- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- เมืองฮอฟน์ ประเทศไอซ์แลนด์
เมืองฮอฟน์ ประเทศไอซ์แลนด์
- อ่าน (4,081)
- By Webmaster
- 14:05:50 | 9 ส.ค. 2561
เมืองฮอฟน์ ประเทศไอซ์แลนด์
Hofn, Iceland
ประวัติ
เมืองฮอฟน์ (Hofn) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า Hofn í Hornafirdi เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงทางด้านทัศนียภาพที่สวยงามของประเทศ และเคยถูกใช้เป็นฉากสนามบิน Nuuk ในภาพยนตร์เรื่อง The Secret Life of Walter Mitty มาแล้ว เมืองเล็กๆ ที่มีประชากรไม่ถึง 2,000 คนแห่งนี้ เป็นเมืองที่มีโดยมีชื่อเสียงในเรื่องการประมงกุ้งลอบสเตอร์ (Lobster) ซึ่งสามารถพบได้จำนวนมากในพื้นที่ประมงโดยรอบชายฝั่งของเมือง จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งล็อบสเตอร์ของยุโรปเหนือ (The Lobster Capital of Northern Europe)
สีเขียวๆ ที่เห็นคือต้นมอสที่ขึ้นปกคลุมไปทั่วบริเวณ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์ เมืองฮอฟน์ คือจุดพักและคือประตูสู่อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajökull National Park) ซึ่งเป็นที่ตั้งของธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และวัทนาโจกุลยังเป็น 1 ใน 3 อุทยานแห่งชาติของประเทศไอซ์แลนด์ และการเดินทางท่องเที่ยวไปยังส่วนอื่นๆ บริเวณรอบๆ เมืองฮอฟน์มีบริการที่อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม แคมปิ้งไซต์ ภัตตาคาร ร้านค้า สระว่ายน้ำ สนามกอล์ฟ เส้นทางเดินป่า และพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ เช่น พิพิธภัณฑ์การเดินเรือ (Maritime Museum) รวมถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติสองแห่ง
การเดินทางจากกรุงเทพไปเมืองเรคยาวิก
เนื่องจากการเดินทางจากประเทศไทยไปประเทศไอซ์แลนด์ยังไม่มีสายการบินที่ให้บริการเที่ยวบินตรง ฉะนั้น นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์จะต้องบินไปลงยังเมืองใดเมืองหนึ่งของยุโรปก่อนเพื่อต่อไฟลท์ไปยังประเทศไอซ์แลนด์อีกครั้ง เรคยาวิก (Reykjavik) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ มีสนามบิน 2 แห่งตั้งอยู่คนละที่ คือ Keflavik International Airport (KEF) ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติ และ Reykjavik Domestic Airport (RKV) ซึ่งเป็นสนามบินภายในประเทศ
จากเมืองต่างๆ ของยุโรปเครื่องจะบินไปลงที่สนามบินนานาชาติ Keflavik International Airport (KEF) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเรคยาวิกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 50 กิโลเมตร เว้นเสียแต่ว่านักท่องเที่ยวเดินทางมาจากหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) และ เกาะกรีนแลนด์ (Greenland) ซึ่งจะมีเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ให้บริการไปลง Reykjavik Airport (RKV) สนามบินภายในประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเรคยาวิกไปทางทิศใต้ประมาณ 3 กิโลเมตร
การเดินทางจากสนามบินเรคยาวิกสู่ตัวเมือง
การเดินทางจากสนามบินนานาชาติ Keflavik International Airport (KEF) ไปยังตัวเมืองเรคยาวิกจะใช้เวลาประมาณ 40 – 45 นาที นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการ เช่ารถยนต์ ได้จากหลากหลายบริษัท โดยสามารถศึกษาข้อมูลและจองได้ล่วงหน้าก่อนเดินทาง อาทิ บริการของบริษัทต่างๆ บนเว็บไซต์ www.motorhomerepublic.com และ www.rentalcars.com ทั้งนี้ หากนักท่องเที่ยวไม่ได้เช่ารถยนต์ขับจากสนามบินเลยก็สามารถใช้บริการ รถโดยสารสาธารณะ ชื่อ Flybus Airport Transfers เพื่อไปลงที่ BSI Bus Terminal หรือจุดจอดต่างๆ ในตัวเมืองเรคยาวิก โดยรถจะมีให้บริการทุกๆ 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 2.950 ISK ต่อคน โดยนักท่องเที่ยวสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ที่ https://www.re.is/flybus เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีที่นั่งแน่นอนในวันเดินทาง
