- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- อาคารอะโตเมียม เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
อาคารอะโตเมียม เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
- อ่าน (6,682)
- By Webmaster
- 09:58:51 | 18 ธ.ค. 2562
อาคารอะโตเมียม เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
Atomium Building, Brussels, Belgium
ลานด้านหน้าอาคารอะโตเมียม
อาคารอะโตเมียม (Atomium Building) แลนด์มาร์กสำคัญประจำเมืองบรัสเซลส์ ที่แสดงถึงความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของเมืองได้เป็นอย่างดี นับเป็นสถาปัตยกรรมสำหรับงานเวิลด์เอ็กโป (World Expo) ที่ประสบความสำเร็จที่สุดหลังหนึ่งของโลก ปัจจุบันอาคารแห่งนี้เป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือนเมืองบรัสเซลส์
อาคารอะโตเมียม เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
ประวัติ
สถาปัตยกรรมของอาคารอะโตเมียมเมื่อมองขึ้นไปจากข้างใต้
อาคารอะโตเมียม (Atomium Building) หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายประเทศดูเหมือนจะตื่นรู้ว่าปัจจัยที่จะทำให้ประเทศของตนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของโลกได้อย่างแท้จริงไม่ได้มีเพียงความรุนแรง หรือคลังอาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำสมัย แต่ยังมีเรื่องของนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่จะกลายมาเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการเป็นประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันอยู่ในระดับแนวหน้าของเวทีโลก และจะมีโอกาสไหนดีงามไปกว่างานเวิลด์เอ็กซ์โป (World Expo) งานนิทรรศการระดับโลกที่จัดขึ้นมาเพื่อเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนทางด้านประวัติศาสตร์ นวัตกรรม วัฒนธรรม ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก เป็นมหกรรมของมวลมนุษยชาติที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากโอลิมปิก (Olympic Games) และฟุตบอลโลก (FIFA World Cup) โดยงานเวิลด์เอ็กซ์โปจะจัดขึ้นทุกๆ 5 ปี ผ่านประเทศเจ้าภาพที่เปลี่ยนไปทุกครั้ง จนกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศตัวเองในระดับสากล และเป็นเหตุให้หลายประเทศแย่งกันเป็นเจ้าภาพในการจัดงานแต่ละครั้ง ซึ่งงานเวิลด์เอ็กซ์โปครั้งที่ 17 ในปี ค.ศ. 1958 ถือเป็นจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญที่สุดของเวิลด์เอ็กซ์โป เพราะเป็นการจัดงานครั้งแรกหลังความร้อนระอุของไฟสงครามจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ลุกลามไปทั่วโลกเริ่มจะดับลง และเป็นการจัดงานที่เกิดจากการจดทะเบียนภายใต้องค์การนิทรรศการนานาชาติ (Bureau of International Expositions) องค์การระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นจากการทำอนุสัญญาว่าด้วยการจัดแสดงนิทรรศการนานาชาติซึ่งมีประเทศเข้าร่วมเป็นสมาชิกถึง 170 ประเทศ ทำให้งานครั้งนี้เป็นเหมือนสัญญาณว่ามนุษยชาติพร้อมจะกลับมาหันหน้าเข้าหากันเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยสันติวิธีอีกครั้ง และประเทศผู้โชคดีที่ได้รับบทเป็นเจ้าภาพก็คือเบลเยียมนั่นเอง
โมเดลจำลองอาคารอะโตเมียมขนาดย่อส่วน
แน่นอนว่างานถูกจัดขึ้นที่เมืองหลวงของประเทศอย่างบรัสเซลส์ โดยเป็นเหมือนธรรมเนียมที่ทุกครั้งที่มีการจัดงานระดับสากล ประเทศเจ้าภาพจะต้องสร้างสรรค์ผลงานอะไรบางอย่างที่ใช้เป็นหน้าตาสำคัญสำหรับการแสดงถึงศักยภาพของประเทศตัวเอง ให้แขกจากหลากประเทศที่มาร่วมงานได้ประจักษ์ และเป็นเหตุผลให้เกิดการสร้าง อาคารอะโตเมียม ขึ้นมา เพราะหลังจากได้รับการยืนยันว่าจะได้เป็นเจ้าภาพงานเวิลด์เอ็กซ์โปครั้งที่ 17 ทางการก็ได้เริ่มโปรเจกต์การสร้างแลนด์มาร์กที่จะใช้ในงาน โดยตอนนั้นแวดวงวิทยาศาสตร์โลกกำลังเริ่มต้นเข้าสู่ยุคเฟื่องฟูสุดขีด มีการค้นพบทฤษฎีใหม่ๆ ที่จะช่วยพลิกโฉมนวัตกรรมด้านต่างๆ ของโลกกันแทบทุกวัน และหนึ่งในแขนงที่มาแรงสุดๆ คือการศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างการเรียงตัวของอะตอมที่อยู่ในสรรพสิ่งต่างๆ จึงทำให้มีการนำการเรียงตัวของอะตอมแบบเก้าอะตอมที่เกิดจากการตกผลึกของโมเลกุลที่อยู่ในธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นโครงสร้างการเรียงตัวของอะตอมที่มีความสมมาตร และงดงามราวกับงานศิลป์ชั้นเลิศของโลกวิทยาศาสตร์ มาเป็นต้นแบบในการก่อสร้างอาคารอะโตเมียม โดยเป็นการขยายจากสัดส่วนจริงของโครงสร้างอะตอมถึง 165 พันล้านเท่า ซึ่งแปลนของอาคารได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกสองคนพี่น้อง อันเดร (Andre) กับ จีนส์ โพเลก (Jean Polak) โดยพวกเขาได้สร้างแบบแปลนสถาปัตยกรรมที่ดูล้ำสมัย และแปลกตาสุดๆ ในยุคนั้น มาให้วิศวกรนาม อันเดร วอเตอร์กยน (Andre Waterkeyn) ได้รังสรรค์ผลงานในฝันของชาวเบลเยียมชิ้นนี้ให้เป็นความจริง โดยใช้เวลาไปทั้งหมด 18 เดือน อาคารอะโตเมียม ก็พร้อมสำหรับงานเอ็กซ์โปครั้งที่ 17 หรือที่รู้จักกันในชื่องาน บรัสเซลส์ เวิลด์ แฟร์ (Brussels World Fair)
ภาพการก่อสร้างอาคาร
บันไดที่ใช้เชื่อมไปยังจุดต่างๆ ของอาคาร
โดยโครงสร้างแรกเริ่มของอาคารประกอบด้วยวัตถุทรงกลมทำจากอลูมิเนียมจำนวน 9 ลูก แต่ละลูกจะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 18 เมตร และเชื่อมต่อกันด้วยหลอดทรงกระบอกทำจากเหล็กมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร ที่ติดตั้งลิฟต์กับบันไดเลื่อนเพื่อใช้สัญจรไปยังจุดต่างๆ ของอาคาร โดยความยาวสูงสุดของบันไดเลื่อนในหลอดทรงกระบอกคือ 35 เมตร หลอดกลางสุดของอาคารจะมีการติดตั้งลิฟต์ที่มีความเร็วถึง 5เมตร ต่อ วินาที บรรจุคนได้ 22 คนในหนึ่งรอบการใช้งาน น้ำหนักรวมทั้งหมดของอาคารอยู่ที่ 2,400 ตัน จุดที่สูงที่สุดของอาคารคือ 102 เมตร พื้นที่จัดงานหลักจะอยู่ในลูกกลมด้านบนสุด แม้ตอนแรกจะมีลูกกลมถึง 3 ลูกที่ไม่สามารถใช้งานอะไรได้ มีหน้าที่เพียงช่วยลดแรงลม และรักษาสมดุลของตัวอาคารไม่ให้มีการพลิกคว่ำ แต่ก็ยังถือว่าเป็นผลงานทางสถาปัตยกรรมที่ประสบความสำเร็จที่สุดครั้งหนึ่งของงานเวิลด์เอ็กโป (World Expo) และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศมากมาย
บรรยากาศยามเย็นที่มีการเปิดไฟประดับอาคารในส่วนของลูกกลมทั้ง 9 ลูก
ทำให้จากอาคารที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นแลนด์มาร์กชั่วคราว ก็ได้กลายเป็นสถาปัตยกรรมที่แสดงถึงความพร้อมอย่างก้าวกระโดดในโลกที่กำลังจะแข่งขันกันด้วยความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยการบูรณะครั้งใหญ่ของอาคารเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 2004 ซึ่งมีการเปลี่ยนวัสดุของลูกกลมจากอลูมิเนียมเป็นสแตนเลสสตีลชั้นดี มีการติดตั้งไฟ LED 2,970 ดวง ทั่ววงกลมทั้ง 9 ลูก เกิดเป็นลูกเล่นของแสงสียามกลางคืนที่สวยงาม และสร้างเอกลักษณ์ให้อาคารมีความโดดเด่นมากขึ้นไปอีก โดยวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2006 อาคารอะโตเมียมก็ได้ทำการเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง โดยมีทั้งนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับงานเวิลด์เอ็กโป (World Expo) ที่ประเทศได้เป็นเจ้าภาพ, ส่วนนำเสนอข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร, สถานที่จัดแสดงนิทรรศการชั่วคราว ที่จะมีงานน่าสนใจหมุดเวียนมาจัดแสดงตลอดปี, สถานที่จัดงานอีเว้นท์ต่างๆ, จุดชมวิวทัศนียภาพของเมืองบรัสเซลส์แบบพาโนราม่า, ร้านอาหารประจำอาคาร, สถานที่จัดเวิร์กช็อปน่าสนใจให้เยาวชนอายุ 6-12 ปีได้เข้ามาร่วมทำ, ห้องทำการที่ใช้ดูแลความเรียบร้อยของระบบการทำงานต่างๆ ภายในอาคาร ฯลฯ ผ่านการจัดสรรพื้นที่ของลูกกลมทั้ง 9 ลูกของอาคารอย่างลงตัว และทั้งหมดนี้เอง เป็นเหตุผลให้แม้จะผ่านมานานกว่า 60 ปี นับตั้งแต่อาคารถูกสร้างขึ้นมา แต่มันก็ยังคงเป็นแลนด์มาร์กยอดนิยมของนักท่องเที่ยว และสถาปัตยกรรมที่มีความล้ำสมัยมาโดยตลอด
ทัศนียภาพของเมืองจำลองมินิ ยุโรปเมื่อมองจากจุดชมวิวบนอาคารอะโตเมียม
แสงสีดูล้ำสมัยของบันไดเลื่อนที่ใช้สัญจรไปยังจุดต่างๆ ของอาคาร
รูปภาพเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ของอาคารอะโตเมียม
บอร์ดนิทรรศการน่าสนใจภายในอาคาร
บอร์ดนิทรรศการน่าสนใจภายในอาคาร
ภาพบรรยากาศที่เกิดขึ้นในงานเวิลด์เอ็กโป
ลานน้ำพุที่อยู่บริเวณรอบนอกของอาคารอะโตเมียม
ทัศนียภาพของเมืองบรัสเซลส์เมื่อมองจากจุดชมวิวบนอาคาร
ภาพโคลสอัพของตัวอาคาร
สถาปัตยกรรมของอาคารเมื่อมองมาจากระยะไกล
การเดินทางจากสนามบินบรัสเซลส์ซาเวนเทมไปยังสถานีรถไฟกลางเมืองบรัสเซลส์
- รถยนต์ จากสนามบินไปยังสถานีรถไฟกลางของเมืองบรัสเซลส์ (Brussels Centraal) ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 32 นาที
- รถบัส จากอาคารผู้โดยสารขาเข้าให้เดินไปขึ้นรถบัสที่สถานีรถบัสประจำสนามบิน โดยขึ้นรถบัสหมายเลข 12 ตรงไปยังสถานีรถไฟกลางเมืองบรัสเซลส์ (Brussels Centraal) ได้เลย ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 34 นาที สามารถตรวจสอบตารางเวลาการเดินรถ ราคา และข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.delijn.be/nl/routeplanner/index.html
- รถไฟ จากอาคารผู้โดยสารขาเข้าให้ลงไปขึ้นรถไฟ Airport City Express ที่ชั้นใต้ดินของอาคารเพื่อไปลงที่สถานีรถไฟกลางเมืองบรัสเซลส์ (Brussels Station) ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที สามารถตรวจสอบตารางเวลาการเดินรถ ราคา และข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.belgiantrain.be/en
การเดินทางจากสถานีรถไฟกลางเมืองบรัสเซลส์ไปยังอาคารอะโตเมียม
- รถยนต์ จากสถานีรถไฟกลางเมืองบรัสเซลส์ไปยังอาคารอะโตเมียม ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 17 นาที
- รถไฟ จาก Brussels Station ให้ขึ้นรถไฟสาย1 หรือ สาย5 เพื่อไปลงที่สถานี Beekkant Station แล้วต่อรถไฟสาย 6 ไปลงที่สถานี Heizel Station และเดินต่อไปอีกเล็กน้อยก็จะถึง อาคารอะโตเมียม รวมระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 33 นาที
เวลาเปิด-ปิดทำการ
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10:00 น. – 18:00 น.
ทิวทัศน์ของพื้นที่โดยรอบอาคารเมื่อมองมาจากจุดชมวิวบนอาคาร
อัตราค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ (18-65 ปี) ราคา 15 ยูโร / ผู้สูงอายุ (66+ปี) ราคา 13 ยูโร / นักเรียน-นักศึกษา 8 ยูโร
เคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรเข้าชมและจุดขึ้นไปยังพื้นที่ด้านบนของอาคาร
เวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว
ตลอดทั้งปี
โครงสร้างของอาคารเมื่อมองมาจากบริเวณลานจอดรถ
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยว อาคารอะโตเมียม สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
อาคารอะโตเมียม เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
(Atomium Building, Brussels , Belgium)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (18-65 ปี) ราคา 15 ยูโร / ผู้สูงอายุ (66+ปี) ราคา 13 ยูโร / นักเรียน-นักศึกษา 8 ยูโร
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10:00 น. – 18:00 น.
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : เมืองบรัสเซลส์, ประเทศเบลเยียม
โทรศัพท์ : (+32) 2-475-47-75
เว็บไซต์ : https://www.atomium.be/Home/Index
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : เว็บไซต์สำนักงานการท่องเที่ยวประเทศเบลเยียม http://walloniabelgiumtourism.co.uk/
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสำนักงานเมืองบรัสเซลส์ https://www.brussels.be/
เว็บไซต์สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองบรัสเซลส์ https://be.brussels/bruxelles
เว็บไซต์สำหรับตรวจสอบสภาพอากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์การเดินทางขนส่งมวลชนของเมืองบรัสเซลส์ http://www.stib-mivb.be/index.htm?l=fr
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อรวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