- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- 10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมรอบภูเขาไฟฟูจิ จังหวัดยามานาชิ-คานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น
10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมรอบภูเขาไฟฟูจิ จังหวัดยามานาชิ-คานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น
- อ่าน (27,195)
- By Webmaster
- 17:22:06 | 29 ม.ค. 2567
10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมรอบภูเขาไฟฟูจิ จังหวัดยามานาชิ-คานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น
Top 10 Travel Destinations around Mt.Fuji, Yamanashi-Kanagawa, Japan
ภูเขาไฟฟูจิ ถือเป็นทั้งสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยความสูง 3,776 เมตร และยังได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์กรยูเนสโก้เมื่อปีค.ศ. 2013 ด้วยรูปทรงอันสมมาตรและสวยงามของภูเขา รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ทั้งทะเลสาบ ป่าไม้ และเทือกเขาน้อยใหญ่ที่โอบคลุมไปทั่วบริเวณ จึงทำให้ชื่อเสียงของภูเขาไฟฟูจินั้นโด่งดังมานับตั้งแต่ในอดีต จนเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลกในปัจจุบัน
ภูเขาไฟฟูจิตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุงโตเกียว ด้วยระยะห่างเพียง 100 กิโลเมตร จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนกรุงโตเกียว มักจะแวะมาเที่ยวบริเวณภูเขาไฟฟูจิทั้งแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือค้างคืนตามโรงแรมและรีสอร์ทหลากหลายระดับที่มีให้เลือก สถานที่ท่องเที่ยวรอบภูเขาไฟฟูจิมีมากมายหลายประเภท ทั้งทะเลสาบ ศาลเจ้า สวนสนุก ไปจนถึงหมู่บ้านโบราณ ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำ 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมรอบภูเขาไฟฟูจิ เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนทริปท่องเที่ยวของคุณ
พื้นที่เมืองฮาโกเน่ จังหวัดคานากาว่า
1. ทะเลสาบอะชิ (Lake Ashi)
ตั้งอยู่ที่เมืองฮาโกเน่ จังหวัดคานากาว่า มีชื่อเรียกอื่นๆว่าทะเลสาบอะชิโนะโกะ หรือทะเลสาบฮาโกเน่ เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ขึ้นชื่อซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นภาพอันสวยงามของทะเลสาบ เสาโทริอิสีแดงของศาลเจ้าฮาโกเน่ และมีภูเขาไฟฟูจิปรากฏอยู่เป็นฉากหลังในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส
ทะเลสาบอะชิมีลักษณะเป็นทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟ ซึ่งเกิดจากการมอดดับของภูเขาไฟฮาโกเน่เมื่อ 3,000 ปีก่อน พื้นที่โดยรอบทะเลสาบยังเต็มไปด้วยบ่อน้ำพุร้อนและรีสอร์ทต่างๆ ซึ่งได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นเอง จุดที่มีชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่งของทะเลสาบฮาโกเน่คือการล่องเรือโจรสลัดแบบตะวันตกข้ามทะเลสาบ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติอันสวยงามในพื้นที่โดยรอบทะเลสาบแห่งนี้ บนเรือที่มีรูปร่างโดดเด่นและแปลกตา
ข้อมูลการเดินทาง :
- รถสาธารณะ สาย Togendai (สีฟ้าเข้ม) ลงสถานีปลายทาง Togendai ค่าโดยสาร 1,230 เยน และ สาย HakoneMachi (สีแดง) ลงที่ป้าย Motohakone-ko หรือ Hakonemachi-ko ค่าโดยสาร 1,180 เยน
- รถไฟ เริ่มต้นที่สถานี Odawara และสิ้นสุดที่สถานี Togendai ใช้เวลาเดินทางรวมประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที และค่าใช้จ่ายรวม 2,500 เยน
