- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- ฮิปโปโดรม เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
ฮิปโปโดรม เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
- อ่าน (5,344)
- By Webmaster
- 18:13:55 | 8 ต.ค. 2562
ฮิปโปโดรม เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
Hippodrome, Istanbul, Turkey
ฮิปโปโดรม (Hippodrome) หรือ จัตุรัสสุลต่านอาห์เมต (Sultanahmet Square, Sultanahmet Meydanı) เป็นจัตุรัสกลางเมืองที่แต่เดิมนั้นใช้เป็นสถานที่แข่งม้าและจัดงานเฉลิมฉลองของกรุงคอนสแตนติโนเปิล ปัจจุบันยังคงเป็นสถานที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์โบราณ และเป็นจุดนัดพบยอดนิยมของอิสตันบูล
ประวัติ
คำว่า ฮิปโปโดรม (Hippodrome) มาจากคำในภาษากรีกโบราณ 2 คำ ได้แก่ คำว่า “Hippos” หมายถึง ม้า และคำว่า “Dromos” หมายถึง ทางหรือเส้นทาง ด้วยเหตุนี้บางครั้งที่นี่จึงถูกเรียกในภาษาตุรกีว่า “At Meydanı” ซึ่งหมายถึง “จัตุรัสม้า” นั่นเอง ในอดีต Hippodrome ใช้เป็นสถานที่แข่งม้าแบบดั้งเดิมของตุรกี โดยนักกีฬาในแต่ละทีมจะแข่งขันกันทำคะแนน จากการขว้างหอกไม้ทื่อไปยังฝ่ายตรงข้ามในขณะที่ขี่ม้าไปด้วย และที่นี่ยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองแห่งคอนสแตนติโนเปิล ปัจจุบันกลายเป็นสวนสาธารณะโล่งกว้างซึ่งรู้จักกันในชื่อ At Meydanı หรือ Sultanahmet Square
จัตุรัสแห่งนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนของอิสตันบูล และชมความเก่าแก่ของคอนสแตนติโนเปิลเก่าไปในขณะเดียวกัน Hippodrome สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 3 โดยสนามแข่งม้าในอดีตแห่งนี้เคยรองรับจำนวนผู้ชมบนอัฒจันทร์กว่า 100,000 ชีวิต นอกจากนี้ยังเคยเป็นสถานที่สำหรับจัดงานเฉลิมฉลองของราชวงศ์ และพิธีราชาภิเษกตามกฎของจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine) แม้ว่าในปัจจุบันพื้นที่ส่วนใหญ่ของ Hippodrome ได้เสื่อมสลายไปแล้ว ทว่าลู่วิ่งเดิมซึ่งได้รับการปูพื้นใหม่ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินไปตามลู่วิ่งนี้เพื่อสัมผัสและซึมซับบรรยากาศแห่งอดีตและชมทัศนียภาพรอบๆ ได้
สัญลักษณ์อันโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Hippodrome คือ เสาโอเบลิสก์แห่งธีโอโดเซียส (The Obelisk of Theodosius) หรือที่เรียกว่า Dikilitas ในภาษาตุรกี เสาโอเบลิสก์แห่งธีโอโดเซียสนี้นับเป็นอนุสาวรีย์ที่เก่าแก่ที่สุดของอิสตันบูล เสาทรงสี่เหลี่ยมยอดแหลมความสูง 20 เมตรนี้เป็นประติมากรรมหินแกรนิตน้ำหนักหลายร้อยตันสลักภาษาอียิปต์โบราณที่มีอายุกว่า 3,000 ปี ภาพที่สลักอยู่ด้านบนยอดเสาเป็นภาพฟาร์โรห์คุกเข่าถวายสักการะแด่สุริยเทพและเรื่องราวเกี่ยวกับการรบชนะสงคราม เสาโอเบลิสก์นี้ถูกสร้างขึ้นในอียีปต์โบราณก่อนจะถูกย้ายมาที่อิสตันบูล ตามคำสั่งของจักรพรรดิธีโอโดเซียสมหาราชเมื่อปลายศตวรรษที่ 4
