น้ำตกกุลล์ฟอสส์ ประเทศไอซ์แลนด์

  • อ่าน (3,322)
  • By Webmaster
  • 17:44:13 | 9 ส.ค. 2561

น้ำตกกุลล์ฟอสส์ ประเทศไอซ์แลนด์

Gullfoss, Iceland

 

ประวัติ

             น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง ได้รับสมญานามว่าเป็นน้ำตกไนแองการ่าแห่งไอซ์แลนด์ กุลล์ฟอสส์ ในภาษาไอซ์แลนด์หมายถึง น้ำตกทองคำ น้ำตกแห่งนี้ไหลมาจากธารน้ำแข็งของแม่น้ำควิทอา (Hvítá) หรือที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "White River" ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ที่ Langjökull ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศไอซ์แลนด์

           แม่น้ำ Hvítá ไหลลงมาเป็นน้ำตกที่ความสูงราว 32 เมตร (105 ฟุต) โดยแบ่งเป็นสองช่วงชั้น ช่วงหนึ่งความสูง 35 ฟุต อีกช่วงสูง 70 ฟุต ก่อนจะตกลงสู่หุบเขาธารน้ำแข็งลึกเบื้องล่าง จนเกิดกลุ่มละอองน้ำสีขาวคล้ายกลุ่มควันพุ่งขึ้นมาจากหุบเขาลึก อัตราการไหลโดยเฉลี่ยคือ 4944 ลูกบาทก์ฟุต / วินาที หุบเขาซึ่งยาวประมาณ 1.5 ไมล์ที่ Gullfoss แห่งนี้ เกิดจาก glacial floods ครั้งรุนแรงในช่วงปลายยุคน้ำแข็ง นับเป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติระดับโลกที่ตั้งอยู่ที่ประเทศดินแดนน้ำแข็งแห่งนี้ จุดเด่นคือการไหลของน้ำตกเป็นรูปทรงกรวยสามเหลี่ยมแปลกตา และเป็นการไหลลงให้เห็นเป็นสองช่วง งดงามตระการตา

           การเที่ยวชมน้ำตกกุลล์ฟอสส์นั้นมีทางเดินจำนวนมากที่จะนำนักท่องเที่ยวไปสู่จุดต่างๆ ที่ให้ทัศนียภาพที่แตกต่างกัน ที่นี่มีบันไดให้เดินขึ้นไปชมน้ำตกหลายช่วง หากมีเวลาแนะนำให้เดินให้ครบทุกช่วง เพราะสวยงามและอลังการมาก ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเอง และเพื่อปกป้องระบบนิเวศที่เปราะบางของภูมิประเทศที่นี่ นักท่องเที่ยวต้องเดินอยู่ในเส้นทางที่กำหนดไว้ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับน้ำตกจากด้านบน หรือเดินไปตามเส้นทางที่ต่ำกว่าเพื่อให้มองเห็นได้ใกล้ชิด หากใครต้องการเก็บภาพภาพสวยๆ ของน้ำตกที่แสนอลังการแห่งนี้ ด้านบนจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่กว้างไกลและงดงามได้มากกว่า

 

การเดินทางจากกรุงเทพไปเมืองเรคยาวิก

           เนื่องจากการเดินทางจากประเทศไทยไปประเทศไอซ์แลนด์ยังไม่มีสายการบินที่ให้บริการเที่ยวบินตรง ฉะนั้น นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์จะต้องบินไปลงยังเมืองใดเมืองหนึ่งของยุโรปก่อนเพื่อต่อไฟลท์ไปยังประเทศไอซ์แลนด์อีกครั้ง เรคยาวิก (Reykjavik) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ มีสนามบิน 2 แห่งตั้งอยู่คนละที่ คือ Keflavik International Airport (KEF) ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติ และ Reykjavik Domestic Airport (RKV) ซึ่งเป็นสนามบินภายในประเทศ

             จากเมืองต่างๆ ของยุโรปเครื่องจะบินไปลงที่สนามบินนานาชาติ Keflavik International Airport (KEF) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเรคยาวิกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 50 กิโลเมตร เว้นเสียแต่ว่านักท่องเที่ยวเดินทางมาจากหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) และ เกาะกรีนแลนด์ (Greenland) ซึ่งจะมีเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ให้บริการไปลง Reykjavik Airport (RKV) สนามบินภายในประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเรคยาวิกไปทางทิศใต้ประมาณ 3 กิโลเมตร

