- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- ฟลอมส์บานา ฟลอม ประเทศนอร์เวย์
ฟลอมส์บานา ฟลอม ประเทศนอร์เวย์
- อ่าน (17)
- By Webmaster
- 14:31:09 | 27 พ.ย. 2567
ฟลอมส์บานา ฟลอม ประเทศนอร์เวย์
Flamsbana The Flam Railway, Flam, Norway
ฟลอมส์บานา (Flamsbana The Flam Railway) ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเส้นทางรถไฟที่สวยที่สุดในโลก ที่พานักท่องเที่ยวมุ่งสู่เมือง Flam เมืองเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขาอันตระการตา และฟยอร์ดที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO)
ประวัติ
ฟลอมส์บานา คือ เส้นทางรถไฟชื่อดังที่เชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านฟลอม (Flam) กับเมืองเมียร์ดาล (Myrdal) ในเขตเวสต์แลนด์ (Vestland) ของประเทศนอร์เวย์ เส้นทางรถไฟนี้มีความยาวประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นการเดินทางจากสถานีบนเขาที่เมียร์ดาล ตามเส้นทางรถไฟเบอร์เกน (Bergen Railway) ลดหลั่นลงสู่สถานีฟลอม ซึ่งตั้งอยู่ในส่วนลึกของอาร์แลนด์สฟยอร์ด (Aurlandsfjord)
การสร้างทางรถไฟสายนี้ ใช้เวลาก่อสร้างนาน 20 ปี โดยถูกสร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นการก่อสร้างที่ท้าทายความสามารถของวิศวกรในยุคนั้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการสร้างทางรถไฟจากที่ราบสูงเมียร์ดาล (Myrdal Plateau) เลาะเลี้ยวไปตามไหล่เขาที่สูงชันและลดหลั่นลงสู่ส่วนลึกของหุบเขาฟลอม การสร้างอุโมงค์ที่เลี้ยวลอดไปตามระดับความสูงที่แตกต่างกันของภูเขานั้น เป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถและความชำนาญอันสูงส่งของวิศวกร ซึ่งได้นำการก่อสร้างอันซับซ้อนมาใช้ได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์การสร้างทางรถไฟของนอร์เวย์
รถไฟสายฟลอมส์บานาไม่ได้เป็นเพียงแค่พาหนะเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนเครื่องย้อนเวลาพานักท่องเที่ยวเดินทางกลับไปสัมผัสประสบการณ์ในยุคเก่า ด้วยดีไซน์ที่คงกลิ่นอายความคลาสสิก ตัวรถไฟสีเขียวแก่ทรงโค้งมน พร้อมภายในตกแต่งด้วยไม้เนื้อแข็งสีเข้ม เบาะนั่งสีแดงอมส้ม และหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดกว้างให้ดื่มด่ำกับทิวทัศน์อันตระการตาตลอดเส้นทาง
รถไฟสายฟลอมส์บานาเปิดให้บริการการตลอดปี ในฤดูหนาวจะเปิดเดินรถวันละ 4 ครั้ง ส่วนในฤดูร้อนจะเปิดเดินรถถึง 9-10 ครั้งต่อวัน รถไฟสายนี้จะพาผู้โดยสารเดินทางเส้นผ่านเส้นทางรถไฟที่ได้ชื่อว่าที่สวยที่สุดในโลก ทั้งหุบเขาที่งดงามราวกับภาพวาดและที่ราบสูงอันกว้างใหญ่ ด้วยความพิเศษของเส้นทางที่คดเคี้ยวและภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการลัดเลาะไปตามหุบเขาสูงชัน ผ่านอุโมงค์นับ 20 แห่ง จอดให้ผู้โดยสารได้ลงไปชมวิวของน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงแบบใกล้ๆ และสัมผัสกับวิวของฟยอร์ดที่สวยงาม แน่นอนว่า ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของนอร์เวย์จะทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกถึงความมหัศจรรย์ของประเทศเล็กๆ แห่งนี้ในทุกๆ ขณะ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เมื่อทิวทัศน์รอบข้างนั้นสดใสงดงามและทุ่งดอกไม้บานสะพรั่ง
จุดสำคัญๆ ของเส้นทางรถไฟสายฟรอมส์บานา
วัทนาฮาลเซ่น (Vatnahalsen) เมื่อออกจากเมียร์ดาลมาไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร รถไฟจะแวะที่สถานีวัทนาฮาลเซ่น ซึ่งเป็นจุดแรกที่นักท่องเที่ยวจะได้ชมทัศนียภาพที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจทั่วหุบเขา
