หินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย

  • อ่าน (14,312)
  • ByWebmaster
  • 13:35:46 | 13 ก.พ. 2564

หินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย

Three Whales Rock, Bueng Kan, Thailand 

             หินสามวาฬ (Three Whales Rock) แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดบึงกาฬ ด้วยกลุ่มหินขนาดมหึมาสามก้อน ที่มีลักษณะโดดเด่นคล้ายวาฬสามตัว พ่อ แม่ ลูก กำลังแหวกว่ายอยู่กลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์เมื่อมองจากมุมสูง


ประวัติ

             หินสามวาฬ ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูสิงห์ หรือ เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู บ้านโนนไทรทอง อำเภอเมืองบึงกาฬ ครอบคลุมเนื้อที่ประมาณ 12,000 ไร่ ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ แม้ว่าสภาพพื้นที่เดิมของภูสิงห์นั้นเป็นป่าเสื่อมโทรม ทว่าภายหลังจากที่ได้มีการฟื้นฟูป่าปลูกเมื่อปี พ.ศ. 2549 ก็ได้ฟื้นคืนสภาพเป็นป่าที่สมบูรณ์ขึ้น เป็นแหล่งพันธุ์ไม้สำคัญๆ หลายชนิด เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศหินสามวาฬแห่งนี้

             หินสามวาฬ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดบึงกาฬ ด้วยลักษณะที่โดดเด่นคือเป็นกลุ่มภูเขาหินทรายขนาดมหึมาสามก้อนอายุเก่าแก่ราว 75 ล้านปียื่นออกมาจากแง่งผา กลุ่มหินเหล่านี้เกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก กระบวนการกัดกร่อนของหินทราย และอีกหลายปัจจัยจากธรรมชาติ จนเกิดเป็นหน้าผาลักษณะแปลกตา มองจากมุมสูงดูคล้ายปลาวาฬสามตัว พ่อ แม่ ลูก กำลังแหวกว่ายอยู่กลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ อันเป็นที่มาของชื่อ “หินสามวาฬ”

             จุดชมวิวที่สวยงามโดดเด่น คือ วาฬพ่อ โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ขึ้น เรียกได้ว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่สวยงามของบึงกาฬ นักท่องเที่ยวสามารถยืนชมทัศนียภาพของป่าภูวัว ห้วยบังบาตร แก่งสะดอก หาดทรายแม่น้ำโขง รวมถึงภูเขาเมืองปากกระดิ่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้ โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการมาเที่ยวหินสามวาฬคือช่วงเวลาเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนั่นเอง สำหรับใครที่ต้องการภาพสวยๆ แนะนำให้ยื่นอยู่หินวาฬแม่ (ซ้ายสุด) แล้วให้ช่างภาพถ่ายจากบริเวณหินวาฬพ่อ (หินกลาง) จะได้ภาพผาหินขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายวาฬ ทั้งนี้หินแต่ละก้อนนั้นสามารถรองรับการขึ้นของนักท่องเที่ยวได้ไม่เกินครั้งละ 50 คนเท่านั้น

             จุดโดดเด่นของภูสิงห์ไม่ได้มีแค่หินสามวาฬเท่านั้น ทว่ายังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจรวมทั้งหมด 8 แห่งด้วยกันที่เปิดให้ชมความสวยงามของธรรมชาติ ได้แก่ ลานธรรม กำแพงภูสิงห์ ถ้ำใหญ่ ชุดชมวิวถ้ำฤๅษี หินหัวช้าง จุดชมวิวหินช้าง ประตูสวรรค์ที่มีลักษณะชั้นหินทรายคล้ายๆ ถ้ำนาคา และส้างร้อยบ่อ ที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ถูกกัดกร่อน ลักษณะคล้ายๆ สามพันโบก

             ทั้งนี้การท่องเที่ยวภายในบริเวณพื้นที่ของภูสิงห์ นักท่องเที่ยวจะต้องจอดรถไว้บริเวณที่กำหนด ไม่สามารถนำรถขึ้นไปได้ โดยจะมีอาสาสมัครป่าไม้ภูสิงห์เป็นผู้ขับรถกระบะโฟร์วีลนำเที่ยว เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่เดินทางมาเที่ยวชม รถมีให้บริการตลอดทั้งวันตั้งแต่ตีห้าครึ่งถึงห้าโมงเย็น ราคาไป-กลับคันละ 500 บาท นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อได้ที่ทำการภูสิงห์


ด้านหน้าเพิงหินเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป “หลวงพ่อพระสิงห์”


ซุ้มทางเดินไปยังหินสามวาฬ


หินสามวาฬ เป็นกลุ่มภูเขาหินทรายขนาดมหึมาสามก้อน อายุเก่าแก่ราว 75 ล้านปี


กลุ่มหินเหล่านี้เกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก กระบวนการกัดกร่อนของหินทราย และอีกหลายปัจจัยจากธรรมชาติจนเกิดเป็นหน้าผาลักษณะแปลกตา