การเดินทางจากสนามบินเรคยาวิกสู่ตัวเมือง

              การเดินทางจากสนามบินนานาชาติ Keflavik International Airport (KEF) ไปยังตัวเมืองเรคยาวิกจะใช้เวลาประมาณ 40 – 45 นาที นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการ เช่ารถยนต์ ได้จากหลากหลายบริษัท โดยสามารถศึกษาข้อมูลและจองได้ล่วงหน้าก่อนเดินทาง อาทิ บริการของบริษัทต่างๆ บนเว็บไซต์ www.motorhomerepublic.com และ www.rentalcars.com ทั้งนี้ หากนักท่องเที่ยวไม่ได้เช่ารถยนต์ขับจากสนามบินเลยก็สามารถใช้บริการ รถโดยสารสาธารณะ ชื่อ Flybus Airport Transfers เพื่อไปลงที่ BSI Bus Terminal หรือจุดจอดต่างๆ ในตัวเมืองเรคยาวิก  โดยรถจะมีให้บริการทุกๆ 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 2.950 ISK ต่อคน โดยนักท่องเที่ยวสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ที่ https://www.re.is/flybus เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีที่นั่งแน่นอนในวันเดินทาง

              การเดินทางจากสนามบินภายในประเทศ Reykjavik Domestic Airport (RKV) ไปยังตัวเมืองเรคยาวิกจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองได้โดย ใช้บริการ รถแท็กซี่ หรือ ใช้บริการ รถโดยสารประจำทาง Straeto สาย 15 ของ Reykjavik Excursions เพื่อไปลงที่ BSI Bus Terminal หรือจุดจอดต่างๆ ในตัวเมืองเรคยาวิก โดยนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบเวลาและเส้นทางการเดินรถรอบๆ เมืองเรคยาวิกได้ที่ https://www.straeto.is/en/timatoflur

การเดินทางจากเมืองเรคยาวิกไปยังน้ำตกกุลลฟอสส์

           นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์แบบ Road Trip โดยการใช้เส้นทาง Ring Road หรือ Highway No. 1 ซึ่งเป็นเส้นทางวงแหวนวิ่งรอบประเทศไอซ์แลนด์ จุดเริ่มต้นของการเดินทางบน Ring Road คือ เมืองเรคยาวิก (Reykjavik) เมืองหลวงของประเทศ ซึ่งมีสนามบินนานาชาติที่สายการบินจากประเทศต่างๆ บินไปลงที่นี่ การใช้เส้นทาง Ring Road นั้นเป็นการขับรถแบบวงกลม โดยปลายทางจะวนกลับมายังเมืองเรคยาวิก ระหว่างทางจะมีจุดน่าสนใจต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้แวะชมภูมิประเทศอันงดงามและน่าอัศจรรย์ของไอซ์แลนด์เป็นระยะ การขับรถเที่ยวบน Ring Road จนครบนั้นจะใช้ระยะเวลาประมาณ 10 - 14 วัน หรือมากกว่า

             จากเมืองเรคยาวิกไปยังน้ำตกกุลลฟอสส์ ใช้เส้นทาง Vesturlandsvegur/ถนนหมายเลข 49 ระยะเวลา 3 นาที (1.3 กม.) จากนั้นตาม Þjóðvegur 1, Biskupstungnabraut และ ถนนหมายเลข 35 ไปทาง Gullfoss Parking มุ่งไป Suðurland ระยะเวลา 1 ชม. 31 นาที (116 กม.) จากนั้นขับไปทาง Gullfoss Parking


เส้นทางสายวงแหวนที่ถูกปกคลุมหิมะขาวโพลน สุดลูกหูลูกตา


วิวข้างทาง บ้านไม้หลังเล็กๆ กับฉากหลังที่เป็นภูเขา

เวลาที่หมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

           นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวน้ำตกกุลล์ฟอสส์ได้ตลอดทั้งปี ทั้งนี้ ในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนกรกฎาคม – สิงหาคมจะเป็นฤดูท่องเที่ยว ทัวร์ส่วนใหญ่จะไปถึงช่วงกลางวัน ดังนั้น เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการไปเที่ยวที่นี่คือช่วงเช้า และเย็นๆ ที่นักท่องเที่ยวจะได้ใช้เวลาดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพที่สวยงามแบบสบายๆ และนักท่องเที่ยวยังไม่แออัดจนเกินไป


