- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- พิพิธภัณฑ์และโบสถ์ฮาเกีย โซเฟีย เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
พิพิธภัณฑ์และโบสถ์ฮาเกีย โซเฟีย เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
- อ่าน (5,544)
- By Webmaster
- 11:01:31 | 10 พ.ค. 2567
พิพิธภัณฑ์และโบสถ์ฮาเกีย โซเฟีย เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
The Hagia Sophia Museum and Church, Istanbul, Turkey
ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) เป็นโบสถ์ทรงโดมที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมโบสถ์ของคริสต์ศาสนิกชนตะวันตกยุคไบแซนไทน์ (Byzantine) ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนาที่มีความยิ่งใหญ่และงดงามเท่านั้น ทว่าโบสถ์แห่งนี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง รวมถึงได้รับคัดเลือกให้เข้ารอบสุดท้าย 1 ใน 21 สิ่งมหัศจรรย์ในยุคใหม่เมื่อปี ค.ศ. 2007 อีกด้วย
ประวัติ
ฮาเกียโซเฟีย มีชื่อตรงกับความหมายภาษาอังกฤษว่า “Holy Wisdom” หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “ภูมิปัญญาศักดิ์สิทธิ์” ฮากาโซเฟียเป็นโบสถ์ทรงโดมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้รับการขนานนามว่าเป็น “มหาโบสถ์” (The Great Church) เนื่องจากมีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับโบสถ์คริสต์ทั่วโลกในยุคนั้น
โบสถ์ฮาเกียโซเฟียแห่งนี้ยังเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมโบสถ์ของคริสต์ศาสนิกชนตะวันตก ยุคไบแซนไทน์ (Byzantine) ทั้งศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ (Orthodox) และกรีกคาทอลิก (Greek Catholic)มากไปกว่านั้นโบสถ์แห่งนี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ก่อนที่จะได้รับคัดเลือกเข้ารอบสุดท้ายให้เป็น 1 ใน 21 สิ่งมหัศจรรย์ในยุคใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ. 2007
โบสถ์หลังแรกแต่เดิมนั้นสร้างในปี ค.ศ. 360 โดยจักรพรรดิคอนสแตนติน (Constantine) แห่งโรมันตะวันออก แต่เนื่องจากเกิดการจลาจลในปี ค.ศ. 404 หลังจากนั้นในปี ค.ศ.415 โบสถ์แห่งนี้จึงได้รับการบูรณะอีกครั้งโดยจักรพรรดิธีโอโดเซียสที่ 2 (Theodosius II) หรือจักรพรรดิเฟลเวียส ธีโอโดเซียส (Flavius Theodosius) จากนั้นอีกร้อยปีต่อมา ใน ค.ศ. 532 ก็เกิดการการจลาจลและโบสถ์ได้พังเสียหายอีกเช่นกัน เรียกได้ว่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้หลายต่อหลายครั้งด้วยกัน เมื่อมีศึกสงครามและพังเสียหายก็บูรณะให้กลับมาใหม่ ซึ่งโบสถ์ที่คงสภาพมาถึงปัจจุบันคือโบสถ์ที่ระดมแรงงานกว่า 10,000 ชีวิตในการก่อสร้างในสมัยของจักรพรรดิจัสติเนียน (Justinian) ระหว่างปี ค.ศ. 532 - 537 ซึ่งเป็นช่วงที่อาณาจักรไบแซนไทน์เรืองอำนาจและมีอิทธิพลสูงสุด
กล่าวคือ ฮาเกียโซเฟียถูกใช้งานในฐานะของโบสถ์คริสต์เป็นเวลานาน 916 ปี ก่อนที่จะกลายมาเป็นมัสยิดนาน 482 ปีนับตั้งแต่สมัยที่ Fatih Sultan Mehmed ขึ้นปกครองนครอิสตันบูล ท้ายที่สุดต่อมาในปี ค.ศ. 1935 ฮาเกียโซเฟียก็ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์เช่นที่เป็นในปัจจุบัน
