เมืองฮูซาวิก ประเทศไอซ์แลนด์

  • อ่าน (4,672)
  • By Webmaster
  • 17:15:38 | 8 ส.ค. 2561

เมืองฮูซาวิก ประเทศไอซ์แลนด์

Husavik, Iceland



ประวัติ

             ฮูซาวิก (Husavik) เมืองประมงเล็กๆ ที่มีประชากรประมาณ 2.400 คน ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของ Skjálfandi Bay ทางตอนเหนือของประเทศไอซ์แลนด์ โดยหันหน้าสู่เทือกเขา 'Víkna- and Kinnarfjöll' ที่มีความสูงราว 1100 เมตร ภูมิประเทศที่น่าอัศจรรย์นี้ทำให้ฮูซาวิกเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในไอซ์แลนด์ เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของการดูวาฬ โดยเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการดูวาฬ จนได้รับการขนานนามให้เป็นเมืองหลวงแห่งการดูวาฬของประเทศไอซ์แลนด์ (The Whale watching capital of Iceland) และยังถูกยกย่องให้เป็นเมืองหลวงแห่งการดูวาฬของยุโรป (The Whale watching capital of Europe) อีกด้วย

           ฉายาเหล่านี้คือสิ่งที่การันตีถึงความมีชื่อเสียงโดดเด่นในเรื่องของการเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของวาฬหลายชนิด ทั้งวาฬหลังค่อม (Humpback Whales) และวาฬสีน้ำเงิน (Blue Whales) ที่ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาหาอาหารอันอุดมสมบูรณ์บริเวณรอบๆ อ่าวของเมืองฮูซาวิกแห่งนี้มาช้านาน

 

การเดินทางจากกรุงเทพไปเมืองเรคยาวิก

           เนื่องจากการเดินทางจากประเทศไทยไปประเทศไอซ์แลนด์ยังไม่มีสายการบินที่ให้บริการเที่ยวบินตรง ฉะนั้น นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์จะต้องบินไปลงยังเมืองใดเมืองหนึ่งของยุโรปก่อนเพื่อต่อไฟลท์ไปยังประเทศไอซ์แลนด์อีกครั้ง เรคยาวิก (Reykjavik) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ มีสนามบิน 2 แห่งตั้งอยู่คนละที่ คือ Keflavik International Airport (KEF) ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติ และ Reykjavik Domestic Airport (RKV) ซึ่งเป็นสนามบินภายในประเทศ

             จากเมืองต่างๆ ของยุโรปเครื่องจะบินไปลงที่สนามบินนานาชาติ Keflavik International Airport (KEF) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเรคยาวิกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 50 กิโลเมตร เว้นเสียแต่ว่านักท่องเที่ยวเดินทางมาจากหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) และ เกาะกรีนแลนด์ (Greenland) ซึ่งจะมีเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ให้บริการไปลง Reykjavik Airport (RKV) สนามบินภายในประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเรคยาวิกไปทางทิศใต้ประมาณ 3 กิโลเมตร

การเดินทางจากสนามบินเรคยาวิกสู่ตัวเมือง

             การเดินทางจากสนามบินนานาชาติ Keflavik International Airport (KEF) ไปยังตัวเมืองเรคยาวิกจะใช้เวลาประมาณ 40 – 45 นาที นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการ เช่ารถยนต์ ได้จากหลากหลายบริษัท โดยสามารถศึกษาข้อมูลและจองได้ล่วงหน้าก่อนเดินทาง อาทิ บริการของบริษัทต่างๆ บนเว็บไซต์ www.motorhomerepublic.com และ www.rentalcars.com ทั้งนี้ หากนักท่องเที่ยวไม่ได้เช่ารถยนต์ขับจากสนามบินเลยก็สามารถใช้บริการ รถโดยสารสาธารณะ ชื่อ Flybus Airport Transfers เพื่อไปลงที่ BSI Bus Terminal หรือจุดจอดต่างๆ ในตัวเมืองเรคยาวิก โดยรถจะมีให้บริการทุกๆ 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 2.950 ISK ต่อคน โดยนักท่องเที่ยวสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ที่ https://www.re.is/flybus เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีที่นั่งแน่นอนในวันเดินทาง