น้ำตกกุลฟอสส์ในฤดูหนาว


นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมน้ำตกแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย


ความยิ่งใหญ่อลังการและปริมาณน้ำที่มหาศาล


น้ำตกกุลฟอสส์ที่ไหลลงมาตามหน้าผาชั้นหิน


ไม่ว่าฤดูกาลใดนักท่องเที่ยวก็เดินทางมาเที่ยวชมน้ำตกแห่งนี้อยู่ไม่ขาด

เวลาทำการเปิด – ปิด

           นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวยังน้ำตกกุลล์ฟอสส์ได้ตลอดเวลา


เจ้าของฉายาไนแองการ่าแห่งไอซ์แลนด์

อัตราค่าเข้าชม

            ไม่เสียค่าเข้าชม


รอยแยกที่เป็นทางเดินของน้ำกว้างประมาณ 20 เมตร ลึก 32 เมตร


บรรยากาศบริเวณคาเฟ่และร้านค้า

สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวน้ำตกกุลล์ฟอสส์

           สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเพิ่มการผจญภัยเป็นพิเศษ บริเวณจุดจอดรถของกุลลฟอสส์คือจุดรับส่งนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปทัวร์ขับรถ snowmobile บนธารน้ำแข็ง Langjökull และทัวร์ถ้ำน้ำแข็งรวมไว้ด้วยกันในช่วงฤดูหนาว ส่วนทัวร์ล่องแก่งจะเริ่มจากฐานล่องแก่ง Drumbó สูงขึ้นบนแม่น้ำ Hvítá นับเป็นทางเลือกที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นพื้นที่ Gullfoss ที่กว้างไกลขึ้น

             Bruarfoss เป็นน้ำตกที่อยู่ไม่ไกลจากกันน้ำตกกุลล์ฟอสส์มากนัก เป็นน้ำตกเล็กๆ แต่มีความสวยงาม สายน้ำตกเป็นสีฟ้า (จากกำมะถัน) จากบริเวณที่จอดรถไปต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 30 - 50 นาที ทั้งนี้ ต้องระวังหลงเพราะจุดที่ GoogleMap บอก กับจุดที่ต้องจอดจริงๆ นั้นห่างกันเล็กน้อย


น้ำตกสีฟ้าใส ท่ามกลางบริเวณรอบๆ จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ

ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้

           น้ำตกกุลล์ฟอสส์เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ มีร้านอาหาร และห้องน้ำให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอยู่ด้วย

             วีซ่า ในประเทศไทยยังไม่มีสถานทูตไอซ์แลนด์ ฉะนั้น ผู้ที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวประเทศ ไอซ์แลนด์จึงต้องไปขอที่สถานทูตเดนมาร์ก

             สกุลเงิน สกุลเงินของไอซ์แลนด์ คือ เงินโครน (Icelandic Krona) แต่นักท่องเที่ยวสามารถใช้เงินยูโยได้ ทั้งนี้ การชำระราคาสินค้าและบริการต่างๆ ด้วยเงินโครน หรือบัตรเครดิตจะสะดวกกว่า

             ภาษา อักษรภาษาไอซ์แลนดิกจะแตกต่างจากภาษาอังกฤษ คือ Á (ออ), Ð ð (dh หรือ ด, ท), É (เย), Í (อี), Ó (อุ), Ú (อู), Ý (อี), Þ þ (th หรือ ธ), Æ (เอ) และ Ö (เออ) และในภาษาภาษาไอซ์แลนดิกจะไม่มีอักษร C, Q, W และ Z ยกเว้นเวลาสะกดคำทับศัพท์ภาษาต่างประเทศเช่นคำว่า pizza

             สภาพอากาศ สภาพอากาศของไอซ์แลนด์แปรปรวนค่อนข้างบ่อยและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นักท่องเที่ยวจึงควรตระเตรียมความพร้อมของเครื่องแต่งกายเมื่อเดินทาง

             การเดินทาง การเดินทางท่องเที่ยวรอบๆ ประเทศไอซ์แลนด์นั้นไม่เหมาะกับการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ การเช่ารถขับเอง โดยนักท่องเที่ยวต้องเช่ารถจากสนามบิน

 

