- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- น้ำตกสวาร์ติฟอสส์ ประเทศไอซ์แลนด์
น้ำตกสวาร์ติฟอสส์ ประเทศไอซ์แลนด์
- อ่าน (4,365)
- By Webmaster
- 14:59:22 | 9 ส.ค. 2561
น้ำตกสวาร์ติฟอสส์ ประเทศไอซ์แลนด์
Svartifoss, Iceland
ประวัติ
น้ำตกสวาร์ติฟอสส์ (Svartifoss) หรือ Black Waterfall เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของ Skaftafell National Park อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไอซ์แลนด์ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 4807 ตารางกิโลเมตร อุทยานแห่งชาตินี้ได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งไอซ์แลนด์ (Pearl of Iceland) เป็นเสมือนโอเอซิสที่ตั้งอยู่ระหว่างธารน้ำแข็งและทราย ชื่อของ “Svartifoss” ในภาษาไอซ์แลนด์ หมายถึง น้ำตกสีดำ แม้สวาร์ติฟอสส์จะไม่ใช่น้ำตกที่สูงมากนัก โดยสูงเพียง 12 เมตร แต่จุดเด่นนั้นอยู่ที่แท่นหินลาวาสีดำลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ ที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ความแปลกตาทางธรณีวิทยา สร้างความงดงาม และอลังการให้กับน้ำตกแห่งนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์
แท่นหินที่เห็นเป็นหินบะซอลต์สีดำซึ่งเกิดจากการปะทุของลาวา เมื่อค่อยๆ เย็นตัวลงทำให้หินเรียงกันเป็นแท่งสวยงามแปลกตา โดยความหนาแน่นของหินที่เป็นแท่นๆ นั้นจะอยู่ช่วงบน ส่วนช่วงล่างจะเป็นหินทรงเหลี่ยมคม ความสวยที่มีเอกลักษณ์ของผนังหินที่น้ำตกสวาร์ติฟอสส์แห่งนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับ Guðjón Samúelsson สถาปนิกผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมชื่อดังอย่างโบสถ์ Hallgrímskirkja และ The National Theatre ที่เมืองเรคยาวิกอีกด้วย
ธารน้ำที่ไหลมาจากน้ำตก Svartifoss
การเดินทางเข้าไปยังน้ำตกสวาร์ติฟอสส์อาจจะลำบากสักนิด โดยจากจุดบริการนักท่องเที่ยว (Visitor Centre) ต้องเดินเท้าผ่านเนิน ซอกแซกมา อีกประมาณ 2 กิโลเมตร แต่จุดหมายปลายทางนั้นคุ้มค่ากับความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสอย่างแน่นอน ซึ่งไม่ว่านักท่องเที่ยวจะท่องเที่ยวโดยรอบเส้นทางสาย Ring Road หรือจะเพียงแค่ท่องเที่ยวทางตอนใต้และตะวันออกของประเทศไอซ์แลนด์ นักท่องเที่ยวก็สามารถเดินทางไปเที่ยวที่น้ำตก Svartifoss ได้แบบไม่เสียเที่ยว เพราะสวาร์ติฟอสส์ตั้งอยู่โลเกชั่นที่เหมาะเจาะ โดยอยู่ห่างจากธารน้ำแข็ง Jökulsárlón เพียง 56.3 กิโลเมตร ห่างจากเมืองฮอฟน์ 136 กม. และห่างจากน้ำตก Skógafoss 173 กม.
