น้ำตกโกดาฟอสส์ ประเทศไอซ์แลนด์

  • อ่าน (4,888)
  • By Webmaster
  • 16:32:48 | 8 ส.ค. 2561

น้ำตกโกดาฟอสส์ ประเทศไอซ์แลนด์

Godafoss, Iceland

 

ประวัติ

              น้ำตกโกดาฟอสส์ (Godafoss) หรือที่รู้จักในนาม น้ำตกของพระเจ้า เป็นน้ำตกที่มีความงดงามและใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ โดยมีความสูง 12 เมตร กว้าง 30 เมตร ตั้งอยู่ในเขตทะเลสาบมีวัทน์ (Myvatn Lake) ซึ่งไม่ไกลจากภูเขาไฟคลาฟฟา (Krafla volcano) นัก น้ำตกแห่งนี้ถูกค้นพบเมื่อ 1,000 ปีก่อนคริสตกาลโดยนักบุญชาวคริสต์ เล่ากันว่า ในอดีตเมื่อรัฐสภาไอซ์แลนด์ได้ยอมรับศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ ผู้ประกาศตรากฎหมายเดินทางกลับบ้านผ่านบริเวณน้ำตกและได้ทิ้งรูปสลักพระเจ้าต่างๆ ของชาวนอร์ส (Norse) ลงไปในแม่น้ำ จึงทำให้น้ำตกนี้ได้ชื่อว่า “น้ำตกของพระเจ้า” โดย Goda มาจากคำว่า God ส่วน Foss หมายถึงน้ำตกในภาษาไอซ์แลนด์

           สายน้ำตกของโกดาฟอสส์มีลักษณะโค้งเป็นครึ่งวงกลม และไหลตกลงมายังแอ่งตรงกลาง ในแต่ละฤดูกาลน้ำตกแห่งนี้จะมีความงามแตกต่างกัน น้ำตกแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยงามที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ คนในท้องถิ่นเรียกมักเรียกโกดาฟอสส์ด้วยชื่อเล่นว่า 'The Beauty' ซึ่งแปลว่าโฉมงาม เมื่อเปรียบเทียบกับ 'The Beast' หรือเจ้าชายอสูร อย่างน้ำตก Dettifoss ฉายาอันไพเราะที่ถูกเรียกขานโดยคนท้องนี้ คงจะพอบ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงความงดงาม และน่าประทับใจของน้ำตกโกดาฟอสส์



การเดินทางจากกรุงเทพไปเมืองเรคยาวิก

            เนื่องจากการเดินทางจากประเทศไทยไปประเทศไอซ์แลนด์ยังไม่มีสายการบินที่ให้บริการเที่ยวบินตรง ฉะนั้น นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์จะต้องบินไปลงยังเมืองใดเมืองหนึ่งของยุโรปก่อนเพื่อต่อไฟลท์ไปยังประเทศไอซ์แลนด์อีกครั้ง เรคยาวิกซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ มีสนามบิน 2 แห่งตั้งอยู่คนละที่ คือ Keflavik International Airport (KEF) ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติ และ Reykjavik Domestic Airport (RKV) ซึ่งเป็นสนามบินภายในประเทศ

             จากเมืองต่างๆ ของยุโรปเครื่องจะบินไปลงที่สนามบินนานาชาติ Keflavik International Airport (KEF) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเรคยาวิกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 50 กิโลเมตร เว้นเสียแต่ว่านักท่องเที่ยวเดินทางมาจากหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) และ เกาะกรีนแลนด์ (Greenland) ซึ่งจะมีเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ให้บริการไปลง Reykjavik Airport (RKV) สนามบินภายในประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเรคยาวิกไปทางทิศใต้ประมาณ 3 กิโลเมตร

