- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวในประเทศ
- ลัดเลาะอีสาน 4 วัน 3 คืน…ตื่นตาตื่นใจกับ 10 วัดดัง
ลัดเลาะอีสาน 4 วัน 3 คืน…ตื่นตาตื่นใจกับ 10 วัดดัง
- อ่าน (5,619)
- ByWebmaster
- 19:38:42 | 15 ธ.ค. 2563
ลัดเลาะอีสาน 4 วัน 3 คืน…ตื่นตาตื่นใจกับ 10 วัดดัง
มีวันหยุดติดกัน 3 – 4 วัน หลายๆ คนมักจะนึกถึงที่เที่ยวต่างจังหวัด เวลาที่นึกถึงภาคใต้ก็จะนึกถึงทะเล ส่วนภาคเหนือก็จะนึกถึงภูเขา แต่พออยากลองเปลี่ยนไปเที่ยวทางอีสานดูบ้างก็นึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวไม่ออก แม้ภาคอีสานจะไม่ได้โดดเด่นด้วยทะเลหรือภูเขา แต่ภูมิภาคนี้ก็เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนาน ดังที่ถูกขนานนามว่าเป็น “แหล่งเรียนรู้ อู่อารยธรรม” ซึ่งสิ่งต่างๆ ได้ถูกถ่ายทอดผ่านวิถีชีวิตและวัดวาอารามที่สวยงามโดดเด่น
ในบทความนี้ Palanla จึงจะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวใน 4 จังหวัดของภาคอีสานตอนกลาง โดยพาตะลอนเที่ยวไปในระยะเวลา 4 วัน 3 คืน ไล่ตั้งแต่ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด แล้วโฉบกลับมาเก็บตกที่มหาสารคามอีกนิดก่อนจะมุ่งกลับกรุงเทพฯ มั่นใจได้เลยว่าในระยะเวลาเท่านี้ก็สามารถเก็บที่เที่ยวเด่นๆ สุดประทับใจของสี่จังหวัดได้เกือบครบ รวมถึงวัดสวยๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ 10 วัดดังของภาคอีสานซึ่งรวมอยู่ในเส้นทางท่องเที่ยวนี้ของเราแล้วเช่นกัน พร้อมแล้วก็ไปกันเลย!
แผนที่ประเทศไทย แสดงตำแหน่งของจังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดกาฬสินธุ์ และจังหวัดร้อยเอ็ด
แผนที่แสดงตำแหน่งของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้ง 4 วันในจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด
(โดย วันที่ 1 เส้นสีแดง วันที่ 2 เส้นสีเหลือง วันที่ 3 เส้นสีส้ม วันที่ 4 เส้นสีเขียว)
--- วันที่ 1 ---
(ขอนแก่น : ศาลหลักเมืองขอนแก่น, พระมหาธาตุแก่นนคร, บึงแก่นนคร, ตลาดต้นตาล)
ศาลหลักเมืองขอนแก่น
วันแรกที่จังหวัดขอนแก่น เราขอชวนมาเริ่มต้นกันที่สักการะไหว้ศาลหลักเมืองขอนแก่นเพื่อความเป็นสิริมงคล ศาลหลักเมืองขอนแก่น (Khon Kaen City Pillar Shrine) ศาลหลักเมืองที่สร้างโดยรวมเอาวัฒนธรรมจีนและไทยเข้าไว้ด้วยกัน โดยคนจีนเรียกว่า "ศาลหลักเมืองกง" ส่วนคนไทยเรียกว่า "ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง" ศาลหลักเมืองขอนแก่นอันงามสง่านี้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนขอนแก่น รวมถึงนักท่องเที่ยวที่มักจะมาสักการะเมื่อมีโอกาสแวะเวียนมาที่จังหวัดขอนแก่น
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
พิกัด GPS : 16°25'51.9"N 102°49'42.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศาลหลักเมืองขอนแก่น ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=281