             การเดินทางจากสนามบินภายในประเทศ Reykjavik Domestic Airport (RKV) ไปยังตัวเมืองเรคยาวิกจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองได้โดย ใช้บริการ รถแท็กซี่ หรือ ใช้บริการ รถโดยสารประจำทาง Straeto สาย 15 ของ Reykjavik Excursions เพื่อไปลงที่ BSI Bus Terminal หรือจุดจอดต่างๆ ในตัวเมืองเรคยาวิก โดยนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบเวลาและเส้นทางการเดินรถรอบๆ เมืองเรคยาวิกได้ที่ https://www.straeto.is/en/timatoflur

การเดินทางจากเมืองเรคยาวิกไปยังเมืองฮูซาวิก

           นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์แบบ Road Trip โดยการใช้เส้นทาง Ring Road หรือ Highway No. 1 ซึ่งเป็นเส้นทางวงแหวนวิ่งรอบประเทศไอซ์แลนด์ จุดเริ่มต้นของการเดินทางบน Ring Road คือ เมืองเรคยาวิก (Reykjavik) เมืองหลวงของประเทศ ซึ่งมีสนามบินนานาชาติที่สายการบินจากประเทศต่างๆ บินไปลงที่นี่ การใช้เส้นทาง Ring Road นั้นเป็นการขับรถแบบวงกลม โดยปลายทางจะวนกลับมายังเมืองเรคยาวิก ระหว่างทางจะมีจุดน่าสนใจต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้แวะชมภูมิประเทศอันงดงามและน่าอัศจรรย์ของไอซ์แลนด์เป็นระยะ การขับรถเที่ยวบน Ring Road จนครบนั้นจะใช้ระยะเวลาประมาณ 10 - 14 วัน หรือมากกว่า

             จากเมืองเรคยาวิกไปยังเมืองฮูซาวิก ใช้เส้นทาง Vesturlandsvegur/ถนนหมายเลข 49 ระยะเวลา 3 นาที (1.3 กม.) จากนั้นตาม Þjóðvegur ไปทาง Norðausturvegur มุ่งไป Norðurland eystra ระยะเวลา 5 ชม. 6 นาที (425 กม.) จากนั้นตาม Norðausturvegur ไปทาง Miðgarður มุ่งไป Húsavík ระยะเวลา 33 นาที (45.5 กม.)

           นอกจากนี้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เดินทางแบบ Road Trip โดยใช้เส้นทาง Ring Road และต้องการเดินทางจากเมืองเรคยาวิกมายังเมืองฮูซาวิกโดยเครื่องบิน ก็มีบริการของสายการบิน Eagle Air จากเมืองเรคยาวิกที่บินมาลงเมืองฮูซาวิก จำนวน 12 เที่ยวต่อสัปดาห์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.eagleair.is

บรรยากาศและสีสันของเมืองฮูซาวิก


บริเวณท่าเรือของเมืองฮูซาวิก


ด้านหลังจะสังเกตเห็นแนวเทือกเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน

สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวเมืองฮูซาวิก

             Whale - watching สิ่งที่เป็นไฮไลต์สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวที่เมืองฮูซาวิกคงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากการดูวาฬ นอกจากนี้ บริเวณอ่าว Skjálfandi ยังเป็นเพียงหนึ่งในสี่แห่งของโลกที่จะสามารถพบวาฬสีน้ำเงินได้ โดยมีการพบเห็นวาฬสีน้ำเงินในอ่าวนี้มาตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 ซึ่งช่วงที่สามารถพบได้บ่อยที่สุดคือช่วงเดือนมิถุนายน ที่เมืองฮูซาวิกมีทัวร์ดูวาฬให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้บริการหลากหลาย รวมถึงการทัวร์ออกไปดูวาฬในเวลาเที่ยงคืน การนั่งเรือออกไปดูวาฬจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งโดยปกติแล้วหากไปแล้วไม่เห็นวาฬนักท่องเที่ยวก็จะได้รับตั๋วฟรีอีกหนึ่งรอบจากบริษัทนำเที่ยวนั้นๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.northsailing.is


