เกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) & ฮาจิโกะ (Hachiko)

  • อ่าน (521)
  • By Webmaster
  • 11:04:40 | 10 พ.ค. 2567

เกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) & ฮาจิโกะ (Hachiko)

2 รูปปั้นสุนัขผู้ซื่อสัตย์แห่งเอดินเบอระและโตเกียว

Greyfriars Bobby Statue & ฮาจิโกะ

             สุนัข ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่แสนดีและซื่อสัตย์ของมนุษย์มายาวนานอยู่ทุกหนแห่งของโลกใบนี้ หลายๆ เรื่องราวถูกถ่ายทอดความประทับใจออกมาผ่านภาพยนตร์ หนังสือ ตลอดจนสร้างเป็นรูปปั้นอนุสรณ์สถานเพื่อเชิดชูและระลึกถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่เจ้าตูบและมนุษย์มีต่อกัน เช่นเดียวกับรูปปั้นของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ 2 แห่งที่ Palanla จะพาไปชมในวันนี้ ที่แรกคือ รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) เมืองเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์ และอีกที่คือ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ (Hachiko) ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
 

รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue)

Greyfriars Bobby Statue
รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ตั้งอยู่หน้าร้านเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ซึ่งตั้งตามชื่อของสุนัขตัวนี้

             รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ เป็นรูปปั้นสุนัขที่เป็นแลนด์มาร์กเล็กๆ ของเมือง แต่มีเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ที่สร้างความซาบซึ้งใจให้กับชาวเอดินเบอระ บ็อบบี้เป็นสุนัขพันธุ์สกายเทอร์เรียที่เจ้าของเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันในปีค.ศ.1858 และในทุกๆ วันบ็อบบี้ก็จะมาเฝ้าหลุมศพของเจ้านายอันเป็นที่รักของมันด้วยความภักดี มันทำเช่นนี้อยู่เป็นเวลา 14 ปีจนเสียชีวิตลง และร่างของมันก็ได้รับการฝังไว้เป็นกรณีพิเศษที่สุสานเดียวกันกับเจ้าของ อีกทั้งยังมีการสร้างรูปปั้นนี้ไว้ใกล้กับสุสานเพื่อเป็นที่ระลึกถึงเจ้าบ็อบบี้ สุนัขผู้ซื่อสัตย์แห่งเมืองเอดินเบอระ

Greyfriars Bobby Statue
แลนด์มาร์กเล็กๆ ของเมืองเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์

             รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้เป็นรูปปั้นที่ตั้งอยู่หน้าร้านเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ซึ่งตั้งตามชื่อของสุนัขตัวนี้ เรื่องราวของเจ้าบ็อบบี้เป็นที่รู้จักไปทั่วเมืองเอดินเบอระ จากความซื่อสัตย์และความรักที่มีต่อเจ้าของ เจ้าของบ็อบบี้มีชื่อว่าจอห์น เกรย์ เขาพร้อมภรรยาและลูกชายย้ายมาที่เมืองเอดินเบอระในปีค.ศ.1850 พวกเขาเป็นชาวสวนมาก่อนแต่หางานชาวสวนในเมืองนี้ไม่ได้ จึงสมัครงานเป็นยามกะกลางคืนแทน ในฤดูหนาวปีนั้นเขาได้รับเพื่อนคู่หูคือเจ้าสุนัขบ็อบบี้ตัวน้อยมาอยู่ด้วย เมื่อเวลาผ่านไปชาวเมืองในละแวกนั้นจึงคุ้นชินกับภาพของจอห์นและบ็อบบี้ที่เดินตรวจตราไปตามท้องถนนด้วยกันเสมอ

Greyfriars Bobby Statue
รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ถูกนำมาตั้งไว้ใกล้กับสุสานในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1873