ซึ่งนอกจากเสาโอเบลิสก์แห่งธีโอโดเซียสสูงๆ ต้นนี้แล้ว บริเวณใกล้เคียงกันยังมีเสาที่ทำจากสำริดต้นเล็กๆ ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่าเสาโอเบลิสก์แห่งธีโอโดเซียส คือ Tripod of Plataea หรือที่เรียกกันว่าเสางู (Serpent Column) ซึ่งเป็นเสาสำริดที่มีลักษณะเป็นงูสามตัวเกี่ยวกระหวัดกันอยู่ เดิมเสานี้สูง 8 เมตรแต่ภายหลังชำรุดเสียหายปัจจุบันความสูงจึงเหลือเพียง 5 เมตร สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงชัยชนะของกรีกในการรบกับเปอร์เซียในช่วง 480 ปีก่อนคริสตศักราช เสาสำริดต้นนี้ถูกนำมาจากเดลฟี (Delphi) ซึ่งเป็นเมืองที่เป็นทั้งสถานที่ทางโบราณคดีและเมืองในประเทศกรีซปัจจุบัน โดยเสานี้ถูกนำมาโดยจักรพรรดิคอนสแตนตินและได้นำมาไว้ในสถานที่แห่งนี้เมื่อครั้งที่ทำการขยายเมืองและได้บูรณะ Hippodrome
Hippodrome มีชื่อเสียงจากรูปปั้นทั้งเจ็ดที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ Porphyrius นักแข่งรถม้าในตำนานชาวโรมัน โดยฐานของรูปปั้นทั้งสองปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ Istanbul Archaeological Museum ที่อยู่ใกล้ๆ นอกจากนี้หนึ่งในหัวงูของ Tripod of Plataea ก็จัดแสดงอยู่ที่นั่นด้วย
เสา The Obelisk of Theodosius มีความสูง 20 เมตร ทำจากหินแกรนิตน้ำหนักหลายร้อยตัน และสลักภาษาอียิปต์โบราณที่มีอายุกว่า 3,000 ปี
ภาพแกะสลักองค์จักรพรรดิและเหล่าข้าราชบริพาร
Dikilitas คือชื่อเรียกเสา The Obelisk of Theodosius ในภาษาตุรกี
Serpent Column เป็นเสาสำริดที่มีลักษณะเป็นงูสามตัวเกี่ยวกระหวัดกันอยู่ เดิมเสานี้สูง 8 เมตรแต่ภายหลังชำรุดเสียหายปัจจุบันความสูงจึงเหลือเพียง 5 เมตร
Yılanlı Sutun คือชื่อเรียกเสา Serpent Column
การเดินทางจากสนามบิน Istanbul Airport สู่ตัวเมืองบริเวณสถานี Taksim
เนื่องจากปัจจุบันสถานีรถไฟเชื่อมต่อสถานีสนามบิน Istanbul Airport อยู่ในระหว่างกำลังก่อสร้าง จะแล้วเสร็จและเปิดใช้งานในปี 2020 ดังนั้น จากสนามบินนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าเมืองได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้
- รถชัตเทิลบัส (Havaist Airport Shuttle) การเดินทางเข้าเมืองโดยรถชัตเทิลบัสเป็นวิธีที่สะดวกในราคาที่ประหยัด จากสนามบิน Istanbul Airport นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าเมืองไปยัง Taksim โดยใช้บริการ Havaist สาย IST 19 ที่ให้บริการระหว่างสนามบินอิสตันบูล (Istanbul Airport) – เบซิคทา (Besiktas) – ทักซิม (Taksim) ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.5 ชม.
นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถได้ที่บริเวณหน้าทางออกผู้โดยสารขาเข้า ซึ่งรถจะจอดส่งผู้โดยสารที่ Zincirlikuyu และ 4. Levent Metro ให้นักท่องเที่ยวลงที่ป้ายสุดท้ายหน้าโรงแรม Point ใกล้กับจัตุรัสทักซิม ซึ่งจากบริเวณนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเดินไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน Taksim Station เพื่อเดินทางต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ หรือที่พักได้อย่างสะดวก ค่าโดยสาร Havabus อยู่ที่ประมาณ 18 ลีราตุรกีหรือประมาณ 95 บาท ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://hava.ist/en/
- รถโดยสารประจำทาง (IETT Public Bus) แม้จากสนามบิน Istanbul Airport จะมีบริการรถโดยสารสาธารณะประจำทางโดย IETT ระหว่างสนามบินกับตัวเมืองและราคาอาจถูกกว่าการเดินทางประเภทอื่นๆ แต่เป็นการเดินทางที่ไม่แนะนำโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มีสัมภาระใบใหญ่ ซึ่งนอกจากจะใช้เวลาเดินทางนานและต้องเปลี่ยนรถหลายสายแล้ว คนใช้บริการก็ค่อนข้างหนาแน่นโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน
- แท็กซี่ (Taxi) แท็กซี่จากสนามบิน Istanbul Airport ไปยัง Taksim ค่าโดยสารจะอยู่ที่ประมาณ 140 ลีราตุรกี หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 745 บาท แม้ว่าการเดินทางเข้าเมืองโดยรถแท็กซี่จะเป็นวิธีที่ราคาค่อนข้างสูงกว่าวิธีอื่นๆ แต่ก็เป็นวิธีที่รวดเร็วและสะดวกที่สุดเช่นกันโดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีสัมภาระ ทั้งนี้ หากเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้วถือว่าแท็กซี่ที่ประเทศตุรกีนั้นมียังราคาที่ถูกอยู่ นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบค่าบริการแท็กซี่จากสนามบินอิสตันบูลไปยังจุดอื่นๆ ในตัวเมืองได้ที่ https://isturkeysafe.com/New-Istanbul-Airport-Taxi-Fare-Calculator
- บริษัทรถเช่า (Rental Car) สำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวโดยการเช่ารถขับเองอยู่แล้ว ก็มีให้บริการรถเช่าให้เลือกหลายบริษัท อาทิ Avis, Budget, Enterprise, Europcar, Hertz และ Sixt ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่ชั้นผู้โดยสารขาเข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.rentalcars.com/en/airport/tr/IST/
แผนที่ขนส่งสาธารณะในอิสตันบูล ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีเส้นทางเชื่อมต่อถึงสนามบิน Istanbul Airport จะแล้วเสร็จและเปิดใช้งานในปี 2020 ดังนั้น หากต้องการใช้บริการรถไฟไปยังสถานที่ต่างๆ นักท่องเที่ยวจึงต้องเดินทางออกจากสนามบินโดยวิธีต่างๆ ข้างต้นก่อนแล้วค่อยมาต่อรถไฟในตัวเมือง ขอบคุณภาพจาก https://www.tooistanbul.com/en/public-transportation-istanbul/
การเดินทางไป Hippodrome
จากสถานี Taksim นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยัง Hippodrome ได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้
- รถไฟใต้ดิน (Metro) ขึ้นรถไฟสายสีเขียว M2 (Yenikapı) ไปลงที่สถานี Vezneciler แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถราง (Tram) สายสีน้ำเงิน T1 จากสถานี Laleli – Üniversite ไปลงที่สถานี Sultanahmet แล้วเดินต่ออีก 350 เมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรวมประมาณ 20 นาที
- รถราง (Funicular) ขึ้นรถราง Funicular สายสีเทา F1 (Kabatas) ไปลงที่สถานี Kabatas Station แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถราง (Tram) สายสีน้ำเงิน T1 ที่สถานี Kabatas Tramvay istasyonu นั่งไปลงที่สถานี Sultanahmet แล้วเดินต่ออีก 350 เมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรวมประมาณ 30 นาที
- รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากสถานี Taksim ไปยัง Hippodrome โดยใช้เส้น Meclis-i Mebusan Cd. มีระยะทาง 5.3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
