- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- ปล่องไฟนางฟ้าหุบเขาพาซาแบค จังหวัดเนฟเชียร์ ประเทศตุรกี
ปล่องไฟนางฟ้าหุบเขาพาซาแบค จังหวัดเนฟเชียร์ ประเทศตุรกี
- อ่าน (5,947)
- By Webmaster
- 15:32:31 | 12 พ.ย. 2562
ปล่องไฟนางฟ้าหุบเขาพาซาแบค จังหวัดเนฟเชียร์ ประเทศตุรกี
Pasabag Fairy Chimneys, Nevsehir, Turkey
Pasabag Fairy Chimneys หรือ Monk Valley เรียกด้วยชื่อภาษาไทยได้ว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” หรือ “หุบเขาพระ” เป็นกลุ่มภูเขาหินรูปกรวยที่มีลักษณะโดดเด่นคล้ายกับเห็ดยักษ์ โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินท่ามกลางไร่องุ่นที่โอบล้อมในคัปปาโดเชีย
ประวัติ
Pasabag Fairy Chimneys หรือ Monks Valley อยู่ห่างจากเกอเรเม่ (Goreme) มาทางตอนเหนือประมาณ 4.8 กิโลเมตร โดยอยู่ริมถนนสายที่จะไปหุบเขา Zelve Valley เมื่อมาจากเกอเรเม่หรือเอวานอส (Avanos) โดยชื่อของสถานที่คำว่า “Pasabag” นั้นหมายถึงไร่องุ่นของแม่ทัพหรือคำว่า “Pacha Pacha” ในภาษาตุรกี เนื่องจากเสาหินสูงโดดเด่นเหล่านี้ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนองุ่นนั่นเอง
มีตำนานพื้นเมืองเล่ากันมาว่าในศตวรรษที่ 4 มีนักบุญซีโมน (St Simeon) เป็นนักบุญคริสต์นิกายโรมันคาธอลิกชื่อเสียงโด่งดัง เนื่องด้วยเป็นผู้มีพลังวิเศษจึงทำให้ได้รับความสนใจจากชาวบ้านอย่างไม่หยุดหย่อน นักบุญท่านนี้กับลูกศิษย์จึงได้ปลีกวิเวกมาอยู่อย่างสันโดษบนปล่องไฟนางฟ้าแห่งหนึ่ง และจะลงมาจากปล่องไฟนางฟ้าก็ต่อเมื่อต้องลงมาหาอาหารเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นอารามที่ตั้งอยู่ท่ามกลางไร่องุ่นและภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์แห่งนี้
เพียงหินจำนวนมากมายที่ก่อตัวอย่างน่าอัศจรรย์เหล่านี้ก็ควรค่าแก่การชมมากพอแล้ว แต่ภูมิภาคอันมีภูมิประเทศอันน่าทึ่งคล้ายดาวอังคารแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกมากที่รอให้นักท่องเที่ยวไปสัมผัส
Pasabag Fairy Chimneys ตั้งอยู่ริมถนนสายที่จะไป Zelve Valley เมื่อมาจากเกอเรเม่หรือเอวานอส
พื้นที่ส่วนหนึ่งของบริเวณหุบเขา Pasabag
Pasabag เป็นหนี่งในจุดชมวิวบอลลูนที่คัปปาโดเชีย
หินรูปทรงประหลาดตาเหล่านี้ใช้เวลานับล้านปีในการก่อรูปร่างเช่นนี้
เมื่อเข้าไปใกล้ๆ จะเห็นถึงความยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ของเสาหินเหล่านื้
ภูมิทัศน์แปลกตาเช่นนี้คือเอกลักษณ์เฉพาะที่สามารถพบได้ที่คัปปาโดเชียเท่านั้น
โบสถ์ของนักบุญซีโมน (St Simeon Church)
การเดินทางจาก Istanbul ไปยัง Neveshir
- เครื่องบิน (Airplane) จากอิสตันบูลไปเนฟเชียร์มีระยะทางประมาณ 750 กิโลเมตร การเดินทางโดยรถยนต์จะใช้เวลาประมาณ 8 – 10 ชั่วโมง หากนักท่องเที่ยวไม่ได้มีความประสงค์ที่จะเช่ารถขับเพื่อแวะเที่ยวชมที่ต่างๆ ระหว่างทาง การเดินทางโดยเครื่องบินซึ่งใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 10 นาที จึงเป็นทางเลือกที่สะดวกและประหยัดเวลาไปได้มาก จากอิสตันบูลมีเที่ยวบินตรงออกจากสนามบิน Istanbul International Airport และจากสนามบิน Sabiha Gokcen International Airport ไปยังสนามบิน Neveshir Kapadokya Airport ที่จังหวัดเนฟเชียร์ ให้บริการ 4 – 6 เที่ยวต่อวัน นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบตารางเที่ยวบิน ราคา และดูข้อมูลเพิ่มเติมและได้ที่ https://www.google.com/flights?hl=th&authuser=0#flt=/m/09949m./m/08nnz6.2019-11-01*/m/08nnz6./m/09949m.2019-11-05;c:THB;e:1;sd:1;t:f
