วัดอาฮงศิลาวาส จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย

  • อ่าน (8,395)
  • ByWebmaster
  • 13:24:45 | 13 ก.พ. 2564

วัดอาฮงศิลาวาส จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย

Wat Ahong Silawat, Bueng Kan, Thailand

 

             วัดอาฮงศิลาวาส (Wat Ahong Silawad) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดบึงกาฬ ด้วยความที่เป็นวัดเก่าแก่และมีทัศนียภาพที่สวยงามริมแม่น้ำโขง เป็นแหล่งที่มีปลาบึกซึ่งเป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในโลกชุกชุมอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย บวกกับความเชื่อเชื่อมโยงกับตำนานพญานาคที่เล่าสืบต่อกันว่าอาศัยอยู่ในถ้ำใต้น้ำฝั่งประเทศลาวตรงข้ามกับวัดอาฮงฯ และยังเป็นที่ชุมนุมของเหล่าพญานาคในวันออกพรรษา ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมแวะเวียนมาเที่ยวที่วัดอาฮงอย่างไม่ขาดสาย

 


ประวัติ

             วัดอาฮงศิลาวาส ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงบริเวณแก่งอาฮง แอ่งน้ำขนาดใหญ่จากฝั่งไทยถึงฝั่งลาวที่มีความยาวกว่า 100 เมตร ไม่ปรากฏหลักฐานว่าวัดแห่งนี้ว่าก่อตั้งเมื่อใด แต่เดิมเคยเป็นเพียงสำนักสงฆ์ ส่วนสถานที่ก่อตั้งนั้นยังเป็นลักษณะเต็มไปด้วยต้นไม้หนาทึบ เป็นสำนักสงฆ์ในป่า ก่อนปี พ.ศ. 2506 ได้รับการบูรณะซ่อมแซมโดยหลวงพ่อลุน แต่หลังจากท่านมรณภาพไปก็ไม่มีพระภิกษุสงฆ์มาอยู่ประจำ ได้แต่เป็นที่พำนักเพียงชั่วคราวของพระธุดงค์ที่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น จวบจนกระทั่งในปีพ.ศ. 2517 เมื่อหลวงพ่อสมาน สิริปญฺโญ (พระนิเทศศาสนคุณ) เจ้าอาวาสวัดบุญเรืองสุวรรณาราม อ.เมือง จ.หนองคาย (ก่อนจะแยกเป็นจังหวัดบึงกาฬ ที่นี่อยู่ในจังหวัดหนองคายเช่นกัน) ได้เดินทางมาเห็นสภาพที่ค่อนข้างรกร้าง มีเพียงแม่ชีอยู่ดูแล จึงได้พาคณะสาธุชนผู้ศรัทธาเข้าร่วมบูรณะวัดขึ้นและตั้งชื่อใหม่ว่า วัดอาฮงศิลาวาส

             มีความเชื่อกันว่าบริเวณหน้าวัดอาฮงศิลาวาสคือ “สะดือแม่น้ำโขง” เป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงซึ่งมีความลึก 200 เมตร บริเวณนี้จะมีน้ำจะไหลเชี่ยววนจนเป็นหลุมรูปกรวย หากมีเศษไม้ ใบไม้ หรือวัตถุเล็กๆ ติดอยู่จะถูกกระแสน้ำหมุนวนเป็นรูปกรวยประมาณ 20-30 นาที แล้วจึงหลุดเคลื่อนไปในที่อื่น เมื่อมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวมาอีกก็จะต่อตัวเป็นรูปกรวยขึ้นมาใหม่เกิดสลับกันไปตลอดทั้งวัน จึงทำให้เชื่อกันว่าที่นี่คือจุดที่เป็น “สะดือแม่น้ำโขง” ในช่วงฤดูแล้งเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี สามารถมองเห็นแก่งอาฮง แก่งหินกลางลำน้ำโขงปรากฏขึ้นมาเหนือน้ำ กลุ่มหินมีชื่อเรียกตามลักษณะของหิน เช่น หินลิ้น นาค หินปลาเข้ ถ้ำปลาสวาย นอกจากเป็นแหล่งพักผ่อนและสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ชาวบ้านโดยรอบยังอาศัยทำการประมงด้วย

