- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม จังหวัดเนฟเชียร์ ประเทศตุรกี
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม จังหวัดเนฟเชียร์ ประเทศตุรกี
- อ่าน (5,449)
- By Webmaster
- 15:49:17 | 12 พ.ย. 2562
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม จังหวัดเนฟเชียร์ ประเทศตุรกี
Goreme Open Air Musem, Nevsehir, Turkey
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Goreme Open Air Museum) เป็นสถานที่ทางจิตวิญญาณอันเกิดจากการสลักหิน ที่ที่นักท่องเที่ยวจะได้เข้าใจถึงอิทธิพลของศาสนาในสมัยโบราณ และเรียนรู้เรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของบรรพบุรุษชาวคัปปาโดเชียน (Cappadocian) ได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นบริเวณที่สามารถนั่งดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์โดยรอบอันงดงาม
ประวัติ
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม ตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคแคปพาโดเชีย โดยอยู่ห่างจากเมือง Goreme เพียง 1.6 กิโลเมตร พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งนี้เกิดขึ้นจากการขุดเจาะถ้ำหินหลายลูกเพื่อทำเป็นโบสถ์สำหรับเป็นศูนย์รวมของผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ในอดีต ปัจจุบันมีบทบาทเป็นพิพิธภัณฑ์แบบเปิดที่แสดงเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของบรรพบุรุษชาวคัปปาโดเชียน (Cappadocian) ได้ดีที่สุด พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในเขตอุทยานแห่งชาติเกอเรเมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1985 ในอดีตเป็นถิ่นฐานที่ตั้งของผู้คนตั้งแต่ก่อนคริสตกาล และยังเป็นสถานที่ซึ่งชาวคริสเตียนยุคแรกใช้หลบหนีภัยการล่าสังหารจากจักวรรดิโรมัน ก่อนที่คริสต์ศาสนาจะได้รับการประกาศให้เป็นศาสนาประจำชาติของจักรวรรดิอีกด้วย
ภายในถ้ำถูกออกแบบให้ผนังสูง โค้ง ตกแต่งด้วยรูปปั้นจิตกรรมฝาผนังแบบเฟรสโก ทาสีแดง ส่วนของกำแพงโบสถ์นั้นก็ถูกเจาะเป็นรูปทางเรขาคณิต หากมองจากด้านนอกอาจนึกว่าเป็นบ้านชนเผ่ายุคหิน แต่ด้านในมีลักษณะคล้ายกับวัดที่อยู่ในถ้ำ
โบสถ์ส่วนใหญ่ในเกอเรเมแบ่งเป็นสองขนาดคือเล็กและใหญ่ โดยโบสถ์ขนาดเล็กมักสร้างราวศตวรรษที่ 3 - 4 โดยจะมีลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยมไม่เกิน 9 ตารางเมตร ที่ผนังมีการเจาะโพรงเข้าไปทำเป็นแท่นพิธีไว้สำหรับประกอบพิธีกรรม และมีสัญลักษณ์แทนองค์พระเยซูซึ่งอาจเป็นเครื่องหมายบวกหรือสัญลักษณ์อื่นตามพระคัมภีร์ โดยในยุคนั้นชาวคริสเตียนไม่ใช้สัญลักษณ์ไม้กางเขนแบบตรงไปตรงมา เนื่องจากยังเศร้าใจต่อเหตุการณ์การสิ้นพระชนม์ของพระเยซู และเหตุผลอีกประการหนึ่งคือยังอยู่ในยุคหลบซ่อนจากการล่าสังหารจากจักรวรรดิโรมัน
ส่วนโบสถ์ขนาดใหญ่นั้นส่วนมากสร้างขึ้นประมาณศตวรรษที่ 9 – 12 ซึ่งเป็นยุคทองของศริสต์ศาสนา ก่อนจะเริ่มเสื่อมลงเมื่อชาวเติร์กเข้ามารุกราน โบสถ์ขนาดใหญ่เหล่านี้จะมีโครงสร้างคล้ายสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ (Byzantine) โดยเป็นโบสถ์ที่สร้างหลังจักรวรรดิประกาศรับรองศาสนาแล้ว ลักษณะของโบสถ์จึงมีความโอ่อ่าอลังการและประดับด้วยภาพเฟรสโก (Fresco) ซึ่งเป็นเทกนิกการเขียนสีลงบนปูนเปียก โดยภาพส่วนใหญ่เล่าเรื่องราวของพระเยซูและอัครสาวก บางส่วนเล่าเกี่ยวกับการดำรงชีพของผู้คนในสมัยนั้น