ศูนย์บริการข้อมูลการชมวาฬ


ออฟฟิศจำหน่ายตั๋วล่องเรือชมวาฬ

             Húsavík Whale Museum เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์เพียงไม่กี่แห่งในโลกที่ทุ่มเทให้กับปลาวาฬโดยเฉพาะ และยังเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งเดียวในโลกที่มีชิ้นส่วนโครงกระดูกที่สมบูรณ์ของวาฬสีน้ำเงิน นอกจากนี้ ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังได้จัดแสดงโครงกระดูกของวาฬที่แตกต่างกันถึง 10 แบบ มีสารคดีให้ชม และมีพื้นที่พิเศษสำหรับเด็กๆ ด้วย ไฮไลต์ของพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วย Narwhal (นาร์วาล) เป็นวาฬมีฟันขนาดกลาง ซึ่งใช้ชีวิตตลอดทั้งปีที่บริเวณอาร์กติก โดยนาร์วาลเพศผู้มีลักษณะที่โดดเด่นคือ มีงาที่ยาว ตรง เป็นเกลียวยื่นมาจากกรามบนด้านซ้ายของพวกมัน นอกจากนี้ยังมีกรามของ Sperm Whale ที่มีขนาดเท่ารถยนต์ และตู้ที่จัดแสดงชิ้นส่วนต่างๆ อันน่าสนใจของวาฬที่หาชมได้ยากด้วย ส่วนด้านข้างเป็นห้องห้องสมุดบรรยากาศสบายๆ พร้อมหนังสือจำนวนมากและมีคาเฟ่ให้บริการด้วย ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.whalemuseum.is/


พิพิธภัณฑ์วาฬเมืองฮูซาวิก


พิพิธภัณฑ์เล็กๆ แต่แน่นไปด้วยข้อมูลความรู้และนิทรรศการที่จัดแสดงด้านใน

             Husavikurkirkja (Husavik Church) โบสถ์ไม้สีขาวหลังคาสีเขียว เป็นแลนด์มาร์กที่โดดเด่นมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งประจำเมืองฮูซาวิก สร้างเมื่อปี คศ.1907 ออกแบบโดย Rognvaldur Olafsson โดยไม้ที่ใช้สร้างนั้นเป็นไม้ที่นำเข้าจากประเทศนอร์เวย์ หากนักท่องเที่ยวพิจารณาแท่นบูชาภายในโบสถ์อย่างใกล้ชิดจะสังเกตเห็นว่าผู้คนที่ปรากฏอยู่ในภาพวาดของ Lazarus นั้น ศิลปินได้วาดขึ้นจากแบบที่เป็นผู้คนจริงๆ ในเมืองฮูซาวิก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.visithusavik.com/attractions/husavik-church/


โบสถ์ Husavikurkirkja

             The Exploration Museum พิพิธภัณฑ์การสำรวจเป็นสถานที่ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งในเมืองฮูซาวิก พิพิธภัณฑ์เล็กๆ แต่น่าสนใจแห่งนี้จัดแสดงประวัติศาสตร์ความเป็นมาเกี่ยวกับการสำรวจของมนุษยชาติ ตั้งแต่การสำรวจในยุคบุกเบิก จนถึงการเดินทางออกไปสำรวจอวกาศ โดยห้องนิทรรศการหลักมีรูปถ่ายและสิ่งของจากการฝึกอบรมนักบินอวกาศยานอพอลโล (Apollo) ใกล้กับเมือง Húsavík ในปี คศ.1965 และปี คศ. 1967 นอกจากนี้ ห้องนิทรรศการอื่นๆ ยังจัดแสดงประวัติความเป็นมาของการสำรวจของชาวไวกิ้ง (Viking) การสำรวจดินแดนอาร์กติก (Arctic) และประวัติศาสตร์การสำรวจในแต่ละช่วงเวลานักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.explorationmuseum.com/