พระมหาธาตุแก่นนคร
ห่างจากศาลหลักเมืองเพียง 3 กิโลเมตรกว่าๆ ที่ใจกลางเมืองขอนแก่นก็เป็นวัดหนองแวง ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระมหาธาตุแก่นนครที่ชาวขอนแก่นให้ความเคารพศรัทธา และแขกไปใครมาจะต้องแวะมาชม และพระมหาธาตุแก่นนครแห่งนี้เองคือวัดแห่งแรกซึ่งอยู่ในลิสต์ 10 วัดดังของภาคอีสานที่เราได้ปักหมุดไว้ในทริปนี้ พระมหาธาตุแก่นนคร (Pra Mahathat Kaen Nakhon) หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่าพระธาตุวัดหนองแวง นอกจากจะเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวขอนแก่นแล้วยังเป็นสถานที่ที่มีสถาปัตยกรรมงดงามด้วยพระธาตุ 9 ชั้นที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง โดยบนยอดเจดีย์สามารถมองเห็นวิวของบึงแก่นนครและเมืองขอนแก่นได้อย่างชัดเจน
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
พิกัด GPS : 16°24'29.3"N 102°50'03.2"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พระมหาธาตุแก่นนคร ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=248
บึงแก่นนคร
ชมวิวของบึงแก่นนครและเมืองขอนแก่นจากชั้นบนสุดของพระมหาธาตุแก่นนครในช่วงกลางวันแล้ว มาต่อกันที่ชมพระอาทิตย์ตกสวยๆ ที่บึงแก่นนครและชมเงาสะท้อนของพระมหาธาตุฯ ที่บึงแก่นนครในยามเย็นกัน บึงแก่นนคร (Kaen Nakhon Lake) บึงขนาดใหญ่มีลักษณะเป็นรูปวงรี ครอบคลุมเนื้อที่ 603 ไร่ใจกลางเมืองขอนแก่นที่มีอายุเก่าแก่พอๆ กับการตั้งเมืองขอนแก่นในราวปีพ.ศ. 2340 เป็นทั้งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายประจำวันของชาวขอนแก่นที่บรรยากาศคึกคักและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา รวมทั้งเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองหมอแคนแห่งนี้ด้วย
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 21.00 น.
พิกัด GPS : 16°25'01.0"N 102°50'27.8"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ บึงแก่นนคร ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=246
ตลาดต้นตาล
เมื่อมาเที่ยวขอนแก่นแล้วตอนเย็นๆ ต้องการหาสถานที่เดินเล่นชิลๆ ดูสินค้า หาของอร่อยๆ รับประทานก็ต้องมาที่นี่ตลาดต้นตาล ตลาดต้นตาล (Ton Tan Market) เป็นตลาดกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งไม่เพียงแต่มีขนาดที่ใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งรวมความคิดสร้างสรรค์และกิจกรรมยามเย็นสำหรับทุกคน เพราะคอนเซ็ปต์ของตลาดต้นตาลคือ “กีฬาดัง ฟังเพลง บรรเลงสเต็ป เสพงานศิลป์ กินอร่อย ปล่อยของ มองสวนสวย รวยความคิด ติดมิตรภาพ”
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 16.00 -23.00 น.