ความน่าอัศจรรย์ของโบสถ์ฮาเกียโซเฟียซึ่งสร้างขึ้นในยุคที่ยังไม่มีเหล็กกล้า คือการใช้เสากลมและกำแพงเป็นสิ่งที่ช่วยค้ำยันหลังคาและโดมขนาดใหญ่เอาไว้ โดมของโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้รองรับเสาค้ำยันจำนวน 4 ต้นที่มีรอบฐานวัดได้ประมาณ 100 ตารางเมตร ส่วนตัวโบสถ์วัดความกว้างยาวได้ 77 x 79 เมตร ความสูงจากพื้นดินถึงยอดโดม 62 เมตร และเส้นผ่านศูนย์กลางของโดมยาวประมาณ 33 เมตร
นอกจากโบสถ์ฮาเกียโซเฟียจะเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมโบสถ์ของคริสต์ศาสนิกชนตะวันตก ยุคไบแซนไทน์แล้ว รูปแบบสถาปัตยกรรมของโบสถ์แห่งนี้ยังขยายอิทธิพลไปถึงดินแดนตะวันออก ซึ่งรับเอารูปแบบสถาปัตยกรรมไปดัดแปลงตามความสวยงามและเหมาะสม รวมถึงรัสเซียก็ได้รับอิทธิพลดังกล่าวด้วย จะเห็นได้จากโบสถ์หลายแห่งทั่วรัสเซียที่ได้มีการดัดแปลงโดมเป็นรูปทรงปลายแคบจนกลายเป็นลักษณะเฉพาะที่มีความโดดเด่นและสวยงาม ปัจจุบันโบสถ์ฮาเกียโซเฟียยังคงความสำคัญในฐานะอนุสรณ์สถานที่สะท้อนถึงแรงศรัทธาที่มีต่อศาสนาของชาวคริสต์และอิสลาม และโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของตุรกีด้วยเช่นกัน
โบสถ์ฮาเกียโซเฟียเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมโบสถ์ของคริสต์ศาสนิกชนตะวันตก ยุคไบแซนไทน์ (Byzantine) (ภาพซ้าย) และ ฮาเกียโซเฟียถูกใช้งานในฐานะของโบสถ์คริสต์เป็นเวลานาน 916 ปี ก่อนที่จะกลายเป็นมัสยิดนาน 482 ปี (ภาพขวา)
ความน่าอัศจรรย์ของโบสถ์ฮาเกียโซเฟียซึ่งสร้างขึ้นในยุคที่ยังไม่มีเหล็กกล้า คือการใช้เสากลมและกำแพงเป็นสิ่งที่ช่วยค้ำยันหลังคาและโดมขนาดใหญ่เอาไว้
ประตูหินอ่อน มีชื่อเรียกว่า “ประตูแห่งสวรรค์และนรก” ตั้งอยู่ใกล้กับ Empress Lodgeเป็นประตูที่ใช้แยกแกลเลอรี่ฝั่งตะวันตกและใต้ออกจากกัน
บางส่วนภายในโบสถ์ฮาเกียโซเฟียอยู่ในระหว่างทำการซ่อมแซม
ฮากาโซเฟียเป็นโบสถ์ทรงโดมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้รับการขนานนามว่าเป็น มหาโบสถ์” (The Great Church)
โบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้เป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศตุรกี
การเดินทางจากสนามบิน Istanbul Airport สู่ตัวเมืองบริเวณสถานี Taksim
เนื่องจากปัจจุบันสถานีรถไฟเชื่อมต่อสถานีสนามบิน Istanbul Airport อยู่ในระหว่างกำลังก่อสร้าง จะแล้วเสร็จและเปิดใช้งานในปี 2020 ดังนั้น จากสนามบินนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าเมืองได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้
- รถชัตเทิลบัส (Havaist Airport Shuttle) การเดินทางเข้าเมืองโดยรถชัตเทิลบัสเป็นวิธีที่สะดวกในราคาที่ประหยัด จากสนามบิน Istanbul Airport นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าเมืองไปยัง Taksim โดยใช้บริการ Havaist สาย IST 19 ที่ให้บริการระหว่างสนามบินอิสตันบูล (Istanbul Airport) – เบซิคทา (Besiktas) – ทักซิม (Taksim) ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.5 ชม.
นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถได้ที่บริเวณหน้าทางออกผู้โดยสารขาเข้า ซึ่งรถจะจอดส่งผู้โดยสารที่ Zincirlikuyu และ 4. Levent Metro ให้นักท่องเที่ยวลงที่ป้ายสุดท้ายหน้าโรงแรม Point ใกล้กับจัตุรัสทักซิม ซึ่งจากบริเวณนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเดินไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน Taksim Station เพื่อเดินทางต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ หรือที่พักได้อย่างสะดวก ค่าโดยสาร Havabus อยู่ที่ประมาณ 18 ลีราตุรกีหรือประมาณ 95 บาท ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://hava.ist/en/
- รถโดยสารประจำทาง (IETT Public Bus) แม้จากสนามบิน Istanbul Airport จะมีบริการรถโดยสารสาธารณะประจำทางโดย IETT ระหว่างสนามบินกับตัวเมืองและราคาอาจถูกกว่าการเดินทางประเภทอื่นๆ แต่เป็นการเดินทางที่ไม่แนะนำโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มีสัมภาระใบใหญ่ ซึ่งนอกจากจะใช้เวลาเดินทางนานและต้องเปลี่ยนรถหลายสายแล้ว คนใช้บริการก็ค่อนข้างหนาแน่นโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน
- แท็กซี่ (Taxi) แท็กซี่จากสนามบิน Istanbul Airport ไปยัง Taksim ค่าโดยสารจะอยู่ที่ประมาณ 140 ลีราตุรกี หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 745 บาท แม้ว่าการเดินทางเข้าเมืองโดยรถแท็กซี่จะเป็นวิธีที่ราคาค่อนข้างสูงกว่าวิธีอื่นๆ แต่ก็เป็นวิธีที่รวดเร็วและสะดวกที่สุดเช่นกันโดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีสัมภาระ ทั้งนี้ หากเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้วถือว่าแท็กซี่ที่ประเทศตุรกีนั้นมียังราคาที่ถูกอยู่ นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบค่าบริการแท็กซี่จากสนามบินอิสตันบูลไปยังจุดอื่นๆ ในตัวเมืองได้ที่ https://isturkeysafe.com/New-Istanbul-Airport-Taxi-Fare-Calculator
- บริษัทรถเช่า (Rental Car) สำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวโดยการเช่ารถขับเองอยู่แล้ว ก็มีให้บริการรถเช่าให้เลือกหลายบริษัท อาทิ Avis, Budget, Enterprise, Europcar, Hertz และ Sixt ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่ชั้นผู้โดยสารขาเข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.rentalcars.com/en/airport/tr/IST/
แผนที่ขนส่งสาธารณะในอิสตันบูล ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีเส้นทางเชื่อมต่อถึงสนามบิน Istanbul Airport จะแล้วเสร็จและเปิดใช้งานในปี 2020 ดังนั้น หากต้องการใช้บริการรถไฟไปยังสถานที่ต่างๆ นักท่องเที่ยวจึงต้องเดินทางออกจากสนามบินโดยวิธีต่างๆ ข้างต้นก่อนแล้วค่อยมาต่อรถไฟในตัวเมือง ขอบคุณภาพจาก https://www.tooistanbul.com/en/public-transportation-istanbul/
การเดินทางไป The Hagia Sophia Museum and Church
จากสถานี Taksim นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยัง The Hagia Sophia Museum and Church ได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้
- รถไฟใต้ดิน (Metro) ขึ้นรถไฟสายสีเขียว M2 (Yenikapı) ไปลงที่สถานี Vezneciler แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถราง (Tram) สายสีน้ำเงิน T1 จากสถานี Laleli – Üniversite ไปลงที่สถานี Sultanahmet แล้วเดินต่ออีก 300 เมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรวมประมาณ 20 นาที
- รถราง (Funicular) ขึ้นรถราง Funicular สายสีเทา F1 (Kabatas) ไปลงที่สถานี Kabatas Station แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถราง (Tram) สายสีน้ำเงิน T1 ที่สถานี Kabatas Tramvay istasyonu นั่งไปลงที่สถานี Sultanahmet แล้วเดินต่ออีก 300 เมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรวมประมาณ 30 นาที
- รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากสถานี Taksim ไปยัง The Hagia Sophia Museum and Church โดยใช้เส้น Meclis-i Mebusan Cd. มีระยะทาง 5.2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00 น. – 17.00 น.