เรนูนก้า (Reinunga) เมื่อมองจากทางด้านตะวันออกจะเห็นทะเลสาปเรนูนก้า (Reinunga Lake) ที่แวดล้อมไปด้วยบรรยากาศอันสวยงามดุจภาพวาด รถไฟจะเริ่มผ่านทางโค้งแรกที่เรนูนก้า หลังจากลดเลี้ยวผ่านโค้งแคบมาสองสามครั้ง รถไฟจะเคลื่อนช้าๆ ผ่านเข้ามาในอุโมงค์ เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวจากหน้าต่าง ซึ่งเจาะผ่านผนังอุโมงค์ เป็นภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจของหุบเขาฟลอม
เคียส์ฟอสเซ่น (Kjosfossen) เมื่อออกจากอุโมงค์แบ็คลี่ (Bakli Tunnel) รถไฟจะแวะที่น้ำตกเคียส์สุดอลังการ แม่น้ำที่เห็นจากน้ำตกนี้ไหลมาจากทะเลสาปเรนูนก้า ผ่านอุโมงค์น้ำลงสู่สถานีพลังน้ำ หลังจากผ่านน้ำตกเคียส์และอุโมงค์มาได้ไม่นานนักจะถึงพินนิเลีย (Pinnelia) ซึ่งจะมองเห็นเส้นทางรถไฟวน เวียนขึ้นไปถึงสามระดับตามความชันของภูเขา จากพินนิเลียจะมองเห็นถนนราลลาวีเกน (Rallarvegen) ซึ่งมีถึง 21 โค้ง คดเคี้ยวไปตามความสูงชันของภูเขาเมียร์ดาล อุโมงค์ต่อไปคือนาลี่ (Nali) เป็นอุโมงค์ที่ยาวที่สุดถึง1340 เมตร
คาร์ดาล (Kardal) นักท่องเที่ยวจะได้เห็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ระดับสูงที่สุดของหุบเขาฟลอม อีกทั้งจะเห็นน้ำตกคาร์ดาล (Kardal Waterfall) และถนนเก่าแก่ตัดผ่านหุบเขาอุคเยอร์ค (Ugjerd Valley)
เบเรคแวม (Berekvam) จากสถานีนี้ ครึ่งทางระหว่างเมียร์ดาลและฟลอม นักท่องเที่ยวจะได้เห็นหุบเหวเบเรคแวม ราวีน (Berekvam Ravine) ซึ่งเป็นที่แม่น้ำฟลอมตัดผ่านหุบเหวที่ลึกและแคบ ที่เบเรคแวมจะมีทางรถไฟสองทาง เพื่อให้รถไฟจากเมียร์ดาลและฟลอมสวนกันได้
ดาลส์บอท (Dalsbotn) ทางทิศใต้ของดาลส์บอท คือฟาร์ม สไตวายส์ธอร์เกน (Styvisethaugen Farm) ซึ่งสร้างบนหินก้อนมหึมา หินขนาดใหญ่อีกก้อนหนึ่งทำหน้าที่เป็นสะพานธรรมชาติทอดข้ามแม่น้ จากดาลส์บอทยังมีอุโมงค์อีกสองแห่งคือสปาเลมมิเรา (Spaelemyren) และฟูรูเบอร์เกท (Furuberget)
แฮไรน่า (Hareina) จากนี้เส้นทางรถไฟฟลอมจะเปิดกว้างขึ้น นักท่องเที่ยวจะได้เห็นฟาร์มต่างๆ สวยงามดุจภาพวาด รวมทั้งโบสถ์ฟลอม ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1667 ตั้งอยู่ในส่วนลึกของหุบเขา เหนือแฮไรน่าขึ้นไป จะเห็นภูเขาวิบเมสโนซี (Vibmesnosi Mountain) สูงตระหง่าน 1260 เมตร และน้ำตกริยอนต์ (Rjoande Waterfall) ที่จะทำให้ต้องกลั้นลมหายใจด้วยความตื่นตา เมื่อเห็นน้ำตกหลั่งลงมาด้วยความชันเป็นมุมฉากสูงถึง 140 เมตร
ลุนเดน (Lunden) นักท่องเที่ยวจะเห็นเงื้อมผาสูงของภูเขาฮาก้า (Haga Mountain) ค่อยลดหลั่นลงสู่เส้นทางรถไฟ
ฟลอม (Flam) เมืองเล็กๆ ที่มีประชากรประมาณ 450 คน อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม กระจายไปตามส่วนลึกของอาร์แลนด์สฟยอร์ด (Aurlandsfjord) ส่วนใหญ่จะอาศัยรวมกันตามถนนเพิ่งเริ่มสร้างใหม่ ระหว่างกรุงออสโล (Oslo) และเบอร์เกน (Bergen)
รถไฟสายฟลอมส์บานา (Flamsbana The Flam Railway)
ฟลอมส์บานา ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเส้นทางรถไฟที่สวยที่สุดในโลก
ฟลอมส์บานา คือ เส้นทางรถไฟชื่อดังที่เชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านฟลอม (Flam) กับเมืองเมียร์ดาล (Myrdal) ในเขตเวสต์แลนด์ (Vestland) ของประเทศนอร์เวย์
บรรยากาศด้านในรถไฟฟลอมส์บานา
โบกี้รถไฟเส้นทางฟลอมส์บานามองจากหน้าต่าง
ผ่านทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามตลอดเส้นทาง