การเดินทางจากกรุงเทพไปเมืองเรคยาวิก
เนื่องจากการเดินทางจากประเทศไทยไปประเทศไอซ์แลนด์ยังไม่มีสายการบินที่ให้บริการเที่ยวบินตรง ฉะนั้น นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์จะต้องบินไปลงยังเมืองใดเมืองหนึ่งของยุโรปก่อนเพื่อต่อไฟลท์ไปยังประเทศไอซ์แลนด์อีกครั้ง เรคยาวิก (Reykjavik) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ มีสนามบิน 2 แห่งตั้งอยู่คนละที่ คือ Keflavik International Airport (KEF) ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติ และ Reykjavik Domestic Airport (RKV) ซึ่งเป็นสนามบินภายในประเทศ
จากเมืองต่างๆ ของยุโรปเครื่องจะบินไปลงที่สนามบินนานาชาติ Keflavik International Airport (KEF) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเรคยาวิกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 50 กิโลเมตร เว้นเสียแต่ว่านักท่องเที่ยวเดินทางมาจากหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) และ เกาะกรีนแลนด์ (Greenland) ซึ่งจะมีเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ให้บริการไปลง Reykjavik Airport (RKV) สนามบินภายในประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเรคยาวิกไปทางทิศใต้ประมาณ 3 กิโลเมตร
การเดินทางจากสนามบินเรคยาวิกสู่ตัวเมือง
การเดินทางจากสนามบินนานาชาติ Keflavik International Airport (KEF) ไปยังตัวเมืองเรคยาวิกจะใช้เวลาประมาณ 40 – 45 นาที นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการ เช่ารถยนต์ ได้จากหลากหลายบริษัท โดยสามารถศึกษาข้อมูลและจองได้ล่วงหน้าก่อนเดินทาง อาทิ บริการของบริษัทต่างๆ บนเว็บไซต์ www.motorhomerepublic.com และ www.rentalcars.com ทั้งนี้ หากนักท่องเที่ยวไม่ได้เช่ารถยนต์ขับจากสนามบินเลยก็สามารถใช้บริการ รถโดยสารสาธารณะ ชื่อ Flybus Airport Transfers เพื่อไปลงที่ BSI Bus Terminal หรือจุดจอดต่างๆ ในตัวเมืองเรคยาวิก โดยรถจะมีให้บริการทุกๆ 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 2.950 ISK ต่อคน โดยนักท่องเที่ยวสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ที่ https://www.re.is/flybus เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีที่นั่งแน่นอนในวันเดินทาง
การเดินทางจากสนามบินภายในประเทศ Reykjavik Domestic Airport (RKV) ไปยังตัวเมืองเรคยาวิกจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองได้โดย ใช้บริการ รถแท็กซี่ หรือ ใช้บริการ รถโดยสารประจำทาง Straeto สาย 15 ของ Reykjavik Excursions เพื่อไปลงที่ BSI Bus Terminal หรือจุดจอดต่างๆ ในตัวเมืองเรคยาวิก โดยนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบเวลาและเส้นทางการเดินรถรอบๆ เมืองเรคยาวิกได้ที่ https://www.straeto.is/en/timatoflur
การเดินทางจากเมืองเรคยาวิกไปยังสวาร์ติฟอสส์
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์แบบ Road Trip โดยการใช้เส้นทาง Ring Road หรือ Highway No. 1 ซึ่งเป็นเส้นทางวงแหวนวิ่งรอบประเทศไอซ์แลนด์ จุดเริ่มต้นของการเดินทางบน Ring Road คือ เมืองเรคยาวิก (Reykjavik) เมืองหลวงของประเทศ ซึ่งมีสนามบินนานาชาติที่สายการบินจากประเทศต่างๆ บินไปลงที่นี่ การใช้เส้นทาง Ring Road นั้นเป็นการขับรถแบบวงกลม โดยปลายทางจะวนกลับมายังเมืองเรคยาวิก ระหว่างทางจะมีจุดน่าสนใจต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้แวะชมภูมิประเทศอันงดงามและน่าอัศจรรย์ของไอซ์แลนด์เป็นระยะ การขับรถเที่ยวบน Ring Road จนครบนั้นจะใช้ระยะเวลาประมาณ 10 - 14 วัน หรือมากกว่า
