- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวในประเทศ
- วัดโพธาราม จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย
วัดโพธาราม จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย
- อ่าน (6,265)
- ByWebmaster
- 13:14:47 | 13 ก.พ. 2564
วัดโพธาราม จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย
Wat Photharam, Bueng Kan, Thailand
วัดโพธาราม (Wat Photharam) เป็นหนึ่งในวัดสำคัญของจังหวัดบึงกาฬ มีหลวงพ่อพระใหญ่ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ความสูงประมาณ 2 เมตร ประดิษฐานอยู่ที่วัดแห่งนี้คู่กับชาวบึงกาฬมาตั้งแต่โบราณ
ประวัติ
วัดโพธาราม ตั้งอยู่ที่บ้านท่าไคร้ ตำบลบึงกาฬ ห่างจากอำเภอเมืองบึงกาฬ 5 กิโลเมตร ภายในวัดมีพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใหญ่ พระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 2 ศอก 1 คืบ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนหน้าตัก พระหัตถ์ขวาคว่ำวางทับพระฌานุ นิ้วพระหัตถ์ทั้ง 5 เหยียดลงอย่างมีระเบียบเหมือนพระพุทธรูปทั่วๆ ประดิษฐานบนแท่นสี่เหลี่ยมซึ่งได้บูรณะขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2537
เดิมหลวงพ่อพระใหญ่เป็นพระพุทธรูปทองสำริดที่มีความงดงาม ต่อมามีการพอกปูนฉาบไว้ สันนิษฐานว่าเป็นการอำพรางจากตอนสงคราม ว่ากันว่าผู้คนส่วนใหญ่ที่มาขอพรมักจะสมปรารถนา ทั้งนี้การเข้าไปกราบไหว้พระในอุโบสถสามารถเข้าได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น ส่วนผู้หญิงกราบได้เพียงด้านนอก ชาวบึงกาฬได้จัดให้มีการสมโภชหลวงพ่อพระใหญ่ปีละ 2 คร้ัง คือ ช่วงประเพณีบุญเดือน 3 หรือบุญข้าวจี่ที่มีการถวายปราสาทผึ้งด้วย และประเพณีสรงน้ำหลวงพ่อพระใหญ่ที่จัดขึ้นสัปดาห์หลังเทศกาลสงกรานต์
ตามตำนานและคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่หลายรุ่นที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ท่าไคร้ส่วนมากได้อพยพครอบครัวมาจากเมืองยศซึ่งก็คือจังหวัดยโสธรในปัจจุบัน มาตั้งถิ่นฐานริมฝั่งแม่น้ำโขงและร่นขึ้นมาทางเขตชัยบุรีหรืออำเภอบึงกาฬในปัจจุบัน จนถึงบ้านท่าไคร้ที่มีความอุดมสมบูรณ์ หลังจากที่ได้ทำการถากถางอยู่เป็นเวลาหลายวันก็พบพุ่มไม้ที่สูงและหนากว่าที่อื่นๆ เมื่อถางป่าดังกล่าวออกก็พบพระพุทธรูปเดิมที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์พันรอบองค์อยู่ จึงได้นำเถาวัลย์ออก แล้วปัดกวาดบริเวณรอบๆ จึงพบว่าพระเกตุมาลาของหลวงพ่อหักเพราะถูกช้างป่ากระชากเถาวัลย์ลงมาเพื่อหาอาหารกิน และเห็นเป็นรูปร่างของสถานที่ประกอบกิจกรรมทางพุทธศาสนา อีกทั้งยังพบซากเครื่องปั้นดินเผา โอ่งโบราณ รวมทั้งเครื่องใช้อีกหลายอย่าง ตั้งแต่พบองค์พระพุทธรูปจนถึงปัจจุบันไม่เคยเคลื่อนย้ายหรือต่อเติมแต่อย่างใด เพียงแต่ต่อพระเกตุที่หักให้คงสภาพเดิม และมีเพียงแท่นที่ประดิษฐานเท่านั้นที่สร้างโอบแท่นเดิมไว้เพื่อให้มั่นคงขึ้นยิ่งกว่าเดิม และเมื่อผู้ที่มาขอพรจากหลวงพ่อสมความปรารถนา ก็ได้นำสีทองมาทาสมโภชหลวงพ่อ จึงทำให้องค์หลวงพ่อเหลืองอร่ามเป็นสีทองทั้งองค์ นอกจากหลวงพ่อพระใหญ่แล้วภายในบริเวณวัดยังมีเรือกำปั่นโบราณจัดแสดงอยู่ด้วย
พระอุโบสถวัดโพธาราม
การเข้าไปกราบไหว้พระในพระอุโบสถสามารถเข้าได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น
สถาปัตยกรรมงดงามของพระอุโบสถ
ภายในบริเวณวัดมีเรือกำปั่นโบราณตั้งแสดงอยู่ด้วย
หลวงพ่อพระใหญ่ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่วัดแห่งนี้คู่กับชาวบึงกาฬมาตั้งแต่โบราณ
การเดินทางไปจังหวัดบึงกาฬ
- รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดบึงกาฬ มีระยะทาง 760 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 20 นาที
ทั้งนี้ ไม่มีเที่ยวบินบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดบึงกาฬ แต่สามารถใช้เส้นทางบิน กรุงเทพฯ-อุดรธานี ซึ่งเป็นสนามบินจังหวัดใกล้เคียง จากนั้นเดินทางต่อโดยรถยนต์ไปจังหวัดบึงกาฬอีกประมาณ 190 กิโลเมตร
