พิพิธภัณฑ์และโบสถ์ฮาเกีย โซเฟีย เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

  • อ่าน (3,897)
  • By Webmaster
  • 17:03:42 | 8 ต.ค. 2562

พิพิธภัณฑ์และโบสถ์ฮาเกีย โซเฟีย เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

The Hagia Sophia Museum and Church, Istanbul, Turkey

 

             ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) เป็นโบสถ์ทรงโดมที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมโบสถ์ของคริสต์ศาสนิกชนตะวันตกยุคไบแซนไทน์ (Byzantine) ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนาที่มีความยิ่งใหญ่และงดงามเท่านั้น ทว่าโบสถ์แห่งนี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง รวมถึงได้รับคัดเลือกให้เข้ารอบสุดท้าย 1 ใน 21 สิ่งมหัศจรรย์ในยุคใหม่เมื่อปี ค.ศ. 2007 อีกด้วย

 


ประวัติ

           ฮาเกียโซเฟีย มีชื่อตรงกับความหมายภาษาอังกฤษว่า “Holy Wisdom” หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “ภูมิปัญญาศักดิ์สิทธิ์” ฮากาโซเฟียเป็นโบสถ์ทรงโดมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้รับการขนานนามว่าเป็น “มหาโบสถ์” (The Great Church)  เนื่องจากมีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับโบสถ์คริสต์ทั่วโลกในยุคนั้น

โบสถ์ฮาเกียโซเฟียแห่งนี้ยังเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมโบสถ์ของคริสต์ศาสนิกชนตะวันตก ยุคไบแซนไทน์ (Byzantine) ทั้งศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ (Orthodox) และกรีกคาทอลิก (Greek Catholic)มากไปกว่านั้นโบสถ์แห่งนี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ก่อนที่จะได้รับคัดเลือกเข้ารอบสุดท้ายให้เป็น 1 ใน 21 สิ่งมหัศจรรย์ในยุคใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ. 2007 

           โบสถ์หลังแรกแต่เดิมนั้นสร้างในปี ค.ศ. 360  โดยจักรพรรดิคอนสแตนติน (Constantine) แห่งโรมันตะวันออก แต่เนื่องจากเกิดการจลาจลในปี ค.ศ. 404 หลังจากนั้นในปี ค.ศ.415 โบสถ์แห่งนี้จึงได้รับการบูรณะอีกครั้งโดยจักรพรรดิธีโอโดเซียสที่ 2 (Theodosius II) หรือจักรพรรดิเฟลเวียส ธีโอโดเซียส (Flavius Theodosius) จากนั้นอีกร้อยปีต่อมา ใน ค.ศ. 532 ก็เกิดการการจลาจลและโบสถ์ได้พังเสียหายอีกเช่นกัน เรียกได้ว่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้หลายต่อหลายครั้งด้วยกัน เมื่อมีศึกสงครามและพังเสียหายก็บูรณะให้กลับมาใหม่ ซึ่งโบสถ์ที่คงสภาพมาถึงปัจจุบันคือโบสถ์ที่ระดมแรงงานกว่า 10,000 ชีวิตในการก่อสร้างในสมัยของจักรพรรดิจัสติเนียน (Justinian) ระหว่างปี ค.ศ. 532 - 537 ซึ่งเป็นช่วงที่อาณาจักรไบแซนไทน์เรืองอำนาจและมีอิทธิพลสูงสุด

           กล่าวคือ ฮาเกียโซเฟียถูกใช้งานในฐานะของโบสถ์คริสต์เป็นเวลานาน 916 ปี ก่อนที่จะกลายมาเป็นมัสยิดนาน 482 ปีนับตั้งแต่สมัยที่ Fatih Sultan Mehmed ขึ้นปกครองนครอิสตันบูล ท้ายที่สุดต่อมาในปี ค.ศ. 1935 ฮาเกียโซเฟียก็ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์เช่นที่เป็นในปัจจุบัน