             The Culture House เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจมากสำหรับเมืองเล็กๆ เช่น Húsavík เพราะเป็นสถานที่ที่รวบรวมสิ่งประดิษฐ์หลายๆ อย่างจากประวัติศาสตร์ของไอซ์แลนด์ นอกจากนี้ ยังได้จัดแสดงหุ่นจำลองของสัตว์หลายชนิดที่พบในประเทศไอซ์แลนด์ รวมทั้งหมีขั้วโลกจากเกาะกรีนแลนด์ที่เดินทางมายังไอซ์แลนด์ด้วย อีกส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์นี้อุทิศให้แก่อุตสาหกรรมการประมงในประเทศไอซ์แลนด์

เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

           นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวเมืองฮูซาวิกได้ตลอดทั้งปี โดยในแต่ละฤดูกาลก็จะมีทัศนียภาพความงามและเสน่ห์ที่แตกต่างกัน

             ฤดูหนาว ระหว่างเดือนธันวาคม – ต้นเดือนมีนาคม เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาล่าแสงเหนือ (Northern lights) และชมความงามของถ้ำน้ำแข็ง (Ice Cave)

             ฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือนเมษายน – ปลายเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็น “ดินแดนน้ำแข็ง” แห่งนี้เป็นสีเขียวขจี มองไปทางใดก็สดชื่น และกลางวันกับกลางคืนยาวนานเท่าๆ กัน

             ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน – สิงหาคม เป็นช่วงที่ดอกไม้เบ่งบานอวดสีสันสวยๆ เมืองและผู้คนเต็มไปด้วยความสดใสมีชีวิตชีวา มีกิจกรรมต่างๆ เพื่อความบันเทิงมากมาย ร้านรวงต่างๆ เปิดทำการนานขึ้น และเป็นช่วงที่กลางวันยาวนานโดยพระอาทิตย์จะตกตอนเที่ยงคืน

             ฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างเดือนกันยายน – พฤศจิกายน เป็นช่วงที่มีเสน่ห์งดงามไม่แพ้ฤดูกาลอื่นๆ เพราะใบไม้จะเปลี่ยนสีเป็นเหลือง ส้ม แดง สีสันสวยงามหลากเฉดก่อนร่วงหล่น แม้ว่าฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นช่วงที่มีฝนตกชุกแต่นักท่องเที่ยวก็มีโอกาสที่จะลุ้นชมแสงเหนือได้เช่นกัน


เรือกับชื่อในภาษาไอซ์แลนด์ที่จอดลอยลำอยู่

ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้

             วีซ่า ในประเทศไทยยังไม่มีสถานทูตไอซ์แลนด์ ฉะนั้น ผู้ที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์จึงต้องไปขอที่สถานทูตเดนมาร์ก

             สกุลเงิน สกุลเงินของไอซ์แลนด์ คือ เงินโครน (Icelandic Krona) แต่นักท่องเที่ยวสามารถใช้เงินยูโยได้ ทั้งนี้ การชำระราคาสินค้าและบริการต่างๆ ด้วยเงินโครน หรือบัตรเครดิตจะสะดวกกว่า

             ภาษา อักษรภาษาไอซ์แลนดิกจะแตกต่างจากภาษาอังกฤษ คือ Á (ออ), Ð ð (dh หรือ ด, ท), É (เย), Í (อี), Ó (อุ), Ú (อู), Ý (อี), Þ þ (th หรือ ธ), Æ (เอ) และ Ö (เออ) และในภาษาภาษาไอซ์แลนดิกจะไม่มีอักษร C, Q, W และ Z ยกเว้นเวลาสะกดคำทับศัพท์ภาษาต่างประเทศเช่นคำว่า pizza

             สภาพอากาศ สภาพอากาศของไอซ์แลนด์แปรปรวนค่อนข้างบ่อยและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นักท่องเที่ยวจึงควรตระเตรียมความพร้อมของเครื่องแต่งกายเมื่อเดินทาง

             การเดินทาง การเดินทางท่องเที่ยวรอบๆ ประเทศไอซ์แลนด์นั้นไม่เหมาะกับการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ การเช่ารถขับเอง โดยนักท่องเที่ยวต้องเช่ารถจากสนามบิน

 

