สวนสาธารณะจูบิลี่ เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม

  • อ่าน (4,007)
  • By Webmaster
  • 16:19:24 | 17 ธ.ค. 2562

สวนสาธารณะจูบิลี่ เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม

Jubilee Park, Brussels, Belgium


ลานกว้างด้านหน้าประตูชัย

             สวนสาธารณะจูบิลี่ (Jubilee Park) พื้นที่สีเขียวขนาด 74 เอเคอร์แห่งนี้ คือสวนสาธารณะที่แวดล้อมไปด้วยพิพิธภัณฑ์ อนุสรณ์สถาน สถาปัตยกรรม อันโดดเด่นในเมืองบรัสเซลส์ มีลานกิจกรรมที่ใช้สำหรับจัดงานเทศกาลสำคัญของเมือง นับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว ที่เหมาะต่อการมาเดินเล่นชมสถานที่น่าสนใจ ท่ามกลางบรรยากาศชวนสบายใจของสวนสาธารณะ


สวนจูบิลี่ เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม


ประวัติ


สถาปัตยกรรมของประตูชัยเมืองมองจากระยะไกล

             สวนสวนสาธารณะจูบิลี่ (Jubilee Park) ประวัติศาสตร์ของสวนจูบิลี่เริ่มขึ้นในปี 1852 จากความต้องการสร้างพื้นที่ออกกำลังกายสำหรับกองทหารรักษาการณ์ ทางการเมืองบรัสเซลส์จึงได้เลือกพื้นที่ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นที่ตั้งของสวนจูบิลี่ เป็นจุดหลักในการสร้าง โดยช่วงปี 1852 – 1856 ได้มีการปรับระดับพื้นดิน ติดตั้งท่อระบายน้ำทิ้ง การปลูกพันธุ์กล้าไม้หลายชนิดตลอดทั่วพื้นที่ โดยหลังจากเบลเยียมได้รับอิสระในการปกครองเมืองของตัวเองจากเหตุการณ์ปฎิวัติเบลเยียมในปี 1830 พระมหากษัตริย์เลออปอลที่ 2 (King Leopold 2) ก็ได้สั่งให้สร้างสวนสาธารณะจูบิลี่แห่งนี้ขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี การประกาศอิสรภาพของประเทศเบลเยียม และใช้เป็นสถานที่จัดงานเวิลด์เอ็กซ์โปปี 1888 กับ ปี 1897


ซุ้มประตูทั้ง 3 ช่องของประตูชัย

           โดยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นที่สุดของสวนคงหนีไม่พ้น ประตูชัย (Parc du Cinquantenaire) ที่ดูแลการสร้างโดยสถาปนิกโจเซฟ บอร์โดซ์ (Joseph Bordian) ซึ่งตอนแรกนั้นประตูชัยมีเพียงอาคารสองหลังที่เป็นเหมือนปีกสมมาตรซึ่งคั่นด้วยเสากลมคู่ที่มีซุ้มประตูเดี่ยวอยู่ตรงกลาง ก่อนที่จะต้องใช้เวลาอีกกว่า 25 ปี ประตูชัยฉบับสมบูรณ์แบบที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันจะเสร็จเรียบร้อย ซึ่งประตูชัยแห่งนี้คือตัวแทนของการคะคานอำนาจระหว่างพระมหากษัตริย์กับรัฐบาล โดยหลังจากเสร็จไม่ทันวันครบรอบ 50 ปี ที่ประเทศได้อิสรภาพ พระมหากษัตริย์เลออปอลที่ 2 ก็ต้องการให้เสร็จภายในวาระครบรอบ 75 ปี แต่รัฐบาลรู้สึกไม่สบายใจที่จะต้องใช้เงินทุนของประเทศจำนวนมหาศาลหมดไปกับการสร้างประตูชัย และกว่าปัญหาคาราคาซังนี้จะได้รับการแก้ไข ด้วยการที่พระมหากษัตริย์เลออปอลที่ 2ได้ออกเงินส่วนพระองค์ รวมกับเงินคงคลังในทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาใช้เป็นทุนเพื่อให้โครงการนี้ดำเนินการก่อสร้างต่อไปได้ สถาปนิกโจเซฟ บอร์โดซ์ ก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว งานนี้จึงไปตกอยู่ที่ สถาปนิกชาวฝรั่งเศส ชาร์ลส์หลุยส์ (Charles Girault) ที่เปลี่ยนการออกแบบจากซุ้มประตูเดี่ยว มาเป็นประตูชัยที่แบ่งออกเป็นสามส่วนที่มีสัดส่วนเท่ากันทั้งหมด โดยใช้เวลาในการสร้าง 8 เดือน กับคนงานทั้งหมด 450 คนที่ทำงานกันทั้งวันทั้งคืน ประตูชัยเวอร์ชั่นล่าสุดก็ได้รับการเปิดใช้งานในวันที่ 24 กันยายน 1905 ปีวาระครบรอบ 75 ปีการได้รับอิสรภาพของประเทศเบลเยียมพอดี เป็นประตูชัยทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนที่ล้อมด้วยปีกอาคารทรงสี่เหลี่ยมสำริด ความยาวรวม 30 เมตร สูง 45 เมตร ด้านบนของซุ้มประตูตรงกลางจะติดตั้งประติมากรรมรถม้าลากที่มีคนยืนถือธงประจำชาติ ทำจากทองสำริดอย่างดี และประติมากรรมที่เป็นตัวแทนของจังหวัดต่างๆ บริเวณเชิงโค้งของประตูชัย ส่วนปีกอาคารสองข้างจะแบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็นพิพิธภัณฑ์ 3 แห่ง


ประติมากรรมรถม้าลากพร้อมผู้โบกธงประจำชาติที่ติดตั้งอยู่ด้านบนสุดของประตูชัย

 
ประติมากรรมที่ใช้เป็นตัวแทนจังหวัดต่างๆ ในประเทศเบลเยียม

           โดยห้องโถงฝั่งเหนือสุดจะเป็นพิพิธภัณฑ์กองทัพและประวัติศาสตร์การทหาร (Royal Museum of the Armed Forces and Military History) พิพิธภัณฑ์ที่เกิดจากงานแสดงประวัติศาสตร์ทางทหารในงานเวิลด์ เอ็กซ์โป ปี 1910 ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมอย่างสูง จึงมีการสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ถาวรที่วัดคาทอลิกซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากสวนมากนัก ก่อนที่จะถูกย้ายมาไว้ตรงห้องโถงของประตูชัยในปี 1923 ไฮไลท์ของที่นี่คือส่วนจัดแสดงวัตถุทางการทหารกว่า 900 ชิ้น ทั้งชุดเครื่องแบบทางทหาร ยานพาหนะ อุปกรณ์ที่เคยถูกนำไปใช้ในการทำสงครามจริง มีหอการบิน (Aviation Hall) ซึ่งมีคอลเลกชั่นเครื่องบินทางการทหาร และพลเรือนย้อนหลังไปจนถึงต้นศตวรรษที่ 20

           มาที่ทิศใต้ของประตูชัยจะเป็นพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์ศิลปะและประวัติศาสตร์ (Royal Museum of Art and History) ที่มีการจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์จากยุคดึกดำบรรพ์, โบราณวัตถุจากทวีปเอเชีย, คอลเลกชั่นศิลปะการตกแต่งในยุโรปตั้งแต่ยุคกลางถึงศตวรรษที่ 20 และบริเวณใกล้เคียงยังมีพิพิธภัณฑ์รถโบราณ (Autoworld) ซึ่งมีรถยนต์แบรนด์ยุโรปและอเมริกากว่า 250 คันที่ผลิตขึ้นมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงปี 1990 มาที่ด้านหัวมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสวนสาธารณะจะมีมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงบรัสเซลส์ซึ่งนอกจากเป็นพื้นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของผู้นับถืออิสลามในเมืองบรัสเซลส์แล้ว ยังใช้เป็นที่ทำการของศูนย์วัฒนธรรมแห่งเบลเยียมและศูนย์วิจัยอิสลามที่คอยให้ความช่วยเหลือชาวมุสลิมที่อพยพมาอาศัยอยู่ในเมืองบรัสเซลส์อีกด้วย และด้านหน้าของประตูชัยจะมีน้ำพุที่มีรูปแบบการปล่อยสายน้ำอย่างสวยงาม ทั้งลานกว้างของที่นี่ยังถูกใช้เป็นพื้นที่จัดงานอีเว้นท์สำคัญของเมืองหลายงาน