พิกัด GPS : 16°25'00.5"N 102°49'08.4"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ตลาดต้นตาล ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=280
--- วันที่ 2 ---
(กาฬสินธุ์ : พระธาตุยาคู, วัดพุทธนิมิตรภูค่าว, พิพิธภัณฑ์สิรินธร, สะพานเทพสุดา, ตลาดโรงสี)
สะดืออีสาน
วันที่ 2 จากจังหวัดขอนแก่นเราจะมุ่งหน้าไปยังจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยแวะเก็บสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญบางส่วนของจังหวัดสารคามซึ่งเป็นเส้นทางผ่าน โดยจากจังหวัดขอนแก่น โดยใช้ถนนมิตรภาพที่ตัดเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 208 เพียงไม่ถึง 40 กิโลเมตร ก็นำเรามาถึงจุดกึ่งกลางของภาคอีสานหรือ “สะดืออีสาน” ที่อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม สะดืออีสาน (Sa Due Isan) สะดืออีสาน หรือบึงกุย เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ครอบคลุมเนื้อที่กว่า 2,700 ไร่ ในหลายตำบลของอำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม สถานที่ที่ถูกเรียกตามตำแหน่งของจุดที่มีความเชื่อกันว่า เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสาน โดยได้ยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องภูมิศาสตร์ว่าบริเวณนี้เป็นศูนย์กลางหรือสะดืออีสานอย่างแท้จริง
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
พิกัด GPS : 16°13'40.8"N 103°04'28.0"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สะดืออีสาน ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=290
วัดป่าวังน้ำเย็น
ไม่ไกลกันนักจากสะดืออีสาน เพียงประมาณ 30 กิโลเมตร คือที่ตั้งของวัดป่าวังน้ำเย็น วัดดังแห่งที่ 2 ในทริปนี้ของเรา วัดป่าวังน้ำเย็น (Wat Pa Wang Nam Yen) เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมงดงามและมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะศาลาปฏิบัติธรรมไม้สักทองใหญ่ที่สุดในประเทศไทย วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ที่ ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม สร้างขึ้นโดย พระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ พระภิกษุผู้เป็นที่เคารพรักของชาวอีสาน
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.
พิกัด GPS : 16°12'10.1"N 103°15'44.8"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดป่าวังน้ำเย็น ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=289
พระธาตุยาคู
จากวัดป่าวังน้ำเย็น อ.เมือง จ.มหาสารคามเดินทางเข้าสู่จังหวัดกาฬสินธุ์ เราจะพาไปแวะกันต่อที่พระธาตุยาคู ตำบลกมลาไสย อำเภอฆ้องชัย วัดสำคัญแห่งที่ 3 ในทริปนี้ ซึ่งเป็นพระธาตุที่บรรจุอัฐิของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ชาวเมืองกาฬสินธุ์ให้ความเคารพศรัทธา พระธาตุยาคู (Phra That Ya Khu) เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองฟ้าแดดสงยาง เมืองขอมโบราณ ในอดีตเมื่อครั้งที่เมืองเชียงโสมชนะสงคราม ได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองฟ้าแดด แต่ไม่ได้ทำลายพระธาตุยาคู พระธาตุแห่งนี้จึงเป็นโบราณสถานที่ถือว่ายังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์แม้ปัจจุบันจะเหลือแต่ซากอิฐปูนดิน ชาวบ้านเชื่อกันว่าพระธาตุยาคู เป็นพระธาตุที่บรรจุอัฐิของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ชาวเมืองเคารพนับถือ
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 16.30 น.
พิกัด GPS : 16°19'09.0"N 103°31'13.0"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พระธาตุยาคู ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=283
พิพิธภัณฑ์สิรินธร
