วัดอาฮงศิลาวาส จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย

  • อ่าน (7,519)
  • ByWebmaster
  • 13:24:45 | 13 ก.พ. 2564

วัดอาฮงศิลาวาส จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย

Wat Ahong Silawat, Bueng Kan, Thailand

 

             วัดอาฮงศิลาวาส (Wat Ahong Silawad) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดบึงกาฬ ด้วยความที่เป็นวัดเก่าแก่และมีทัศนียภาพที่สวยงามริมแม่น้ำโขง เป็นแหล่งที่มีปลาบึกซึ่งเป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในโลกชุกชุมอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย บวกกับความเชื่อเชื่อมโยงกับตำนานพญานาคที่เล่าสืบต่อกันว่าอาศัยอยู่ในถ้ำใต้น้ำฝั่งประเทศลาวตรงข้ามกับวัดอาฮงฯ และยังเป็นที่ชุมนุมของเหล่าพญานาคในวันออกพรรษา ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมแวะเวียนมาเที่ยวที่วัดอาฮงอย่างไม่ขาดสาย

 


ประวัติ

             วัดอาฮงศิลาวาส ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงบริเวณแก่งอาฮง แอ่งน้ำขนาดใหญ่จากฝั่งไทยถึงฝั่งลาวที่มีความยาวกว่า 100 เมตร ไม่ปรากฏหลักฐานว่าวัดแห่งนี้ว่าก่อตั้งเมื่อใด แต่เดิมเคยเป็นเพียงสำนักสงฆ์ ส่วนสถานที่ก่อตั้งนั้นยังเป็นลักษณะเต็มไปด้วยต้นไม้หนาทึบ เป็นสำนักสงฆ์ในป่า ก่อนปี พ.ศ. 2506 ได้รับการบูรณะซ่อมแซมโดยหลวงพ่อลุน แต่หลังจากท่านมรณภาพไปก็ไม่มีพระภิกษุสงฆ์มาอยู่ประจำ ได้แต่เป็นที่พำนักเพียงชั่วคราวของพระธุดงค์ที่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น จวบจนกระทั่งในปีพ.ศ. 2517 เมื่อหลวงพ่อสมาน สิริปญฺโญ (พระนิเทศศาสนคุณ) เจ้าอาวาสวัดบุญเรืองสุวรรณาราม อ.เมือง จ.หนองคาย (ก่อนจะแยกเป็นจังหวัดบึงกาฬ ที่นี่อยู่ในจังหวัดหนองคายเช่นกัน) ได้เดินทางมาเห็นสภาพที่ค่อนข้างรกร้าง มีเพียงแม่ชีอยู่ดูแล จึงได้พาคณะสาธุชนผู้ศรัทธาเข้าร่วมบูรณะวัดขึ้นและตั้งชื่อใหม่ว่า วัดอาฮงศิลาวาส

             มีความเชื่อกันว่าบริเวณหน้าวัดอาฮงศิลาวาสคือ “สะดือแม่น้ำโขง” เป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงซึ่งมีความลึก 200 เมตร บริเวณนี้จะมีน้ำจะไหลเชี่ยววนจนเป็นหลุมรูปกรวย หากมีเศษไม้ ใบไม้ หรือวัตถุเล็กๆ ติดอยู่จะถูกกระแสน้ำหมุนวนเป็นรูปกรวยประมาณ 20-30 นาที แล้วจึงหลุดเคลื่อนไปในที่อื่น เมื่อมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวมาอีกก็จะต่อตัวเป็นรูปกรวยขึ้นมาใหม่เกิดสลับกันไปตลอดทั้งวัน จึงทำให้เชื่อกันว่าที่นี่คือจุดที่เป็น “สะดือแม่น้ำโขง” ในช่วงฤดูแล้งเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี สามารถมองเห็นแก่งอาฮง แก่งหินกลางลำน้ำโขงปรากฏขึ้นมาเหนือน้ำ กลุ่มหินมีชื่อเรียกตามลักษณะของหิน เช่น หินลิ้น นาค หินปลาเข้ ถ้ำปลาสวาย นอกจากเป็นแหล่งพักผ่อนและสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ชาวบ้านโดยรอบยังอาศัยทำการประมงด้วย

             ตามตำนานเล่าสืบต่อกันว่าบริเวณสะดือแม่น้ำโขง จะมีถ้ำใต้น้ำและโขดหินใหญ่อยู่บริเวณทางฝั่งประเทศลาวตรงข้ามกับวัดอาฮงศิลาวาส เป็นที่ชุมนุมของเหล่าพญานาคในวันออกพรรษาและปล่อยลูกไฟเป็นพุทธบูชาร่วมกับมนุษย์ ทำให้สถานที่แห่งนี้มีลูกไฟ หรือที่เรียกกันว่าบั้งไฟพญานาคโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำเป็นจำนวนมาก ทุกๆ ปีในช่วงออกพรรษาจึงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนเดินทางมาเที่ยวชมเป็นจำนวนมากทุกวัน บรรยากาศของวัดติดริมน้ำโขง จัดทำเป็นเส้นทางเดินขนานไปกับแนวแม่น้ำ มีป้ายสะดือแม่น้ำโขงตั้งอยู่ตรงกลาง มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและร่มรื่น เมื่อมองข้ามไปยังฝั่งลาวคือ เมืองปากซัน จะเห็นเจดีย์สีทองตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนหินขนาดใหญ่

             วัดอาฮงศิลาวาสมีบริเวณกว้างขวางและสวยงาม มีอุโบสถหินอ่อนรูปทรงไทยประยุกต์ตั้งอยู่บนพื้นที่เนิน บันไดทางขึ้นมีพญานาคทอดตัวยาวไปจนเกือบถึงตัววิหาร ภายในอุโบสถตกแต่งแบบเรียบง่าย มีพระประธาน คือ พระพุทธควานันท์ศาสดา หล่อด้วยทองเหลือง ลักษณะคล้ายกับพระพุทธชินราช ซึ่งมีความงดงามตระการตา นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปทองคำสององศ์ประดิษฐานอยู่ รวมถึงมีเจดีย์พระบรมธาตุอาฮง ซึ่งตั้งอยู่บนเนินสูงสวยงามมองเห็นโดดเด่นจากริมถนน

             ภายในบริเวณวัดอาฮงศิลาวาสยังมีรูปปั้นของเทพธิดาสะดือแม่น้ำโขง ซึ่งชาวบ้านนิยมมาบนบานศาลกล่าวให้ได้โชคลาภและสมหวังในความรัก นอกจากนี้บริเวณแก่งอาฮง มีโขดหินมากมายและถ้ำใต้น้ำ จึงมีระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งที่มีปลาบึกซึ่งเป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในโลกชุกชุมอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย


วัดอาฮงศิลาวาส


วัดอาฮงศิลาวาส ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงบริเวณแก่งอาฮง


ตามตำนานเล่าสืบต่อกันว่าสะดือแม่น้ำโขงบริเวณทางฝั่งประเทศลาวตรงข้ามกับวัดอาฮงศิลาวาส  มีถ้ำใต้น้ำและโขดหินใหญ่ซึ่งเป็นที่ชุมนุมของเหล่าพญานาคอยู่


สุดเขตแม่น้ำโขงจากฝั่งไทยถึงฝั่งลาวบริเวณนี้ที่มีความยาวกว่า 100 เมตร


พระอุโบสถภายในวัดอาฮงศิลาวาส


บรรยากาศของโขดหินต่างๆ บริเวณแก่งอาฮง


การเดินทางไปจังหวัดบึงกาฬ

             - รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดบึงกาฬ มีระยะทาง 760 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 20 นาที

             ทั้งนี้ ไม่มีเที่ยวบินบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดบึงกาฬ แต่สามารถใช้เส้นทางบิน กรุงเทพฯ-อุดรธานี ซึ่งเป็นสนามบินจังหวัดใกล้เคียง จากนั้นเดินทางต่อโดยรถยนต์ไปจังหวัดบึงกาฬอีกประมาณ 190 กิโลเมตร

             สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางโดยรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทยมีขบวนรถไฟออกจากกรุงเทพฯ ไปลงที่สถานีจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคายซึ่งเป็นจังหวัดใกล้เคียงเช่นกัน การเดินทางโดยรถไฟใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที - 9 ชั่วโมง 30 นาที


การเดินทางไปวัดอาฮงศิลาวาส

             วัดอาฮงศิลาวาส ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ต.ไคสี อ.เมือง โดยอยู่ห่างจากตัวจังหวัดบึงกาฬประมาณ 20  กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ 20 นาที


เวลาทำการเปิด – ปิด

             เปิดทำการทุกวัน เวลา 6.00 - 18.00 น.