ทั้งนี้ รูปวาดของพระเยซูส่วนของใบหน้านั้นถูกขูดขีดและทำลายโดยเด็กเลี้ยงแกะ เพราะถูกสอนว่ารูปภาพเป็นบาป ซึ่งต่อมาเมื่อถึงยุคของจักรพรรดิคอนสแตนตินก็ได้ยกเลิกการปลูกฝังความคิดเหล่านี้และกระทำอันเป็นที่สะเทือนใจต่อศริสตศาสนิกชน รวมถึงพระองค์ยังทรงผันตัวเองมานับถือศาสนาคริสต์เองด้วย ทั้งนี้ใน Karanlik Kilise หรือ Dark Church จะมีภาพที่ถูกรักษาไว้ได้เป็นอย่างดีที่สุด ที่ไม่ถูกทำลายในช่วงนั้น เป็นภาพสัญลักษณ์สำคัญบางอย่างในสมัยโบราณที่มีอายุนับพันๆ ปี
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่เป็นส่วนหนึ่งในเขตอุทยานแห่งชาติเกอเรเมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1985
ปัจจุบันมีบทบาทเป็นพิพิธภัณฑ์แบบเปิดที่แสดงเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของบรรพบุรุษชาวคัปปาโดเชียน
นักท่องเที่ยวต่อแถวขึ้นบันไดเพื่อเข้าชมโบสถ์ Dark Church หรือ Karanlik Kilise
สถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งของโบสถ์ถ้ำที่ถูกออกแบบให้ผนังสูง โค้ง ตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังแบบเฟรสโก
ส่วนของกำแพงโบสถ์นั้นถูกเจาะเป็นรูปทางเรขาคณิต
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งนี้เกิดขึ้นจากการขุดเจาะถ้ำหินหลายลูกเพื่อทำเป็นโบสถ์ในสมัยโบราณ
บรรยากาศของนักท่องเที่ยวที่คลาคล่ำและให้ความสนใจเดินทางมาเที่ยวชมอย่างต่อเนื่อง
การเดินทางจาก Istanbul ไปยัง Neveshir
- เครื่องบิน (Airplane) จากอิสตันบูลไปเนฟเชียร์มีระยะทางประมาณ 750 กิโลเมตร การเดินทางโดยรถยนต์จะใช้เวลาประมาณ 8 – 10 ชั่วโมง หากนักท่องเที่ยวไม่ได้มีความประสงค์ที่จะเช่ารถขับเพื่อแวะเที่ยวชมที่ต่างๆ ระหว่างทาง การเดินทางโดยเครื่องบินซึ่งใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 10 นาที จึงเป็นทางเลือกที่สะดวกและประหยัดเวลาไปได้มาก จากอิสตันบูลมีเที่ยวบินตรงออกจากสนามบิน Istanbul International Airport และจากสนามบิน Sabiha Gokcen International Airport ไปยังสนามบิน Neveshir Kapadokya Airport ที่จังหวัดเนฟเชียร์ ให้บริการ 4 – 6 เที่ยวต่อวัน นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบตารางเที่ยวบิน ราคา และดูข้อมูลเพิ่มเติมและได้ที่ https://www.google.com/flights?hl=th&authuser=0#flt=/m/09949m./m/08nnz6.2019-11-01*/m/08nnz6./m/09949m.2019-11-05;c:THB;e:1;sd:1;t:f
- รถโดยสารประจำทาง (Bus) หากนักท่องเที่ยวไม่ได้มีเงื่อนไขเรื่องเวลาและต้องการประหยัดค่าเดินทาง ซึ่งราคาตั๋วรถโดยสารสำหรับเส้นทางอิสตันบูล – เนฟเชียร์ นั้นเริ่มต้นที่ 120 ลีราตุรกี หรือราวๆ 640 บาท โดยจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง ทั้งนี้จากอิสตันบูลไปยังเนฟเชียร์จะมีรถให้บริการอยู่เพียงไม่กี่เที่ยว โดยบริษัทที่ให้บริการเดินรถคือ ONCU นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบตารางเวลาการเดินรถ ราคา และดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.busbud.com/en/bus-schedules-results/sxk96f/sybgbd?outbound_date=2019-10-18&adults=1
