- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวในประเทศ
- ถ้ำเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
ถ้ำเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย

- อ่าน (5,852)
- ByWebmaster
- 17:29:00 | 30 มี.ค. 2561
ถ้ำเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
Chiang Dao Caves, Chiang Mai Province, Thailand
ถ้ำเชียงดาว เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ ภาคเหนือของประเทศไทย
โดยถ้ำเชียงดาวเป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยอันงดงามตระการตา ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของดอยหลวงเชียงดาว ยอดดอยที่สูงเป็นลำดับสามของประเทศไทย และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติกับป่าไม้ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย
นอกจากนี้ ถ้ำเชียงดาวยังเป็นสถานที่เก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมาเกี่ยวพันกับเมืองเชียงใหม่ เมืองทางตอนเหนือของประเทศไทยมาอีกนับพันปี และเป็นศาสนสถานโบราณที่ได้รับความนับถือศรัทธาอย่างมากจากชาวเมืองเชียงใหม่
วัดหน้าถ้ำเชียงดาว และดอยหลวงเชียงดาวอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง
ถ้ำเชียงดาวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเงาไม้และภูเขาใหญ่
หลักฐานแห่งความศรัทธาภายในถ้ำเชียงดาว
ทางเดินในถ้ำที่ท่ามกลางหินงอกหินย้อย หนึ่งในจุด UNSEEN แห่งถ้ำเชียงดาว
หินงอกหินย้อย --- มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติภายในถ้ำเชียงดาว
ประกายแสงของหินงอกหินย้อยที่สะท้อนกับไฟที่จัดวางอย่างสวยงาม
ตำนานและประวัติของถ้ำเชียงดาว
ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าถ้ำเชียงดาวถูกค้นพบในสมัยใดกันแน่ แต่ถ้ำเชียงดาวก็ถือว่าเป็นหนึ่งในโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับความเคารพจากชาวเชียงใหม่อีกแห่งหนึ่ง โดยมีตำนานเล่าขานกันว่าในอดีต เจ้าหลวงคำแดง บุตรชายของเจ้านครพะเยาได้เคยเสด็จมายังบริเวณนี้และได้พบรักกับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอเล่าว่าเธอถูกสาปให้อยู่แต่ในถ้ำนี้ ถ้าหากออกไปจะกลายร่างเป็นกวางดาว เจ้าหลวงคำแดงจึงตกลงใจอยู่ที่ถ้ำนี้และคำว่าเชียงดาวของถ้ำ ก็เชื่อกันว่ามาจากกวางดาวนี้เอง
หินงอกหินย้อยภายในถ้ำอันเต็มไปด้วยตำนานและคำเล่าขาน
ซึ่งจากความศักดิ์สิทธิ์นี้เอง ทำให้ในสมัยหนึ่งถ้ำเชียงดาวได้เคยเป็นสถานปฏิบัติธรรมของคณะสงฆ์ ก่อนจะมีการสร้างวัดเชียงดาวขึ้นใกล้ๆถ้ำเชียงดาว และมีการบูรณะต่อเติมขึ้นมาเรื่อยจนกลายเป็นวัดที่ประชาชนนิยมมาทำบุญด้วยศรัทธาในปัจจุบัน
นอกจากจะเป็นศาสนสถานโบราณแล้ว ถ้ำเชียงดาวยังถือเป็นอีก 1 แลนด์มาร์คสำคัญในฐานะฐานของดอยหลวงเชียงดาว ดอยที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทยอีกด้วย
วัดถ้ำเชียงดาวที่อยู่ด้านหน้าของถ้ำและดอยหลวงเชียงดาว
วิหารครูบาศรีวิชัย พระอาจารย์ชื่อดังของชาวล้านนาที่ได้รับความนับถือ
การเดินทางไปถ้ำเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
ถ้ำเชียงดาว ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทย และเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทั้งในด้านของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจึงสามารถเดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ได้หลายวิธี คือ
เชียงใหม่อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยประมาณ 696 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางต่อไปยังเชียงใหม่ จึงสามารถทำได้หลายวิธี อาทิ
- เครื่องบิน นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการเที่ยวบินได้ทั้งจาก ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มาลงที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางใต้ 4 กิโลเมตร โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 1.30 – 2 ชั่วโมงเท่านั้น ถือเป็นการเดินทางที่สะดวกสบายและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสายการบินที่ให้บริการ รวมถึงตารางเวลาเพิ่มเติมได้ที่ http://chiangmaiairportthai.com/