ทางเดินในสวนสาธารณะที่ขนาบด้วยต้นไม้สูงใหญ่


ม้านั่งในสวนสาธารณะ

           โดยส่วนพื้นที่สีเขียวของสวนสาธารณะก็ดีงามไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ภายในสวน เพราะแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ หลากสายพันธุ์ ผ่านการออกแบบภูมิสถาปัตย์สไตล์ฝรั่งเศส (French Formal Garden) ซึ่งเป็นการออกแบบพื้นที่สีเขียวโดยตั้งอยู่บนฐานของความสมมาตร มีพื้นที่นั่งพักผ่อน หย่อนใจ ไว้รองรับนักท่องเที่ยวในทุกช่วงของระยะเดินพอเหนื่อย ท่ามกลางพื้นที่ทั้งหมด 74 เอเคอร์ ที่ชวนสบายใจจากทัศนียภาพสบายตา บรรยากาศที่ร่มรื่น และเปี่ยมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจให้เยี่ยมชมกันตลอดทั้งวัน


รอแบร์ ชูมานรัฐบุรุษผู้มีส่วนสำคัญในการก่อตั้งสหภาพยุโรป


ประติมากรรมน่าสนใจในสวนสาธารณะ

 
ประติมากรรมน่าสนใจในสวนสาธารณะ


ทางรถวิ่งใต้สวนสาธารณะ


สนามหญ้าสีเขียวในสวนสาธารณะ


การเดินทางจากสนามบินบรัสเซลส์ซาเวนเทมไปยังสถานีรถไฟกลางเมืองบรัสเซลส์

             รถยนต์ จากสนามบินไปยังสถานีรถไฟกลางของเมืองบรัสเซลส์ (Brussels Centraal) ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 32 นาที

             - รถบัส จากอาคารผู้โดยสารขาเข้าให้เดินไปขึ้นรถบัสที่สถานีรถบัสประจำสนามบิน โดยขึ้นรถบัสหมายเลข 12 ตรงไปยังสถานีรถไฟกลางเมืองบรัสเซลส์ (Brussels Centraal) ได้เลย ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 34 นาที สามารถตรวจสอบตารางเวลาการเดินรถ ราคา และข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.delijn.be/nl/routeplanner/index.html

             - รถไฟ จากอาคารผู้โดยสารขาเข้าให้ลงไปขึ้นรถไฟ Airport City Express ที่ชั้นใต้ดินของอาคารเพื่อไปลงที่สถานีรถไฟกลางเมืองบรัสเซลส์ (Brussels Station) ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที สามารถตรวจสอบตารางเวลาการเดินรถ ราคา และข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.belgiantrain.be/en


การเดินทางจากสถานีรถไฟกลางเมืองบรัสเซลส์ไปยังสวนจูบิลี่

             - รถยนต์ จากสถานีรถไฟกลางเมืองบรัสเซลส์ไปยังสวนจูบิลี่ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 นาที

             - รถไฟ จากสถานีรถไฟกลางเมืองบรัสเซลส์ ให้ขึ้นรถไฟสาย 1 หรือ สาย 5 ไปลงที่สถานี Schuman Station แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 250 เมตร ก็จะถึงสวนจูบิลี่ รวมระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 นาที