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางโดยรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทยมีขบวนรถไฟออกจากกรุงเทพฯ ไปลงที่สถานีจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคายซึ่งเป็นจังหวัดใกล้เคียงเช่นกัน การเดินทางโดยรถไฟใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที - 9 ชั่วโมง 30 นาที
การเดินทางไปวัดโพธาราม
วัดโพธาราม ตั้งอยู่ที่บ้านท่าไคร้ หมู่ 5 ต.บึงกาฬ อ.เมือง โดยอยู่ห่างจากตัวจังหวัดบึงกาฬประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ 10 นาที
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดทุกวัน เวลา 8.00 - 18.00 น.
ชาวบึงกาฬจัดให้มีการสมโภชหลวงพ่อพระใหญ่ปีละ 2 คร้ัง คือ ช่วงประเพณีบุญเดือน 3 หรือบุญข้าวจี่ และประเพณีสรงน้ำหลวงพ่อพระใหญ่ที่จัดขึ้นสัปดาห์หลังเทศกาลสงกรานต์
อัตราค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม
ความงดงามภายในวัดโพธาราม
ระฆังและฆ้องยักษ์ภายในวัดโพธาราม
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยววัดโพธาราม
สักการะขอพรหลวงพ่อพระใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคล และชมเรือกำปั่นโบราณที่อยู่ภายในวัด
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม วัดโพธาราม สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
วัดโพธาราม จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย
(Wat Photharam, Bueng Kan, Thailand)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 8.00 - 18.00 น.
ตั้งอยู่ที่ : บ้านท่าไคร้ หมู่ 5 ต.บึงกาฬ อ.เมือง จ.บึงกาฬ
โทรศัพท์ : -
เว็บไซต์ : -
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์จังหวัดบึงกาฬ http://www.buengkan.go.th
สำนักงานการกีฬาและท่องเที่ยว จังหวัดบึงกาฬ https://bungkan.mots.go.th
ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ จังหวัดมุกดาหาร ประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ (Phu Pha Toep National Park) หรือ อุทยานแห่งชาติมุกดาหาร เป็นหนึ่งในอุทยานที่มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดในประเทศไทย โดยอุทยานแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหินรูปทรงประหลาดและถ้ำที่มีจิตรกรรมวาดด้วยมือ
อ่านต่อภูห้วยอีสัน จังหวัดหนองคาย ประเทศไทย
ภูห้วยอีสัน (Phu Huai Isan) เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกแห่งใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว ด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลหมอกลอยละล่องเหนือสายน้ำโขง และขุนเขาสลับซับซ้อน ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาจังหวัดหนองคาย
อ่านต่ออุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ ประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม (Pa Hin Ngam National Park) จังหวัดชัยภูมิ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีสภาพป่าสมบูรณ์และมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง โดยเฉพาะทุ่งดอกกระเจียวที่จะออกดอกสีชมพูอมม่วงบานสะพรั่งไปทั่วผืนป่าในช่วงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี
อ่านต่อปราสาทพนมวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย
ปราสาทพนมวัน (Prasat Phanom Wan) อีกหนึ่งปราสาทหินเก่าแก่ในจังหวัดนครราชสีมาที่สร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 15 เพื่อเป็นเทวสถาน ปราสาทหินแห่งนี้ถือเป็นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย
อ่านต่อ5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย
จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้
อ่านต่อวัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย
วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง
อ่านต่อ8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้
อ่านต่อผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง
อ่านต่อน้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน
อ่านต่อเกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก
อ่านต่อ