             การขับรถในประเทศเทศไอซ์แลนด์ หากเป็นฤดูหนาวต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นเนื่องจากถนนจะลื่น เป็นน้ำแข็ง การจำกัดความเร็วการขับรถในประเทศไอซ์แลนด์นั้น ความเร็วทั่วไปในพื้นที่เขตเมืองจำกัดที่ 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง, พื้นที่นอกเมือง (ถนนไม่ได้ลาดยาง) จำกัดที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง, พื้นที่นอกเมือง (ถนนลาดยาง) จำกัดที่ 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง และการขับรถในประเทศไอซ์แลนด์ นอกจากห้ามโทรศัพท์และต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาแล้ว กฎหมายยังบังคับว่าต้องเปิดไฟหน้ารถตลอดเวลา ไม่ว่าจะเช้าหรือกลางคืน 


ล้อรถมีลักษณะเหมือนหัวตะปูติดอยู่ เพื่อให้ล้อยึดกับถนนในฤดูหนาวที่มีหิมะและถนนลื่น

           พฤติกรรมอย่างหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือการหยุดรถกลางถนน เพราะต้องการถ่ายรูปวิว รูปม้า หรือ แกะ ซึ่งการกระทำเช่นนี้สามารถเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ฉะนั้น เมื่อต้องการจอดรถระหว่างทางนักท่องเที่ยวจึงควรเลือกจุดจอดอย่างระมัดระวังและคำนึงถึงเพื่อนร่วมท้องถนนคนอื่นๆ ด้วย

           เมื่อขับรถเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์นอกฤดูกาล นักท่องเที่ยวจะต้องเผื่อใจสำหรับความล่าช้าในการเดินทาง เนื่องจากถนนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและลื่น สำคัญมากที่นักท่องเที่ยวจะต้องทราบและคอยเช็กและอัพเดทสภาพอากาศของไอซ์แลนด์อยู่ตลอด  โดยเฉพาะนอกฤดูกาลที่สภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนมาก และสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว หากหิมะตกในขณะขับรถท่องเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์ นักท่องเที่ยวควรแจ้งให้ทางโรงแรมที่พักทราบว่ากำลังจะเดินทางไปที่ไหน ใช้ถนนเส้นไหน และคาดว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางต่อไปเมื่อไร  เพราะหากเกิดปัญหาฉุกเฉินขึ้น อย่างน้อยๆ ทางโรงแรมก็สามารถที่จะประสานงานให้ความช่วยเหลือได้

             เครื่องหมายจราจรในประเทศไอซ์แลนด์ โดยทั่วไปเป็นตามแบบมาตรฐานสากล แต่อาจมีสัญลักษณ์บางอย่างที่นักท่องเที่ยวไม่คุ้นเคย เช่น Single - lane Bridge หรือสะพานเลนเดียว ที่นักท่องเที่ยวสามารถพบได้บ่อยๆ เมื่อพบสัญลักษณ์นี้ ผู้ขับจะต้องชะลอรถให้อีกฝ่ายที่มาถึงก่อนเป็นฝ่ายไปก่อน เนื่องจากรถจะไม่สามารถแล่นสวนกันได้ ฉะนั้นนักท่องเที่ยวจึงต้องใช้ความระมัดระวัง และมีน้ำใจแก่เพื่อนร่วมถนน และเนื่องจากถนนในไอซ์แลนด์นั้นไม่ได้กว้างและไม่มีไหล่ถนนเหมือนถนนตามต่างประเทศ ฉะนั้น  นักท่องเที่ยวต้องมั่นใจว่าเวลาจอดรถไม่ได้จอดกินเลนถนนมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้


Single - lane Bridge หรือสะพานเลนเดียว

           ถนนอีกประเภทหนึ่งที่ค่อนข้างพบได้บ่อยในไอซ์แลนด์ แต่อาจจะไม่ค่อยพบในต่างประเทศคือ ถนนที่เรียกว่า Blindhaed หรือ Blind Rise ที่ค่อนข้างพบได้เป็นปกติบนถนนสายที่เล็กกว่าถนนสายวงแหวน จะมีลักษณะคือเป็นเนินแหลมชนกัน นั่นหมายความว่านักท่องเที่ยวจะไม่สามารถมองเห็นรถที่กำลังวิ่งขึ้นเนินสวนมาจากอีกฝั่ง ผู้ขับจึงจำเป็นที่จะต้องลดความเร็วลง และขับรถด้วยความระมัดระวัง

 

            นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม น้ำตกกุลล์ฟอสส์ สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                        น้ำตกกุลล์ฟอสส์ ประเทศไอซ์แลนด์

                        (Gullfoss, Iceland)

                        ระดับความนิยม               

                        อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม

                        เวลาเปิด-ปิด : นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวที่น้ำตกกุลล์ฟอสส์ได้ตลอดเวลา

                        ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อน

                        สถานที่ตั้ง : ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ และอยู่ห่างจากเมืองเรคยาวิกประมาณ 118 กม.