จากเมืองเรคยาวิกไปยังน้ำตกสวาร์ติฟอสส์ ใช้เส้นทาง Vesturlandsvegur/ ถนนหมายเลข 49 ระยะเวลา 3 นาที (1.3 กม.) จากนั้น ตาม Þjóðvegur 1, ถนนหมายเลข 1 และ Þjóðvegur ไปทาง Skaftafellsvegur มุ่งไป Austurland ระยะเวลา 3 ชม. 58 นาที (316 กม.) เลี้ยวซ้าย เข้าสู่ Skaftafellsvegur ปลายทางจะอยู่ทางซ้าย
เวลาทำการเปิด – ปิด
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวน้ำตกสวาร์ติฟอสส์ได้ตลอดเวลา
สวาร์ติฟอสส์ไม่ใช่น้ำตกที่ยิ่งใหญ่อลังการแต่จุดเด่นอยู่ที่แท่นหินลาวาสีดำลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ สวยงาม
น้ำตกสวาร์ติฟอสส์และลำธารน้ำที่ไหลล่องลงมา
อัตราค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม
มีจุดสำหรับชมวิว และราวเหล็กที่กั้นเพื่อความปลอดภัย
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวสวาร์ติฟอสส์
กิจกรรมที่ได้รับความนิยมเมื่อนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่ Skaftafell คือ กิจกรรมเดินป่า (Hiking) มีเส้นทางเดินป่าให้นักท่องเที่ยวได้เลือกหลากหลายเส้นทาง โดยแต่ละเส้นทางนั้นมีระยะทางและความยากง่ายในการเดินแตกต่างกันหลายระดับ อาทิ Skaftafellsjökull - an easy 3.7 km (2.3 mi) เป็นเส้นทางเดินป่าง่ายๆ ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวิวอันสวยงามของธารน้ำแข็ง Skaftafellsjökull glacier หรือเส้นทาง Sjónarnípa - this 6.4 km (4 mi) เส้นทางเดินป่าที่จะมีความท้าทายขึ้นมาอีกนิด หรือ เส้นทาง Svartifoss and Sjónarnípa - a 7.4 km (4.6 mi) ก็เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่ท้าทาย นอกจากนี้ยังมีเส้นทางอื่นๆ ที่ท้าทายความสามารถอีกหลายเส้น นอกจากนี้จาก Skaftafell ยังมี บริการทัวร์ธารน้ำแข็ง (Glacier Tour) หรือถ้ำน้ำแข็ง (Ice Cave) ทั้งแบบครึ่งวันและเต็มวันด้วย
แผนที่แสดงจุดต่างๆ บริเวณน้ำตกสวาร์ติฟอสส์
จุดแสดงข้อมูลและให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว
มีบันไดและราวเหล็กให้จับสำหรับเดินลง
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจไปเที่ยวชมน้ำตกที่ประเทศไอซ์แลนด์คือในช่วงฤดูร้อน เพราะเป็นช่วงที่ถนนทุกเส้นเปิดและอุณหภูมิก็กำลังดี เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยว
ความสวยงามของผนังหินที่น้ำตกสวาร์ติฟอสส์คือแรงบันดาลใจและที่มาของการออกแบบโบสถ์ Hallgrimskirkja ที่เมืองเรคยาวิก
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
จุดบริการนักท่องเที่ยว เวลาทำการของจุดบริการนักท่องเที่ยวที่น้ำตกสวาร์ติฟอสส์นั้นจะแตกต่างกันในแต่ละเดือน มกราคม : 10.00 – 16.00 น. กุมภาพันธ์ – เมษายน : 10.00 – 17.00 น. พฤษภาคม – กันยายาน : 9.00 – 19.00 น. ตุลาคม – พฤศจิกายน : 10.00 น. – 17.00 น. ธันวาคม : 11.00 น. – 17.00 น. (ปิดวันที่ 1 มกราคม 24 และ 25 ธันวาคม)
ปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุดจะอยู่ห่างออกไป 6 กิโลเมตร บนทางหลวงหมายเลข 1 ที่ปั๊มจะมีของว่างและอาหารขาย โดยเปิดระหว่างเวลา 10 – 23 น.