             ด้วยการทำงานบนท้องถนนมาหลายปีจึงทำให้จอห์นล้มป่วยเป็นวัณโรคและต้องเข้ารับการรักษาตัว แต่ในที่สุดจอห์นก็เสียชีวิตลงในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1858 และร่างของเขาถูกฝังไว้ในสุสานเกรย์ไฟรเออร์สเคิร์กยาร์ด เจ้าบ็อบบี้มาเฝ้าหลุมศพของเจ้านายทุกวันไม่เว้นแม้แต่ในเวลาที่สภาพอากาศเลวร้ายที่สุด เจมส์ บราวน์ เซกซ์ตัน ผู้ดูแลสุสานพยายามไล่บ็อบบี้ออกไปจากสุสานหลายครั้ง จนในที่สุดเขาก็ยอมแพ้และหาที่พักพิงเล็กๆ ให้บ็อบบี้ข้างหลุมฝังศพของจอห์น ในช่วงนั้นชื่อเสียงและเรื่องราวของบ็อบบี้ก็แพร่สะพัดออกไป จนเกือบทุกวันจะมีผู้คนมายืนรอชมบ็อบบี้ออกมาจากข้างหลุมศพของจอห์นเพื่อออกไปกินมื้อเที่ยง โดยบ็อบบี้จะติดตามวิลเลียม ดาว ช่างไม้ท้องถิ่นไปที่ร้านกาแฟแห่งเดียวกับที่มันเคยแวะเวียนไปกับจอห์น และที่ร้านนั้นจะให้ให้อาหารมัน

             ในปีค.ศ.1867 มีการออกกฎหมายใหม่ซึ่งกำหนดให้สุนัขทุกตัวต้องได้รับใบอนุญาตในเมือง มิฉะนั้นพวกมันจะถูกกำจัด ในตอนนั้นเซอร์วิลเลียม แชมเบอร์ส หรือ ลอร์ดโพรโวสต์แห่งเอดินเบอระ ตัดสินใจจ่ายค่าใบอนุญาตให้บ็อบบี้และมอบปลอกคอที่มีจารึกชื่อทองเหลืองว่า “Greyfriars Bobby from the Lord Provost 1867 licensed” ซึ่งสามารถชมปลอกคอนี้ได้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งเอดินเบอระ

Greyfriars Bobby Statue
สุสานเกรย์ไฟรเออร์สเคิร์กยาร์ด

Greyfriars Bobby Statue
หลุมศพของจอห์น เกรย์ เจ้าของผู้นำบ็อบบี้มาเลี้ยง

             หลายปีผ่านไป มีคนใจดีมากมายในเอดินเบอระช่วยดูแลบ็อบบี้เป็นอย่างดี แต่มันก็ยังคงภักดีต่อเจ้านายของมันและเฝ้าหลุมศพทุกวันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 14 ปี จนกระทั่งมันเสียชีวิตลงในปีค.ศ.1872 ด้วยความซาบซึ้งใจในความภักดีของบ็อบบี้ที่มีต่อเจ้าของมาอย่างยาวนาน ร่างของมันจึงได้รับการฝังไว้ที่สุสานแห่งเดียวกันกับเจ้านาย และมีการสร้างรูปปั้นบ็อบบี้ขึ้นมา รูปปั้นนี้ถูกนำมาตั้งไว้ใกล้กับสุสานในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1873 เพื่อเป็นที่ระลึกถึงบ็อบบี้ในฐานะสุนัขผู้ซื่อสัตย์แห่งเอดินเบอระนับแต่นั้นมา     

เวลาปิด - เปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง

พิกัด GPS : 55°56'49.0"N 3°11'28.7"W

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/2518
 

ฮาจิโกะ (Hachiko)

Hachiko
ฮาจิโกะ ตั้งอยู่บริเวณสถานีชิบูย่าในกรุงโตเกียว

             ฮาจิโกะ คือ รูปปั้นของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ที่ไปรอรับเจ้าของที่สถานีชิบูย่าทุกวัน แม้เจ้าของจะจากไปแล้ว มันก็ยังคงเฝ้ารออยู่ที่เดิมเวลาเดิมเป็นเวลานานถึง 10 ปีเต็ม ความประทับใจของชาวญี่ปุ่นที่มีต่อสุนัขตัวนี้ กลายมาเป็นรูปปั้นซึ่งเป็นจุดนัดพบสำคัญและเป็นจุดเช็คอินที่ห้ามพลาดของชิบูย่า