การเดินทางจากสนามบินสู่ตัวเมืองเรคยาวิก

             การเดินทางจากสนามบินนานาชาติ Keflavik International Airport (KEF) ไปยังตัวเมืองเรคยาวิกจะใช้เวลาประมาณ 40 – 45 นาที นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการ เช่ารถยนต์ ได้จากหลากหลายบริษัท โดยสามารถศึกษาข้อมูลและจองได้ล่วงหน้าก่อนเดินทาง อาทิ บริการของบริษัทต่างๆ บนเว็บไซต์ www.motorhomerepublic.com และ www.rentalcars.com ทั้งนี้ หากนักท่องเที่ยวไม่ได้เช่ารถยนต์ขับจากสนามบินเลยก็สามารถใช้บริการ รถโดยสารสาธารณะ ชื่อ Flybus Airport Transfers เพื่อไปลงที่ BSI Bus Terminal หรือจุดจอดต่างๆ ในตัวเมืองเรคยาวิก โดยรถจะมีให้บริการทุกๆ 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 2.950 ISK ต่อคน โดยนักท่องเที่ยวสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ที่ https://www.re.is/flybus เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีที่นั่งแน่นอนในวันเดินทาง

             การเดินทางจากสนามบินภายในประเทศ Reykjavik Domestic Airport (RKV) ไปยังตัวเมืองเรคยาวิกจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองได้โดย ใช้บริการ รถแท็กซี่ หรือ ใช้บริการ รถโดยสารประจำทาง Straeto สาย 15 ของ Reykjavik Excursions เพื่อไปลงที่ BSI Bus Terminal หรือจุดจอดต่างๆ ในตัวเมืองเรคยาวิก โดยนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบเวลาและเส้นทางการเดินรถรอบๆ เมืองเรคยาวิกได้ที่ https://www.straeto.is/en/timatoflur

การเดินทางจากเมืองเรคยาวิกไปยัง Godafoss

           นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์แบบ Road Trip โดยการใช้เส้นทาง Ring Road หรือ Highway No. 1 ซึ่งเป็นเส้นทางวงแหวนวิ่งรอบประเทศไอซ์แลนด์ จุดเริ่มต้นของการเดินทางบน Ring Road คือ เมืองเรคยาวิก (Reykjavik) เมืองหลวงของประเทศ ซึ่งมีสนามบินนานาชาติที่สายการบินจากประเทศต่างๆ บินไปลงที่นี่ การใช้เส้นทาง Ring Road นั้นเป็นการขับรถแบบวงกลม โดยปลายทางจะวนกลับมายังเมืองเรคยาวิก ระหว่างทางจะมีจุดน่าสนใจต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้แวะชมภูมิประเทศอันงดงามและน่าอัศจรรย์ของไอซ์แลนด์เป็นระยะ การขับรถเที่ยวบน Ring Road จนครบนั้นจะใช้ระยะเวลาประมาณ 10 - 14 วัน หรือมากกว่า

             จากเมืองเรคยาวิกไปยังน้ำตกโกดาฟอสส์ ใช้เส้นทาง Vesturlandsvegur/ถนนหมายเลข 49 ระยะเวลา 3 นาที (1.3 กม.) ตาม Þjóðvegur ที่มุ่งสู่ Goðafoss Sightseeing ไปยัง Norðurland eystra ระยะเวลา 5 ชั่วโมง 11 นาที (429 กม.) จากนั้น เลี้ยวขวาเข้าสู่ Goðafoss Sightseeing ระยะเวลา 43 วินาที (350 เมตร)


อาคารสีเหลืองไข่ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าอ่อน

เวลาทำการเปิด – ปิด

            เปิดตลอด 24 ชั่วโมง


ทางที่นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปชมน้ำตกโกดาฟอสส์

อัตราค่าเข้าชม

            ไม่เสียค่าเข้าชม


สายน้ำไหลเชี่ยวสังเกตจากฟองสีขาวที่ปรากฏให้เห็น

สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว

            ทะเลสาบมีวัทน์ (Myvatn Lake) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากภูเขาไฟคลาฟฟา (Krafla volcano) เป็นบริเวณที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกนานาชนิด และยังเป็นแหล่งที่นกเป็ดน้ำอพยพมาเพื่อขยายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวซึ่งสนใจดูนกไม่ควรพลาด