สถานที่ถัดไปที่ใครมาเที่ยวจังหวัดกาฬสินธุ์ก็จะต้องไม่พลาดคือ พิพิธภัณฑ์สิรินธร อำเภอสหัสขันธุ์ โดยพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์นี้จะอยู่ห่างจากพระธาตุยาคูราวๆ 70 กิโลเมตร แม้จะอยู่คนละอำเภอแต่ก็ถือว่าไม่ได้ไกลกันเลยสำหรับการขับรถเที่ยวในต่างจังหวัดที่ถนนวิ่งได้โล่งๆ ยาวๆ พิพิธภัณฑ์สิรินธร (Sirindhorn Museum) เป็นศูนย์วิจัยเกี่ยวกับไดโนเสาร์และพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แห่งแรกของประเทศไทย ที่อนุรักษ์เก็บรวบรวมตัวอย่างซากไดโนเสาร์ รวมถึงสัตว์ชนิดต่างๆ ในสมัยนั้นและจัดแสดงไว้ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยเดินทางมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แห่งนี้กว่าสองแสนถึงสามแสนคน เรียกว่าใครมาเที่ยวกาฬสินธุ์ก็ต้องมาที่นี่ พร้อมความประทับใจกลับไปอย่างแน่นอน
เวลาเปิด - ปิด : เปิดวันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 09.30 น. - 16.30 น. ปิดทุกวันจันทร์
พิกัด GPS : 16°41'35.7"N 103°31'27.3"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์สิรินธร ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=284
วัดพุทธนิมิตภูค่าว
สถานที่ต่อไปที่เราไม่อยากให้พลาดเลยเมื่อมาถึงแถบนี้แล้วก็คือวัดพุทธนิมิตภู่ค่าว วัดสำคัญแห่งที่ 4 ของเราซึ่งอยู่ห่างจากพิพิธภัณฑ์สิรินธรเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น วัดพุทธนิมิตรภู่ค่าว (Wat Phuttha Nimit Phu Khao) เป็นวัดที่มีบรรยากาศสงบร่มรื่น มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยเจดีย์หินทราย และพระพุทธไสยาสน์ภูค่าวแกะสลักบนแผ่นผาผายุนับพันปีอันเป็นที่เคารพสักการะของชาวกาฬสินธุ์ รวมถึงอุโบสถไม้ที่วิจิตรงดงามซึ่งก่อสร้างจากไม้ขนาดใหญ่ที่นำขึ้นมาจากใต้เขื่อนลำปาว และหอพระเครื่องที่มีพระเครื่องประดิษฐานอยู่เป็นจำนวนหลายแสนองค์ หนึ่งในวัดที่ใครมากาฬสินธุ์ก็ต้องห้ามพลาด
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 16.30 น.
พิกัด GPS : 16°43'35.0"N 103°34'08.8"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดพุทธนิมิตภู่ค่าว ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=285
สะพานเทพสุดา
แดดล่มลมตกขับรถจากวัดพุทธนิมิตภู่ค่าวมาตามเส้นทางหลวงหมายเลข 227 เพียงราวๆ 15 นาทีก็จะพบกับสะพานเทพสุดา อีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยงามของเขื่อนลำปาว สะพานเทพสุดา (Thepsuda Bridge) เป็นสะพานข้ามน้ำจืดที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ด้วยความยาวถึง 2,040 เมตร ทอดข้ามแม่น้ำของเขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ สะพานแห่งนี้มีบรรยากาศสวยงาม เหมาะสำหรับการแวะชมวิวและพักผ่อนหย่อนใจ โดยจากบนสะพานเทพสุดายังสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามบริเวณพื้นที่อ่างเก็บน้ำลำปาวได้อย่างชัดเจน ถือเป็นอีกจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปหรือนั่งชมวิวกันเพลินๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
พิกัด GPS : 16°42'52.4"N 103°27'53.8"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สะพานเทพสุดา ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=287
ตลาดโรงสี
ปิดท้ายค่ำคืนในกาฬสินธุ์กันที่ตลาดโรงสี ตลาดกลางคืนสุดชิคใจกลางเมือง แหล่งของกินอร่อยๆ ที่เหมาะสำหรับช่วงเวลาเพลินๆ และผ่อนคลายในตอนกลางคืน ตลาดโรงสี (The Ricemill Market) เป็นสถานที่ที่ถูกรีโนเวทจากโรงสีเก่าที่มีอายุมากว่า 50 ปีมาเป็น ตลาดโรงสี ไลฟ์สไตล์มอลล์ ที่เต็มไปด้วยร้านค้าหลากหลาย ร้านอาหารอร่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ที่ตกแต่งออกมาอย่างมีรสนิยม และเหมือนได้ย้อนอดีตกลับไปอีกครั้ง ตลาดแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในตัวเมืองกาฬสินธุ์ที่ห้ามพลาด
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 23.00 น.