เวลาเปิด-ปิดทำการ


บรรยากาศอันร่มรื่นในสวนสาธารณะ

             สวนสาธารณะจูบิลี่ เปิดตลอดเวลา

             พิพิธภัณฑ์กองทัพและประวัติศาสตร์การทหาร เปิดวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 09:00 น. – 17:00 น. ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.klm-mra.be/D7t/

             พิพิธภัณฑ์ศิลปะและประวัติศาสตร์ วันอังคาร-วันศุกร์ เปิดเวลา 09:30 น. 17:00 น. / วันเสาร์-วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดเวลา 10:00 น. – 17:00 น. (ปิดทุกวันจันทร์และวันที่ 1 ม.ค. / 1 พ.ค. / 1 และ 11 พ.ย. / 25 ธ.ค.) ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.artandhistory.museum/

             พิพิธภัณฑ์รถโบราณ เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 10:00 น. – 18:00 น. ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.autoworld.be/onthaal


อัตราค่าเข้าชม


โซนนั่งพักผ่อนหย่อนใจบริเวณประตูชัย

             สวนสาธารณะจูบิลี่ เข้าชมฟรี

             พิพิธภัณฑ์กองทัพและประวัติศาสตร์การทหาร ผู้ใหญ่ 10 ยูโร (19 ปีขึ้นไป) / นักเรียน-นักศึกษา-ข้าราชการ 8 ยูโร ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.klm-mra.be/D7t/

             พิพิธภัณฑ์ศิลปะและประวัติศาสตร์ ค่าเข้าชมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4 ยูโร – 20 ยูโร ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวต้องการเข้าชม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.artandhistory.museum/

             พิพิธภัณฑ์รถโบราณ ผู้ใหญ่ 12 ยูโร / ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) 10 ยูโร / นักเรียน นักศึกษา และผู้พิการ 9 ยูโร / เด็ก (6-11ปีเข้าชมฟรี) / เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เข้าชมฟรี ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.autoworld.be/onthaal


เวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว

           ตลอดทั้งปี


ทางเดินที่แวดล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียวของสวนสาธารณะ


ต้นไม้เก่าแก่ในสวนสาธารณะ


           นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยว สวนสาธารณะจูบิลี่ สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                       สวนสาธารณะจูบิลี่ เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม

                       (Jubilee Park, Brussels , Belgium)

                       ระดับความนิยม

                       อัตราค่าเข้าชม : สวนสาธารณะจูบิลี่ เข้าชมฟรี ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวภายในสวนจะมีค่าเข้าชมที่แตกต่างกันไป

                       เวลาเปิด-ปิด : สวนสาธารณะจูบิลี่ เปิดให้เข้าชมตลอดเวลา ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวภายในสวนจะมีช่วงเวลาเปิด-ปิดที่แตกต่างกันไป

                       ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี

                       สถานที่ตั้ง : เมืองบรัสเซลส์, ประเทศเบลเยียม

                       โทรศัพท์ : -

                       เว็บไซต์ : -

                       ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : เว็บไซต์สำนักงานการท่องเที่ยวประเทศเบลเยียม http://walloniabelgiumtourism.co.uk/

                                        เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสำนักงานเมืองบรัสเซลส์ https://www.brussels.be/

                                        เว็บไซต์สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองบรัสเซลส์ https://be.brussels/bruxelles

                                        เว็บไซต์สำหรับตรวจสอบสภาพอากาศ https://www.accuweather.com/

                                        เว็บไซต์การเดินทางขนส่งมวลชนของเมืองบรัสเซลส์ http://www.stib-mivb.be/index.htm?l=fr

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์

นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์

อ่านต่อ

รวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์

นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด

อ่านต่อ

หมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม

อ่านต่อ

มหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ

อ่านต่อ

มหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม

อ่านต่อ

ท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ

อ่านต่อ

กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา

อ่านต่อ

หมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์

หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ

อ่านต่อ

หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์

หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้

อ่านต่อ

หมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์

หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