                        โทรศัพท์ : (+354)4866500

                        เว็บไซต์ : http://gullfoss.is/

                        ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com    

                                        ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการขับรถเที่ยว https://safetravel.is/

                                        แท็กซี่เมืองเรคยาวิก http://www.taxireykjavik.is/

                                        ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์ https://www.iceland.is

                                        ศูนย์บริการยื่นขอวีซ่าประเทศไอซ์แลนด์ http://vfsglobal-denmark.com

                                        สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย http://thailand.um.dk

                                        เบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน 112

                                        เบอร์โทรศัพท์สำหรับช่วยเหลือทางการแพทย์ 1770

                                        เบอร์โทรศัพท์ตำรวจ 444 – 1000

 

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

15 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

กรุงลอนดอน (London) เป็นเมืองหลวงของประเทศอังกฤษ และสหราชอาณาจักร และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป นอกจากมหานครแห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ลอนดอนยังเต็มไปด้วยสีสันแห่งแฟชั่น และศิลปะ ทำให้ที่นี่เป็นเมืองที่มีอิทธิพลไปทั่วโลก และเป็นที่เข้าใจกันว่าปัจจุบันลอนดอนกลายเป็นเมืองสากลหลักของโลก วันนี้ Palanla จะพาไปชม 15 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในลอนดอน ประเทศอังกฤษที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

อ่านต่อ

หอนาฬิกาบิ๊กเบน กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)

หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในลอนดอนที่มีชื่อเสียงก้องโลก และเป็นสมบัติล้ำค่าของประเทศอังกฤษมานานกว่า 160 ปี โดยแต่เดิมนั้นคำว่าบิ๊กเบนเป็นชื่อของระฆังใบที่ใหญ่ที่สุดในหอนาฬิกา เรียกอีกอย่างว่า “มหาระฆัง” หรือ “เดอะเกรทเบลล์” มีน้ำหนักถึง 13 ตัน

อ่านต่อ

ทัวร์รถบัสฮอฟออน ฮอฟออฟ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)

ทัวร์รถบัสฮอฟออน ฮอฟออฟ (Hop-On Hop-Off) ในลอนดอน เป็นวิธีท่องเที่ยวที่จะเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม และชมแลนด์มาร์กสำคัญต่างๆ ของกรุงลอนดอนได้อย่างเรียกว่าน่าจะครบถ้วนมากที่สุดรูปแบบหนึ่งจากบนรถบัสเปิดประทุน พร้อมหูฟังที่สามารถเลือกเสียงบรรยายได้ถึง 5 ภาษา โดยสามารถขึ้นและลงรถบัสนี้ ณ จุดจอดใดก็ได้ที่กำหนดไว้ กี่ครั้งก็ได้ตามที่ต้องการ

อ่านต่อ

ถนนออกซ์ฟอร์ด กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)

ถนนออกซ์ฟอร์ด (Oxford Street ) หนึ่งในถนนช้อปปิ้งที่คึกคักมากที่สุดของลอนดอน มีร้านขายสินค้าแบรนด์เนมขนาดใหญ่หลายแห่ง และยังมีร้านค้าขนาดใหญ่มากมายบนถนนสายนี้มากกว่า 300 ร้านค้า

อ่านต่อ

จัตุรัสรัฐสภา กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)

จัตุรัสรัฐสภา (Parliament Square) เป็นจัตุรัสที่มีสนามหญ้าขนาดใหญ่ อาคารโดยรอบสวยงาม และมีรูปปั้นของบุคคลสำคัญของอังกฤษอยู่ทั่วจัตุรัส

อ่านต่อ

โซโห กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)

มีคำกล่าวที่ว่า “หากมาลอนดอนเเล้วไม่ได้มาช้อปปิ้งที่ Soho ถือว่ายังเที่ยวไม่ครบ” เพราะย่านนี้รวมไว้ด้วยแหล่งช้อบปิ้งชั้นนำ และยังโดดเด่นด้วยร้านบูติกที่เรียกได้ว่าน่าสนใจที่สุดในลอนดอน