- รถโดยสารประจำทาง (Bus) หากนักท่องเที่ยวไม่ได้มีเงื่อนไขเรื่องเวลาและต้องการประหยัดค่าเดินทาง ซึ่งราคาตั๋วรถโดยสารสำหรับเส้นทางอิสตันบูล – เนฟเชียร์ นั้นเริ่มต้นที่ 120 ลีราตุรกี หรือราวๆ 640 บาท โดยจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง ทั้งนี้จากอิสตันบูลไปยังเนฟเชียร์จะมีรถให้บริการอยู่เพียงไม่กี่เที่ยว โดยบริษัทที่ให้บริการเดินรถคือ ONCU นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบตารางเวลาการเดินรถ ราคา และดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.busbud.com/en/bus-schedules-results/sxk96f/sybgbd?outbound_date=2019-10-18&adults=1
- รถเช่า (Rental Car) สำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวในตุรกีโดยการเช่ารถขับเองอยู่แล้ว ก็มีบริษัทเช่ารถยนต์ให้บริการอยู่หลายบริษัท อาทิ Avis, Budget, Enterprise, Europcar, Hertz และ Sixt สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.rentalcars.com/en/city/tr/istanbul/
การเดินทางจากสนามบิน Nevsehir Kapadokya Airport ไป Cappadocia Old Town (Goreme)
- รถยนต์ (Car) จากสนามบิน Nevsehir Kapadokya Airport ไป Cappadocia Old Town หรือ Goreme ซึ่งเป็นศูนย์กลางของที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้า บริการรถแท็กซี่ และบริษัทนำเที่ยวในคัปปาโดเชีย นั้นมีระยะทาง 43 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 40 นาที
- ชัตเทิลบัส (Shuttle Bus) ที่บริเวณหน้าสนามบินมีรถชัตเทิลบัสให้บริการไปยังตัวเมือง Goreme ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที โดยรถจะพาผู้โดยสารไปส่งถึงหน้าโรงแรมของแต่ละคน ค่าโดยสาร 40 ลีราตุรกีโดยประมาณ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://argeus.com/airport-transfers
การเดินทางไป Pasabag Fairy Chimneys
- รถยนต์ (Car) จาก Cappadocia Old Town หรือ Goreme ไป Pasabag Fairy Chimneys มีระยะทาง 5.6 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 7 นาที
ทั้งนี้ วิธีเดินทางท่องเที่ยวใน Cappadocia มีอยู่ 2 วิธีหลักๆ (ส่วนการล่องบอลลูนนั้นจะเป็นกิจกรรมสั้นๆ เพียงหนึ่งชั่วโมง) คือ 1. การเช่ารถขับเที่ยวเอง และ 2. การซื้อทัวร์ โดยทั่วไปโปรแกรมทัวร์ของบริษัทต่างๆ ที่ให้บริการจะแบ่งเป็น 3 เส้นทาง ได้แก่
Green Tour : Panorama of Goreme, Underground City, Lunch in Ihlara, Walking in Ihlara Valley, Selime Monastery, Pigeon Valley, Onyx Factory
Red Tour : Uchisar Castle, Love Valley, Goreme Open Air Museum, Pasabag Fairy Chimneys, Avanos-Pottery Demo, Lunch in Avanos, Devrent Magic Valley, Urgup Family Chimneys, Carpet Manufacturer
South Cappadocia Tour: Maskendir Valley, Red Valley, Rose Valley, Cavusin Valley, Underground City, Pigeon Valley Uchisar Castle, Panorama Love Valley
นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อทัวร์ตามเส้นทางที่สนใจ โดย Pasabag Fairy Chimneys จะอยู่ในเส้นทางสายแดงที่เรียกว่า Red Tour ซึ่งราคาของทัวร์จะอยู่ที่คนละประมาณ 120 ลีราตุรกี เป็นราคาที่รวมรถรับส่งจากที่พักและอาหารกลางวันแล้ว โดยรถจะมารับที่โรงแรมที่พักในตอนเช้า เวลาประมาณ 9.00 – 9.30 น. และกลับมาส่งยังที่พักในช่วงเย็นเมื่อสิ้นสุดโปรแกรมในเวลาประมาณ 16.00 – 18.00 น. ดังนั้นหากนักท่องเที่ยวต้องการซื้อทัวร์มากกว่าหนึ่งเส้นทางจึงต้องไปคนละวันกัน
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิด 24 ชั่วโมง