น้ำตกที่มีความงดงามและใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ

เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

            ตลอดทั้งปี


รอบๆ ธารน้ำตกเต็มไปด้วยโขดหิน และไม่มีแม้แต่ต้นไม้ขึ้นเลยสักต้น

ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้

             วีซ่า ในประเทศไทยยังไม่มีสถานทูตไอซ์แลนด์ ฉะนั้น ผู้ที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์จึงต้องไปขอที่สถานทูตเดนมาร์ก

             สกุลเงิน สกุลเงินของไอซ์แลนด์ คือ เงินโครน (Icelandic Krona) แต่นักท่องเที่ยวสามารถใช้เงินยูโยได้ ทั้งนี้ การชำระราคาสินค้าและบริการต่างๆ ด้วยเงินโครน หรือบัตรเครดิตจะสะดวกกว่า

             ภาษา อักษรภาษาไอซ์แลนดิกจะแตกต่างจากภาษาอังกฤษ คือ Á (ออ), Ð ð (dh หรือ ด, ท), É (เย), Í (อี), Ó (อุ), Ú (อู), Ý (อี), Þ þ (th หรือ ธ), Æ (เอ) และ Ö (เออ) และในภาษาภาษาไอซ์แลนดิกจะไม่มีอักษร C, Q, W และ Z ยกเว้นเวลาสะกดคำทับศัพท์ภาษาต่างประเทศเช่นคำว่า pizza

             สภาพอากาศ สภาพอากาศของไอซ์แลนด์แปรปรวนค่อนข้างบ่อยและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นักท่องเที่ยวจึงควรตระเตรียมความพร้อมของเครื่องแต่งกายเมื่อเดินทาง

             การเดินทาง การเดินทางท่องเที่ยวรอบๆ ประเทศไอซ์แลนด์นั้นไม่เหมาะกับการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ การเช่ารถขับเอง โดยนักท่องเที่ยวต้องเช่ารถจากสนามบิน

 

             การขับรถในประเทศเทศไอซ์แลนด์ หากเป็นฤดูหนาวต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นเนื่องจากถนนจะลื่น เป็นน้ำแข็ง การจำกัดความเร็วการขับรถในประเทศไอซ์แลนด์นั้น ความเร็วทั่วไปในพื้นที่เขตเมืองจำกัดที่ 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง, พื้นที่นอกเมือง (ถนนไม่ได้ลาดยาง) จำกัดที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง, พื้นที่นอกเมือง (ถนนลาดยาง) จำกัดที่ 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง และการขับรถในประเทศไอซ์แลนด์ นอกจากห้ามโทรศัพท์และต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาแล้ว กฎหมายยังบังคับว่าต้องเปิดไฟหน้ารถตลอดเวลา ไม่ว่าจะเช้าหรือกลางคืน 


ล้อรถมีลักษณะเหมือนหัวตะปูติดอยู่ เพื่อให้ล้อยึดกับถนนในฤดูหนาวที่มีหิมะและถนนลื่น

           พฤติกรรมอย่างหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือการหยุดรถกลางถนน เพราะต้องการถ่ายรูปวิว รูปม้า หรือ แกะ ซึ่งการกระทำเช่นนี้สามารถเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ฉะนั้น เมื่อต้องการจอดรถระหว่างทางนักท่องเที่ยวจึงควรเลือกจุดจอดอย่างระมัดระวังและคำนึงถึงเพื่อนร่วมท้องถนนคนอื่นๆ ด้วย