- รถโดยสารประจำทาง บริการขนส่งสาธารณะที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ที่เดินทางไป จ.เชียงใหม่ เนื่องมาจากจำนวนรอบต่อวันที่ค่อนข้างมาก รวมถึงเที่ยวเวลาและผู้ให้บริการที่มีให้เลือกหลากหลาย โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกขึ้นรถได้ที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) (หรือสถานีหมอชิต) และลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงใหม่ แห่งที่ 3 ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 9 – 12 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวที่ต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางเพิ่มเติม สามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1490, 0-2872-1777 หรือเว็บไซต์ http://www.busticket.in.th และเว็บไซต์ http://www.thairoute.com
- รถไฟ เป็นอีกบริการขนส่งสาธารณะสำหรับเดินทางไปเชียงใหม่ ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนยาวในระหว่างการเดินทาง เนื่องจากใช้เวลาในการเดินทางยาวประมาณ 11 – 13 ชั่วโมง โดยนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบรายละเอียดเวลา, ราคา ตลอดจนสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ http://www.railway.co.th/ หรือหมายเลขโทรศัพท์ 1690
- รถยนต์ / รถรับจ้าง เป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเช่นกัน เนื่องจากเป็นการเดินทางที่สะดวกสบาย และนักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกแวะพักหรือท่องเที่ยวจังหวัดระหว่างทางซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้กันได้อีกด้วย
หลังจากนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงเมืองเชียงใหม่แล้ว สามารถเดินทางต่อไปยังถ้ำเชียงดาว อำเภอเชียงดาว ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศเหนือประมาณ 75 กิโลเมตร โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกวิธีการเดินทางได้คือ
- รถยนต์ นักท่องเที่ยวสามารถขับรถไปตามเส้นทางเชียงใหม่ – เชียงดาว (หรือทางถนน ชม3024) เป็นระยะทาง 75 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง - 1ชั่วโมง 30 นาที โดยบริเวณหน้าถ้ำเชียงดาว จะมีวัดถ้ำเชียงดาว และมีบริการลานจอดรถด้านหน้าสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมไว้คอยบริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ลานจอดรถของวัดถ้ำเชียงดาวที่อยู่ด้านหน้าถ้ำ
- รถโดยสารประจำทาง นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปขึ้นรถโดยสารประจำทางระหว่างเมืองเชียงใหม่ – บ้านท่าตอน หรือ เมืองเชียงใหม่ – ฝาง ที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงใหม่ แห่งที่ 2 โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที และเลือกลงที่จุดลงรถ สถานีเชียงดาว จากนั้นเดินทางต่อโดยรถรับจ้างภายในตัวอำเภอหรือเช่ารถจักรยานยนตร์ซึ่งมีร้านให้บริการในบริเวณนั้น เดินทางต่อไปยังถ้ำเชียงดาวซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกเพียง 5.6 กิโลเมตร (สามารถตรวจสอบรอบเวลาการเดินรถได้ที่ http://www.yanyonnakornchiangmai.com/index.php?p=timetable)
- รถแท็กซี่เมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีให้บริการทั้งจาก แท็กซี่ของตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถดูรายละเอียดและอัตราค่าบริการกรณีเหมาจ่ายได้ที่ http://www.taxichiangmai.com/ หรืออาจเลือกใช้บริการแท็กซี่อย่าง Grabcar ซึ่งเมืองเชียงใหม่มีบริการระบบเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน Grab โดยสามารถตรวจสอบอัตราค่าโดยสารแต่ละครั้งได้บนหน้าจอก่อนที่จะกดเรียกรถไปยังสถานที่ต่างๆ โดยนักท่องเที่ยวสามารถดาวน์โหลดแอป Grab ได้ที่ http://grb.to/2F9a2bx
เวลาในการเปิด-ปิดทำการ
ถ้ำเชียงดาวเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมภายในถ้ำได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7.00 น. – 17.00 น.
