หินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย

  • อ่าน (15,615)
  • ByWebmaster
  • 13:35:46 | 13 ก.พ. 2564

หินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย

Three Whales Rock, Bueng Kan, Thailand 

             หินสามวาฬ (Three Whales Rock) แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดบึงกาฬ ด้วยกลุ่มหินขนาดมหึมาสามก้อน ที่มีลักษณะโดดเด่นคล้ายวาฬสามตัว พ่อ แม่ ลูก กำลังแหวกว่ายอยู่กลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์เมื่อมองจากมุมสูง


ประวัติ

             หินสามวาฬ ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูสิงห์ หรือ เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู บ้านโนนไทรทอง อำเภอเมืองบึงกาฬ ครอบคลุมเนื้อที่ประมาณ 12,000 ไร่ ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ แม้ว่าสภาพพื้นที่เดิมของภูสิงห์นั้นเป็นป่าเสื่อมโทรม ทว่าภายหลังจากที่ได้มีการฟื้นฟูป่าปลูกเมื่อปี พ.ศ. 2549 ก็ได้ฟื้นคืนสภาพเป็นป่าที่สมบูรณ์ขึ้น เป็นแหล่งพันธุ์ไม้สำคัญๆ หลายชนิด เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศหินสามวาฬแห่งนี้

             หินสามวาฬ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดบึงกาฬ ด้วยลักษณะที่โดดเด่นคือเป็นกลุ่มภูเขาหินทรายขนาดมหึมาสามก้อนอายุเก่าแก่ราว 75 ล้านปียื่นออกมาจากแง่งผา กลุ่มหินเหล่านี้เกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก กระบวนการกัดกร่อนของหินทราย และอีกหลายปัจจัยจากธรรมชาติ จนเกิดเป็นหน้าผาลักษณะแปลกตา มองจากมุมสูงดูคล้ายปลาวาฬสามตัว พ่อ แม่ ลูก กำลังแหวกว่ายอยู่กลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ อันเป็นที่มาของชื่อ “หินสามวาฬ”

             จุดชมวิวที่สวยงามโดดเด่น คือ วาฬพ่อ โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ขึ้น เรียกได้ว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่สวยงามของบึงกาฬ นักท่องเที่ยวสามารถยืนชมทัศนียภาพของป่าภูวัว ห้วยบังบาตร แก่งสะดอก หาดทรายแม่น้ำโขง รวมถึงภูเขาเมืองปากกระดิ่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้ โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการมาเที่ยวหินสามวาฬคือช่วงเวลาเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนั่นเอง สำหรับใครที่ต้องการภาพสวยๆ แนะนำให้ยื่นอยู่หินวาฬแม่ (ซ้ายสุด) แล้วให้ช่างภาพถ่ายจากบริเวณหินวาฬพ่อ (หินกลาง) จะได้ภาพผาหินขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายวาฬ ทั้งนี้หินแต่ละก้อนนั้นสามารถรองรับการขึ้นของนักท่องเที่ยวได้ไม่เกินครั้งละ 50 คนเท่านั้น

             จุดโดดเด่นของภูสิงห์ไม่ได้มีแค่หินสามวาฬเท่านั้น ทว่ายังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจรวมทั้งหมด 8 แห่งด้วยกันที่เปิดให้ชมความสวยงามของธรรมชาติ ได้แก่ ลานธรรม กำแพงภูสิงห์ ถ้ำใหญ่ ชุดชมวิวถ้ำฤๅษี หินหัวช้าง จุดชมวิวหินช้าง ประตูสวรรค์ที่มีลักษณะชั้นหินทรายคล้ายๆ ถ้ำนาคา และส้างร้อยบ่อ ที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ถูกกัดกร่อน ลักษณะคล้ายๆ สามพันโบก

             ทั้งนี้การท่องเที่ยวภายในบริเวณพื้นที่ของภูสิงห์ นักท่องเที่ยวจะต้องจอดรถไว้บริเวณที่กำหนด ไม่สามารถนำรถขึ้นไปได้ โดยจะมีอาสาสมัครป่าไม้ภูสิงห์เป็นผู้ขับรถกระบะโฟร์วีลนำเที่ยว เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่เดินทางมาเที่ยวชม รถมีให้บริการตลอดทั้งวันตั้งแต่ตีห้าครึ่งถึงห้าโมงเย็น ราคาไป-กลับคันละ 500 บาท นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อได้ที่ทำการภูสิงห์


ด้านหน้าเพิงหินเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป “หลวงพ่อพระสิงห์”


ซุ้มทางเดินไปยังหินสามวาฬ


หินสามวาฬ เป็นกลุ่มภูเขาหินทรายขนาดมหึมาสามก้อน อายุเก่าแก่ราว 75 ล้านปี


กลุ่มหินเหล่านี้เกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก กระบวนการกัดกร่อนของหินทราย และอีกหลายปัจจัยจากธรรมชาติจนเกิดเป็นหน้าผาลักษณะแปลกตา