พิกัด GPS : 35°12'37.3"N 139°00'03.5"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับทะเลสาบอะชิได้ที่ : http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=62
2. ศาลเจ้าฮาโกเน่ (Hakone Shrine)
ถือเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่คู่กับทะเลสาบอะชิ ในเมืองฮาโกเน่ จังหวัดคานากาว่า ศาลเจ้าฮาโกเน่เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ในศาสนาชินโต ตั้งอยู่บริเวณตีนเขาฮาโกเน่ โดยจะมีเสาโทริอิสีแดงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ เป็นจุดสังเกตที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งจากจุดชมวิวและพื้นที่อื่นๆ โดยเสาโทริอิแห่งนี้มีความเชื่อกันว่าถูกสร้างขึ้นเพื่อสะกดวิญญาณของมังกรเก้าหัวไว้ที่ก้นทะเลสาบ เพื่อไม่ให้ก่อภัยพิบัติแก่ชาวบ้านในพื้นที่อีก
ศาลเจ้าฮาโกเน่ยังถือว่าเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากในอดีต ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกใช้เป็นที่ลี้ภัยจากการถูกเนรเทศ และเป็นที่ตระเตรียมกำลังพลของ Minamoto Yoritomo ซึ่งในภายหลังสามารถแย่งชิงอำนาจกลับคืนมาจากอีกฝ่าย และกลายเป็นผู้สถาปนารัฐบาลโชกุนแห่งคามาคุระขึ้นมา ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นระบอบโชกุนระบอบที่ 2 ของญี่ปุ่น จากที่ระบอบโชกุนแรกนั้นถูกสถาปนาขึ้นมากว่า 400 ปีก่อนหน้านี้
ข้อมูลการเดินทาง :
- รถสาธารณะ Hakone Tozan Bus สาย HakoneMachi (สีแดง) ลงที่ป้าย Motohakone-ko ค่าโดยสาร 1,180 เยน
พิกัด GPS : 35°12'17.2"N 139°01'31.3"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับศาลเจ้าฮาโกเน่ได้ที่ : http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=61
พื้นที่ทะเลสาบทั้ง 5 จังหวัดยามานาชิ
3. ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko)
ทะเลสาบคาวากุจิโกะ ถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงมากที่สุดในบริเวณทะเลสาบทั้งห้ารอบภูเขาไฟฟูจิ ในจังหวัดยามานาชิ มีทั้งโรงแรมรีสอร์ทหลากหลายระดับให้บริการแก่นักท่องเที่ยว สถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมายทั้งพิพิธภัณฑ์ กระเช้าขึ้นไปยังจุดชมวิว บวกกับพื้นที่ซึ่งตั้งอยู่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 800 เมตร จึงทำให้มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ทะเลสาบคาวากุจิโกะจึงเป็นทั้งจุดท่องเที่ยวและจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่นักท่องเที่ยวสามารถมาเยือนได้ทุกเวลา
สถานีคาวากุจิโกะยังถือเป็นศูนย์กลางของระบบคมมาคมสาธารณะอันแสนสะดวกสบาย ทั้งการเดินทางมาจากกรุงโตเกียวด้วยรถไฟหรือรถบัส และการโดยสารรถบัสหรือรถแท็กซี่ไปตามเส้นทางต่างๆบริเวณทะเลสาบทั้ง 5 แห่ง จนทำให้ทะเลสาบคาวากุจิโกะได้รับการขนานนามว่าเป็น “ประตูสู่ฟูจิ”
ข้อมูลการเดินทาง :
- รถสาธารณะ Retro Bus (สายสีแดง) ของบริษัท Fujikyu วิ่งจากสถานี Kawaguchiko ไปรอบทะเลสาบ มี 2 day pass ราคา 1,200 เยน
พิกัด GPS : 35°31'02.7"N 138°45'10.5"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับทะเลสาบคาวากุจิโกะได้ที่ : http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=64
4. ทะเลสาบยามานากาโกะ (Lake Yamanakako)