ป้ายบอกเวลาเปิด-ปิดบริการของถ้ำเชียงดาว
อัตราค่าเข้าชม
ชาวไทยเสียค่าธรรมเนียมในการเข้าชมถ้ำเชียงดาว 20 บาท/คน และชาวต่างชาติในราคา 40 บาท/คน
จุดจำหน่ายบัตรเข้าชมถ้ำเชียงดาวหน้าทางเข้าถ้ำ
การเที่ยวชมถ้ำเชียงดาว
หลังจากที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาตามป้ายบอกทาง นักท่องเที่ยวจะได้พบกับลานจอดรถของวัดถ้ำเชียงดาว ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของตัวถ้ำ ซึ่งนักท่องเที่ยวใช้บริการจอดรถได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ จากนั้นสามารถเดินไปตามทางเดินที่ร่มรื่นผ่านสิ่งปลูกสร้างของวัด อาทิ อุโบสถต่างๆ เพื่อไปยังถ้ำเชียงดาวที่อยู่ด้านใน
ป้ายบอกไปถ้ำเชียงดาวของวัด
โดยถ้ำเชียงดาวเป็นถ้ำที่มีความยาวเท่าที่สำรวจได้นับเป็นหลายร้อยเมตร เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่นักบวชในสมัยโบราณมาถือศีลหรือใช้ชีวิต และภายหลังยังมีการอัญเชิญองค์พระมาไว้ในถ้ำเพื่อบูชา ทำให้ถ้ำแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นทั้งความภาคภูมิใจและศูนย์รวมศรัทธาของชาวเมืองเชียงใหม่
แผนที่บอกบริเวณและรายละเอียดเกี่ยวกับถ้ำเชียงดาว
บันไดเดินขึ้นสู่ปากทางเข้าถ้ำเชียงดาวพร้อมบันทึกความภูมิใจของสถานที่
ซึ่งหลังจากนักท่องเที่ยวเข้าสู่ปากถ้ำ และเดินไปตามทางเดินที่มีไฟส่องสว่างแล้ว นักท่องเที่ยวจะถือว่าเดินเข้าสู่บริเวณ ถ้ำพระนอน ซึ่งเป็นถ้ำแห่งเดียวที่ติดตั้งไฟฟ้าไว้
ป้ายบอกชื่อถ้ำ ซึ่งเป็นถ้ำแห่งเดียวที่ได้รับการเดินไฟฟ้าส่องทางแล้ว
ก้าวผ่านทางเข้าถ้ำม้าไปไม่กี่ก้าว ก็ต้องเริ่มก้มตัวเพื่อเดินทางไปต่อ
ทางเดินของถ้ำพระนอน
บริเวณของถ้ำพระนอนที่ลงไปเป็นแอ่งและถูกปรับเป็นจุดพักสำหรับการท่องเที่ยว
อีกด้านของถ้ำพระนอน มีทางเดินเชื่อมกับถ้ำอื่นๆ
นอกจากถ้ำพระนอนแล้ว ถ้ำเชียงดาวยังมีอีก 2 ถ้ำที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม คือ ถ้ำม้าและถ้ำลับแล ซึ่งเป็นถ้ำมืด ที่ไม่ได้ติดตั้งไฟฟ้าเอาไว้ และมีความสลับซับซ้อนกว่าถ้ำพระนอนมาก นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าไปชมเส้นทางดังกล่าว ต้องใช้บริการไกค์ท้องถิ่นที่เชี่ยวชาญเส้นทางเท่านั้น โดยอัตราค่าบริการไกค์นำทางและค่าตะเกียงคือ 100 บาท/รอบ (เดินทางได้ครั้งละประมาณ 3-4 คน เพื่อความสะดวกในการดูแล)
ป้ายเตือนก่อนเข้าไปในบริเวณถ้ำม้าและถ้ำลับแล
ตะเกียงเจ้าพายุและไกค์ท้องถิ่นซึ่งเชี่ยวชาญเส้นทาง
ค้างคาวภายในถ้ำเชียงดาวซึ่งมีปริมาณมากมหาศาล
หินงอกหินย้อยภายในถ้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในถ้ำส่วนมืด ซึ่งอาศัยแสงตะเกียงช่วยในการเก็บภาพ
นอกจากหินงอกหินย้อนแล้ว บางช่วงยังมีน้ำผุดหรือน้ำหยดลงมาอีกด้วย
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่เลือกเที่ยวเส้นทางถ้ำมืด จะใช้เวลาประมาณ 45 – 60 นาที ในการเดินชมหินงอกหินย้อยตามจุดต่างๆ ก่อนจะวนกลับมาออกที่ทางเดิม หรือก็คือบริเวณถ้ำพระนอนนั่นเอง ซึ่งจากจุดนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกที่จะไปชมถ้ำพระนอนด้านในซึ่งติดตั้งแสงไฟไว้ตามจุดต่างๆแล้วต่อไปได้
ทางเดินเข้าสู่ด้านในของถ้ำพระนอน
บางช่วงของทางเดินถ้ำพระนอนที่เป็นพื้นทรายรายล้อมด้วยหินงอกหินย้อยของถ้ำ
องค์พระในส่วนของถ้ำพระนอน
แสงไฟที่ช่วยขับเน้นประกายความสวยงามของหินงอกหินย้อยภายในถ้ำเชียงดาว
และนอกจากความสวยงามของหินงอกหินย้อนแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเดินออกมาชมสระมรกต ซึ่งเกิดจากแหล่งน้ำภายในตัวเขาและภายในถ้ำที่ไหลออกมารวมกันโอบล้อมด้านหน้าของถ้ำเอาไว้ หรือชื่นชมสถาปัตยกรรมตามคติของพุทธศาสนาของวัดถ้ำเชียงดาว ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะพม่าและล้านนา กลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันในบริเวณถ้ำเชียงดาว