             การขับรถในประเทศเทศไอซ์แลนด์ หากเป็นฤดูหนาวต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นเนื่องจากถนนจะลื่น เป็นน้ำแข็ง การจำกัดความเร็วการขับรถในประเทศไอซ์แลนด์นั้น ความเร็วทั่วไปในพื้นที่เขตเมืองจำกัดที่ 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง, พื้นที่นอกเมือง (ถนนไม่ได้ลาดยาง) จำกัดที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง, พื้นที่นอกเมือง (ถนนลาดยาง) จำกัดที่ 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง และการขับรถในประเทศไอซ์แลนด์ นอกจากห้ามโทรศัพท์และต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาแล้ว กฎหมายยังบังคับว่าต้องเปิดไฟหน้ารถตลอดเวลา ไม่ว่าจะเช้าหรือกลางคืน 


ล้อรถมีลักษณะเหมือนหัวตะปูติดอยู่ เพื่อให้ล้อยึดกับถนนในฤดูหนาวที่มีหิมะและถนนลื่น 

           พฤติกรรมอย่างหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือการหยุดรถกลางถนน เพราะต้องการถ่ายรูปวิว รูปม้า หรือ แกะ ซึ่งการกระทำเช่นนี้สามารถเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ฉะนั้น เมื่อต้องการจอดรถระหว่างทางนักท่องเที่ยวจึงควรเลือกจุดจอดอย่างระมัดระวังและคำนึงถึงเพื่อนร่วมท้องถนนคนอื่นๆ ด้วย

           เมื่อขับรถเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์นอกฤดูกาล นักท่องเที่ยวจะต้องเผื่อใจสำหรับความล่าช้าในการเดินทาง เนื่องจากถนนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและลื่น สำคัญมากที่นักท่องเที่ยวจะต้องทราบและคอยเช็กและอัพเดทสภาพอากาศของไอซ์แลนด์อยู่ตลอด  โดยเฉพาะนอกฤดูกาลที่สภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนมาก และสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว หากหิมะตกในขณะขับรถท่องเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์ นักท่องเที่ยวควรแจ้งให้ทางโรงแรมที่พักทราบว่ากำลังจะเดินทางไปที่ไหน ใช้ถนนเส้นไหน และคาดว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางต่อไปเมื่อไร  เพราะหากเกิดปัญหาฉุกเฉินขึ้น อย่างน้อยๆ ทางโรงแรมก็สามารถที่จะประสานงานให้ความช่วยเหลือได้

             เครื่องหมายจราจรในประเทศไอซ์แลนด์ โดยทั่วไปเป็นตามแบบมาตรฐานสากล แต่อาจมีสัญลักษณ์บางอย่างที่นักท่องเที่ยวไม่คุ้นเคย เช่น Single - lane Bridge หรือสะพานเลนเดียว ที่นักท่องเที่ยวสามารถพบได้บ่อยๆ เมื่อพบสัญลักษณ์นี้ ผู้ขับจะต้องชะลอรถให้อีกฝ่ายที่มาถึงก่อนเป็นฝ่ายไปก่อน เนื่องจากรถจะไม่สามารถแล่นสวนกันได้ ฉะนั้นนักท่องเที่ยวจึงต้องใช้ความระมัดระวัง และมีน้ำใจแก่เพื่อนร่วมถนน และเนื่องจากถนนในไอซ์แลนด์นั้นไม่ได้กว้างและไม่มีไหล่ถนนเหมือนถนนตามต่างประเทศ ฉะนั้น นักท่องเที่ยวต้องมั่นใจว่าเวลาจอดรถไม่ได้จอดกินเลนถนนมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้


Single - lane Bridge หรือสะพานเลนเดียว

           ถนนอีกประเภทหนึ่งที่ค่อนข้างพบได้บ่อยในไอซ์แลนด์ แต่อาจจะไม่ค่อยพบในต่างประเทศคือ ถนนที่เรียกว่า Blindhaed หรือ Blind Rise ที่ค่อนข้างพบได้เป็นปกติบนถนนสายที่เล็กกว่าถนนสายวงแหวน จะมีลักษณะคือเป็นเนินแหลมชนกัน นั่นหมายความว่านักท่องเที่ยวจะไม่สามารถมองเห็นรถที่กำลังวิ่งขึ้นเนินสวนมาจากอีกฝั่ง ผู้ขับจึงจำเป็นที่จะต้องลดความเร็วลง และขับรถด้วยความระมัดระวัง


            นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม เมืองฮูซาวิก สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                        เมืองฮูซาวิก ประเทศไอซ์แลนด์

                        (Husavik, Iceland)

                        ระดับความนิยม             

                        อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม

                        สถานที่ตั้ง : เมืองฮูซาวิกอยู่ห่างไปทางเหนือของเมือง Akureyri ประมาณ 50 กม. และอยู่ห่างจากเมืองเรคยาวิกประมาณ 472 กม.

                        โทรศัพท์ : (+354)4646165 

                        เว็บไซต์ : http://www.visithusavik.com/ 

                        ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com    

                                        ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการขับรถเที่ยว https://safetravel.is/

                                        แท็กซี่เมืองเรคยาวิก http://www.taxireykjavik.is/

                                        ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์ https://www.iceland.is

                                        ศูนย์บริการยื่นขอวีซ่าประเทศไอซ์แลนด์ http://vfsglobal-denmark.com

                                        สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย http://thailand.um.dk

                                        เบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน 112

                                        เบอร์โทรศัพท์สำหรับช่วยเหลือทางการแพทย์ 1770

                                        เบอร์โทรศัพท์ตำรวจ 444 – 1000

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

ล่องบอลลูนชม 2 ดินแดนมรดกโลก…พุกาม & คัปปาโดเชีย

หากเอ่ยถึง “พุกาม” (Bagan) เชื่อว่าคงจะนึกถึงสิ่งอื่นใดไปไม่ได้ นอกจากทะเลเจดีย์นับพันที่สร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณพื้นที่ของเขตเขตมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ และหากเอ่ยถึง “คัปปาโดเชีย” (Cappadocia) ประเทศตุรกีหรือตุรเคีย แน่นอนว่าก็คงจะต้องมีภาพของบอลลูนหลากสีลอยล่องอยู่เหนือภูมิประเทศแปลกตา ที่เต็มไปด้วยกลุ่มภูเขาหินรูปกรวยโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน... ในครั้งนี้ Palanla จะพาออกเดินทางไปสัมผัสกับความน่าอัศจรรย์ของ 2 ดินแดนมรดกโลก “พุกาม” และ “คัปปาโดเชีย” ด้วยมุมมองจากบนท้องฟ้าผ่านการล่องบอลลูนลมร้อน พร้อมแล้วไปด้วยกัน!

อ่านต่อ

เกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) & ฮาจิโกะ (Hachiko)

สุนัข ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่แสนดีและซื่อสัตย์ของมนุษย์มายาวนานอยู่ทุกหนแห่งของโลกใบนี้ หลายๆ เรื่องราวถูกถ่ายทอดความประทับใจออกมาผ่านภาพยนตร์ หนังสือ ตลอดจนสร้างเป็นรูปปั้นอนุสรณ์สถานเพื่อเชิดชูและระลึกถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่เจ้าตูบและมนุษย์มีต่อกัน เช่นเดียวกับรูปปั้นของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ 2 แห่งที่ Palanla จะพาไปชมในวันนี้ ที่แรกคือ รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) เมืองเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์ และอีกที่คือ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ (Hachiko) ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

อ่านต่อ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

อิสตันบูล (Istanbul) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นนคร 2 ทวีป ซึ่งมีช่องแคบบอสฟอรัสเป็นเส้นแบ่งระหว่างยุโรปและเอเชียแห่งนี้ คือเมืองที่รุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์ความเป็นมานับพันๆ ปี จึงไม่น่าแปลกใจหากอิสตันบลูจะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่และงดงามทรงคุณค่ามากมายที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นยุโรปและเอเชียจากอดีตจนถึงปัจจุบัน Palanla จะพาไปชม 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอิสตันบูลที่หากมีโอกาสไปเยือนประเทศตุรกีไม่ควรพลาด

อ่านต่อ

ล่องเรือชมวิวช่องแคบบอสฟอรัส เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