           ความน่าอัศจรรย์ของโบสถ์ฮาเกียโซเฟียซึ่งสร้างขึ้นในยุคที่ยังไม่มีเหล็กกล้า คือการใช้เสากลมและกำแพงเป็นสิ่งที่ช่วยค้ำยันหลังคาและโดมขนาดใหญ่เอาไว้ โดมของโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้รองรับเสาค้ำยันจำนวน 4 ต้นที่มีรอบฐานวัดได้ประมาณ 100 ตารางเมตร ส่วนตัวโบสถ์วัดความกว้างยาวได้ 77 x 79 เมตร ความสูงจากพื้นดินถึงยอดโดม 62 เมตร และเส้นผ่านศูนย์กลางของโดมยาวประมาณ 33 เมตร

           นอกจากโบสถ์ฮาเกียโซเฟียจะเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมโบสถ์ของคริสต์ศาสนิกชนตะวันตก ยุคไบแซนไทน์แล้ว รูปแบบสถาปัตยกรรมของโบสถ์แห่งนี้ยังขยายอิทธิพลไปถึงดินแดนตะวันออก ซึ่งรับเอารูปแบบสถาปัตยกรรมไปดัดแปลงตามความสวยงามและเหมาะสม รวมถึงรัสเซียก็ได้รับอิทธิพลดังกล่าวด้วย จะเห็นได้จากโบสถ์หลายแห่งทั่วรัสเซียที่ได้มีการดัดแปลงโดมเป็นรูปทรงปลายแคบจนกลายเป็นลักษณะเฉพาะที่มีความโดดเด่นและสวยงาม ปัจจุบันโบสถ์ฮาเกียโซเฟียยังคงความสำคัญในฐานะอนุสรณ์สถานที่สะท้อนถึงแรงศรัทธาที่มีต่อศาสนาของชาวคริสต์และอิสลาม และโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของตุรกีด้วยเช่นกัน  

 

  
โบสถ์ฮาเกียโซเฟียเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมโบสถ์ของคริสต์ศาสนิกชนตะวันตก ยุคไบแซนไทน์ (Byzantine) (ภาพซ้าย) และ ฮาเกียโซเฟียถูกใช้งานในฐานะของโบสถ์คริสต์เป็นเวลานาน 916 ปี ก่อนที่จะกลายเป็นมัสยิดนาน 482 ปี (ภาพขวา)

 
ความน่าอัศจรรย์ของโบสถ์ฮาเกียโซเฟียซึ่งสร้างขึ้นในยุคที่ยังไม่มีเหล็กกล้า คือการใช้เสากลมและกำแพงเป็นสิ่งที่ช่วยค้ำยันหลังคาและโดมขนาดใหญ่เอาไว้

 
ประตูหินอ่อน มีชื่อเรียกว่า “ประตูแห่งสวรรค์และนรก” ตั้งอยู่ใกล้กับ Empress Lodgeเป็นประตูที่ใช้แยกแกลเลอรี่ฝั่งตะวันตกและใต้ออกจากกัน

 
บางส่วนภายในโบสถ์ฮาเกียโซเฟียอยู่ในระหว่างทำการซ่อมแซม

 
ฮากาโซเฟียเป็นโบสถ์ทรงโดมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้รับการขนานนามว่าเป็น มหาโบสถ์” (The Great Church)

 
โบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้เป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศตุรกี


การเดินทางจากสนามบิน Istanbul Airport สู่ตัวเมืองบริเวณสถานี Taksim

 

           เนื่องจากปัจจุบันสถานีรถไฟเชื่อมต่อสถานีสนามบิน Istanbul Airport อยู่ในระหว่างกำลังก่อสร้าง จะแล้วเสร็จและเปิดใช้งานในปี 2020 ดังนั้น จากสนามบินนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าเมืองได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้

             - รถชัตเทิลบัส (Havaist Airport Shuttle) การเดินทางเข้าเมืองโดยรถชัตเทิลบัสเป็นวิธีที่สะดวกในราคาที่ประหยัด จากสนามบิน Istanbul Airport นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าเมืองไปยัง Taksim โดยใช้บริการ Havaist สาย IST 19 ที่ให้บริการระหว่างสนามบินอิสตันบูล (Istanbul Airport) – เบซิคทา (Besiktas) – ทักซิม (Taksim) ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.5 ชม.

           นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถได้ที่บริเวณหน้าทางออกผู้โดยสารขาเข้า ซึ่งรถจะจอดส่งผู้โดยสารที่ Zincirlikuyu และ 4. Levent Metro ให้นักท่องเที่ยวลงที่ป้ายสุดท้ายหน้าโรงแรม Point ใกล้กับจัตุรัสทักซิม ซึ่งจากบริเวณนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเดินไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน Taksim Station เพื่อเดินทางต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ หรือที่พักได้อย่างสะดวก ค่าโดยสาร Havabus อยู่ที่ประมาณ 18 ลีราตุรกีหรือประมาณ 95 บาท ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://hava.ist/en/

             - รถโดยสารประจำทาง (IETT Public Bus) แม้จากสนามบิน Istanbul Airport จะมีบริการรถโดยสารสาธารณะประจำทางโดย IETT ระหว่างสนามบินกับตัวเมืองและราคาอาจถูกกว่าการเดินทางประเภทอื่นๆ แต่เป็นการเดินทางที่ไม่แนะนำโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มีสัมภาระใบใหญ่ ซึ่งนอกจากจะใช้เวลาเดินทางนานและต้องเปลี่ยนรถหลายสายแล้ว คนใช้บริการก็ค่อนข้างหนาแน่นโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน

             - แท็กซี่ (Taxi) แท็กซี่จากสนามบิน Istanbul Airport ไปยัง Taksim ค่าโดยสารจะอยู่ที่ประมาณ 140 ลีราตุรกี หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 745 บาท แม้ว่าการเดินทางเข้าเมืองโดยรถแท็กซี่จะเป็นวิธีที่ราคาค่อนข้างสูงกว่าวิธีอื่นๆ แต่ก็เป็นวิธีที่รวดเร็วและสะดวกที่สุดเช่นกันโดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีสัมภาระ ทั้งนี้ หากเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้วถือว่าแท็กซี่ที่ประเทศตุรกีนั้นมียังราคาที่ถูกอยู่ นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบค่าบริการแท็กซี่จากสนามบินอิสตันบูลไปยังจุดอื่นๆ ในตัวเมืองได้ที่ https://isturkeysafe.com/New-Istanbul-Airport-Taxi-Fare-Calculator

             - บริษัทรถเช่า (Rental Car) สำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวโดยการเช่ารถขับเองอยู่แล้ว ก็มีให้บริการรถเช่าให้เลือกหลายบริษัท อาทิ Avis, Budget, Enterprise, Europcar, Hertz และ Sixt ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่ชั้นผู้โดยสารขาเข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.rentalcars.com/en/airport/tr/IST/

 

           แผนที่ขนส่งสาธารณะในอิสตันบูล ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีเส้นทางเชื่อมต่อถึงสนามบิน Istanbul Airport จะแล้วเสร็จและเปิดใช้งานในปี 2020 ดังนั้น หากต้องการใช้บริการรถไฟไปยังสถานที่ต่างๆ นักท่องเที่ยวจึงต้องเดินทางออกจากสนามบินโดยวิธีต่างๆ ข้างต้นก่อนแล้วค่อยมาต่อรถไฟในตัวเมือง ขอบคุณภาพจาก https://www.tooistanbul.com/en/public-transportation-istanbul/


การเดินทางไป The Hagia Sophia Museum and Church

 

           จากสถานี Taksim นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยัง The Hagia Sophia Museum and Church ได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้

             - รถไฟใต้ดิน (Metro) ขึ้นรถไฟสายสีเขียว M2 (Yenikapı) ไปลงที่สถานี Vezneciler แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถราง (Tram) สายสีน้ำเงิน T1 จากสถานี Laleli – Üniversite ไปลงที่สถานี Sultanahmet แล้วเดินต่ออีก 300 เมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรวมประมาณ 20 นาที

             - รถราง (Funicular) ขึ้นรถราง Funicular สายสีเทา F1 (Kabatas) ไปลงที่สถานี Kabatas Station แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถราง (Tram) สายสีน้ำเงิน T1 ที่สถานี Kabatas Tramvay istasyonu นั่งไปลงที่สถานี Sultanahmet แล้วเดินต่ออีก 300 เมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรวมประมาณ 30 นาที

             - รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากสถานี Taksim ไปยัง The Hagia Sophia Museum and Church โดยใช้เส้น Meclis-i Mebusan Cd. มีระยะทาง 5.2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 20 นาที


เวลาทำการเปิด – ปิด

           เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00 น. – 17.00 น.