สระมรกตหน้าถ้ำเชียงดาว ที่หากมาในฤดูร้อนน้ำจะใสแจ๋มเหมือนกระจก
อุโบสถของวัดถ้ำเชียงดาวซึ่งมีการผสมผสานระหว่างศิลปะพม่ากับความเชื่อสัตว์ประดับแบบล้านนา
ฤดูกาลต่างๆกับการเที่ยวถ้ำเชียงดาว
แม้ถ้ำเชียงดาวจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกวันตลอดปี แต่เนื่องจากถ้ำเชียงดาว ตั้งอยู่บริเวณด้านล่างของดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาสูง จึงทำให้บริเวณนี้มีสภาพอากาศแปรปรวนอยู่บ่อยครั้ง นักท่องเที่ยวจึงควร ตรวจสอบพยากรณ์อากาศล่วงหน้าก่อนไปเที่ยวถ้ำเชียงดาวเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่ภูมิอากาศไม่เป็นใจ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อการเที่ยวชมได้
ทั้งนี้ ฤดูกาลที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดคือช่วงฤดูร้อน (เดือนมีนาคม – เดือนมิถุนายน) ซึ่งเนื่องจากถ้ำเชียงดาวตั้งอยู่ใกล้กับป่าและภูเขา อากาศจึงค่อนข้างเย็นกว่าในตัวเมือง (อุณหภูมิเฉลี่ยน 32 – 34 องศาเซลเซียส) อีกทั้งยังเป็นช่วงที่กลางวันยาวนาน มีแสงแดดมาก ทำให้ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศรอบๆถ้ำได้อย่างจุใจอีกด้วย
บรรยากาศเดือนกันยายนที่ถ้ำเชียงดาว ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงหลังถ่ายรูปจะมีฝนเทลงมา
นักท่องเที่ยวควรใช้เวลาในการเที่ยวชมถ้ำและเก็บบรรยากาศรอบๆถ้ำประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง และตรวจสอบสภาพอากาศล่วงหน้าได้ที่ www.accuweather.com
ข้อมูลทั่วไปที่ควรรู้ในการเที่ยวถ้ำเชียงดาว จ.เชียงใหม่
ถ้ำเชียงดาวเป็นถ้ำที่ภายในมีความสลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก และ หลายส่วนของถ้ำยังไม่ได้รับการสำรวจ นักท่องเที่ยวจึงควรปฎิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ไม่เดินออกนอกเส้นทางที่แนะนำ หรือไม่เข้าถ้ำมืดโดยไม่มีมัคคุเทศก์นำทางเด็ดขาด เนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้
ป้ายเตือนการเดินเที่ยวชมภายในถ้ำเชียงดาวที่จะมีให้เห็นเป็นระยะ
และสำหรับการเดินชมถ้ำเชียงดาวในส่วนที่ยังไม่ติดตั้งไฟฟ้านั้น หลายช่วงต้องอาศัยการมุด หรือลอดผ่านระหว่างช่องหินแคบๆ นักท่องเที่ยวจึงควรสวมใส่เสื้อผ้าที่กระชับและมีความยืดหยุ่น รวมถึงสวมใส่รองเท้าที่เหมาะกับการเดินลุยบนพื้นขรุขระรวมถึงแอ่งน้ำตื้นๆในบางแห่ง (สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีปัญหาในการก้มหรือการบาดเจ็บที่เท้าหรือหัวเข่า แนะนำให้หลีกเลี่ยงการชมเส้นทางนี้)
ทางเดินบางช่วงภายในถ้ำเชียงดาวที่อาจต้องผ่านแหล่งน้ำผุด
ทั้งนี้ เนื่องจากด้านหน้าของบริเวณถ้ำเชียงดาวยังเป็นที่ตั้งของวัดถ้ำเชียงดาว ซึ่งมีงานก่อสร้างสวยงามหลายแห่ง อาทิ พระอุโบสถ หรือ ฯลฯ นักท่องเที่ยวที่ชมถ้ำเชียงดาวเสร็จแล้ว สามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศภายในวัด รวมไปถึงธรรมชาติรอบๆที่เป็นส่วนหนึ่งของดอยหลวงเชียงดาวได้
บรรยากาศร่มรื่นในบริเวณวัด หน้าถ้ำเชียงดาว
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยว ถ้ำเชียงดาว สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
ถ้ำเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
(Chiang Dao Caves, Chiang Mai Province, Thailand)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม
เวลาเปิด – ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7.00 น. – 17.00 น.