พิกัด GPS : 16°26'43.8"N 103°31'20.4"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ตลาดโรงสี ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=282
--- วันที่ 3 ---
วัดวังคำ
วันที่ 3 ของทริปนี้เป็นวันที่เราจะเดินทางไปกันต่อจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเส้นทางจากจังหวัดกาฬสินธุ์ไปยังร้อยเอ็ดเรายังสามารถที่จะเก็บอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ด้วย นั่นก็คือวัดวังคำ วัดดังแห่งที่ 5 ของเรา ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของตำบลสงเปลือย อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ วัดวังคำ (Wat Wang Kham) เป็นวัดที่มีความงดงามวิจิตร โดยแรกเริ่มสร้างเพียงกุฏิเล็ก และศาลาเล็กๆ หลังคามุงหญ้าคาเท่านั้น แต่ด้วยแรงศรัทธาจากญาติโยมจึงทำให้มีการขยับขยายพื้นที่ พร้อมทั้งมีสิ่งก่อสร้างสำคัญต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโบสถ์หลังงดงามที่จำลองสถาปัตยกรรมมาจาก วัดเชียงทอง ประเทศลาว วัดแห่งนี้ถูกยกให้เป็นอันซีนแห่งใหม่ในกาฬสินธุ์ ที่แม้แต่คนกาฬสินธุ์จำนวนไม่น้อยก็ยังไม่เคยมาก่อนทราบว่ามีวัดที่สวยงามแห่งนี้อยู่ด้วย
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30 - 16.30 น.
พิกัด GPS : 16°39'00.4"N 104°09'24.9"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดวังคำ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=286
พระมหาเจดีย์ศรีชัยมงคล
ถัดจากวัดวังคำมุ่งหน้าสู่เมืองกาฬสินธุ์มาประมาณ 58.6 กิโลเมตร ผ่านอำเภอหนองพอกก็จะเป็นวัดพระมหาเจดีย์ศรีชัยมงคล วัดดังลำดับที่ 6 ในทริปนี้ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่เราตั้งแต่แรกเห็น พระมหาเจดีย์ศรีชัยมงคล (Phra Maha Chedi Sri Chai Mongkol) มหาเจดีย์ขนาดใหญ่สีขาว ตกแต่งลวดลายตระการตาด้วยสีทองเหลืองอร่าม สร้างอยู่บนเนื้อที่ 101 ไร่ ภายในวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วราราม ตำบลผาน้ำย้อย อ.หนองพอก รูปแบบของพระมหาเจดีย์ที่งดงามแห่งนี้เกิดจากการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างศิลปกรรมของพระปฐมเจดีย์ และพระธาตุพนม หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดร้อยเอ็ดที่มีความงดงามราวกับดินแดนสรรค์ ท่ามกลางธรรมชาติของภูเขาเขียว
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 06.00 - 18.00 น.
พิกัด GPS : 16°19'56.8"N 104°19'05.3"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พระมหาเจดีย์ศรีชัยมงคล ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=295
เจดีย์มหามงคลบัว
ขับรถจากพระมหาเจดีย์ศรีชัยมงคลมุ่งสู่ตัวเมืองกาฬสินธุ์โดยใช้เวลาเพียงประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึง เจดีย์มหามงคลบัว อ. หนองพอก วัดสำคัญแห่งที่ 7 เจดีย์มหามงคลบัว (Chedi Maha Mongkol Bua) พระเจดีย์สีทองอร่ามองค์ใหญ่สวยงามมองเห็นจากริมถนนทางหลวง สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ของพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ หลวงตามหาบัวญาณ สัมปันโน พระเจดีย์ที่มีความสวยงามอันเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวร้อยเอ็ดและประชาชนนับถือศรัทธาในหลวงตามหาบัวแห่งนี้ ยังเป็นเจดีย์เดียวที่ได้รับอนุญาตจากหลวงตามหาบัว ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ โดยท่านได้มาดูการถมที่ วางศิลาฤกษ์ และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุด้วยตัวท่านเอง
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 06.00 - 18.00 น.