- รถเช่า (Rental Car) สำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวในตุรกีโดยการเช่ารถขับเองอยู่แล้ว ก็มีบริษัทเช่ารถยนต์ให้บริการอยู่หลายบริษัท อาทิ Avis, Budget, Enterprise, Europcar, Hertz และ Sixt สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.rentalcars.com/en/city/tr/istanbul/
การเดินทางจากสนามบิน Nevsehir Kapadokya Airport ไป Cappadocia Old Town (Goreme)
- รถยนต์ (Car) จากสนามบิน Nevsehir Kapadokya Airport ไป Cappadocia Old Town หรือ Goreme ซึ่งเป็นศูนย์กลางของที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้า บริการรถแท็กซี่ และบริษัทนำเที่ยวในคัปปาโดเชีย นั้นมีระยะทาง 43 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 40 นาที
- ชัตเทิลบัส (Shuttle Bus) ที่บริเวณหน้าสนามบินมีรถชัตเทิลบัสให้บริการไปยังตัวเมือง Goreme ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที โดยรถจะพาผู้โดยสารไปส่งถึงหน้าโรงแรมของแต่ละคน ค่าโดยสาร 40 ลีราตุรกีโดยประมาณ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://argeus.com/airport-transfers
การเดินทางไป Goreme Open Air Museum
- รถยนต์ (Car) จาก Cappadocia Old Town หรือ Goreme ไป Goreme Open Air Museum มีระยะทาง 7.4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 11 นาที
ทั้งนี้ วิธีเดินทางท่องเที่ยวใน Cappadocia มีอยู่ 2 วิธีหลักๆ (ส่วนการล่องบอลลูนนั้นจะเป็นกิจกรรมสั้นๆ เพียงหนึ่งชั่วโมง) คือ 1. การเช่ารถขับเที่ยวเอง และ 2. การซื้อทัวร์ โดยทั่วไปโปรแกรมทัวร์ของบริษัทต่างๆ ที่ให้บริการจะแบ่งเป็น 3 เส้นทาง ได้แก่
Green Tour : Panorama of Goreme, Underground City, Lunch in Ihlara, Walking in Ihlara Valley, Selime Monastery, Pigeon Valley, Onyx Factory
Red Tour : Uchisar Castle, Love Valley, Goreme Open Air Museum, Pasabag Fairy Chimneys, Avanos-Pottery Demo, Lunch in Avanos, Devrent Magic Valley, Urgup Family Chimneys, Carpet Manufacturer
South Cappadocia Tour : Maskendir Valley, Red Valley, Rose Valley, Cavusin Valley, Underground City, Pigeon Valley Uchisar Castle, Panorama Love Valley
นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อทัวร์ตามเส้นทางที่สนใจ โดย Goreme Open Air Museum จะอยู่ในเส้นทางสายแดงที่เรียกว่า Red Tour ซึ่งราคาของทัวร์จะอยู่ที่คนละประมาณ 120 ลีราตุรกี เป็นราคาที่รวมรถรับส่งจากที่พักและอาหารกลางวันแล้ว โดยรถจะมารับที่โรงแรมที่พักในตอนเช้า เวลาประมาณ 9.00 – 9.30 น. และกลับมาส่งยังที่พักในช่วงเย็นเมื่อสิ้นสุดโปรแกรมในเวลาประมาณ 16.00 – 18.00 น. ดังนั้นหากนักท่องเที่ยวต้องการซื้อทัวร์มากกว่าหนึ่งเส้นทางจึงต้องไปคนละวันกัน
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดให้เยี่ยมชมทุกวัน ระหว่างเวลา 8.00 – 19.00 น.