ทะเลสาบยามานากาโกะ เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาทะเลสาบทั้ง 5 แห่ง ตั้งอยู่ทางเชิงเขาฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของภูเขาไฟฟูจิ บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 980 เมตร พื้นที่โดยรอบทะเลสาบเริ่มถูกพัฒนาเป็นที่พักและที่เที่ยวต่างๆ ในทิศทางแบบเดียวกับทะเลสาบคาวากุจิโกะ จุดเด่นของทะเลสาบแห่งนี้คือนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ใกล้ชิดเต็มตากว่าทะเลสาบแห่งอื่นๆ และมีหงส์ขาวอาศัยอยู่จำนวนมาก จนได้รับการขนานนามว่าทะเลสาบแห่งฝูงหงส์ (Swan Lake)
ไฮไลท์สำคัญของการมาเยือนทะเลสาบยามานากาโกะ คือการล่องเรือชมวิวทิวทัศน์ในทะเลสาบ ซึ่งมีให้เลือกสองรูปแบบด้วยกัน แบบแรก คือ Yamanakako Excursion Ship เป็นเรือที่ออกแบบให้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับหงส์สีขาว เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของทะเลสาบ และแบบที่สองคือ Kaba Bus ซึ่งเป็นรถสะเทินน้ำสะเทินบก นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสบรรยากาศของทะเลสาบทุกรูปแบบ ทั้งวิวทิวทัศน์สองข้างทาง ผืนป่า และปิดท้ายด้วยการแล่นลงไปในทะเลสาบโดยตรง
ข้อมูลการเดินทาง :
- รถสาธารณะ รถบัส Fujikko-go ของบริษัท Fujikyu จากสถานี Fujisan ไปวนรอบทะเลสาบยามานากาโกะ โดยแบ่งออกเป็นสองสาย คือสายที่วิ่งวนตามเข็มนาฬิกา และสายที่วิ่งทวนเข็มนาฬิกา ให้บริการตั้งแต่ประมาณ 08.15 – 17.00 น. ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 100 เยน และมี 2 day pass ราคา 1,340 เยน
พิกัด GPS : 35°25'09.6"N 138°52'32.1"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับทะเลสาบยามานากาโกะได้ที่ : http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=63
5. ทะเลสาบโชจิโกะ (Lake Shojiko)
แม้จะเป็นทะเลสาบที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาทะเลสาบทั้ง 5 แห่ง แต่ทะเลสาบโชจิโกะก็มีจุดเด่นและเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งมุมมองภูเขาฟูจิ ที่มีภูเขาขนาดย่อมชื่อว่าโอมุโระซ้อนทับอยู่ข้างหน้าอย่างพอดิบพอดี พื้นที่ของทะเลสาบนั้นยังอยู่ติดกับเขตของป่าแห่งความตาย หรือป่าอาโอกิกาฮาระ (Aokigahara) ที่ชื่ออาจจะฟังดูน่ากลัว แต่ในปัจจุบันก็ถูกปรับพื้นที่ให้มีความโปร่งโล่ง เหมาะกับการตั้งแคมป์และเดินป่าชมธรรมชาติ
ชื่อเสียงของทะเลสาบโชจิโกะยังได้รับการยกย่องจากชาวต่างชาติมานับตั้งแต่สมัยเมจิ จากนักเขียนชาวอังกฤษนามว่าแฮร์รี่ สจ๊วต วิทเวิร์ธ ซึ่งได้เดินทางมาเยือนทะเลสาบแห่งนี้ และเขียนบรรยายความงามให้โลกตะวันตกได้รู้จัก ส่งผลให้มีการขนานนามทะเลสาบโชจิโกะว่าเป็น”สวิสเซอร์แลนด์แห่งตะวันออก”
ข้อมูลการเดินทาง :
- รถสาธารณะ รถบัสของบริษัท Fujikyu สายสีฟ้า ซึ่งจะวิ่งจากสถานีคาวากุจิโกะ ผ่านทะเลสาบโชจิโกะ และสิ้นสุดปลายทางที่ทะเลสาบโมโตสุกะ ให้บริการตั้งแต่ 09.20-16.40 น. มี 2-day pass จำหน่ายในราคา 1,500 เยน
พิกัด GPS : 35°29'24.8"N 138°36'28.4"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับทะเลสาบโชจิโกะได้ที่ : http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=65
6. ทะเลสาบโมโตสุโกะ (Lake Motosuko)
ทะเลสาบซึ่งเป็นที่รู้จักจากภาพภูเขาไฟฟูจิที่ปรากฏอยู่ด้านหลังของธนบัตร 1,000 เยนของญี่ปุ่นในปัจจุบัน และยังถือเป็นทะเลสาบที่มีความลึกมากเป็นอันดับ 9 ในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย โดยพื้นที่ส่วนใหญ่โดยรอบทะเลสาบยังไม่ได้รับการพัฒนาให้เป็นจุดท่องเที่ยวมากนัก ส่วนใหญ่จึงเป็นพื้นที่สำหรับการตั้งแคมป์ เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมทางธรรมชาติต่างๆ