ลักษณะทางธรณีวิทยาที่สวยงามของหินที่ภูสิงห์


หินช้าง


จุดชมวิวส้างร้อยบ่อ มีลักษณะเป็นหลุมคล้ายสามพันโบก


การเดินทางไปจังหวัดบึงกาฬ

             - รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดบึงกาฬ มีระยะทาง 760 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 20 นาที

             ทั้งนี้ ไม่มีเที่ยวบินบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดบึงกาฬ แต่สามารถใช้เส้นทางบิน กรุงเทพฯ-อุดรธานี ซึ่งเป็นสนามบินจังหวัดใกล้เคียง จากนั้นเดินทางต่อโดยรถยนต์ไปจังหวัดบึงกาฬอีกประมาณ 190 กิโลเมตร

             สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางโดยรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทยมีขบวนรถไฟออกจากกรุงเทพฯ ไปลงที่สถานีจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคายซึ่งเป็นจังหวัดใกล้เคียงเช่นกัน การเดินทางโดยรถไฟใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที - 9 ชั่วโมง 30 นาที


การเดินทางไปหินสามวาฬ

             หินสามวาฬ ตั้งอยู่ที่บ้านโนนไทรทอง ตำบลโคกก่อง อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ โดยอยู่ห่างจากตัวจังหวัดบึงกาฬประมาณ 25 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ 25 นาที


เวลาทำการเปิด – ปิด

             เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 5.30 – 17.00 น.


หนึ่งในจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาโพสต์ท่าถ่ายรูป


อัตราค่าเข้าชม

             ไม่เสียค่าเข้าชม


ต้นไม้รูปทรงสวยงามริมหน้าผา


สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวหินสามวาฬ

             ชมวิวที่สวยงามจากหินวาฬพ่อ ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของป่าภูวัว ห้วยบังบาตร แก่งสะดอก หาดทรายแม่น้ำโขง ไกลถึงภูเขาเมืองปากกระดิ่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

             ยืนอยู่บนหินวาฬแม่ แล้วให้ช่างภาพถ่ายภาพจากบริเวณหินวาฬพ่อ จะได้ภาพผาหินขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายวาฬ


นักท่องเที่ยวยืนโพสต์ท่าถ่ายรูปบนหินสามวาฬ


เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

             สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดคือฤดูหนาว 


กุฏิไม้บนโขดหิน


ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้

             หินแต่ละก้อนนั้นสามารถรองรับการขึ้นของนักท่องเที่ยวได้ไม่เกินครั้งละ 50 คนเท่านั้น


             
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม หินสามวาฬ  สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                          หินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย

                          (Three Whales Rock, Bueng Kan, Thailand)

                          ระดับความนิยม : 

                          อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม

                          เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 5.30 – 17.00 น.

                          ตั้งอยู่ที่ :  บ้านโนนไทรทอง ตำบลโคกก่อง อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ

                          โทรศัพท์ : (+66) 08 8563 8852, 08 8536 2717 

                          เว็บไซต์ : -  

                          ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/

                                           เว็บไซต์จังหวัดบึงกาฬ http://www.buengkan.go.th

                                           สำนักงานการกีฬาและท่องเที่ยว จังหวัดบึงกาฬ https://bungkan.mots.go.th

                                           ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ จังหวัดมุกดาหาร ประเทศไทย

อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ (Phu Pha Toep National Park) หรือ อุทยานแห่งชาติมุกดาหาร เป็นหนึ่งในอุทยานที่มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดในประเทศไทย โดยอุทยานแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหินรูปทรงประหลาดและถ้ำที่มีจิตรกรรมวาดด้วยมือ

อ่านต่อ

ภูห้วยอีสัน จังหวัดหนองคาย ประเทศไทย

ภูห้วยอีสัน (Phu Huai Isan) เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกแห่งใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว ด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลหมอกลอยละล่องเหนือสายน้ำโขง และขุนเขาสลับซับซ้อน ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาจังหวัดหนองคาย

อ่านต่อ

อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ ประเทศไทย

อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม (Pa Hin Ngam National Park) จังหวัดชัยภูมิ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีสภาพป่าสมบูรณ์และมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง โดยเฉพาะทุ่งดอกกระเจียวที่จะออกดอกสีชมพูอมม่วงบานสะพรั่งไปทั่วผืนป่าในช่วงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี

อ่านต่อ

ปราสาทพนมวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

ปราสาทพนมวัน (Prasat Phanom Wan) อีกหนึ่งปราสาทหินเก่าแก่ในจังหวัดนครราชสีมาที่สร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 15 เพื่อเป็นเทวสถาน ปราสาทหินแห่งนี้ถือเป็นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย

อ่านต่อ

5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย

จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้

อ่านต่อ

วัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย

วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

น้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน

อ่านต่อ

เกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