ช่องแคบบอสฟอรัส เป็นช่องแคบเล็กๆ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของตุรกี เคยเป็นทั้งเส้นทางการค้าที่สำคัญ และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมาจนถึงปัจจุบัน การล่องเรือชมวิวช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) จึงเป็นวิธีที่ดีที่จะได้สัมผัสบรรยากาศ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมที่หลากหลายของอิสตันบูล

อ่านต่อ

อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน (Yerebatan Sarnici) คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของตุรกี ดินแดนที่เต็มไปด้วยประวัติความเป็นมามากกว่าพันปี อุโมงค์เก่าแก่ขนาดใหญ่แห่งนี้คือสถานที่เก็บน้ำในสมัยโบราณที่ยังคงความยิ่งใหญ่และงดงาม กับเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างเสากรีกที่ค้ำเรียงรายมากถึง 336 ต้น และเสาเมดูซ่าพร้อมตำนานที่เล่าขานกันมาหลายชั่วอายุคน รวมถึงซากโบราณของพระราชวังใต้ดินแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิลสมัยไบเซนไทน์อีกด้วย

อ่านต่อ

ตลาดเครื่องเทศ เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

ตลาดเครื่องเทศ (Historical Spice Bazaar / Egyptıan Spıce Bazaar) ในอิสตันบูล เป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก ตลาดแห่งนี้มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ในสมัยจักรวรรดิออตโตมัน เดิมทีเป็นจุดแลกเปลี่ยนเครื่องเทศ ผ้าไหม และสินค้าอื่นๆ จากเอเชียมาสู่ยุโรป

อ่านต่อ

10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี

บูดาเปสต์ (Budapest) เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี ตัวเมืองถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งด้วยแม่น้ำดานูบที่ไหลผ่านกลางเมือง ทำให้ในเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกจากสถาปัตยกรรมอันสวยงามเปี่ยมเสน่ห์ที่รอคอยให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือน Palanla ได้รวบรวมเอา 10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองบูดาเปสต์มาให้แล้วในบทความนี้

อ่านต่อ

12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองปราก สาธารณรัฐเช็ก

ปราก (Prague) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลนี้ ตั้งอยู่ใจกลางของทวีปยุโรป ในอดีต เมืองปรากเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองอันยิ่งใหญ่ของทวีปยุโรป ซึ่งอารยธรรมแห่งความยิ่งใหญ่ และเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนั้น ก็ยังคงสะท้อนอยู่ในวิถีชีวิตของชาวเมือง วัฒนธรรมประเพณี สถาปัตยกรรม ฯลฯ ราวกับมรดกที่สืบทอด และรักษากันมาอย่างดี จนถูกยกให้เป็นเมืองที่มีความน่าหลงใหล ควรค่าแก่การไปสัมผัสความเป็นยุโรปมากที่สุด โดยเมืองปรากยังได้รับการประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก จากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วย ปัจจุบันเมืองนี้นับเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญ ของบรรดานักท่องเที่ยวที่มาเยือนทวีปยุโรป ไปชม 12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองปรากพร้อมๆ กันกับ Palanla!

อ่านต่อ

ถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี

ถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ (Fashion Street Budapest) เป็นถนนช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงในใจกลางเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ถนนสายนี้เป็นที่รู้จักในด้านร้านค้าแฟชั่นชั้นนำจากแบรนด์ระดับโลก อาทิ Gucci, Louis Vuitton, Dior, Armani, Prada และ Chanel ถนนสายนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่มากมาย จึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวเมืองบุดาเปสต์เองด้วย

อ่านต่อ

ล่องเรือดินเนอร์ในบูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี

ล่องเรือดินเนอร์ในบูดาเปสต์ (Dinner Cruise Budapest) เป็นวิธียอดเยี่ยมในการชมความสวยงามของเมืองบูดาเปสต์ โดยขณะที่เรือล่องไปตามแม่น้ำดานูบ (Danube River) นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงามของสะพาน พระราชวัง และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รวมทั้งอิ่มอร่อยกับอาหารรสเลิศและเครื่องดื่มแสนอร่อย

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