           เมื่อขับรถเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์นอกฤดูกาล นักท่องเที่ยวจะต้องเผื่อใจสำหรับความล่าช้าในการเดินทาง เนื่องจากถนนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและลื่น สำคัญมากที่นักท่องเที่ยวจะต้องทราบและคอยเช็กและอัพเดทสภาพอากาศของไอซ์แลนด์อยู่ตลอด  โดยเฉพาะนอกฤดูกาลที่สภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนมาก และสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว หากหิมะตกในขณะขับรถท่องเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์ นักท่องเที่ยวควรแจ้งให้ทางโรงแรมที่พักทราบว่ากำลังจะเดินทางไปที่ไหน ใช้ถนนเส้นไหน และคาดว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางต่อไปเมื่อไร  เพราะหากเกิดปัญหาฉุกเฉินขึ้น อย่างน้อยๆ ทางโรงแรมก็สามารถที่จะประสานงานให้ความช่วยเหลือได้

             เครื่องหมายจราจรในประเทศไอซ์แลนด์ โดยทั่วไปเป็นตามแบบมาตรฐานสากล แต่อาจมีสัญลักษณ์บางอย่างที่นักท่องเที่ยวไม่คุ้นเคย เช่น  Single - lane Bridge หรือสะพานเลนเดียว ที่นักท่องเที่ยวสามารถพบได้บ่อยๆ เมื่อพบสัญลักษณ์นี้ ผู้ขับจะต้องชะลอรถให้อีกฝ่ายที่มาถึงก่อนเป็นฝ่ายไปก่อน เนื่องจากรถจะไม่สามารถแล่นสวนกันได้ ฉะนั้นนักท่องเที่ยวจึงต้องใช้ความระมัดระวัง และมีน้ำใจแก่เพื่อนร่วมถนน และเนื่องจากถนนในไอซ์แลนด์นั้นไม่ได้กว้างและไม่มีไหล่ถนนเหมือนถนนตามต่างประเทศ ฉะนั้น  นักท่องเที่ยวต้องมั่นใจว่าเวลาจอดรถไม่ได้จอดกินเลนถนนมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้


Single - lane Bridge หรือสะพานเลนเดียว

            ถนนอีกประเภทหนึ่งที่ค่อนข้างพบได้บ่อยในไอซ์แลนด์ แต่อาจจะไม่ค่อยพบในต่างประเทศคือ ถนนที่เรียกว่า Blindhaed หรือ Blind Rise ที่ค่อนข้างพบได้เป็นปกติบนถนนสายที่เล็กกว่าถนนสายวงแหวน จะมีลักษณะคือเป็นเนินแหลมชนกัน นั่นหมายความว่านักท่องเที่ยวจะไม่สามารถมองเห็นรถที่กำลังวิ่งขึ้นเนินสวนมาจากอีกฝั่ง ผู้ขับจึงจำเป็นที่จะต้องลดความเร็วลง และขับรถด้วยความระมัดระวัง


            นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม น้ำตกโกดาฟอสส์ สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                        น้ำตกโกดาฟอสส์ ประเทศไอซ์แลนด์

                        (Godafoss, Iceland)

                        ระดับความนิยม               

                        อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม

                        เวลาเปิด-ปิด : นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยว Godafoss ได้ตลอดเวลา

                        ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี

                        สถานที่ตั้ง : ตั้งอยู่ตอนเหนือของประเทศไอซ์แลนด์ ห่างจากเมืองเรคยาวิก ประมาณ 430 กม.

                        โทรศัพท์ : (+354)4623300

                        เว็บไซต์: https://www.northiceland.is/en/other/place/godafoss-waterfall

                        ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com    

                                        ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการขับรถเที่ยว https://safetravel.is/

                                        แท็กซี่เมืองเรคยาวิก http://www.taxireykjavik.is/

                                        ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์ https://www.iceland.is

                                        ศูนย์บริการยื่นขอวีซ่าประเทศไอซ์แลนด์ http://vfsglobal-denmark.com

                                        สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย http://thailand.um.dk

                                        เบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน 112

                                        เบอร์โทรศัพท์สำหรับช่วยเหลือทางการแพทย์ 1770

                                        เบอร์โทรศัพท์ตำรวจ 444 – 1000

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