พิกัด GPS : 16°19'56.8"N 104°19'05.3"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เจดีย์มหามงคลบัว ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=292
วัดบูรพาภิราม
จากอำเภอหนองพอกมุ่งสู่อำเภอเมือง ด้วยระยะทางเพียงประมาณ 8.5 กิโลเมตรก็นำเรามาอยู่ที่วัดน่าชมลำดับที่ 8 ที่เราภูมิใจนำเสนอในทริปอีสานทริปนี้ นั่นก็คือวัดบูรพาภิรามซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองร้อยเอ็ดและไม่ไกลนักจากบึงพลาญชัย วัดบูรพาภิราม (Wat Buraphaphiram) พระอารามหลวงชั้นตรี ที่มีพระพุทธรูปปางประทานพรที่สูงที่สุดในประเทศไทย หรือหลวงพ่อใหญ่ประทับยืนเด่นเป็นสง่า สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล หนึ่งในวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวร้อยเอ็ด โดยหลวงพ่อใหญ่องค์นี้ยังเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัด ตามคำขวัญของเมืองร้อยเอ็ดว่า "สิบเอ็ดประตูงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมสาเกตุ บุญผะเหวดประเพณี มหาเจดีย์ไชยมงคลงามน่ายลบึงพระลานชัย เขตกว้างไกลทุ่งกุลา โลกลือชาข้าวหอมมะลิ" อีกด้วย
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 16.30 น.
พิกัด GPS : 16°03'42.7"N 103°39'29.9"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดบูรพาภิราม ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=296
บึงพลาญชัย
ช่วงเวลาเย็นๆ หากต้องการเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจในเมืองร้อยเอ็ด แน่นอนว่าสถานที่ที่หลายๆ คนมักจะนึกถึงแน่นอนหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของบึงพลาญชัยอยู่ด้วย บึงพลาญชัย (Palanchai Lake) บึงขนาดใหญ่ใจกลางเมืองร้อยเอ็ด ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด อยู่ห่างจากวัดบูรพาภิรามที่มีหลวงพ่อใหญ่ประทับยืนอยู่เพียงไม่ถึง 2 กิโลเมตร บริเวณรอบๆ บึงพลาญชัยตกแต่งเป็นสวนร่มรื่น สวยงาม เป็นทั้งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และยังใช้เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลของจังหวัด ซึ่งล่าสุดบึงพลาญชัยยังมีแลนด์มาร์กอันโดดเด่นแห่งใหม่คือหอโหวด หอสูงมีรูปทรงเป็นเครื่องดนตรีท้องถิ่นอีสานที่ใครๆ ก็จะต้องไปถ่ายภาพ และเช็กอินเมื่อมาเที่ยวร้อยเอ็ด
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 04.00 – 22.00 น.
พิกัด GPS : 16°03'29.3"N 103°39'03.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ บึงพลาญชัย ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=293
--- วันที่ 4 ---
วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง)
วันสุดท้ายของทริปก่อนที่จะกลับกรุงเทพฯ หากเราใช้เส้นทางผ่านจังหวัดมหาสารคามเพื่อมุ่งสู่ถนนมิตรภาพ จังหวัดนครราราชสีมา เราก็ยังสามารถแวะเที่ยววัดสวยๆ ที่มีชื่อของจังหวัดร้อยเอ็ดอย่างวัดประชาคมวนาราม หรือวัดป่ากุง ซึ่งเป็นวัดดังแห่งที่ 9 ในลิสต์ของเราได้ด้วยอีกแห่งหนึ่ง วัดประชาคมวนาราม หรือวัดป่ากุง (Wat Prachakom Wanaram (Wat Phakoong) ตั้งอยู่ที่ อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 20 กิโลเมตรเศษๆ เท่านั้น วัดแห่งนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นคือเจดีย์หินทรายที่เลียนแบบมาจากเจดีย์โบโรบูโด (บรมพุทโธ) เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เจดีย์หินทรายวัดป่ากุงใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 12 ปีจึงเสร็จสมบูรณ์ ถือเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ทำจากหินทรายธรรมชาติแห่งแรกในประเทศไทย
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 06.00 - 19.00 น.
