล้ชิด อาทิ ช้างเต้นรำ ช้างวาดรูป ช้างปาลูกโป่ง ช้างเตะฟุตบอล ขึ้นนั่งงวงช้าง ฯลฯ การแสดงมีทุกวัน วันละ 2 รอบ ได้แก่ รอบเวลา 10.30 น. และ 14.30 น.
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมขี่ช้างเดินชมวิถีชีวิตแล้วพาช้างไปอาบน้ำที่วังทะลุ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำมูลกับแม่น้ำชีไหลมาบรรจบกัน ห่างจากหมู่บ้านออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร บริเวณนี้เป็นจุดที่ช่วงเย็นควานช้างหรือเจ้าของช้างจะนำช้างมาลงอาบก่อนกลับเข้าไปในหมู่บ้าน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนกับช้าง และสนุกสนานเพลิดเพลินกับการมาเที่ยวที่ศูนย์คชศึกษา หรือหมู่บ้านช้างบ้านตากลางที่จังหวัดสุรินทร์
ภายในศูนย์คชศึกษายังมีสินค้าที่ระลึกที่เป็นผลิตภัณฑ์จากช้าง มีพิพิธภัณฑ์ที่แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับช้างและวิถีชีวิตของหมู่บ้านช้าง มีการจัดแสดงโครงกระดูกช้างของจริงและอุปกรณ์การคล้องช้างต่างๆ ของหมอช้างในอดีตด้วย
หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง หรือ ศูนย์คชศึกษา ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก
สนามแสดงช้างกับแสดงความสามารถอันเฉลียวฉลาดและความน่ารักของช้างในศูนย์ฯ ให้นักท่องเที่ยวได้ชมอย่างใกล้ชิด
นักท่องเที่ยวป้อนอ้อยให้ช้างกับมือ
นักท่องเที่ยวขึ้นนั่งบนงวงช้าง
ช้างกับห่วงฮูล่าฮูป
ช้างโชว์วาดรูป เล่นฟุตบอล และเดินข้ามคน
การเดินทางไปจังหวัดสุรินทร์
- รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดสุรินทร์ มีระยะทาง 440 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง
- รถไฟ (Train) การเดินทางโดยรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดสุรินทร์ ใช้เวลาเร็วสุดประมาณ 9 ชั่วโมง 30 นาที ทั้งนี้อาจใช้เวลานานกว่านี้ขึ้นอยู่กับประเภทของรถไฟ
จังหวัดสุรินทร์ไม่มีสนามบิน สำหรับผู้ที่เดินทางโดยเครื่องบินนิยมนั่งไปลงที่จังหวัดใกล้เคียงคือจังหวัดบุรีรัมย์ แล้วเดินทางโดยรถยนต์หรือรถโดยสารประจำทางต่อมายังจังหวัดสุรินทร์
การเดินทางไปหมู่บ้านช้างตากลาง ศูนย์คชศึกษา
หมู่บ้านช้างตากลาง ศูนย์คชศึกษา ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ถนนสุรินทร์ - ร้อยเอ็ด อำเภอท่าตูม ห่างจากตัวจังหวัดสุรินทร์ 53 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 55 นาที
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดทุกวัน เวลา 8.30 - 16.30 น.
การเลี้ยงช้างของชาวบ้านตากลางจะเลี้ยงช้างไว้เหมือนเป็นเพื่อน เป็นวิถีชีวิตที่ผูกพันกันมายาวนาน
อัตราค่าเข้าชม
ชาวไทยผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 10 บาท
ชาวต่างชาติ 100 บาท
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวหมู่บ้านช้างตากลาง ศูนย์คชศึกษา
ชมการแสดงช้าง อาทิ ช้างเต้นรำ ช้างวาดรูป ช้างปาลูกโป่ง ช้างเตะฟุตบอล ฯลฯ
ชมพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับช้างและวิถีชีวิตของหมู่บ้านช้าง มี
ขี่ช้างเดินชมวิถีชีวิตแล้วพาช้างไปอาบน้ำที่วังทะลุ
ซื้อสินค้าที่ระลึกที่เป็นผลิตภัณฑ์จากช้าง
นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับช้างอย่างใกล้ชิดที่หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม หมู่บ้านช้างตากลาง ศูนย์คชศึกษา สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
หมู่บ้านช้างตากลาง ศูนย์คชศึกษา จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย
(Ban Ta Klang Elephant Study Centre, Surin Province, Thailand)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ชาวไทย ผู้ใหญ่ 50 เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 8.30 – 16.30 น.
ตั้งอยู่ที่ : หมู่ 2 ถนนสุรินทร์ - ร้อยเอ็ด อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
โทรศัพท์ : (+66) 044511 975, 04451 7461
เว็บไซต์ : -
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com
ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์ https://surin.mots.go.th
ศูนย์ข้อมูลการเดินทางจังหวัดสุรินทร์ https://www.dlt.go.th/site/surin
ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ จังหวัดมุกดาหาร ประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ (Phu Pha Toep National Park) หรือ อุทยานแห่งชาติมุกดาหาร เป็นหนึ่งในอุทยานที่มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดในประเทศไทย โดยอุทยานแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหินรูปทรงประหลาดและถ้ำที่มีจิตรกรรมวาดด้วยมือ
อ่านต่อภูห้วยอีสัน จังหวัดหนองคาย ประเทศไทย
ภูห้วยอีสัน (Phu Huai Isan) เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกแห่งใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว ด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลหมอกลอยละล่องเหนือสายน้ำโขง และขุนเขาสลับซับซ้อน ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาจังหวัดหนองคาย
อ่านต่ออุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ ประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม (Pa Hin Ngam National Park) จังหวัดชัยภูมิ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีสภาพป่าสมบูรณ์และมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง โดยเฉพาะทุ่งดอกกระเจียวที่จะออกดอกสีชมพูอมม่วงบานสะพรั่งไปทั่วผืนป่าในช่วงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี
อ่านต่อปราสาทพนมวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย
ปราสาทพนมวัน (Prasat Phanom Wan) อีกหนึ่งปราสาทหินเก่าแก่ในจังหวัดนครราชสีมาที่สร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 15 เพื่อเป็นเทวสถาน ปราสาทหินแห่งนี้ถือเป็นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย
อ่านต่อ5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย
จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้
อ่านต่อวัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย
วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง
อ่านต่อ8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้
อ่านต่อผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง
อ่านต่อน้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน
อ่านต่อเกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก
อ่านต่อ