อัตราค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม
นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเดินทางมาเที่ยวชมปล่องไฟนางฟ้าที่หุบเขาพาซาแบคเป็นจำนวนมาก
ความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติเป็นผู้รังสรรค์ผ่านกาลเวลาอันยาวนาน
ภูมิทัศน์อันแปลกตาที่ไม่ว่าใครก็อดที่จะตื่นตาตื่นใจไปกับสิ่งที่พบเห็นไม่ได้
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว Pasabag Fairy Chimneys
นอกจากตื่นตาตื่นใจไปกับการชมหินรูปทรงต่างๆ แล้วหากเข้าไปชมด้านในอารามของนักบุญซีโมนแล้วเดินขึ้นไปถึงยอด นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับวิวแบบพาโนรามาของบรรดาหินก่อตัวเป็นรูปทรงต่างๆ นอกจากนี้บริเวณรอบๆ Pasabag ยังมีจุดชมวิวที่ยกจากพื้นดินหลายแห่งที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินตามทางเดินหลักขึ้นไปยังหน้าผาเพื่อชมวิวสวยๆ และถ่ายภาพภูมิประเทศอันน่าทึ่งและหลากหลายเบื้องล่าง โดยบริเวณนี้จะงดงามเป็นพิเศษในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตก เนื่องจากเป็นเวลาที่จะเห็นเงาและแสงสีอบอุ่นของภูมิประเทศรอบๆ ได้ชัดเจนที่สุด
ด้านขวามือของภาพคือโบสถ์ของนักบุญซีโมน
ปล่องไฟนางฟ้าหุบเขาพาซาแบค
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยว Pasabag Fairy Chimneys ได้ตลอดทั้งปี ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม - กลางเดือนมิถุนายน) ซึ่งเป็นช่วงที่สภาพอากาศของประเทศตุรกีกำลังดี ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไปและเป็นช่วงที่กลางวันยาว นักท่องเที่ยวจึงสามารถใช้เวลาเที่ยวชมสถานที่ได้ยาวนานขึ้น ฤดูใบไม้ร่วง (กลางเดือนกันยายน - ตุลาคม) ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน แต่กลางวันสั้นและมีโอกาสเกิดฝนตก
อีกหนึ่งมุมมองที่สวยงามของปล่องไฟนางฟ้าหุบเขาพาซาแบค
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวคือฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นช่วงที่สภาพอากาศกำลังดี ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป
บริเวณรอบๆ ที่โอมล้อมหุบเขาแห่งนี้อยู่คือสวนองุ่น
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
ที่หุบเขามีร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับหินก่อตัวรูปทรงต่างๆ นอกจากนี้ยังมีร้านขายเครื่องดื่มและของว่างให้นักท่องเที่ยวได้จิบไวน์ผลไม้หรือน้ำผลไม้ที่คาเฟ่ให้หายเหนื่อยหลังจากเดินเที่ยวชมตามทางต่างๆ และขึ้นลงบันไดที่ปล่องไฟนางฟ้าเป็นเวลาหลายชั่วโมง ทั้งนี้แนะนำว่านักท่องเที่ยวควรสวมใส่รองเท้าที่เหมาะสมและเดินแล้วไม่ลื่น
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม Pasabag Fairy Chimneys สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
ปล่องไฟนางฟ้าหุบเขาพาซาแบค จังหวัดเนฟเชียร์ ประเทศตุรกี
(Pasabag Fairy Chimneys, Nevsehir, Turkey)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิด – ปิด : เปิด 24 ชั่วโมง
ตั้งอยู่ที่ : Pasabag, Zelve Yolu, Çavusin, Avanos, Nevsehir, Turkey
เว็บไซต์ : https://www.goreme.com/pasabag.php
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวเมืองเกอเรเม่ https://www.goreme.com/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวประเทศตุรกี https://www.visitturkey.in/
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อรวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