จุดที่มีชื่อเสียงบริเวณทะเลสาบโมโตสุโกะ คือเทศกาลฟูจิ ชิบะซากุระ (Fuji Shibazakura) เป็นเทศกาลที่ประดับประดาพื้นที่ด้วยทุ่งดอกพิงค์มอสหลากสีสันทั้งชมพู ม่วง แดง และขาว รวมไปถึงดอกชิบะซากุระ เป็นดอกไม้ที่มีหน้าตาคล้ายกับดอกซากุระ แต่บานอยู่บนพื้นดิน และมีวิวของภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง เทศกาลนี้จะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนเมษายน ถึงปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี
ข้อมูลการเดินทาง :
- รถสาธารณะ รถบัสของบริษัท Fujikyu สายสีฟ้า ซึ่งจะวิ่งจากสถานีคาวากุจิโกะ ผ่านทะเลสาบโชจิโกะ และสิ้นสุดปลายทางที่ทะเลสาบโมโตสุกะ ให้บริการตั้งแต่ 09.20-16.40 น. มี 2-day pass จำหน่ายในราคา 1,500 เยน
พิกัด GPS : 35°27'48.4"N 138°35'04.0"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับทะเลสาบโมโตสุโกะได้ที่ : http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=68
7. ทะเลสาบไซโกะ (Lake Saiko)
บรรยากาศรอบทะเลสาบไซโกะเต็มไปด้วยทิวเขาขนาดต่างๆที่โอบล้อมไปทั่วทุกด้าน จุดที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจะอยู่บริเวณฝั่งทิศตะวันตกของทะเลสาบ (ป้ายรถเมล์หมายเลข 67 Nenba Minshuku) ในอดีตยังมีหมู่บ้านสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ ซึ่งชาวบ้านทำอาชีพทำเกษตรกรรมและหัตถกรรมหลากหลายรูปแบบ จะกระทั่งในปีค.ศ. 1966 หมู่บ้านแห่งนี้ถูกพายุไต้ฝุ่นพัดถล่มจนเสียหายอย่างหนัก หลังจากนั้นจึงมีการบูรณะหมู่บ้านแห่งนี้ขึ้นมาใหม่เป็น พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านอิยาชิโนซาโตะ (Iyashi no Sato) ซึ่งให้ข้อมูลความรู้ด้านต่างๆแก่นักท่องเที่ยว รวมถึงจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นต่างๆ
จุดท่องเที่ยวที่โดดเด่นบริเวณทะเลสาบไซโกะคือถ้ำหลายแห่งที่เกิดจากลาวาภูเขาไฟซึ่งประทุออกมาในอดีต โดยถ้ำที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทั่วไปประกอบไปด้วย ถ้ำค้างคาว (Bat Cave) ถ้ำขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่ค้นพบค้างคาวพันธุ์ใหม่ของญี่ปุ่น ถ้ำน้ำแข็ง (Ice Cave) เป็นถ้ำที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาตลอดทั้งปี และ ถ้ำลม (Wind Cave) ซึ่งถูกใช้เป็นที่เก็บรักษาไข่ของหนอนไหมของชุมชน ก่อนที่จะนำไปผลิตเครื่องนุ่งห่มภายหลัง
ข้อมูลการเดินทาง :
- รถสาธารณะ Saiko Sightseeing Bus (สายสีเขียว) ของบริษัท Fujikyu ซึ่งวิ่งระหว่างสถานีรถไฟคาวากุจิโกะ-ทะเลสาบคาวากุจิโกะ-ทะเลสาบไซโกะ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. ใช้เวลาเดินทางเที่ยวละประมาณ 40 นาที นักท่องเที่ยวสามารถซื้อ 2 day pass ได้ในราคา 1,200 เยน
พิกัด GPS : 35°29'57.9"N 138°41'07.3"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับทะเลสาบไซโกะได้ที่ : http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=67
จุดที่น่าสนใจอื่นๆ
8. ภูเขาไฟฟูจิชั้นที่ 5 (Mt. Fuji 5th Station)
จากสถานีที่เป็นจุดพักสำหรับบรรดานักปีนเขาที่ต้องการมุ่งสู่ยอดภูเขาไฟฟูจิ ภายหลังจากที่การคมนาคมถูกพัฒนาขึ้น จนรถบัสสามารถวิ่งขึ้นมาที่สถานีแห่งนี้ได้ บริเวณภูเขาไฟฟูจิชั้นที่ 5 จึงได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว ที่สามารถสัมผัสความใกล้ชิดของภูเขาได้ราวกับอยู่แค่เอื้อม และด้วยความสูงในระดับ 2,300 เมตร จึงสามารถมองเห็นทะเลสาบทั้ง 5 แห่งที่รายล้อมอยู่เบื้องล่างได้อีกด้วย