 

 
ด้านนอกตัวโบสถ์ ยังคงประดับตกแต่งด้วยของสวยงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์

 
บรรยากาศของนักท่องเที่ยวด้านนอกตัวโบสถ์ 


อัตราค่าเข้าชม

           บัตรเข้าชมแบบ Single Ticket ราคา 72 ลีราตุรกี

 
นอกจากโบสถ์ฮาเกียโซเฟียจะเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมโบสถ์ของคริสต์ศาสนิกชนตะวันตก ยุคไบแซนไทน์แล้ว รูปแบบสถาปัตยกรรมของโบสถ์แห่งนี้ยังขยายอิทธิพลไปถึงดินแดนตะวันออกด้วยเช่นกัน


สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว The Hagia Sophia Museum and Church

           สิ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด นอกจากชื่นชมความน่าอัศจรรย์ในการก่อสร้างโบสถ์ฮาเกียโซเฟีย ซึ่งโบสถ์ใหญ่ที่สุดในโลกและสร้างขึ้นในยุคที่ยังไม่มีเหล็กกล้าแล้ว ยังมีข้อมูลต่างๆ ที่น่าสนใจให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษา เนื่องจากหากเอ่ยถึงฮาเกียโซเฟียในฐานะของพิพิธภัณฑ์ (Hagia Sophia Museum) แล้ว ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับศิลปะและประวัติศาสตร์ของสถาปัตยกรรมที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว


สมบัติล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ภายในฮาเกียโซเฟีย

 
ฮาเกียโซเฟียได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1935 


เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

           นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยว The Hagia Sophia Museum and Church ได้ตลอดปี

 
ประตูเข้าออกแสดงให้เห็นถึงความโอ่โถงและยิ่งใหญ่

  
ฮาเกียโซเฟีย มีชื่อตรงกับความหมายภาษาอังกฤษว่า “Holy Wisdom” หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “ภูมิปัญญาศักดิ์สิทธิ์” (ภาพซ้าย) และ ความกว้างและยาวของโบสถ์วัดได้ 77 x 79 เมตร และมีความสูงจากพื้นดินถึงยอดโดม 62 เมตร” (ภาพขวา)

 
จิตรกรรมบนฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคริสตศาสนา

 
บรรยากาศความสวยงามบางส่วนภายในฮาเกียโซเฟีย

 
อุโมงค์ทางเดินที่ชั้นล่างของฮาเกียโซเฟีย เป็นทางเดินที่จะนำนักท่องเที่ยวขึ้นไปสู่ชั้นบนซึ่งเป็นตัวโบสถ์

 
ทางเดินทั้งหมดเป็นทางเดินลาดปูด้วยหิน ไม่มีขั้นบันได 


ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้

           มีตำนานเล่ากันว่า เมื่อเริ่มแรกการก่อสร้าง วิศวกรควบคุมงาน แก้ปัญหาข้อจำกัดเรขาคณิตไม่ตกว่าจะสร้างโดมทรงกลมเหนือฐานรูปสี่เหลี่ยมอย่างไร จึงคิดค้นทฤษฎีใหม่ โดยการสร้างเสาหลัก 4 ต้น ที่มุมแต่ละด้านของฐานสี่เหลี่ยมเหนือยอดเสาขึ้นไปเป็นซุ้มประตู เติมเต็มช่องว่างระหว่างซุ้มโค้งด้วยผนังปูนรูปสามเหลี่ยมผนึกกันเป็นฐานที่แข็งแกร่งรองรับน้ำหนักของหลังคาโดม

 
ฮาเกียโซเฟียในยามเย็นกับแสงไฟประดับที่ส่องสว่างสวยงาม

 


           นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม The Hagia Sophia Museum and Church สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                       พิพิธภัณฑ์และโบสถ์ฮาเกีย โซเฟีย  เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

                       (The Hagia Sophia Museum and Church, Istanbul, Turkey)

                       ระดับความนิยม : 

                       อัตราค่าเข้าชม : เริ่มต้นที่ราคา 72 ลีราตุรกี

                       เวลาเปิด – ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00 น. – 17.00 น.