อัตราค่าเข้าชม

             ไม่เสียค่าเข้าชม


สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยววัดอาฮงศิลาวาส

             สักการะพระพุทธควานันท์ศาสดา ซึ่งเป็นพระประธานที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถเพื่อความเป็นสิริมงคล  ชมทัศนียภาพที่สวยงามริมแม่น้ำโขง และชม “สะดือแม่น้ำโขง” ซึ่งเป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง


เชื่อกันว่าบริเวณหน้าวัดอาฮงศิลาวาสคือ “สะดือแม่น้ำโขง” เป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงซึ่งมีความลึก ประมาณ 200 เมตร 


เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

             สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี 


บรรยากาศสงบและสวยงามรอบๆ วัดอาฮงศิลาวาส


ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้

             ทุกๆ ปีในช่วงออกพรรษาจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวที่วัดอาฮงศิลาวาสเป็นจำนวนมากเพื่อรอชมบั้งไฟพญานาค


             
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม วัดอาฮงศิลาวาส สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                          วัดอาฮงศิลาวาส จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย

                          (Wat Ahong Silawad, Bueng Kan, Thailand)

                          ระดับความนิยม : 

                          อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม

                          เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทำการทุกวัน เวลา 6.00 -18.00 น.

                          ตั้งอยู่ที่ : บ้านอาฮง หมู่ 3 ต.ไคสี อ.บึงกาฬ จ.บึงกาฬ

                          โทรศัพท์ : (+66)  043 873 480

                          เว็บไซต์ : -  

                          ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/

                                         เว็บไซต์จังหวัดบึงกาฬ http://www.buengkan.go.th

                                         สำนักงานการกีฬาและท่องเที่ยว จังหวัดบึงกาฬ https://bungkan.mots.go.th

                                         ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย

จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้

อ่านต่อ

วัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย

วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

น้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน

อ่านต่อ

เกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) Wat Bu Pai (Wat Ban Rai 2) เป็นวัดที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขาในอำเภอวังน้ำเขียว ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ หรือ พระเทพวิทยาคม พระเกจิดังวัดบ้านไร่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

อ่านต่อ

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว (Wat Saeng Tham Wang Khao Khiao) เป็นที่ตั้งของพระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล พระมหาเจดีย์รูปทรงดอกบัวสีขาวตั้งตระหง่านสง่างามอยู่กลางคูน้ำ ท่ามกลางสวนหย่อมสีเขียวขนาดใหญ่และแวดล้อมด้วยหุบเขาสีเขียวขจีของอำเภอวังน้ำเขียว

อ่านต่อ

ผาเก็บตะวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

ผาเก็บตะวัน (Pha Kep Tawan) หนึ่งในที่เที่ยววังน้ำเขียวที่เป็นจุดชมวิวที่มีทัศนียภาพสวยงาม แวดล้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เหมาะแก่การแวะมาชมวิวผ่อนคลาย หรือหากต้องการกางเต็นท์ค้างคืนก็ได้เช่นกัน

อ่านต่อ

วัดป่าโนนสวรรค์ จังหวัดร้อยเอ็ด ประเทศไทย

วัดป่าโนนสวรรค์ (Wat Pa Non Sawan) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดร้อยเอ็ด ภายในวัดมีความน่าตื่นตาตื่นใจของประติมากรรมปูนปั้นมากมายที่ถ่ายทอดเรื่องเกี่ยวกับพุทธประวัติ พระธรรมคำสอน รวมถึงวรรณคดีไทยชื่อดังต่างๆ ให้ได้เดินเที่ยวชม และภายในวัดยังโดดเด่นด้วยองค์เจดีย์ขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างงดงาม รวมถึงศิลปะการตกแต่งที่ใช้หม้อดินมาประดับในส่วนต่างๆ โดยรอบจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดร้อยเอ็ดที่ไม่ควรพลาดชม

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