การเดินทางจากสนามบินภายในประเทศ Reykjavik Domestic Airport (RKV) ไปยังตัวเมืองเรคยาวิกจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองได้โดย ใช้บริการ รถแท็กซี่ หรือ ใช้บริการ รถโดยสารประจำทาง Straeto สาย 15 ของ Reykjavik Excursions เพื่อไปลงที่ BSI Bus Terminal หรือจุดจอดต่างๆ ในตัวเมืองเรคยาวิก โดยนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบเวลาและเส้นทางการเดินรถรอบๆ เมืองเรคยาวิกได้ที่ https://www.straeto.is/en/timatoflur
การเดินทางจากเมืองเรคยาวิกไปยังเมืองฮอฟน์
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์แบบ Road Trip โดยการใช้เส้นทาง Ring Road หรือ Highway No. 1 ซึ่งเป็นเส้นทางวงแหวนวิ่งรอบประเทศไอซ์แลนด์ จุดเริ่มต้นของการเดินทางบน Ring Road คือ เมืองเรคยาวิก (Reykjavik) เมืองหลวงของประเทศ ซึ่งมีสนามบินนานาชาติที่สายการบินจากประเทศต่างๆ บินไปลงที่นี่ การใช้เส้นทาง Ring Road นั้นเป็นการขับรถแบบวงกลม โดยปลายทางจะวนกลับมายังเมืองเรคยาวิก ระหว่างทางจะมีจุดน่าสนใจต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้แวะชมภูมิประเทศอันงดงามและน่าอัศจรรย์ของไอซ์แลนด์เป็นระยะ การขับรถเที่ยวบน Ring Road จนครบนั้นจะใช้ระยะเวลาประมาณ 10 - 14 วัน หรือมากกว่า
จากเมืองเรคยาวิกไปยังเมืองฮอฟน์ ใช้เส้นทาง Vesturlandsvegur/ ถนนหมายเลข 49 ระยะเวลา 3 นาที (1.3 กม.) จากนั้นตาม Þjóðvegur ไปทาง 1122 มุ่งไป Austurland ระยะทาง 5 ชั่วโมง 34 นาที (445 กม.) เดินทางต่อไปบน 1122 มุ่งสู่ Hofn ระยะเวลา 6 นาที (5.0 กม.)
นอกจากนี้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เดินทางแบบ Road Trip โดยใช้เส้นทาง Ring Road และต้องการเดินทางจากเมืองเรคยาวิกมายังเมืองฮอฟน์โดยเครื่องบิน ก็มีบริการของสายการบิน Eagle Air จากเมืองเรคยาวิกที่บินมาลงเมืองฮอฟน์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.eagleair.is/
ภาพของสองข้างทางกับฝูงกวางที่คนเลี้ยง
นอกจากม้าและแกะแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถพบเห็นฝูงกวางที่คนเลี้ยงไว้ได้เป็นระยะในไอซ์แลนด์
บริเวณตัวเมืองของเมืองฮอฟน์
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวเมืองฮอฟน์
ชิมแลงกุสติน (Langoustine Lobster) อาหารจานเด็ดที่นักท่องเที่ยวมาเมืองฮอฟน์แล้วจะต้องลองสักครั้งคือล็อบสเตอร์แลงกุสตินสดๆ ที่เป็นพระเอกอยู่บนหลายๆ เมนูในร้านอาหารของเมืองนี้
หนึ่งในเมนูกุ้งแลงกุสติน
เทศกาลล็อบสเตอร์ Lobster Festival (Humarhatid) จะจัดขึ้นในช่วงวันเสาร์ - อาทิตย์ แรกของเดือนกรกฎาคม โดยภายในงานได้รวมเอาความบันเทิงต่างๆ สำหรับครอบครัวไว้มากมาย
พิพิธภัณฑ์ฮอฟน์กลาเซียร์ (Hofn Glacier Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีการแสดงเกี่ยวกับธรณีวิทยานิเวศวิทยา และประวัติศาสตร์ของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล รวมถึงตัวอย่างต่างๆ ของการสำรวจธารน้ำแข็ง
อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล คือจุดท่องเที่ยวหลักๆของเมืองฮอฟน์และยังเป็นที่ตั้งของ โจกุลซาลอน (Jokulsarlon) ทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ และใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจากอาร์กติกและกรีนแลนด์ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 8,300 ตารางกิโลเมตร
ส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวเมืองฮอฟน์ได้ตลอดทั้งปี โดยในแต่ละฤดูกาลก็จะมีทัศนียภาพความงามและเสน่ห์ที่แตกต่างกัน
ฤดูหนาว ระหว่างเดือนธันวาคม – ต้นเดือนมีนาคม เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาล่าแสงเหนือ (Northern lights) และชมความงามของถ้ำน้ำแข็ง (Ice Cave)
ฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือนเมษายน – ปลายเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็น “ดินแดนน้ำแข็ง” แห่งนี้เป็นสีเขียวขจี มองไปทางใดก็สดชื่น และกลางวันกับกลางคืนยาวนานเท่าๆ กัน
ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน – สิงหาคม เป็นช่วงที่ดอกไม้เบ่งบานอวดสีสันสวยๆ เมืองและผู้คนเต็มไปด้วยความสดใสมีชีวิตชีวา มีกิจกรรมต่างๆ เพื่อความบันเทิงมากมาย ร้านรวงต่างๆ เปิดทำการนานขึ้น และเป็นช่วงที่กลางวันยาวนานโดยพระอาทิตย์จะตกตอนเที่ยงคืน
ฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างเดือนกันยายน – พฤศจิกายน เป็นช่วงที่มีเสน่ห์งดงามไม่แพ้ฤดูกาลอื่นๆ เพราะใบไม้จะเปลี่ยนสีเป็นเหลือง ส้ม แดง สีสันสวยงามหลากเฉดก่อนร่วงหล่น แม้ว่าฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นช่วงที่มีฝนตกชุกแต่นักท่องเที่ยวก็มีโอกาสที่จะลุ้นชมแสงเหนือได้เช่นกัน
น้ำตก ส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
วีซ่า ในประเทศไทยยังไม่มีสถานทูตไอซ์แลนด์ ฉะนั้น ผู้ที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์จึงต้องไปขอที่สถานทูตเดนมาร์ก
สกุลเงิน สกุลเงินของไอซ์แลนด์ คือ เงินโครน (Icelandic Krona) แต่นักท่องเที่ยวสามารถใช้เงินยูโยได้ ทั้งนี้ การชำระราคาสินค้าและบริการต่างๆ ด้วยเงินโครน หรือบัตรเครดิตจะสะดวกกว่า
ภาษา อักษรภาษาไอซ์แลนดิกจะแตกต่างจากภาษาอังกฤษ คือ Á (ออ), Ð ð (dh หรือ ด, ท), É (เย), Í (อี), Ó (อุ), Ú (อู), Ý (อี), Þ þ (th หรือ ธ), Æ (เอ) และ Ö (เออ) และในภาษาภาษาไอซ์แลนดิกจะไม่มีอักษร C, Q, W และ Z ยกเว้นเวลาสะกดคำทับศัพท์ภาษาต่างประเทศเช่นคำว่า pizza
สภาพอากาศ สภาพอากาศของไอซ์แลนด์แปรปรวนค่อนข้างบ่อยและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นักท่องเที่ยวจึงควรตระเตรียมความพร้อมของเครื่องแต่งกายเมื่อเดินทาง
การเดินทาง การเดินทางท่องเที่ยวรอบๆ ประเทศไอซ์แลนด์นั้นไม่เหมาะกับการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ การเช่ารถขับเอง โดยนักท่องเที่ยวต้องเช่ารถจากสนามบิน
การขับรถในประเทศเทศไอซ์แลนด์ หากเป็นฤดูหนาวต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นเนื่องจากถนนจะลื่น เป็นน้ำแข็ง การจำกัดความเร็วการขับรถในประเทศไอซ์แลนด์นั้น ความเร็วทั่วไปในพื้นที่เขตเมืองจำกัดที่ 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง, พื้นที่นอกเมือง (ถนนไม่ได้ลาดยาง) จำกัดที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง, พื้นที่นอกเมือง (ถนนลาดยาง) จำกัดที่ 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง และการขับรถในประเทศไอซ์แลนด์ นอกจากห้ามโทรศัพท์และต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาแล้ว กฎหมายยังบังคับว่าต้องเปิดไฟหน้ารถตลอดเวลา ไม่ว่าจะเช้าหรือกลางคืน
ล้อรถมีลักษณะเหมือนหัวตะปูติดอยู่ เพื่อให้ล้อยึดกับถนนในฤดูหนาวที่มีหิมะและถนนลื่น