วีซ่า ในประเทศไทยยังไม่มีสถานทูตไอซ์แลนด์ ฉะนั้น ผู้ที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์จึงต้องไปขอที่สถานทูตเดนมาร์ก
สกุลเงิน สกุลเงินของไอซ์แลนด์ คือ เงินโครน (Icelandic Krona) แต่นักท่องเที่ยวสามารถใช้เงินยูโยได้ ทั้งนี้ การชำระราคาสินค้าและบริการต่างๆ ด้วยเงินโครน หรือบัตรเครดิตจะสะดวกกว่า
ภาษา อักษรภาษาไอซ์แลนดิกจะแตกต่างจากภาษาอังกฤษ คือ Á (ออ), Ð ð (dh หรือ ด, ท), É (เย), Í (อี), Ó (อุ), Ú (อู), Ý (อี), Þ þ (th หรือ ธ), Æ (เอ) และ Ö (เออ) และในภาษาภาษาไอซ์แลนดิกจะไม่มีอักษร C, Q, W และ Z ยกเว้นเวลาสะกดคำทับศัพท์ภาษาต่างประเทศเช่นคำว่า pizza
สภาพอากาศ สภาพอากาศของไอซ์แลนด์แปรปรวนค่อนข้างบ่อยและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นักท่องเที่ยวจึงควรตระเตรียมความพร้อมของเครื่องแต่งกายเมื่อเดินทาง
การเดินทาง การเดินทางท่องเที่ยวรอบๆ ประเทศไอซ์แลนด์นั้นไม่เหมาะกับการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ การเช่ารถขับเอง โดยนักท่องเที่ยวต้องเช่ารถจากสนามบิน
การขับรถในประเทศเทศไอซ์แลนด์ หากเป็นฤดูหนาวต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นเนื่องจากถนนจะลื่น เป็นน้ำแข็ง การจำกัดความเร็วการขับรถในประเทศไอซ์แลนด์นั้น ความเร็วทั่วไปในพื้นที่เขตเมืองจำกัดที่ 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง, พื้นที่นอกเมือง (ถนนไม่ได้ลาดยาง) จำกัดที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง, พื้นที่นอกเมือง (ถนนลาดยาง) จำกัดที่ 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง และการขับรถในประเทศไอซ์แลนด์ นอกจากห้ามโทรศัพท์และต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาแล้ว กฎหมายยังบังคับว่าต้องเปิดไฟหน้ารถตลอดเวลา ไม่ว่าจะเช้าหรือกลางคืน
ล้อรถมีลักษณะเหมือนหัวตะปูติดอยู่ เพื่อให้ล้อยึดกับถนนในฤดูหนาวที่มีหิมะและถนนลื่น
พฤติกรรมอย่างหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือการหยุดรถกลางถนน เพราะต้องการถ่ายรูปวิว รูปม้า หรือ แกะ ซึ่งการกระทำเช่นนี้สามารถเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ฉะนั้น เมื่อต้องการจอดรถระหว่างทางนักท่องเที่ยวจึงควรเลือกจุดจอดอย่างระมัดระวังและคำนึงถึงเพื่อนร่วมท้องถนนคนอื่นๆ ด้วย
เมื่อขับรถเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์นอกฤดูกาล นักท่องเที่ยวจะต้องเผื่อใจสำหรับความล่าช้าในการเดินทาง เนื่องจากถนนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและลื่น สำคัญมากที่นักท่องเที่ยวจะต้องทราบและคอยเช็กและอัพเดทสภาพอากาศของไอซ์แลนด์อยู่ตลอด โดยเฉพาะนอกฤดูกาลที่สภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนมาก และสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว หากหิมะตกในขณะขับรถท่องเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์ นักท่องเที่ยวควรแจ้งให้ทางโรงแรมที่พักทราบว่ากำลังจะเดินทางไปที่ไหน ใช้ถนนเส้นไหน และคาดว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางต่อไปเมื่อไร เพราะหากเกิดปัญหาฉุกเฉินขึ้น อย่างน้อยๆ ทางโรงแรมก็สามารถที่จะประสานงานให้ความช่วยเหลือได้
เครื่องหมายจราจรในประเทศไอซ์แลนด์ โดยทั่วไปเป็นตามแบบมาตรฐานสากล แต่อาจมีสัญลักษณ์บางอย่างที่นักท่องเที่ยวไม่คุ้นเคย เช่น Single - lane Bridge หรือสะพานเลนเดียว ที่นักท่องเที่ยวสามารถพบได้บ่อยๆ เมื่อพบสัญลักษณ์นี้ ผู้ขับจะต้องชะลอรถให้อีกฝ่ายที่มาถึงก่อนเป็นฝ่ายไปก่อน เนื่องจากรถจะไม่สามารถแล่นสวนกันได้ ฉะนั้นนักท่องเที่ยวจึงต้องใช้ความระมัดระวัง และมีน้ำใจแก่เพื่อนร่วมถนน และเนื่องจากถนนในไอซ์แลนด์นั้นไม่ได้กว้างและไม่มีไหล่ถนนเหมือนถนนตามต่างประเทศ ฉะนั้น นักท่องเที่ยวต้องมั่นใจว่าเวลาจอดรถไม่ได้จอดกินเลนถนนมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
Single - lane Bridge หรือสะพานเลนเดียว
ถนนอีกประเภทหนึ่งที่ค่อนข้างพบได้บ่อยในไอซ์แลนด์ แต่อาจจะไม่ค่อยพบในต่างประเทศคือ ถนนที่เรียกว่า Blindhaed หรือ Blind Rise ที่ค่อนข้างพบได้เป็นปกติบนถนนสายที่เล็กกว่าถนนสายวงแหวน จะมีลักษณะคือเป็นเนินแหลมชนกัน นั่นหมายความว่านักท่องเที่ยวจะไม่สามารถมองเห็นรถที่กำลังวิ่งขึ้นเนินสวนมาจากอีกฝั่ง ผู้ขับจึงจำเป็นที่จะต้องลดความเร็วลง และขับรถด้วยความระมัดระวัง
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม น้ำตกสวาร์ติฟอสส์ สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
น้ำตกสวาร์ติฟอสส์ ประเทศไอซ์แลนด์
(Svartifoss, Iceland)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิด-ปิด : นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวที่น้ำตกสวาร์ติฟอสส์ได้ตลอดเวลา
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ และอยู่ห่างจากเมืองเรคยาวิกประมาณ 330 กม.