Hachiko
ฮาจิเป็นสุนัขสายพันธ์อากิตะ

             รูปปั้นสุนัข “ฮาจิโกะ” ตั้งอยู่สถานีชิบูย่า กรุงโตเกียว เป็นทั้งจุดนัดพบสำหรับคนญี่ปุ่นและสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังสำหรับนักท่องเที่ยว ตามจริง “ฮาจิ” (Hachi) คือชื่อของสุนัข ส่วนคำว่าโกะหรือโค (公) แปลว่ารูปปั้น ย้อนไปในปี ค.ศ. 1924 ที่มาของรูปปั้นนี้มาจาก “ฮาจิ” สุนัขสายพันธุ์อากิตะของศาสตราจารย์อูเอโนะ ฮิเดะซาบุโร่ แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ที่มักจะไปรอรับเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟชิบูย่าอยู่เสมอ เป็นภาพที่คุ้นตาของผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา จนในปีค.ศ. 1932 เรื่องราวของฮาจิโกะก็ถูกตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์และทำให้ฮาจิโกะเป็นที่รู้จักไปทั่วญี่ปุ่นในชื่อ “ฮาจิโกะผู้ซื่อสัตย์”

Hachiko
รูปปั้นสุนัข “ฮาจิโกะ” เป็นทั้งจุดนัดพบสำหรับคนญี่ปุ่นและสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังสำหรับนักท่องเที่ยว

             กระทั่งวันหนึ่งในเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1925 ศาสตราจารย์อูเอโนะเสียชีวิตอย่างกะทันหันที่มหาวิทยาลัยด้วยภาวะเลือดออกในสมอง แต่ทว่าเจ้าฮาจิโกะยังคงไปรอนายของมันที่สถานีทุกวัน เป็นเวลานานร่วม 10 ปี จนเมื่อเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 1935  ฮาจิโกะตายไป คนญี่ปุ่นจึงสร้างรูปปั้นของมันขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความจงรักภักดี

Hachiko
รูปปั้นฮาจิโกะที่เห็นในปัจจุบันเป็นรูปปั้นตัวที่สองที่สร้างขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

             ทั้งนี้ รูปปั้นฮาจิโกะที่เห็นในปัจจุบันเป็นรูปปั้นตัวที่สองที่สร้างขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2  เนื่องจากตัวแรกถูกทำลายในช่วงสงคราม และเมื่อปี ค.ศ. 2015 เนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปีที่ฮาจิจากไป ก็ได้มีการสร้างรูปปั้นศาสตราจารย์อูเอโนะกับฮาจิได้พบขึ้นที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียวที่ศาสตราจารย์เคยสอน นอกจากรูปปั้นแล้ว เรื่องราวของฮาจิยังถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ในปี ค.ศ.2009 เรื่อง Hachi  A Dog's Tale นำแสดงโดย ริชาร์ด ทิฟฟานี เกียร์ (Richard Tiffany Gere) หรือ ริชาร์ด เกียร์นั่นเอง

เวลาปิด - เปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง

พิกัด GPS : 35°39'32.6"N 139°42'02.3"E         

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฮาจิโกะ ได้ที่ : https://www.palanla.com/th/abroadLocation/detail/2772


 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองญาจาง – ดาลัด ประเทศเวียดนาม

หากอยากสัมผัสบรรยากาศเมืองชายทะเลสุดคึกคักอากาศอบอุ่น แล้วไปผ่อนคลายในเมืองแห่งภูเขาอากาศเย็นสบายที่เวียดนามใต้ ญาจางและดาลัดคือคำตอบ! สองเมืองนี้จะพาคุณดื่มด่ำไปกับธรรมชาติที่งดงาม วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์และกิจกรรมที่หลากหลาย Palanla ได้รวบรวมเอา 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองญาจางและดาลัดมาให้แล้วในบทความนี้

อ่านต่อ

อาสนวิหารญาจาง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม

อาสนวิหารญาจาง (Christ the King Cathedral Nha Trang) หรือ โบสถ์หินญาจาง สุดยอดสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิคผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบโรมัน ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาใจกลางเมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม อายุเกือบร้อยปีแห่งนี้ เปรียบเสมือนแลนด์มาร์กของเมือง ด้วยผนังหินสีน้ำตาลเข้มที่สลักเสลาอย่างวิจิตรบรรจง และหลังคาสูงชะลูดที่ดูอลังการ ตัดกับท้องฟ้าสีคราม ทำให้โบสถ์แห่งนี้กลายเป็นแลนด์มาร์กที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว

อ่านต่อ

หาดญาจาง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม

หาดญาจาง (Nha Trang Beach) เป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดของประเทศเวียดนาม ด้วยชายรูปร่างเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ความยาวกว่า 6 กิโลเมตรที่โอบล้อมอ่าวญาจาง ในจังหวัดหวัดคั้ญฮวา ท่ามกลางภูมิทัศน์โดยรอบที่สวยงามของอาคารสถาปัตยกรรมสำคัญๆ มากมาย

อ่านต่อ

หอคอยแตร่มเฮือง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม

หอคอยแตร่มเฮือง (Tram Huong Tower) สัญลักษณ์และจุดเช็กอินยอดนิยมของหาดญาจางในปัจจุบัน

อ่านต่อ

วินเพิร์ลแลนด์ เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม

วินเพิร์ลแลนด์ (Vinpearl Land) เป็นสวนสนุกและรีสอร์ตหรูครบวงจรระดับโลกที่เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม มีจุดเด่นอยู่ที่ทำเลที่ตั้งที่สวยงามติดทะเล และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์สำคัญของการไปเที่ยวที่นี่คือ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก

อ่านต่อ

วัดลองเซิน เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม

วัดลองเซิน (Long Son Pagoda) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “วัดพระใหญ่” เป็นวัดพุทธมหายานเก่าแก่ และใหญ่ที่สุดของเมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม นอกจากความสวยงามอลังการของตัววัดแล้ว จากยอดเขายังสามารถมองเห็นวิวของเมืองญาจางและทะเลได้อย่างสวยงาม

อ่านต่อ

วัดตั๊กลัม เมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม

วัดตั๊กลัม (Truc Lam Monastery of Da Lat) เป็นวัดพุทธในนิกายเซนบนยอดเขาเฟืองฮว่าง นอกจากภายในบริเวณวัดจะมีสิ่งก่อสร้างที่สวยงาม ยังมีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์โดยรอบด้วยสวนดอกไม้สดสวย ถือเป็นวัดที่งดงามและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดในดาลัด

อ่านต่อ

น้ำตกดาตันลา เมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม

น้ำตกดาตันลา (Datanla Waterfall) ไม่เพียงแต่เป็นน้ำตกที่สวยงาม แต่ยังซ่อนเรื่องราวตำนานพื้นเมืองของดาลัดที่น่าสนใจเอาไว้ นอกจากสัมผัสความเย็นฉ่ำของละอองน้ำที่กระเซ็นจากม่านน้ำตกแล้ว ยังมีกิจกรรมสนุกๆ คือการนั่งรถรางลัดเลาะไปตามเส้นทางที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติอันเขียวขจี

อ่านต่อ

เจดีย์มังกรวัดลึงเฟือก เมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม

เจดีย์มังกรวัดลึงเฟือก (Linh Phuoc Pagoda) วัดศาสนาพุทธนิกายเซนในดาลัด โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ตัวอาคารทำจากเศษกระเบื้องเคลือบงดงามวิจิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปปั้นมังกรขนาดใหญ่ที่พันรอบองค์พระเจดีย์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวัด

อ่านต่อ

ฮาจิ เลน ประเทศสิงคโปร์

ตรอกฮาจิ หรือ ฮาจิ เลน (Haji Lane) ถนนสายเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวาในย่านกัมปง กลาม (Kampong Glam) ของสิงคโปร์ เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นในฐานะแหล่งรวมร้านค้าบูติก ร้านอาหาร คาเฟ่ และศิลปะบนท้องถนนที่น่าสนใจ ฮาจิ เลน ไม่เพียงแค่เป็นถนนสายช้อปปิ้ง แต่ยังเป็นเหมือนแกลเลอรี่กลางแจ้งที่แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรมที่หลากหลายของสิงคโปร์อีกด้วย

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