อัตราค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม
ภาพที่สลักอยู่ด้านบนยอดเสา The Obelisk of Theodosius เป็นภาพฟาร์โรห์คุกเข่าถวายสักการะแด่สุริยเทพ และเรื่องราวเกี่ยวกับการรบชนะสงคราม
บรรยากาศรอบๆ Hippodrome และนักท่องเที่ยวที่มาชม
เสาสูงคือ The Obelisk of Theodosius และเสาเกลียวต้นสั้นๆสีเขียว คือ Serpent Column ถัดจาก เสา The Obelisk of Theodosius และ Serpent Column เสาสูงอีกต้นที่ตั้งอยู่ด้านใต้สุดของ Hippodrome คือเสาโอเบลิสก์วอลล์ (Walled Obelisk) เป็นอนุสาวรีย์เสาหินความสูง 32 เมตร สร้างขึ้นเพื่อประกาศถึงชัยชนะของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ บาซิลที่ 1 (Basil I)
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว Hippodrome
Hippodrome ตั้งอยู่ใจกลางย่านประวัติศาสตร์ของเขตเมืองเก่าในอิสตันบูล และอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ เช่น Hagia Sophia และ Sultan Ahmed Mosque ปัจจุบัน Hippodrome กลายเป็นสวนสาธารณะ นักท่องเที่ยวจึงไม่ควรพลาดที่จะหาเวลามานั่งพักผ่อน ชมวิถีชีวิตของผู้คน และกิจกรรมยามว่างต่างๆ บนพื้นที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นกรุงเก่าคอนสแตนติโนเปิลในอดีตแห่งนี้
ไม่ไกลกันคือ Sultan Ahmed Mosque
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยว Hippodrome ได้ตลอดทั้งปี
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
ทางทิศเหนือของจัตุรัสจะเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปที่มีความทันสมัยเมื่อเทียบกับสถาปัตยกรรมอื่นๆ ในบริเวณนี้ โดยศาลาน้ำพุเล็กๆ หลังนี้มีชื่อว่า Almam Cesmesi หรือ German Fountain สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1900 เป็นของกำนัลจากประเทศเยอรมนีที่มอบให้แก่ประเทศตุรกี
ป้ายให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Almam Cesmesi หรือ German Fountain
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม Hippodrome สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
ฮิปโปโดรม เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
(Hippodrome, Istanbul, Turkey)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิด – ปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ตั้งอยู่ที่ : Binbirdirek, Sultan Ahmet Parkı No:2, 34122 Fatih, Istanbul, Turkey
โทรศัพท์ : -
เว็บไซต์ : -
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวเมืองอิสตันบูล https://visit.istanbul/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวประเทศตุรกี https://www.visitturkey.in/
เว็บไซต์ขนส่งสาธารณะเมืองอิสตันบูล https://www.iett.istanbul/en
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
หมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อหมู่บ้านไรเนอร์ หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านไรเนอร์ (Reine) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ในหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) ทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ ที่ซ่อนความงดงามและเสน่ห์อันไม่เหมือนใคร จนได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในหมู่เกาะโลโฟเทน และสวยที่สุดในประเทศนอร์เวย์
อ่านต่อล่องเรือชมฟยอร์ดไกแรงเกอร์ เมืองโอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด (Geirangerfjord) หนึ่งในฟยอร์ดที่สวยที่สุดในโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ของหน้าผาสูงชัน น้ำตกที่ตกลงมาจากหน้าผา และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมฟยอร์ด ทำให้ไกแรงเกอร์ฟยอร์ดเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงามของธรรมชาติอันบริสุทธิ์แห่งนอร์เวย์
อ่านต่อ