โทรศัพท์ : (+354)3544834601
เว็บไซต์ : https://www.south.is/en/services/skaftafell-visitor-centre-skaftafell
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการขับรถเที่ยว https://safetravel.is/
แท็กซี่เมืองเรคยาวิก http://www.taxireykjavik.is/
ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์ https://www.iceland.is
ศูนย์บริการยื่นขอวีซ่าประเทศไอซ์แลนด์ http://vfsglobal-denmark.com
สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย http://thailand.um.dk
เบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน 112
เบอร์โทรศัพท์สำหรับช่วยเหลือทางการแพทย์ 1770
เบอร์โทรศัพท์ตำรวจ 444 – 1000
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
ล่องบอลลูนชม 2 ดินแดนมรดกโลก…พุกาม & คัปปาโดเชีย
หากเอ่ยถึง “พุกาม” (Bagan) เชื่อว่าคงจะนึกถึงสิ่งอื่นใดไปไม่ได้ นอกจากทะเลเจดีย์นับพันที่สร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณพื้นที่ของเขตเขตมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ และหากเอ่ยถึง “คัปปาโดเชีย” (Cappadocia) ประเทศตุรกีหรือตุรเคีย แน่นอนว่าก็คงจะต้องมีภาพของบอลลูนหลากสีลอยล่องอยู่เหนือภูมิประเทศแปลกตา ที่เต็มไปด้วยกลุ่มภูเขาหินรูปกรวยโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน... ในครั้งนี้ Palanla จะพาออกเดินทางไปสัมผัสกับความน่าอัศจรรย์ของ 2 ดินแดนมรดกโลก “พุกาม” และ “คัปปาโดเชีย” ด้วยมุมมองจากบนท้องฟ้าผ่านการล่องบอลลูนลมร้อน พร้อมแล้วไปด้วยกัน!
อ่านต่อเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) & ฮาจิโกะ (Hachiko)
สุนัข ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่แสนดีและซื่อสัตย์ของมนุษย์มายาวนานอยู่ทุกหนแห่งของโลกใบนี้ หลายๆ เรื่องราวถูกถ่ายทอดความประทับใจออกมาผ่านภาพยนตร์ หนังสือ ตลอดจนสร้างเป็นรูปปั้นอนุสรณ์สถานเพื่อเชิดชูและระลึกถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่เจ้าตูบและมนุษย์มีต่อกัน เช่นเดียวกับรูปปั้นของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ 2 แห่งที่ Palanla จะพาไปชมในวันนี้ ที่แรกคือ รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) เมืองเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์ และอีกที่คือ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ (Hachiko) ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
อ่านต่อ8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
อิสตันบูล (Istanbul) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นนคร 2 ทวีป ซึ่งมีช่องแคบบอสฟอรัสเป็นเส้นแบ่งระหว่างยุโรปและเอเชียแห่งนี้ คือเมืองที่รุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์ความเป็นมานับพันๆ ปี จึงไม่น่าแปลกใจหากอิสตันบลูจะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่และงดงามทรงคุณค่ามากมายที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นยุโรปและเอเชียจากอดีตจนถึงปัจจุบัน Palanla จะพาไปชม 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอิสตันบูลที่หากมีโอกาสไปเยือนประเทศตุรกีไม่ควรพลาด
อ่านต่อล่องเรือชมวิวช่องแคบบอสฟอรัส เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
ช่องแคบบอสฟอรัส เป็นช่องแคบเล็กๆ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของตุรกี เคยเป็นทั้งเส้นทางการค้าที่สำคัญ และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมาจนถึงปัจจุบัน การล่องเรือชมวิวช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) จึงเป็นวิธีที่ดีที่จะได้สัมผัสบรรยากาศ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมที่หลากหลายของอิสตันบูล