พื้นที่โดยรอบมีทั้งร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารรองรับนักท่องเที่ยวและนักปีนเขา นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้า โคมิทาเกะ (Komitake Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่ที่เชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของเทพเจ้าผู้ดูแลภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งก่อนจะเริ่มปีนขึ้นไปสู่ยอดภูเขาไฟฟูจิ บรรดานักปีนเขาทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นต่างก็แวะมาขอพรกันที่ศาลเจ้าแห่งนี้
ข้อมูลการเดินทาง :
- รถสาธารณะ จาก กรุงโตเกียว : รถบัสของบริษัท Highway Bus วิ่งระหว่างโตเกียว – ภูเขาไฟฟูจิชั้นที่ 5 โดยจุดขึ้นรถจะอยู่ที่สถานีรถบัสด่วนพิเศษชินจูกุ (Shinjuku Expressway Bus Terminal) ค่าโดยสารเที่ยวละ 2,700 เยน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 25 นาที
จาก สถานีคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko Station) และ สถานีฟูจิซัง (Fujisan Station) มีรถบัสของบริษัท Fujikyu ให้บริการไปยังภูเขาไฟฟูจิชั้นที่ 5 โดยในช่วง ฤดูปีนเขา (1 กรกฎาคม – 10 กันยายน) จะเริ่มวิ่งตั้งแต่ 06.30 – 21.10 น. ส่วนใน ช่วงนอกฤดู จะเริ่มวิ่งตั้งแต่ 08.40 – 17.50 น. ค่าบริการเที่ยวละ 1,540 เยน หรือ 2,100 เยนสำหรับแบบไปกลับ
เวลาเปิด-ปิด : ค่อนข้างแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบเวลาทำการอย่างละเอียดได้ที่ http://subaruline.jp/e/eigyou/jikan.html
พิกัด GPS : 35°21'38.2"N 138°43'38.4"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิชั้นที่ 5ได้ที่ : http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=69
9. เจดีย์ชูเรโตะ (Chureito Pagoda)
เจดีย์ชูเรโตะเป็นส่วนหนึ่งของศาลเจ้าอาราคุระเซนเงน (Arakura Sengen Shrine) ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1963 ในฐานะอนุสรณ์สถานแห่งสันติภาพ สิ่งที่ทำให้เจดีย์แห่งนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คือเมื่อเดินขึ้นบันไดจำนวนกว่า 400 ขั้นขึ้นไป จะพบกับภาพของเจดีย์ 5 ชั้นแบบญี่ปุ่น คู่กับภูเขาไฟฟูจิที่ปรากฏอยู่ด้านหลัง และในช่วงฤดูใบไม้ผลิ บริเวณรอบๆเจดีย์ยังเต็มไปด้วยต้นซากุระที่ผลิบาน จนถือเป็นจุดที่สัญลักษณ์ของความเป็นญี่ปุ่น 3 อย่างมารวมกันอยู่ในที่เดียวกัน
ข้อมูลการเดินทาง :
- รถไฟ รถไฟสาย Fujukyu จาก สถานีคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko Station) ใช้เวลาเดินทาง 14 นาที ค่าโดยสารเที่ยวละ 300 เยน หรือเดินทางจาก สถานีฟูจิซัง (Fujisan Station) ใช้เวลาเดินทาง 5 นาที ค่าโดยสาร 220 เยน มาลงที่ สถานี Shimoyoshida
พิกัด GPS : 35°30'04.6"N 138°48'05.3"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจดีย์ชูเรโตะได้ที่ : http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=70
10. หมู่บ้านน้ำใสโอชิโนะ ฮักไก (Oshino Hakkai)
โอชิโนะ ฮักไก คือ หมู่บ้านเก่าแก่ในบริเวณทะเลสาบทั้ง 5 รอบภูเขาไฟฟูจิ ภายในหมู่บ้านมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จำนวน 8 บ่อ ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์นั้นมีทั้งเรื่องการช่วยบำบัดโรค และช่วยให้มีอายุยืน จึงทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่รู้จัก และได้รับการยกย่องจากคนญี่ปุ่นมาตั้งแต่ในอดีต และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อในปัจจุบัน บ่อน้ำทุกบ่อนั้นมีแหล่งกำเนิดมาจากหิมะบนยอดภูเขาไฟฟูจิซึ่งละลายลงมา และซึมผ่านน้ำพุใต้ดินขึ้นมา จึงทำให้คุณภาพของน้ำมีความใสและบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก
อีกเหตุผลที่ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับคววามนิยมจากนักท่องเที่ยว คือการเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ให้บรรยากาศแตกต่างจากที่อื่น เนื่องจากนักท่องเที่ยวจะได้พบกับภาพของหมู่บ้านโบราณที่ถูกดูแลรักษาเอาไว้อย่างดี บวกกับภาพของบ่อน้ำสีฟ้าใส และมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง ซึ่งทั้งหมดนี้คือภาพที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งไม่สามารถพบเห็นได้จากที่อื่น
ข้อมูลการเดินทาง :
- รถสาธารณะ จาก โตเกียว : รถบัสของ Highway Bus ที่วิ่งระหว่างโตเกียว – ทะเลสาบทั้ง 5 รอบภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งจะแวะจอดที่หมู่บ้านน้ำใส โอชิโนะฮักไก โดยจุดขึ้นรถจะอยู่ที่สถานีรถบัสด่วนพิเศษชินจูกุ (Shinjuku Expressway Bus Terminal) ลงป้าย Oshino Hakkai ค่าโดยสารเที่ยวละ 2,000 เยน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที
จากสถานีรถไฟ Kawaguchiko ขึ้นรถบัสสาย Mishima-Gotemba-Kawaguchiko ลงป้าย “Oshino Hakkai” มีให้บริการระหว่าง 07.00 – 17.30 น. ค่าโดยสาร 550 เยนต่อเที่ยว
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทำการ 24 ชั่วโมง ทุกวัน ไม่มีวันหยุด
พิกัด GPS : 35°27'36.5"N 138°49'58.3"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมู่บ้านน้ำใสโอชิโนะ ฮักไกได้ที่ : http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=71
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ :
- เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ
https://www.accuweather.com/
- เว็บไซต์การท่องเที่ยวจังหวัดยามานาชิ
http://www.yamanashi-kankou.jp/english/
- การเดินทางขนส่งมวลชนญี่ปุ่น
http://www.hyperdia.com/
- สกุลเงินที่ใช้ : เยน (JPY)
แอปพลิเคชัน "บริการรถแท็กซี่" ในประเทศญี่ปุ่น
- Uber สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
- JapanTaxi สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
แอปพลิเคชัน "แผนที่ในการนำทาง" ในประเทศญี่ปุ่น
- Google Map สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองญาจาง – ดาลัด ประเทศเวียดนาม
หากอยากสัมผัสบรรยากาศเมืองชายทะเลสุดคึกคักอากาศอบอุ่น แล้วไปผ่อนคลายในเมืองแห่งภูเขาอากาศเย็นสบายที่เวียดนามใต้ ญาจางและดาลัดคือคำตอบ! สองเมืองนี้จะพาคุณดื่มด่ำไปกับธรรมชาติที่งดงาม วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์และกิจกรรมที่หลากหลาย Palanla ได้รวบรวมเอา 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองญาจางและดาลัดมาให้แล้วในบทความนี้
อ่านต่ออาสนวิหารญาจาง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
อาสนวิหารญาจาง (Christ the King Cathedral Nha Trang) หรือ โบสถ์หินญาจาง สุดยอดสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิคผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบโรมัน ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาใจกลางเมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม อายุเกือบร้อยปีแห่งนี้ เปรียบเสมือนแลนด์มาร์กของเมือง ด้วยผนังหินสีน้ำตาลเข้มที่สลักเสลาอย่างวิจิตรบรรจง และหลังคาสูงชะลูดที่ดูอลังการ ตัดกับท้องฟ้าสีคราม ทำให้โบสถ์แห่งนี้กลายเป็นแลนด์มาร์กที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว
อ่านต่อหาดญาจาง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
หาดญาจาง (Nha Trang Beach) เป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดของประเทศเวียดนาม ด้วยชายรูปร่างเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ความยาวกว่า 6 กิโลเมตรที่โอบล้อมอ่าวญาจาง ในจังหวัดหวัดคั้ญฮวา ท่ามกลางภูมิทัศน์โดยรอบที่สวยงามของอาคารสถาปัตยกรรมสำคัญๆ มากมาย
อ่านต่อหอคอยแตร่มเฮือง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
หอคอยแตร่มเฮือง (Tram Huong Tower) สัญลักษณ์และจุดเช็กอินยอดนิยมของหาดญาจางในปัจจุบัน
อ่านต่อวินเพิร์ลแลนด์ เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
วินเพิร์ลแลนด์ (Vinpearl Land) เป็นสวนสนุกและรีสอร์ตหรูครบวงจรระดับโลกที่เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม มีจุดเด่นอยู่ที่ทำเลที่ตั้งที่สวยงามติดทะเล และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์สำคัญของการไปเที่ยวที่นี่คือ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก
อ่านต่อวัดลองเซิน เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
วัดลองเซิน (Long Son Pagoda) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “วัดพระใหญ่” เป็นวัดพุทธมหายานเก่าแก่ และใหญ่ที่สุดของเมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม นอกจากความสวยงามอลังการของตัววัดแล้ว จากยอดเขายังสามารถมองเห็นวิวของเมืองญาจางและทะเลได้อย่างสวยงาม
อ่านต่อวัดตั๊กลัม เมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม
วัดตั๊กลัม (Truc Lam Monastery of Da Lat) เป็นวัดพุทธในนิกายเซนบนยอดเขาเฟืองฮว่าง นอกจากภายในบริเวณวัดจะมีสิ่งก่อสร้างที่สวยงาม ยังมีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์โดยรอบด้วยสวนดอกไม้สดสวย ถือเป็นวัดที่งดงามและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดในดาลัด
อ่านต่อน้ำตกดาตันลา เมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม
น้ำตกดาตันลา (Datanla Waterfall) ไม่เพียงแต่เป็นน้ำตกที่สวยงาม แต่ยังซ่อนเรื่องราวตำนานพื้นเมืองของดาลัดที่น่าสนใจเอาไว้ นอกจากสัมผัสความเย็นฉ่ำของละอองน้ำที่กระเซ็นจากม่านน้ำตกแล้ว ยังมีกิจกรรมสนุกๆ คือการนั่งรถรางลัดเลาะไปตามเส้นทางที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติอันเขียวขจี
อ่านต่อเจดีย์มังกรวัดลึงเฟือก เมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม
เจดีย์มังกรวัดลึงเฟือก (Linh Phuoc Pagoda) วัดศาสนาพุทธนิกายเซนในดาลัด โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ตัวอาคารทำจากเศษกระเบื้องเคลือบงดงามวิจิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปปั้นมังกรขนาดใหญ่ที่พันรอบองค์พระเจดีย์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวัด
อ่านต่อฮาจิ เลน ประเทศสิงคโปร์
ตรอกฮาจิ หรือ ฮาจิ เลน (Haji Lane) ถนนสายเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวาในย่านกัมปง กลาม (Kampong Glam) ของสิงคโปร์ เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นในฐานะแหล่งรวมร้านค้าบูติก ร้านอาหาร คาเฟ่ และศิลปะบนท้องถนนที่น่าสนใจ ฮาจิ เลน ไม่เพียงแค่เป็นถนนสายช้อปปิ้ง แต่ยังเป็นเหมือนแกลเลอรี่กลางแจ้งที่แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรมที่หลากหลายของสิงคโปร์อีกด้วย
อ่านต่อ