ฤดูกาลต่างๆในการท่องเที่ยว : ฤดูหนาว (เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์) เป็นฤดูกาลที่ได้รับความนิยมที่สุดจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ระวังพายุฝนฟ้าคะนองและสภาพอากาศแปรปรวนกะทันหันในฤดูฝน
ระวังอากาศที่ค่อนข้างร้อนในเดือนเมษายน – เดือนมิถุนายน
ตั้งอยู่ที่ : อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
โทรศัพท์ : (+66)53-248604
เว็บไซต์ : http://www.onep.go.th/thailandnaturalsites/resourcedetail.php?geo_code=CM1&resourcetypecode=5
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) https://thai.tourismthailand.org/
สำนักงานการท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ http://www.cm-mots.com/
Facebook Fanpage การท่องเที่ยวเชียงใหม่ https://www.facebook.com/tatchiangmai/
บริการขนส่ง (รถทัวร์ประจำทาง) http://www.busticket.in.th , http://www.thairoute.com
บริการรถเมลล์เชียงใหม่ http://www.cityupdate.in.th/chiangmai/?p=23
ท่าอากาศยานนานาชาติ จ.เชียงใหม่ http://www.airportthai.co.th/chiangmai/th
รถโดยสารสาธารณะระหว่างอำเภอใน จ.เชียงใหม่ http://www.yanyonnakornchiangmai.com/
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

๑๒ วัดสวยในภาคเหนือ พุทธศิลป์แห่งอาณาจักรล้านนา
ภาคเหนือ เป็นหนึ่งในภูมิภาคของประเทศไทย ที่มีวิถีชีวิตของชาวพื้นเมือง และขนบธรรมเนียมประเพณีที่เรียบง่าย มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ และมีชื่อเสียงอยู่มากมาย รวมไปถึงมีผลงานพุทธศิลป์แบบล้านนาสุดแสนจะวิจิตร ที่สะท้อนออกมาในรูปแบบของสถาปัตยกรรมและประติมากรรมในวัดวาอารามต่าง ๆ เป็นเอกลักษณ์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะมากราบสักการะ พร้อมชื่นชมผลงานศิลปะล้านนาที่อ่อนช้อย และทรงคุณค่า วันนี้ Palanla จึงจะขอชวนออกเดินทางไปเที่ยวชม และรับสิริมงคลกับ 12 วัดสวยในภาคเหนือกันค่ะ
อ่านต่อ
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ (Doi Inthanon National Park) สถานที่ท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงประจำจังหวัดเชียงใหม่ อุทยานที่สวยงาม และแวดล้อมไปด้วยทิวเขาสูงสลับซับซ้อน น้ำตก ถ้ำ ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนในทุกๆปี
อ่านต่อ
อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า (Phu Chi Fa National Park) ผืนป่าบนยอดดอยที่มีจุดชมทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ที่มีความสวยงามติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย
อ่านต่อ
วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน ประเทศไทย
วัดจามเทวี (Wat Chamdhevi) วัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำพูน ภายในวัดมีเจดีย์บรรจุอัฐิของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย วัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์โบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทยด้วย
อ่านต่อ
กู่ช้าง กู่ม้า จังหวัดลำพูน ประเทศไทย
กู่ช้าง กู่ม้า (Khu Chang – Khu Ma) เป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดลำพูน โดยเชื่อว่ากู่ช้าง เป็นสุสานช้างศึกคู่บารมีของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย ส่วนกู่ม้า เป็นสุสานม้าทรงของพระโอรสในพระนางจามเทวี
อ่านต่อ
พระสถูปเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชราชานุสรณ์ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
พระสถูปเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชราชานุสรณ์ (King Naresuan Stupa) เป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นในรูปแบบของสถูปเจดีย์พร้อมกับพระบรมรูปเพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และรำลึกเหตุการณ์ครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเคยเสด็จมาประทับแรมที่เมืองงายแห่งนี้ก่อนกรีฑาทัพต่อไปยังเมืองอังวะของพม่าเมื่อปี พ.ศ. 2147 โดยสร้างขึ้นในบริเวณที่เคยเป็นเส้นทางเดินทัพเมื่อในอดีต นักท่องเที่ยวและชาวเมืองเชียงใหม่นิยมมาสักการะและขอพร นอกจากนี้ ภายในบริเวณยังมีส่วนนิทรรศการค่ายหลวงจำลองที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชซึ่งกรมศิลปากรจัดสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เที่ยวชมและเรียนรู้ประวัติศาสตร์อีกด้วย
อ่านต่อ
น้ำตกแม่สา จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
น้ำตกแม่สา (Mae Sa Waterfall) เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยมในอำเภอแม่ริม น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 10 ชั้น สามารถเดินขึ้นไปชมความงดงามในแต่ละชั้นได้ตามทางเดินที่ทางอุทยานจัดทำไว้ให้ และหากใครสนใจเล่นน้ำคลายร้อนก็สามารถลงเล่นน้ำได้เช่นกัน โดยชั้นที่เป็นที่นิยมคือชั้นที่ 3-6 เพราะค่อนข้างปลอดภัยและสามารถเล่นได้ทั้งครอบครัว นอกจากนี้ภายในบริเวณยังมีร้านค้า ร้านอาหาร และห้องน้ำให้บริการอีกด้วย
อ่านต่อ
อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง จังหวัดพะเยา ประเทศไทย
อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง (Pho Khun Ngam Muang Monument) เป็นอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้ากว๊านพะเยา สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพ่อขุนงำเมือง กษัตริย์ลำดับที่ 9 แห่งเมืองภูกามยาวหรือพะเยาในปัจจุบัน โดยในสมัยที่พ่อขุนงำเมืองปกครองอาณาจักรพะเยานั้นทำให้พะเยาเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นอาณาจักรใหญ่ 1 ใน 3 อาณาจักรของชนเผ่าไทยในแถบนี้ ได้แก่ อาณาจักรล้านนา อาณาจักรสุโขทัย และอาณาจักรพะเยา นั่นเอง เมื่อพะเยาได้รับการยกฐานะให้เป็นจังหวัดที่ 72 ในปีพ.ศ.2520 ชาวพะเยาจึงร่วมใจกันสร้างอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมืองขึ้น บริเวณสวนสาธารณะริมกว๊านพะเยา และกลายเป็นศูนย์รวมใจของชาวพะเยานับแต่นั้นเป็นต้นมา
อ่านต่อ
วัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา ประเทศไทย
วัดศรีโคมคำ (Wat Si Khom Kham) เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองพะเยามาอย่างช้านาน ไฮไลท์ของวัดแห่งนี้คือองค์พระพุทธรูปที่มีนามว่าพระเจ้าตนหลวง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนองค์ใหญ่ที่สุดในล้านนา มีขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตร สูง 16 เมตร พระพุทธรูปพระเจ้าตนหลวงนอกจากจะเป็นเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองพะเยาแล้ว ยังเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของอาณาจักรล้านนาอีกด้วย โดยทุกวันวิสาขบูชาของทุกปี จะมีการจัดงานประเพณีนมัสการพระเจ้าตนหลวงเดือนแปดเป็งขึ้นที่วัดศรีโคมคำแห่งนี้ นอกจากนี้ภายในวัดยังมีผลงานจิตรกรรมฝาผนังอันวิจิตรงดงามจากฝีมือของศิลปินแห่งชาติอย่างท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ให้เที่ยวชมอีกด้วย
อ่านต่อ
วัดพระธาตุจอมทอง จังหวัดพะเยา ประเทศไทย
วัดพระธาตุจอมทอง (Wat Phra That Chom Thong) เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองพะเยาที่ตั้งอยู่บนดอยจอมทอง และเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุจอมทองซึ่งเป็นเจดีย์สีทองอร่ามองค์ใหญ่ที่สร้างด้วยศิลปะล้านนาอย่างงดงาม ภายในบรรจุเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ที่นี่จึงเป็นปูชนียสถานที่ชาวพะเยาเคารพศรัทธากันมาอย่างช้านาน นอกจากนี้ จากบริเวณด้านบนดอยยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สามารถมองเห็นป่าไม้และกว๊านพะเยาได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
อ่านต่อ