ด้านนอกตัวโบสถ์ ยังคงประดับตกแต่งด้วยของสวยงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์
บรรยากาศของนักท่องเที่ยวด้านนอกตัวโบสถ์
อัตราค่าเข้าชม
บัตรเข้าชมแบบ Single Ticket ราคา 72 ลีราตุรกี
นอกจากโบสถ์ฮาเกียโซเฟียจะเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมโบสถ์ของคริสต์ศาสนิกชนตะวันตก ยุคไบแซนไทน์แล้ว รูปแบบสถาปัตยกรรมของโบสถ์แห่งนี้ยังขยายอิทธิพลไปถึงดินแดนตะวันออกด้วยเช่นกัน
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว The Hagia Sophia Museum and Church
สิ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด นอกจากชื่นชมความน่าอัศจรรย์ในการก่อสร้างโบสถ์ฮาเกียโซเฟีย ซึ่งโบสถ์ใหญ่ที่สุดในโลกและสร้างขึ้นในยุคที่ยังไม่มีเหล็กกล้าแล้ว ยังมีข้อมูลต่างๆ ที่น่าสนใจให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษา เนื่องจากหากเอ่ยถึงฮาเกียโซเฟียในฐานะของพิพิธภัณฑ์ (Hagia Sophia Museum) แล้ว ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับศิลปะและประวัติศาสตร์ของสถาปัตยกรรมที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว
สมบัติล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ภายในฮาเกียโซเฟีย
ฮาเกียโซเฟียได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1935
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยว The Hagia Sophia Museum and Church ได้ตลอดปี
ประตูเข้าออกแสดงให้เห็นถึงความโอ่โถงและยิ่งใหญ่
ฮาเกียโซเฟีย มีชื่อตรงกับความหมายภาษาอังกฤษว่า “Holy Wisdom” หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “ภูมิปัญญาศักดิ์สิทธิ์” (ภาพซ้าย) และ ความกว้างและยาวของโบสถ์วัดได้ 77 x 79 เมตร และมีความสูงจากพื้นดินถึงยอดโดม 62 เมตร” (ภาพขวา)
จิตรกรรมบนฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคริสตศาสนา
บรรยากาศความสวยงามบางส่วนภายในฮาเกียโซเฟีย
อุโมงค์ทางเดินที่ชั้นล่างของฮาเกียโซเฟีย เป็นทางเดินที่จะนำนักท่องเที่ยวขึ้นไปสู่ชั้นบนซึ่งเป็นตัวโบสถ์
ทางเดินทั้งหมดเป็นทางเดินลาดปูด้วยหิน ไม่มีขั้นบันได
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
มีตำนานเล่ากันว่า เมื่อเริ่มแรกการก่อสร้าง วิศวกรควบคุมงาน แก้ปัญหาข้อจำกัดเรขาคณิตไม่ตกว่าจะสร้างโดมทรงกลมเหนือฐานรูปสี่เหลี่ยมอย่างไร จึงคิดค้นทฤษฎีใหม่ โดยการสร้างเสาหลัก 4 ต้น ที่มุมแต่ละด้านของฐานสี่เหลี่ยมเหนือยอดเสาขึ้นไปเป็นซุ้มประตู เติมเต็มช่องว่างระหว่างซุ้มโค้งด้วยผนังปูนรูปสามเหลี่ยมผนึกกันเป็นฐานที่แข็งแกร่งรองรับน้ำหนักของหลังคาโดม
ฮาเกียโซเฟียในยามเย็นกับแสงไฟประดับที่ส่องสว่างสวยงาม
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม The Hagia Sophia Museum and Church สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
พิพิธภัณฑ์และโบสถ์ฮาเกีย โซเฟีย เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
(The Hagia Sophia Museum and Church, Istanbul, Turkey)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : เริ่มต้นที่ราคา 72 ลีราตุรกี
เวลาเปิด – ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00 น. – 17.00 น.
ตั้งอยู่ที่ : Hagia Sophia Museum, Sultan Ahmet, Ayasofya Meydanı, Fatih/İstanbul
โทรศัพท์ : (+90) 212 522 17 50
เว็บไซต์ : https://ayasofyamuzesi.gov.tr/en
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวเมืองอิสตันบูล https://visit.istanbul/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวประเทศตุรกี https://www.visitturkey.in/
เว็บไซต์ขนส่งสาธารณะเมืองอิสตันบูล https://www.iett.istanbul/en
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อรวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