เรย์นิสฟายาร่า เมืองวิค ประเทศไอซ์แลนด์

  • อ่าน (5,951)
  • By Webmaster
  • 15:56:55 | 9 ส.ค. 2561

เรย์นิสฟายาร่า เมืองวิค ประเทศไอซ์แลนด์

Reynisfjara, Vik, Iceland



ประวัติ

             เรย์นิสฟายาร่า (Reynisfjara) หรือ Black Beach เรย์นิสฟายาร่า คือชื่อของหาดทรายดำที่มีชื่อเสียงที่สุดของไอซ์แลนด์ และเป็นหนึ่งในหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมือง Vik เมืองท่าขนาดไม่ใหญ่แต่เป็นเมืองที่มีความเจริญเกือบจะที่สุดทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ทรายสีดำที่ชายหาดแห่งนี้เป็นตะกอนเม็ดทรายสีดำที่เกิดจากการสึกกร่อนของหินลาวา และแนวหินบะซอลต์ ที่ถูกพัดพาไปสะสมตัวบริเวณชายหาด โดยเม็ดทรายนี้มีความหนาแน่นและทนทานต่อการแตกสลายผุพัง บริเวณนี้เป็นบริเวณที่คลื่นพัดแรง จะพัดเอาวัตถุที่มีความหนาแน่นน้อยกว่าออกไป วัตถุที่มีความหนาแน่นมากกว่าจะถูกพัดพาออกไปได้ช้าหรือยังคงสะสมรวมตัวกันอยู่ จนกลายเป็นชายหาดที่มีทรายสีดำ 


Reynisfjara หรือ Black Beach หาดทรายดำอันมีชื่อเสียง


ชายหาดสีดำทอดยาว


ตะกอนเม็ดทรายและกรวดสีดำที่เกิดจากการสึกกร่อนของหินลาวา


แท่นหินที่ถูกธรรมชาติจัดวางไว้อย่างสวยงามเป็นระเบียบ



การเดินทางจากกรุงเทพไปเมืองเรคยาวิก

           เนื่องจากการเดินทางจากประเทศไทยไปประเทศไอซ์แลนด์ยังไม่มีสายการบินที่ให้บริการเที่ยวบินตรง ฉะนั้น นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์จะต้องบินไปลงยังเมืองใดเมืองหนึ่งของยุโรปก่อนเพื่อต่อไฟลท์ไปยังประเทศไอซ์แลนด์อีกครั้ง เรคยาวิก (Reykjavik) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ มีสนามบิน 2 แห่งตั้งอยู่คนละที่ คือ Keflavik International Airport (KEF) ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติ และ Reykjavik Domestic Airport (RKV) ซึ่งเป็นสนามบินภายในประเทศ

             จากเมืองต่างๆ ของยุโรปเครื่องจะบินไปลงที่สนามบินนานาชาติ Keflavik International Airport (KEF) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเรคยาวิกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 50 กิโลเมตร เว้นเสียแต่ว่านักท่องเที่ยวเดินทางมาจากหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) และ เกาะกรีนแลนด์ (Greenland) ซึ่งจะมีเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ให้บริการไปลง Reykjavik Airport (RKV) สนามบินภายในประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเรคยาวิกไปทางทิศใต้ประมาณ 3 กิโลเมตร

การเดินทางจากสนามบินเรคยาวิกสู่ตัวเมือง

             การเดินทางจากสนามบินนานาชาติ Keflavik International Airport (KEF) ไปยังตัวเมืองเรคยาวิกจะใช้เวลาประมาณ 40 – 45 นาที นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริกา รเช่ารถยนต์ ได้จากหลากหลายบริษัท โดยสามารถศึกษาข้อมูลและจองได้ล่วงหน้าก่อนเดินทาง อาทิ บริการของบริษัทต่างๆ บนเว็บไซต์ www.motorhomerepublic.com และ www.rentalcars.com ทั้งนี้ หากนักท่องเที่ยวไม่ได้เช่ารถยนต์ขับจากสนามบินเลยก็สามารถใช้บริการ รถโดยสารสาธารณะ ชื่อ Flybus Airport Transfers เพื่อไปลงที่ BSI Bus Terminal หรือจุดจอดต่างๆ ในตัวเมืองเรคยาวิก โดยรถจะมีให้บริการทุกๆ 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 2.950 ISK ต่อคน โดยนักท่องเที่ยวสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ที่ https://www.re.is/flybus เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีที่นั่งแน่นอนในวันเดินทาง