โบสถ์ส่วนใหญ่ในเกอเรเมแบ่งเป็นสองขนาดคือเล็กและใหญ่ โดยโบสถ์ขนาดเล็กมักสร้างราวศตวรรษที่ 3 – 4 ส่วนโบสถ์ขนาดใหญ่นั้นส่วนมากสร้างขึ้นประมาณศตวรรษที่ 9 – 12 ซึ่งเป็นยุคทองของศริสต์ศาสนา
อัตราค่าเข้าชม
ค่าเข้าชม 25 ลีราตุรกี หากต้องการเข้าชม Dark Church ต้องจ่ายเพิ่มอีก 10 ลีราตุรกี
บริเวณทางเข้าเมื่อซื้อบัตรผ่านประตูแล้ว
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว Goreme Open Air Museum
สิ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือ Karanlik Kilise (Dark Church) ซึ่งเป็นไฮไลต์ของพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งนี้ เนื่องจากมีภาพวาดฝาผนังที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี รวมถึงสำนักชีที่ภายในมีโบสถ์ ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว และห้องอื่นๆ อีกมากมายในพื้นที่ 7 ชั้น
มองจากด้านนอกอาจนึกว่าเป็นบ้านชนเผ่ายุคหิน แต่ด้านในมีลักษณะคล้ายกับวัดที่อยู่ในถ้ำ
บรรยากาศโดยรอบ
รูปวาดพระเยซูส่วนของใบหน้านั้นถูกขูดขีดและทำลายโดยเด็กเลี้ยงแกะ เพราะถูกสอนว่ารูปภาพเป็นบาป
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยว Goreme Open Air Museum ได้ตลอดทั้งปี ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม - กลางเดือนมิถุนายน) ซึ่งเป็นช่วงที่สภาพอากาศของประเทศตุรกีกำลังดี ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไปและเป็นช่วงที่กลางวันยาว นักท่องเที่ยวจึงสามารถใช้เวลาเที่ยวชมสถานที่ได้ยาวนานขึ้น ฤดูใบไม้ร่วง (กลางเดือนกันยายน - ตุลาคม) ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน แต่กลางวันสั้นและมีโอกาสเกิดฝนตก
บรรยากาศทางเดินรอบๆ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
นักท่องสามารถเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ได้ทั่วภายในเวลา 1.5 - 2 ชั่วโมง เมื่อเสร็จแล้วอาจแวะไปชมโบสถ์ Tokali Kilise หรือ Church of the Buckle ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดของเกอเรเม่ โบสถ์นี้ซ่อนตัวอยู่ด้านล่างสุดของเนินเขาระหว่างพิพิธภัณฑ์กับเมือง Goreme ภายในมีห้องสวดมนต์ใต้ดินและภาพวาดฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจ
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม Goreme Open Air Museum สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม จังหวัดเนฟเชียร์ ประเทศตุรกี
(Goreme Open Air Museum, Nevsehir, Turkey)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ค่าเข้าชม 25 ลีราตุรกี หากต้องการเข้าชม Dark Church ต้องจ่ายเพิ่มอีก 10 ลีราตุรกี
เวลาเปิด – ปิด : เปิดให้เยี่ยมชมทุกวัน ระหว่างเวลา 8.00 – 19.00 น.
ตั้งอยู่ที่ : Goreme, Nevsehir Merkez , Nevsehir, Turkey
โทรศัพท์ : (+90) 384 271 24 29
เว็บไซต์ : https://www.goreme.com/goreme-open-air-museum.php
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวเมืองเกอเรเม่ https://www.goreme.com
เว็บไซต์การท่องเที่ยวประเทศตุรกี https://www.visitturkey.in/
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อรวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