             ตามตำนานเล่าสืบต่อกันว่าบริเวณสะดือแม่น้ำโขง จะมีถ้ำใต้น้ำและโขดหินใหญ่อยู่บริเวณทางฝั่งประเทศลาวตรงข้ามกับวัดอาฮงศิลาวาส เป็นที่ชุมนุมของเหล่าพญานาคในวันออกพรรษาและปล่อยลูกไฟเป็นพุทธบูชาร่วมกับมนุษย์ ทำให้สถานที่แห่งนี้มีลูกไฟ หรือที่เรียกกันว่าบั้งไฟพญานาคโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำเป็นจำนวนมาก ทุกๆ ปีในช่วงออกพรรษาจึงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนเดินทางมาเที่ยวชมเป็นจำนวนมากทุกวัน บรรยากาศของวัดติดริมน้ำโขง จัดทำเป็นเส้นทางเดินขนานไปกับแนวแม่น้ำ มีป้ายสะดือแม่น้ำโขงตั้งอยู่ตรงกลาง มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและร่มรื่น เมื่อมองข้ามไปยังฝั่งลาวคือ เมืองปากซัน จะเห็นเจดีย์สีทองตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนหินขนาดใหญ่

             วัดอาฮงศิลาวาสมีบริเวณกว้างขวางและสวยงาม มีอุโบสถหินอ่อนรูปทรงไทยประยุกต์ตั้งอยู่บนพื้นที่เนิน บันไดทางขึ้นมีพญานาคทอดตัวยาวไปจนเกือบถึงตัววิหาร ภายในอุโบสถตกแต่งแบบเรียบง่าย มีพระประธาน คือ พระพุทธควานันท์ศาสดา หล่อด้วยทองเหลือง ลักษณะคล้ายกับพระพุทธชินราช ซึ่งมีความงดงามตระการตา นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปทองคำสององศ์ประดิษฐานอยู่ รวมถึงมีเจดีย์พระบรมธาตุอาฮง ซึ่งตั้งอยู่บนเนินสูงสวยงามมองเห็นโดดเด่นจากริมถนน

             ภายในบริเวณวัดอาฮงศิลาวาสยังมีรูปปั้นของเทพธิดาสะดือแม่น้ำโขง ซึ่งชาวบ้านนิยมมาบนบานศาลกล่าวให้ได้โชคลาภและสมหวังในความรัก นอกจากนี้บริเวณแก่งอาฮง มีโขดหินมากมายและถ้ำใต้น้ำ จึงมีระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งที่มีปลาบึกซึ่งเป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในโลกชุกชุมอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย


วัดอาฮงศิลาวาส


วัดอาฮงศิลาวาส ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงบริเวณแก่งอาฮง


ตามตำนานเล่าสืบต่อกันว่าสะดือแม่น้ำโขงบริเวณทางฝั่งประเทศลาวตรงข้ามกับวัดอาฮงศิลาวาส  มีถ้ำใต้น้ำและโขดหินใหญ่ซึ่งเป็นที่ชุมนุมของเหล่าพญานาคอยู่


สุดเขตแม่น้ำโขงจากฝั่งไทยถึงฝั่งลาวบริเวณนี้ที่มีความยาวกว่า 100 เมตร


พระอุโบสถภายในวัดอาฮงศิลาวาส


บรรยากาศของโขดหินต่างๆ บริเวณแก่งอาฮง


การเดินทางไปจังหวัดบึงกาฬ

             - รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดบึงกาฬ มีระยะทาง 760 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 20 นาที

             ทั้งนี้ ไม่มีเที่ยวบินบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดบึงกาฬ แต่สามารถใช้เส้นทางบิน กรุงเทพฯ-อุดรธานี ซึ่งเป็นสนามบินจังหวัดใกล้เคียง จากนั้นเดินทางต่อโดยรถยนต์ไปจังหวัดบึงกาฬอีกประมาณ 190 กิโลเมตร

             สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางโดยรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทยมีขบวนรถไฟออกจากกรุงเทพฯ ไปลงที่สถานีจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคายซึ่งเป็นจังหวัดใกล้เคียงเช่นกัน การเดินทางโดยรถไฟใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที - 9 ชั่วโมง 30 นาที


การเดินทางไปวัดอาฮงศิลาวาส

             วัดอาฮงศิลาวาส ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ต.ไคสี อ.เมือง โดยอยู่ห่างจากตัวจังหวัดบึงกาฬประมาณ 20  กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ 20 นาที


เวลาทำการเปิด – ปิด

             เปิดทำการทุกวัน เวลา 6.00 - 18.00 น.


อัตราค่าเข้าชม

             ไม่เสียค่าเข้าชม


สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยววัดอาฮงศิลาวาส

             สักการะพระพุทธควานันท์ศาสดา ซึ่งเป็นพระประธานที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถเพื่อความเป็นสิริมงคล  ชมทัศนียภาพที่สวยงามริมแม่น้ำโขง และชม “สะดือแม่น้ำโขง” ซึ่งเป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง


เชื่อกันว่าบริเวณหน้าวัดอาฮงศิลาวาสคือ “สะดือแม่น้ำโขง” เป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงซึ่งมีความลึก ประมาณ 200 เมตร 


เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

             สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี 


บรรยากาศสงบและสวยงามรอบๆ วัดอาฮงศิลาวาส


ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้

             ทุกๆ ปีในช่วงออกพรรษาจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวที่วัดอาฮงศิลาวาสเป็นจำนวนมากเพื่อรอชมบั้งไฟพญานาค


             
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม วัดอาฮงศิลาวาส สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                          วัดอาฮงศิลาวาส จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย

                          (Wat Ahong Silawad, Bueng Kan, Thailand)

                          ระดับความนิยม : 

                          อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม

                          เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทำการทุกวัน เวลา 6.00 -18.00 น.

                          ตั้งอยู่ที่ : บ้านอาฮง หมู่ 3 ต.ไคสี อ.บึงกาฬ จ.บึงกาฬ

                          โทรศัพท์ : (+66)  043 873 480

                          เว็บไซต์ : -  

                          ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/

                                         เว็บไซต์จังหวัดบึงกาฬ http://www.buengkan.go.th

                                         สำนักงานการกีฬาและท่องเที่ยว จังหวัดบึงกาฬ https://bungkan.mots.go.th

                                         ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ จังหวัดมุกดาหาร ประเทศไทย

อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ (Phu Pha Toep National Park) หรือ อุทยานแห่งชาติมุกดาหาร เป็นหนึ่งในอุทยานที่มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดในประเทศไทย โดยอุทยานแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหินรูปทรงประหลาดและถ้ำที่มีจิตรกรรมวาดด้วยมือ

อ่านต่อ

ภูห้วยอีสัน จังหวัดหนองคาย ประเทศไทย

ภูห้วยอีสัน (Phu Huai Isan) เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกแห่งใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว ด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลหมอกลอยละล่องเหนือสายน้ำโขง และขุนเขาสลับซับซ้อน ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาจังหวัดหนองคาย

อ่านต่อ

อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ ประเทศไทย

อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม (Pa Hin Ngam National Park) จังหวัดชัยภูมิ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีสภาพป่าสมบูรณ์และมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง โดยเฉพาะทุ่งดอกกระเจียวที่จะออกดอกสีชมพูอมม่วงบานสะพรั่งไปทั่วผืนป่าในช่วงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี

อ่านต่อ

ปราสาทพนมวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

ปราสาทพนมวัน (Prasat Phanom Wan) อีกหนึ่งปราสาทหินเก่าแก่ในจังหวัดนครราชสีมาที่สร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 15 เพื่อเป็นเทวสถาน ปราสาทหินแห่งนี้ถือเป็นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย

อ่านต่อ

5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย

จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้

อ่านต่อ

วัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย

วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

น้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน

อ่านต่อ

เกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