             การเดินทางจากสนามบินภายในประเทศ Reykjavik Domestic Airport (RKV) ไปยังตัวเมืองเรคยาวิกจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองได้โดย ใช้บริการรถแท็กซี่ หรือ ใช้บริการรถโดยสารประจำทาง Straeto สาย 15 ของ Reykjavik Excursions เพื่อไปลงที่ BSI Bus Terminal หรือจุดจอดต่างๆ ในตัวเมืองเรคยาวิก โดยนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบเวลาและเส้นทางการเดินรถรอบๆ เมืองเรคยาวิกได้ที่ https://www.straeto.is/en/timatoflur

การเดินทางจากเมืองเรคยาวิกไปยังเรย์นิสฟายาร่า

           นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์แบบ Road Trip โดยการใช้เส้นทาง Ring Road หรือ Highway No. 1 ซึ่งเป็นเส้นทางวงแหวนวิ่งรอบประเทศไอซ์แลนด์ จุดเริ่มต้นของการเดินทางบน Ring Road คือ เมืองเรคยาวิก (Reykjavik) เมืองหลวงของประเทศ ซึ่งมีสนามบินนานาชาติที่สายการบินจากประเทศต่างๆ บินไปลงที่นี่ การใช้เส้นทาง Ring Road นั้นเป็นการขับรถแบบวงกลม โดยปลายทางจะวนกลับมายังเมืองเรคยาวิก ระหว่างทางจะมีจุดน่าสนใจต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้แวะชมภูมิประเทศอันงดงามและน่าอัศจรรย์ของไอซ์แลนด์เป็นระยะ การขับรถเที่ยวบน Ring Road จนครบนั้นจะใช้ระยะเวลาประมาณ 10 - 14 วัน หรือมากกว่า

             จากเมืองเรคยาวิกไปยังเรย์นิสฟายาร่า ใช้เส้นทาง Vesturlandsvegur/ถนนหมายเลข 49 ระยะเวลา 3 นาที (1.3 กม.) ตาม Þjóðvegur 1, ถนนหมายเลข 1 และ Þjóðvegur ไปทาง Reynishverfisvegur มุ่งไป Suðurland ระยะเวลา 2 ชม. 13 นาที (173 กม.) จากนั้น เลี้ยวขวา เข้าสู่ Reynishverfisvegur ระยะเวลา 6 นาที (5.9 กม.) Reynisfjara ตั้งอยู่ห่างจากเรคยาวิคไปทางทิศตะวันออกประมาณ 180 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเที่ยวที่นี่ได้ทั้งจากฝั่งตะวันออก คือ Vik หรือจากทางฝั่งตะวันตกคือ Reykjavik

เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

            ช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเก็บภาพสวยๆ บริเวณนี้ และหากมาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับการถ่ายภาพพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่สวยงามและอัศจรรย์


ภาพชายหาดสีดำที่หาชมได้ยากและมีอยู่พียงไม่กี่แห่งในโลก
 

เวลาทำการเปิด – ปิด

            นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวยังเรย์นิสฟายาร่าได้ตลอดเวลา


เป็นชายหาดที่คลื่นสูงเกือบตลอดเวลา
 

อัตราค่าเข้าชม

            ไม่เสียค่าเข้าชม


บริเวณชายหาด Reynisfjara มีทั้งร้านอาหารและคาเฟ่ให้บริการ
 

สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวเรย์นิสฟายาร่า

            ติดกับหาดทรายดำนี้มีแท่งหินบะซอลต์ทรงกระบอกหกเหลี่ยมรูปทรงเหมือนแท่งออร์แกนในโบสถ์ ที่เกิดจากลาวาภูเขาไฟที่แข็งตัวอย่างรวดเร็วเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ อยู่เป็นจำนวนมาก นับเป็นประติมากรรมที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมาอย่างงดงามและน่าอัศจรรย์


นักท่องเที่ยวโพสต์ท่าถ่ายรูปกับแท่นหินบะซอลต์อย่างสนุกสนาน


อุโมงค์หินบะซอลต์ เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้เป็นที่กำบังฝนได้ดี

            ไม่ไกลจากชายหาดแห่งนี้ เป็นคาบสมุทรดีโฮเลย์ (Dyrholaey) ที่มีการก่อตัวทางธรณีวิทยาที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่น ช่องทะลุที่เด่นสะดุดตา

            จากเรย์นิสฟายาร่าไปไม่ไกล เป็นที่ตั้งของซากเครื่องบินร้างที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายภาพ โดยพื้นที่ที่เครื่องบินนี้อยู่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ต้องเดินจากจุดจอดรถไปประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง

ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้

           นักท่องเที่ยวต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า คลื่นที่บริเวณหาด Reynisfjara นั้นมีความแรงเป็นพิเศษและบางครั้งก็ไม่อาจคาดเดาได้ มีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นที่ชายหาดแห่งนี้อยู่หลายครั้ง  มีกฎง่ายๆ ที่นักท่องเที่ยวจะต้องท่องไว้เมื่อมาเที่ยวที่ชายหาด Reynisfjara คือ ต้องไม่หันหลังให้กับมหาสมุทร แม้ว่าคลื่นอาจดูเหมือนสงบก็ตาม เพราะคลื่นอาจถาโถมเข้าอย่างหนักและกวาดร่างของเราออกไปในทะเลได้โดยไม่ทันตั้งตัว และไม่ควรลงไปว่ายน้ำในทะเล

           ภูมิภาคส่วนนี้ของไอซ์แลนด์เป็นบริเวณที่มีฝนตกชุกที่สุดในประเทศ นักท่องเที่ยวต้องสวมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น สามารถกันลมและฝนได้ นอกจากนี้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่ออยู่บนริมหน้าผา

           สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะขับรถต่อไปฝั่งตะวันออกเพื่อจะไป Skaftafel ควรแวะซื้ออาหาร ของใช้ต่างๆ ที่เมือง Vik เพราะ เมืองใหญ่อีกเมืองคือเมือง Hofn นั้นจะอยู่ห่างไปอีกเกือบ 300 กม.

             วีซ่า ในประเทศไทยยังไม่มีสถานทูตไอซ์แลนด์ ฉะนั้น ผู้ที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์จึงต้องไปขอที่สถานทูตเดนมาร์ก

             สกุลเงิน สกุลเงินของไอซ์แลนด์ คือ เงินโครน (Icelandic Krona) แต่นักท่องเที่ยวสามารถใช้เงินยูโยได้ ทั้งนี้ การชำระราคาสินค้าและบริการต่างๆ ด้วยเงินโครน หรือบัตรเครดิตจะสะดวกกว่า

             ภาษา อักษรภาษาไอซ์แลนดิกจะแตกต่างจากภาษาอังกฤษ คือ Á (ออ), Ð ð (dh หรือ ด, ท), É (เย), Í (อี), Ó (อุ), Ú (อู), Ý (อี), Þ þ (th หรือ ธ), Æ (เอ) และ Ö (เออ) และในภาษาภาษาไอซ์แลนดิกจะไม่มีอักษร C, Q, W และ Z ยกเว้นเวลาสะกดคำทับศัพท์ภาษาต่างประเทศเช่นคำว่า pizza

             สภาพอากาศ สภาพอากาศของไอซ์แลนด์แปรปรวนค่อนข้างบ่อยและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นักท่องเที่ยวจึงควรตระเตรียมความพร้อมของเครื่องแต่งกายเมื่อเดินทาง

             การเดินทาง การเดินทางท่องเที่ยวรอบๆ ประเทศไอซ์แลนด์นั้นไม่เหมาะกับการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ การเช่ารถขับเอง โดยนักท่องเที่ยวต้องเช่ารถจากสนามบิน

             การขับรถในประเทศเทศไอซ์แลนด์ หากเป็นฤดูหนาวต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นเนื่องจากถนนจะลื่น เป็นน้ำแข็ง การจำกัดความเร็วการขับรถในประเทศไอซ์แลนด์นั้น ความเร็วทั่วไปในพื้นที่เขตเมืองจำกัดที่ 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง, พื้นที่นอกเมือง (ถนนไม่ได้ลาดยาง) จำกัดที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง, พื้นที่นอกเมือง (ถนนลาดยาง) จำกัดที่ 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง และการขับรถในประเทศไอซ์แลนด์ นอกจากห้ามโทรศัพท์และต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาแล้ว กฎหมายยังบังคับว่าต้องเปิดไฟหน้ารถตลอดเวลา ไม่ว่าจะเช้าหรือกลางคืน


ล้อรถมีลักษณะเหมือนหัวตะปูติดอยู่ เพื่อให้ล้อยึดกับถนนในฤดูหนาวที่มีหิมะและถนนลื่น

           พฤติกรรมอย่างหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือการหยุดรถกลางถนน เพราะต้องการถ่ายรูปวิว รูปม้า หรือ แกะ ซึ่งการกระทำเช่นนี้สามารถเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ฉะนั้น เมื่อต้องการจอดรถระหว่างทางนักท่องเที่ยวจึงควรเลือกจุดจอดอย่างระมัดระวังและคำนึงถึงเพื่อนร่วมท้องถนนคนอื่นๆ ด้วย