ลักษณะทางธรณีวิทยาที่สวยงามของหินที่ภูสิงห์


หินช้าง


จุดชมวิวส้างร้อยบ่อ มีลักษณะเป็นหลุมคล้ายสามพันโบก


การเดินทางไปจังหวัดบึงกาฬ

             - รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดบึงกาฬ มีระยะทาง 760 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 20 นาที

             ทั้งนี้ ไม่มีเที่ยวบินบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดบึงกาฬ แต่สามารถใช้เส้นทางบิน กรุงเทพฯ-อุดรธานี ซึ่งเป็นสนามบินจังหวัดใกล้เคียง จากนั้นเดินทางต่อโดยรถยนต์ไปจังหวัดบึงกาฬอีกประมาณ 190 กิโลเมตร

             สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางโดยรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทยมีขบวนรถไฟออกจากกรุงเทพฯ ไปลงที่สถานีจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคายซึ่งเป็นจังหวัดใกล้เคียงเช่นกัน การเดินทางโดยรถไฟใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที - 9 ชั่วโมง 30 นาที


การเดินทางไปหินสามวาฬ

             หินสามวาฬ ตั้งอยู่ที่บ้านโนนไทรทอง ตำบลโคกก่อง อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ โดยอยู่ห่างจากตัวจังหวัดบึงกาฬประมาณ 25 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ 25 นาที


เวลาทำการเปิด – ปิด

             เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 5.30 – 17.00 น.


หนึ่งในจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาโพสต์ท่าถ่ายรูป


อัตราค่าเข้าชม

             ไม่เสียค่าเข้าชม


ต้นไม้รูปทรงสวยงามริมหน้าผา


สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวหินสามวาฬ

             ชมวิวที่สวยงามจากหินวาฬพ่อ ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของป่าภูวัว ห้วยบังบาตร แก่งสะดอก หาดทรายแม่น้ำโขง ไกลถึงภูเขาเมืองปากกระดิ่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

             ยืนอยู่บนหินวาฬแม่ แล้วให้ช่างภาพถ่ายภาพจากบริเวณหินวาฬพ่อ จะได้ภาพผาหินขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายวาฬ


นักท่องเที่ยวยืนโพสต์ท่าถ่ายรูปบนหินสามวาฬ


เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

             สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดคือฤดูหนาว 


กุฏิไม้บนโขดหิน


ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้

             หินแต่ละก้อนนั้นสามารถรองรับการขึ้นของนักท่องเที่ยวได้ไม่เกินครั้งละ 50 คนเท่านั้น


             
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม หินสามวาฬ  สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                          หินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย

                          (Three Whales Rock, Bueng Kan, Thailand)

                          ระดับความนิยม : 

                          อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม

                          เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 5.30 – 17.00 น.

                          ตั้งอยู่ที่ :  บ้านโนนไทรทอง ตำบลโคกก่อง อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ

                          โทรศัพท์ : (+66) 08 8563 8852, 08 8536 2717 

                          เว็บไซต์ : -  

                          ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/

                                           เว็บไซต์จังหวัดบึงกาฬ http://www.buengkan.go.th

                                           สำนักงานการกีฬาและท่องเที่ยว จังหวัดบึงกาฬ https://bungkan.mots.go.th

                                           ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย

จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้

อ่านต่อ

วัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย

วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

น้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน

อ่านต่อ

เกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) Wat Bu Pai (Wat Ban Rai 2) เป็นวัดที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขาในอำเภอวังน้ำเขียว ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ หรือ พระเทพวิทยาคม พระเกจิดังวัดบ้านไร่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

อ่านต่อ

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว (Wat Saeng Tham Wang Khao Khiao) เป็นที่ตั้งของพระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล พระมหาเจดีย์รูปทรงดอกบัวสีขาวตั้งตระหง่านสง่างามอยู่กลางคูน้ำ ท่ามกลางสวนหย่อมสีเขียวขนาดใหญ่และแวดล้อมด้วยหุบเขาสีเขียวขจีของอำเภอวังน้ำเขียว

อ่านต่อ

ผาเก็บตะวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

ผาเก็บตะวัน (Pha Kep Tawan) หนึ่งในที่เที่ยววังน้ำเขียวที่เป็นจุดชมวิวที่มีทัศนียภาพสวยงาม แวดล้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เหมาะแก่การแวะมาชมวิวผ่อนคลาย หรือหากต้องการกางเต็นท์ค้างคืนก็ได้เช่นกัน

อ่านต่อ

วัดป่าโนนสวรรค์ จังหวัดร้อยเอ็ด ประเทศไทย

วัดป่าโนนสวรรค์ (Wat Pa Non Sawan) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดร้อยเอ็ด ภายในวัดมีความน่าตื่นตาตื่นใจของประติมากรรมปูนปั้นมากมายที่ถ่ายทอดเรื่องเกี่ยวกับพุทธประวัติ พระธรรมคำสอน รวมถึงวรรณคดีไทยชื่อดังต่างๆ ให้ได้เดินเที่ยวชม และภายในวัดยังโดดเด่นด้วยองค์เจดีย์ขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างงดงาม รวมถึงศิลปะการตกแต่งที่ใช้หม้อดินมาประดับในส่วนต่างๆ โดยรอบจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดร้อยเอ็ดที่ไม่ควรพลาดชม

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