อ่านต่อ

เกล็นฟินแนน เวียดัคท์ เขตอินเวอร์เนส-ไชร์ ประเทศสกอตแลนด์

เกล็นฟินแนน เวียดัคท์ (Glenfinnan Viaduct) เป็นสะพานรถไฟคอนกรีตที่ยาวที่สุดของประเทศสกอตแลนด์ เส้นทางรถไฟนี้วิ่งระหว่างเมืองกลาสโกว์กับเมืองมัลเลก บรรยากาศสองข้างมีความสวยงามเป็นอย่างมากจากทิวทัศน์ของหุบเขา โดยเฉพาะบริเวณสะพานรถไฟที่ผ่านหมู่บ้านเกล็นฟินแนนที่จะมองเห็นทั้งหุบเขาและทะเลสาบน้ำจืดล็อกชิเอลอันกว้างใหญ่ สะพานรถไฟเกล็นฟินแนน เวียดัคท์ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยโด่งดังมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์ที่ใช้เป็นฉากเส้นทางรถไฟไปฮอกวอตส์ ไฮไลท์การท่องเที่ยวที่นี่จะอยู่ในช่วงฤดูร้อนที่จะมีรถไฟจักรไอน้ำให้บริการตลอดเส้นทาง ซึ่งนอกจากจะได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงามแล้วยังได้บรรยากาศคลาสสิกของรถไฟอีกด้วย

อ่านต่อ

ปราสาทสเตอร์ลิง เมืองสเตอร์ลิง ประเทศสกอตแลนด์

ปราสาทสเตอร์ลิง (Stirling Castle) เป็นหนึ่งในปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในสกอตแลนด์ และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และทางสถาปัตยกรรมมากที่สุดอีกด้วย ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมยุคเรอเนซองส์กับสถาปัตยกรรมโกธิกตอนปลาย ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในอาคารที่มีสถาปัตยกรรมน่าประทับใจที่สุดในสกอตแลนด์ และควรค่าแก่การเที่ยวชมเป็นอย่างมาก โดยไฮไลท์ของการเที่ยวชมปราสาทแห่งนี้คือการเดินชมบริเวณโดยรอบอาคารต่างๆ บริเวณห้องโถงใหญ่ ชมพรมทอมือเจ็ดผืนบนผนังห้องโถงชั้นใน สำรวจห้องใต้ดินของพระราชวัง และสวนควีนแอนน์ นอกจากนี้ยังมีส่วนของนิทรรศการปราสาท แกลเลอรี และพิพิธภัณฑ์การทหารให้เที่ยวชมอีกด้วย

อ่านต่อ

7 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์

เมืองกลาสโกว์เป็นเมืองท่าริมแม่น้ำไคลด์ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของสกอตแลนด์ เมืองกลาสโกว์มีชื่อเสียงทางด้านสถาปัตยกรรมแบบวิกตอเรียนและศิลปะสไตล์อาร์ตนูโว ซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากความรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 18-20 ของเมืองอันเนื่องมาจากการค้าและการต่อเรือ ปัจจุบันเมืองกลาสโกว์เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมแห่งชาติ และเป็นที่ตั้งของสถาบันสำคัญต่างๆ และสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่น่าเที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวม 7 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองกลาสโกว์มาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

สุสานกลาสโกว์ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์

สุสานกลาสโกว์ (Glasgow Necropolis) เป็นสุสานสไตล์วิกตอเรียนที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ทางทิศตะวันออกของมหาวิหารกลาสโกว์ สุสานแห่งนี้เป็นที่ฝังศพของคนราวห้าหมื่นคน โดยมีทั้งสุสานธรรมดาไปจนถึงสุสานที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบอนุสรณ์ เช่น อนุสาวรีย์จอห์น เฮนรี อเล็กซานเดอร์ และอนุสาวรีย์ชาร์ลส์ เทนแนนต์ สุสานแห่งนี้เป็นหนึ่งในสุสานไม่กี่แห่งที่เก็บบันทึกข้อมูลผู้เสียชีวิต เช่น อาชีพ อายุ เพศ และสาเหตุการเสียชีวิต ปัจจุบันสุสานกลาสโกว์เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองกลาสโกว์ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากไปเยือนในแต่ละปี เพราะเป็นสุสานเก่าที่มีสถาปัตยกรรมในรูปแบบอนุสรณ์สถานให้เที่ยวชมมากมายซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสุสานแห่งนี้นั่นเอง

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