พฤติกรรมอย่างหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือการหยุดรถกลางถนน เพราะต้องการถ่ายรูปวิว รูปม้า หรือ แกะ ซึ่งการกระทำเช่นนี้สามารถเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ฉะนั้น เมื่อต้องการจอดรถระหว่างทางนักท่องเที่ยวจึงควรเลือกจุดจอดอย่างระมัดระวังและคำนึงถึงเพื่อนร่วมท้องถนนคนอื่นๆ ด้วย
เมื่อขับรถเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์นอกฤดูกาล นักท่องเที่ยวจะต้องเผื่อใจสำหรับความล่าช้าในการเดินทาง เนื่องจากถนนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและลื่น สำคัญมากที่นักท่องเที่ยวจะต้องทราบและคอยเช็กและอัพเดทสภาพอากาศของไอซ์แลนด์อยู่ตลอด โดยเฉพาะนอกฤดูกาลที่สภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนมาก และสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว หากหิมะตกในขณะขับรถท่องเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์ นักท่องเที่ยวควรแจ้งให้ทางโรงแรมที่พักทราบว่ากำลังจะเดินทางไปที่ไหน ใช้ถนนเส้นไหน และคาดว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางต่อไปเมื่อไร เพราะหากเกิดปัญหาฉุกเฉินขึ้น อย่างน้อยๆ ทางโรงแรมก็สามารถที่จะประสานงานให้ความช่วยเหลือได้
เครื่องหมายจราจรในประเทศไอซ์แลนด์ โดยทั่วไปเป็นตามแบบมาตรฐานสากล แต่อาจมีสัญลักษณ์บางอย่างที่นักท่องเที่ยวไม่คุ้นเคย เช่น Single - lane Bridge หรือสะพานเลนเดียว ที่นักท่องเที่ยวสามารถพบได้บ่อยๆ เมื่อพบสัญลักษณ์นี้ ผู้ขับจะต้องชะลอรถให้อีกฝ่ายที่มาถึงก่อนเป็นฝ่ายไปก่อน เนื่องจากรถจะไม่สามารถแล่นสวนกันได้ ฉะนั้นนักท่องเที่ยวจึงต้องใช้ความระมัดระวัง และมีน้ำใจแก่เพื่อนร่วมถนน และเนื่องจากถนนในไอซ์แลนด์นั้นไม่ได้กว้างและไม่มีไหล่ถนนเหมือนถนนตามต่างประเทศ ฉะนั้น นักท่องเที่ยวต้องมั่นใจว่าเวลาจอดรถไม่ได้จอดกินเลนถนนมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
Single - lane Bridge หรือสะพานเลนเดียว
ถนนอีกประเภทหนึ่งที่ค่อนข้างพบได้บ่อยในไอซ์แลนด์ แต่อาจจะไม่ค่อยพบในต่างประเทศคือ ถนนที่เรียกว่า Blindhaed หรือ Blind Rise ที่ค่อนข้างพบได้เป็นปกติบนถนนสายที่เล็กกว่าถนนสายวงแหวน จะมีลักษณะคือเป็นเนินแหลมชนกัน นั่นหมายความว่านักท่องเที่ยวจะไม่สามารถมองเห็นรถที่กำลังวิ่งขึ้นเนินสวนมาจากอีกฝั่ง ผู้ขับจึงจำเป็นที่จะต้องลดความเร็วลง และขับรถด้วยความระมัดระวัง
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม เมืองฮอฟน์ สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
เมืองฮอฟน์ ประเทศไอซ์แลนด์
(Hofn, Iceland)
ระดับความนิยม :
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : เมืองฮอฟน์ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ และอยู่ห่างจากเมืองเรคยาวิกประมาณ 451 กม.
โทรศัพท์ : (+354)3544834601
เว็บไซต์ : https://www.south.is/en/inspiration/towns/hofn
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการขับรถเที่ยว https://safetravel.is/
แท็กซี่เมืองเรคยาวิก http://www.taxireykjavik.is/
ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์ https://www.iceland.is
ศูนย์บริการยื่นขอวีซ่าประเทศไอซ์แลนด์ http://vfsglobal-denmark.com
สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย http://thailand.um.dk
เบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน 112
เบอร์โทรศัพท์สำหรับช่วยเหลือทางการแพทย์ 1770
เบอร์โทรศัพท์ตำรวจ 444 – 1000
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อรวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