พิกัด GPS : 15°59'31.6"N 103°29'44.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดประชาคมวนาราม ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=297
พระธาตุนาดูน
มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวแห่งสุดท้าย ซึ่งเป็นวังดังของภาคอีสานแห่งที่ 10 ในทริปนี้ของเราก่อนที่จะวิ่งยาวๆ สู่กรุงเทพแล้ว นั่นก็คือ พระธาตุนาดูน ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม โดยจากวัดป่ากุง จังหวัดร้อยเอ็ดมามีระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถเพียงไม่ถึงชั่วก็ถึง เหตุผลที่เราไม่ได้บรรจุพระธาตุนาดูนไว้ในวันแรกๆ ของทริปที่เราเดินทางจากขอนแก่นไปกาฬสินธุ์แล้วแวะเที่ยวมหาสารคามเนื่องจากเส้นทางส่วนนั้นจะอยู่ทางด้านบนๆ ของมหาสารคาม ส่วนพระธาตุนาดูนนี้จะอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับที่เราจะเดินทางกลับเข้ากรุงเทพอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้ต้องขับรถในเส้นทางที่ย้อนไปมาพระธาตุนาดูนจึงได้ทำหน้าที่ปิดท้ายทริปอีสานทริปนี้ของเราอย่างลงตัว
พระธาตุนาดูน (Phra That Na Dun) หรือ “พุทธมณฑลแห่งอีสาน” พระธาตุองค์สีขาวงดงาม หนึ่งในพระธาตุที่มีความสำคัญและมีชื่อเสียงที่สุดของทางภาคอีสานซึ่งจำลองแบบมาจากศิลปะสมัยทวารวดีที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี บริเวณรอบๆ พระธาตุมีศูนย์พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมจำปาศรีที่เก็บรักษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับอานาจักรจัมปาศรี สวนรุกขชาติและสวนสมุนไพรที่มีบรรยากาศร่มรื่นสวยงาม
เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 20.00 น.
พิกัด GPS : 15°42'10.7"N 103°13'29.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พระธาตุนาดูน ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=263
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ จังหวัดมุกดาหาร ประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ (Phu Pha Toep National Park) หรือ อุทยานแห่งชาติมุกดาหาร เป็นหนึ่งในอุทยานที่มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดในประเทศไทย โดยอุทยานแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหินรูปทรงประหลาดและถ้ำที่มีจิตรกรรมวาดด้วยมือ
อ่านต่อภูห้วยอีสัน จังหวัดหนองคาย ประเทศไทย
ภูห้วยอีสัน (Phu Huai Isan) เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกแห่งใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว ด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลหมอกลอยละล่องเหนือสายน้ำโขง และขุนเขาสลับซับซ้อน ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาจังหวัดหนองคาย
อ่านต่ออุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ ประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม (Pa Hin Ngam National Park) จังหวัดชัยภูมิ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีสภาพป่าสมบูรณ์และมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง โดยเฉพาะทุ่งดอกกระเจียวที่จะออกดอกสีชมพูอมม่วงบานสะพรั่งไปทั่วผืนป่าในช่วงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี
อ่านต่อปราสาทพนมวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย
ปราสาทพนมวัน (Prasat Phanom Wan) อีกหนึ่งปราสาทหินเก่าแก่ในจังหวัดนครราชสีมาที่สร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 15 เพื่อเป็นเทวสถาน ปราสาทหินแห่งนี้ถือเป็นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย
อ่านต่อ5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย
จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้
อ่านต่อวัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย
วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง
อ่านต่อ8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้
อ่านต่อผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง
อ่านต่อน้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน
อ่านต่อเกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก
อ่านต่อ