รถไฟแวะที่น้ำตกเคียส์ฟอสเซ่น (Kjosfossen) ให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปชมอย่างใกล้ชิด
น้ำตกเคียส์ฟอสเซ่นสุดอลังการไหลมาจากทะเลสาปเรนูนก้า (Reinunga Lake)
การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์
- เครื่องบิน ขึ้นเครื่องบินจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ไปลงที่ ท่าอากาศยานออสโล การ์เดอร์มอน (OSL-Gardermoen) ใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินประมาณ 12 ชั่วโมง 54 นาที ปัจจุบันมีสายการบินไทย และ Norse Atlantic Airways ที่ให้บริการเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพไปออสโล
การเดินทางไปเที่ยวเส้นทางรถไฟฟลอมส์บานา
- รถไฟ จากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของนอร์เวย์ สามารถนั่งรถไฟสาย F4 Bergen จากสถานีกลางออสโล (Oslo Central Station) ไปลงที่สถานีรถไฟเมียร์ดาล (Myrdal Station) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง
เวลาทำการเปิด-ปิด
รถไฟสายฟลอมส์บานา มีให้บริการทุกวัน จาก Flam มีตั้งแต่เวลา 08.25 น. – 18.45 น. จาก Myrdral มีตั้งแต่เวลา 09.25 – 19.53 น.
บางช่วงมีหิมะโปรยสายลงมาระหว่างเส้นทางรถไฟฟลอมส์บานา
อัตราค่าโดยสาร
ราคาตั๋วไป – กลับ สำหรับผู้ใหญ่ ราคา 730 NOK เด็กอายุ 6 - 17 ปี ราคา 365 NOK
บรรยากาศรอบๆ สถานีรถไฟ
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
ตลอดทั้งปี
นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยว ฟลอมส์บานา สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
ฟลอมส์บานา ฟลอม ประเทศนอร์เวย์
(Flamsbana The Flam Railway, Flam, Norway)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าโดยสาร : ราคาตั๋วไป – กลับ สำหรับผู้ใหญ่ ราคา 730 NOK เด็กอายุ 6 - 17 ปี ราคา 365 NOK
เวลาเปิด-ปิด : รถไฟสายฟลอมส์บานา มีให้บริการทุกวัน
จาก Flam มีตั้งแต่เวลา 08.25 น. – 18.45 น.
จาก Myrdral มีตั้งแต่เวลา 09.25 – 19.53 น.
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : Vestland, Norway
โทรศัพท์ : (+47) 57 63 21 00
เว็บไซต์ : https://www.flamsbana.no
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com
เว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศนอร์เวย์ https://www.visitnorway.com/
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
หมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อหมู่บ้านไรเนอร์ หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านไรเนอร์ (Reine) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ในหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) ทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ ที่ซ่อนความงดงามและเสน่ห์อันไม่เหมือนใคร จนได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในหมู่เกาะโลโฟเทน และสวยที่สุดในประเทศนอร์เวย์
อ่านต่อล่องเรือชมฟยอร์ดไกแรงเกอร์ เมืองโอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด (Geirangerfjord) หนึ่งในฟยอร์ดที่สวยที่สุดในโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ของหน้าผาสูงชัน น้ำตกที่ตกลงมาจากหน้าผา และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมฟยอร์ด ทำให้ไกแรงเกอร์ฟยอร์ดเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงามของธรรมชาติอันบริสุทธิ์แห่งนอร์เวย์
อ่านต่อ