                       ตั้งอยู่ที่ : Hagia Sophia Museum, Sultan Ahmet, Ayasofya Meydanı, Fatih/İstanbul

                       โทรศัพท์ : (+90) 212 522 17 50 

                       เว็บไซต์ : https://ayasofyamuzesi.gov.tr/en

                       ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/

                                       เว็บไซต์การท่องเที่ยวเมืองอิสตันบูล https://visit.istanbul/

                                       เว็บไซต์การท่องเที่ยวประเทศตุรกี https://www.visitturkey.in/

                                       เว็บไซต์ขนส่งสาธารณะเมืองอิสตันบูล https://www.iett.istanbul/en

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

14 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเนฟเชียร์ ประเทศตุรกี

หากเอ่ยถึงการท่องเที่ยวประเทศตุรกี เชื่อว่าหนึ่งในภาพที่หลายๆ คนมักจะนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ คือภาพของบอลลูนลมร้อนหลากสีสันที่ลอยละล่องอยู่เต็มน่านฟ้า เหนือภูมิประเทศแปลกตาด้วยกลุ่มหินรูปทรงต่างๆ และสถานที่ที่ว่านี้ก็คือเนฟเชียร์ จังหวัดทางภาคกลางของตุรกีที่มีเมืองดังอย่างคัปปาโดเชียเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ในบทความนี้ Palanla ได้รวบรวมเอา 14 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเนฟเชียร์มาให้ออกเดินทางสำรวจไปพร้อมๆ กัน

อ่านต่อ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดอิซเมียร์ ประเทศตุรกี

อิซเมียร์ (Izmir) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศตุรกี และเป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากอิสตันบูล ซึ่งไม่เพียงแต่ความเป็นเมืองใหญ่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเท่านั้น ทว่าอิซเมียร์ยังรุ่มรวยไปด้วยภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง เชื่อว่า 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในอิซเมียร์ที่ Palanla ได้คัดสรรมาให้ได้ชมในบทความนี้จะทำให้คุณรู้จักอิซเมียร์มากขึ้นกว่าที่เคยอย่างแน่นอน

อ่านต่อ

7 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรกี

เดนิซลี (Denizli) จังหวัดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกีที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่งให้สำรวจ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมรดกโลกชื่อดังอย่างปามุคคาเล่ หรือเมืองโบราณเฮียราโพลิส และเมืองโบราณเลาดิเซียซึ่งเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในสมัยโรมันและไบแซนไทน์มาก่อน Palanla ได้รวบรวม 7 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเดนิซลีมาให้ได้ชมกัน

อ่านต่อ

10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไอร์แลนด์เหนือ

ประเทศไอร์แลนด์เหนือตั้งอยู่ในทวีปยุโรปและเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์เหนือมีชื่อเสียงทางด้านภูมิประเทศที่สวยงามและทิวทัศน์ทางธรรมชาติอันน่าหลงใหล อีกทั้งยังเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีพิพิธภัณฑ์และสถาปัตยกรรมต่างๆ ให้เที่ยวชมมากมายโดยมีสถานที่ท่องเที่ยวกระจายตัวอยู่ตามเมืองต่างๆ อย่างเช่นเมืองเบลฟาสต์ เมืองลอนดอนเดอร์รี่ และเมืองแถบชายฝั่งทะเล ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ก็อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ไททานิกเบลฟาสต์ที่จัดแสดงเรื่องราวของเรือไททานิกอันโด่งดัง และไจแอนท์คอสเวย์ที่ได้รับเลือกให้เป็นแหล่งมรดกโลกแห่งองค์การยูเนสโก นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยทาง Palanla ได้รวบรวมมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้

อ่านต่อ

สะพานเชือกคาร์ริก-อะ-รีด เขตอนุรักษ์แห่งชาติ ชายฝั่งคอสเวย์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ

สะพานเชือกคาร์ริก-อะ-รีด เขตอนุรักษ์แห่งชาติ (National Trust Carrick-a-Rede) เป็นสะพานเชือกความยาว 20 เมตรที่เชื่อมระหว่างพื้นที่ชายฝั่งกับเกาะหินคาร์ริก-อะ-รีดที่อยู่ตรงข้ามกัน ที่นี่เป็นจุดชมทิวทัศน์มหาสมุทรแอตแลนติกอันกว้างใหญ่พร้อมกับเส้นทางผจญภัยบนสะพานเชือกที่ทอดข้ามข้ามเหวลึก 30 เมตรไปสำรวจเกาะเบื้องหน้าซึ่งเป็นที่ตั้งของกระท่อมชาวประมงเก่าแก่ที่มีอายุราวสี่ร้อยกว่าปี ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในจุดชมวิวและจุดถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ

ปราสาทเบลฟาสต์ เมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ

ปราสาทเบลฟาสต์ (Belfast Castle) เป็นคฤหาสน์เก่าแก่หลังใหญ่ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบสกอตต์บารอนอย่างงดงาม ถือเป็นแลนด์มาร์กขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นบนเนินเขาเคฟฮิลล์ในเมืองเบลฟาสต์ นอกจากปราสาทเบลฟาสต์จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆ เช่น งานแต่งงานและการประชุมทางธุรกิจ นอกจากนี้ ด้วยพื้นที่เนินเขาที่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 120 เมตร จึงทำให้ที่นี่เป็นจุดชมวิวเมืองเบลฟาสต์จากมุมสูงอีกด้วย

อ่านต่อ

ตลาดเซนต์จอร์จ เมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ

ตลาดเซนต์จอร์จ (St George’s Market) เป็นตลาดในร่มสไตล์วิคตอเรียนแห่งสุดท้ายที่ยังเปิดทำการอยู่ในเมืองเบลฟาสต์ ตลาดแห่งนี้เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ช่วงสายถึงบ่ายสอง โดยมีแผงขายอาหาร สินค้าแฮนด์เมด และสินค้าหลากหลายประเภท ท่ามกลางดนตรีสดและบรรยากาศที่คึกคัก ตลาดแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองในทุกสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดเซนต์จอร์จยังได้รับรางวัลทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศทางด้านผลผลิตสดใหม่ในท้องถิ่นและบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังได้รับการเสนอชื่อให้เป็นตลาดในร่มขนาดใหญ่ที่ดีที่สุดของสหราชอาณาจักรประจำปี 2023 จาก NABMA Great British Market Awards อีกด้วย

อ่านต่อ

กำแพงเมืองเดอร์รี เมืองลอนดอนเดอร์รี่ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ

กำแพงเมืองเดอร์รี (The Derry Walls) เป็นอนุสรณ์สถานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเป็นกำแพงเมืองที่ยาวที่สุดและมีความสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบที่เหลืออีก 30 เมืองในไอร์แลนด์อีกด้วย กำแพงเมืองเดอร์รี่อยู่ใกล้กับแม่น้ำฟอยล์ มีประตูเมือง 7 ประตู ภายในกำแพงเมืองเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ปราสาท ศาลากลาง และโบสถ์ ไฮไลท์ของกำแพงเมืองแห่งนี้คือปืนใหญ่จำนวน 22 กระบอกที่เรียงรายไปตามป้อมปราการของกำแพงเมือง ปืนเหล่านี้เป็นปืนโบราณจากศตวรรษที่ 16, 17 และ 18 โดยมีปืนโรริงเมกอันโด่งดังตั้งอยู่ที่ป้อมปราการที่อยู่ใกล้ประตูบิชอป กำแพงเมืองเดอร์รี่จึงถือเป็นแหล่งมรดกที่มีความสำคัญระดับชาติและเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ควรแวะเที่ยวชม

อ่านต่อ

11 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ซูริค (Zurich) หนึ่งในเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของยุโรปที่นักเดินทางทั่วโลกใฝ่ฝัน เพราะนอกจากมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติอันงดงามบริสุทธิ์แล้ว ยังรุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม Palanla ได้รวบรวมเอา 11 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในซูริคมาฝากกัน

อ่านต่อ

อลาคาติ จังหวัดอิซเมียร์ ประเทศตุรกี

อลาคาติ (Alacati ) เมืองตากอากาศในบรรยากาศสไตล์กรีก โดดเด่นด้วยถนนแคบๆ กับบ้านหินแบบดั้งเดิมทาสีขาว ฟ้า ตกแต่งด้วยสีสันสดใส และกังหันลม ให้กลิ่นอายของซานโตรินี สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศกรีซ

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