อ่านต่ออุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน (Yerebatan Sarnici) คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของตุรกี ดินแดนที่เต็มไปด้วยประวัติความเป็นมามากกว่าพันปี อุโมงค์เก่าแก่ขนาดใหญ่แห่งนี้คือสถานที่เก็บน้ำในสมัยโบราณที่ยังคงความยิ่งใหญ่และงดงาม กับเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างเสากรีกที่ค้ำเรียงรายมากถึง 336 ต้น และเสาเมดูซ่าพร้อมตำนานที่เล่าขานกันมาหลายชั่วอายุคน รวมถึงซากโบราณของพระราชวังใต้ดินแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิลสมัยไบเซนไทน์อีกด้วย
อ่านต่อตลาดเครื่องเทศ เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
ตลาดเครื่องเทศ (Historical Spice Bazaar / Egyptıan Spıce Bazaar) ในอิสตันบูล เป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก ตลาดแห่งนี้มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ในสมัยจักรวรรดิออตโตมัน เดิมทีเป็นจุดแลกเปลี่ยนเครื่องเทศ ผ้าไหม และสินค้าอื่นๆ จากเอเชียมาสู่ยุโรป
อ่านต่อ10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
บูดาเปสต์ (Budapest) เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี ตัวเมืองถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งด้วยแม่น้ำดานูบที่ไหลผ่านกลางเมือง ทำให้ในเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกจากสถาปัตยกรรมอันสวยงามเปี่ยมเสน่ห์ที่รอคอยให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือน Palanla ได้รวบรวมเอา 10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองบูดาเปสต์มาให้แล้วในบทความนี้
อ่านต่อ12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองปราก สาธารณรัฐเช็ก
ปราก (Prague) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลนี้ ตั้งอยู่ใจกลางของทวีปยุโรป ในอดีต เมืองปรากเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองอันยิ่งใหญ่ของทวีปยุโรป ซึ่งอารยธรรมแห่งความยิ่งใหญ่ และเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนั้น ก็ยังคงสะท้อนอยู่ในวิถีชีวิตของชาวเมือง วัฒนธรรมประเพณี สถาปัตยกรรม ฯลฯ ราวกับมรดกที่สืบทอด และรักษากันมาอย่างดี จนถูกยกให้เป็นเมืองที่มีความน่าหลงใหล ควรค่าแก่การไปสัมผัสความเป็นยุโรปมากที่สุด โดยเมืองปรากยังได้รับการประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก จากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วย ปัจจุบันเมืองนี้นับเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญ ของบรรดานักท่องเที่ยวที่มาเยือนทวีปยุโรป ไปชม 12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองปรากพร้อมๆ กันกับ Palanla!
อ่านต่อถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
ถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ (Fashion Street Budapest) เป็นถนนช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงในใจกลางเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ถนนสายนี้เป็นที่รู้จักในด้านร้านค้าแฟชั่นชั้นนำจากแบรนด์ระดับโลก อาทิ Gucci, Louis Vuitton, Dior, Armani, Prada และ Chanel ถนนสายนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่มากมาย จึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวเมืองบุดาเปสต์เองด้วย
อ่านต่อล่องเรือดินเนอร์ในบูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
ล่องเรือดินเนอร์ในบูดาเปสต์ (Dinner Cruise Budapest) เป็นวิธียอดเยี่ยมในการชมความสวยงามของเมืองบูดาเปสต์ โดยขณะที่เรือล่องไปตามแม่น้ำดานูบ (Danube River) นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงามของสะพาน พระราชวัง และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รวมทั้งอิ่มอร่อยกับอาหารรสเลิศและเครื่องดื่มแสนอร่อย
อ่านต่อ