           เมื่อขับรถเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์นอกฤดูกาล นักท่องเที่ยวจะต้องเผื่อใจสำหรับความล่าช้าในการเดินทาง เนื่องจากถนนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและลื่น สำคัญมากที่นักท่องเที่ยวจะต้องทราบและคอยเช็กและอัพเดทสภาพอากาศของไอซ์แลนด์อยู่ตลอด  โดยเฉพาะนอกฤดูกาลที่สภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนมาก และสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว หากหิมะตกในขณะขับรถท่องเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์ นักท่องเที่ยวควรแจ้งให้ทางโรงแรมที่พักทราบว่ากำลังจะเดินทางไปที่ไหน ใช้ถนนเส้นไหน และคาดว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางต่อไปเมื่อไร  เพราะหากเกิดปัญหาฉุกเฉินขึ้น อย่างน้อยๆ ทางโรงแรมก็สามารถที่จะประสานงานให้ความช่วยเหลือได้

             เครื่องหมายจราจรในประเทศไอซ์แลนด์ โดยทั่วไปเป็นตามแบบมาตรฐานสากล แต่อาจมีสัญลักษณ์บางอย่างที่นักท่องเที่ยวไม่คุ้นเคย เช่น Single - lane Bridge หรือสะพานเลนเดียว ที่นักท่องเที่ยวสามารถพบได้บ่อยๆ เมื่อพบสัญลักษณ์นี้ ผู้ขับจะต้องชะลอรถให้อีกฝ่ายที่มาถึงก่อนเป็นฝ่ายไปก่อน เนื่องจากรถจะไม่สามารถแล่นสวนกันได้ ฉะนั้นนักท่องเที่ยวจึงต้องใช้ความระมัดระวัง และมีน้ำใจแก่เพื่อนร่วมถนน และเนื่องจากถนนในไอซ์แลนด์นั้นไม่ได้กว้างและไม่มีไหล่ถนนเหมือนถนนตามต่างประเทศ ฉะนั้น นักท่องเที่ยวต้องมั่นใจว่าเวลาจอดรถไม่ได้จอดกินเลนถนนมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้


Single - lane Bridge หรือสะพานเลนเดียว

           ถนนอีกประเภทหนึ่งที่ค่อนข้างพบได้บ่อยในไอซ์แลนด์ แต่อาจจะไม่ค่อยพบในต่างประเทศคือ ถนนที่เรียกว่า Blindhaed หรือ Blind Rise ที่ค่อนข้างพบได้เป็นปกติบนถนนสายที่เล็กกว่าถนนสายวงแหวน จะมีลักษณะคือเป็นเนินแหลมชนกัน นั่นหมายความว่านักท่องเที่ยวจะไม่สามารถมองเห็นรถที่กำลังวิ่งขึ้นเนินสวนมาจากอีกฝั่ง ผู้ขับจึงจำเป็นที่จะต้องลดความเร็วลง และขับรถด้วยความระมัดระวัง

 

            นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม เรย์นิสฟายาร่า สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                          เรย์นิสฟายาร่า เมืองวิค ประเทศไอซ์แลนด์ 

                          (Reynisfjara, Vik, Iceland)

                          ระดับความนิยม                

                          อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม

                          เวลาเปิด-ปิด : นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวที่เรย์นิสฟายาร่าได้ตลอดเวลา

                          ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อน

                          สถานที่ตั้ง : ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ และอยู่ห่างจากเมืองเรคยาวิกประมาณ 180 กม.

                          โทรศัพท์ : (+354)4834601

                          เว็บไซต์ : https://www.south.is/en/what-to-see-do/nature/reynisfjara-reynisfjall-og-reynisdrangar

                          ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com    

                                          ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการขับรถเที่ยว https://safetravel.is/

                                          แท็กซี่เมืองเรคยาวิก http://www.taxireykjavik.is/

                                          ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์ https://www.iceland.is

                                          ศูนย์บริการยื่นขอวีซ่าประเทศไอซ์แลนด์ http://vfsglobal-denmark.com

                                          สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย http://thailand.um.dk

                                          เบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน 112

                                          เบอร์โทรศัพท์สำหรับช่วยเหลือทางการแพทย์ 1770

                                          เบอร์โทรศัพท์ตำรวจ 444 – 1000

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์

นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์

อ่านต่อ

รวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์

นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด

อ่านต่อ

หมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม

อ่านต่อ

มหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ

อ่านต่อ

มหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม

อ่านต่อ

ท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ

อ่านต่อ

กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา

อ่านต่อ

หมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์

หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ

อ่านต่อ

หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์

หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้

อ่านต่อ

หมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์

หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