- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- เบลเยียม 9 วัน 8 คืน...เที่ยวรอบแหล่งขุมทรัพย์จากยุคกลาง
เบลเยียม 9 วัน 8 คืน...เที่ยวรอบแหล่งขุมทรัพย์จากยุคกลาง
- อ่าน (4,479)
- By Webmaster
- 15:45:57 | 26 ต.ค. 2565
เบลเยียม 9 วัน 8 คืน...เที่ยวรอบแหล่งขุมทรัพย์จากยุคกลาง
แม้เบลเยียม (Belgium) จะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นแหล่งขุมทรัพย์จากยุคกลาง โดยนอกจากสถาปัตยกรรมเก่าแก่และสวยงามก็ยังรวมไว้ซึ่งความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในกรุงบรัสเซลส์ (Brussels) มหานครแห่งสีสัน เมืองใหญ่รองลงมาอย่างแอนต์เวิร์ป (Antwerp) หรือเมืองแห่งอดีตกาลอย่างเกนต์ (Ghent), บรูจส์ (Bruges), ทัวร์เน (Tournai) และ มอนส์ (Mons) การเดินทางท่องเที่ยวในเบลเยียมนั้นก็เรียกว่าสะดวกสบาย ด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมถึงกันทุกเมือง หรือหากต้องการขับรถเที่ยวเองก็ไม่ใช่เรื่องยาก เช่นเดียวกับเราที่ตะลุยเที่ยวไปยังเมืองต่างๆ รอบเบลเยียมโดยการขับรถรวมระยะเวลา 9 วัน 8 คืน โดยมีแผนการเดินทางคือ
Day 1 (BKK - Brussels) : Grand Place - Brussels Town Hall - Brussels City Museum - Manneken Pis (พักค้างคืนที่ Brussels)
Day 2 (Leuven – Antwerp) : Leuven Town Hall - St. Peter’s Church - Antwerp Central Railway Station - Zoo Antwerp - Cathedral of Our Lady Antwerp (พักค้างคืนที่ Antwerp)
Day 3 (Antwerp) : Grote Markt - Antwerp City Hall - Het Steen Castle - The View Antwerp (พักค้างคืนที่ Antwerp)
Day 4 (Ghent) : Saint Nicholas Church - Belfry of Ghent - St. Bavo's Cathedral Ghent - Leie River + Boat in Ghent (พักค้างคืนที่ Ghent)
Day 5 (Bruges) : Church of Our Lady - Belgium Belfry & Halle - Bruges City Hall – Minnewater (พักค้างคืนที่ Bruges)
Day 6 (Tournai - Mons - Brussels) : Tournai Cathedral - Belfry of Tournai - Belfry of Mons - Mini Europe - Atomium Building (พักค้างคืนที่ Brussels)
Day 7 (Brussels) : Jubilee Park - Place Royale Square - Royal Museum of Fine Arts of Belgium - Notre Dame du Sablon - The Giant Wheel (พักค้างคืนที่ Brussels)
Day 8 (Brussels) : Mont des Arts - St. Michael and St. Gudula Cathedral – Galleries Royales Saint Hubert - St. Nicholas Church (พักค้างคืนที่ Brussels)
Day 9 (Brussels - BKK) : เดินทางกลับประเทศไทย
Day 1 : (BKK - Brussels)
Grand Place - Brussels Town Hall - Brussels City Museum - Manneken Pis (พักค้างคืนที่ Brussels)
บรัสเซลส์ ถือเป็นปราการด่านหน้าที่ผู้ที่เดินทางมาเบลเยียมจะได้ทักทาย โดยนอกจากจะเป็นเมืองหลวงแล้วยังเป็นเมืองที่เที่ยวบินจากทั่วโลกมุ่งตรงมาสู่ เมืองหลวงขนาดกะทัดรัดแต่คุณภาพเต็มล้นของประเทศเบลเยียมแห่งนี้ คือหนึ่งในเพชรเม็ดงามของทวีปยุโรป เพราะเปี่ยมไปด้วยความรุ่มรวยทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม งานศิลป์ ที่มีความยิ่งใหญ่ น่าค้นหา บรัสเซลส์จึงเป็นเหมือนบ้านหลังใหญ่ที่ทำหน้าที่ต้อนรับผู้มาเยือนได้อย่างเต็มภาคภูมิ
วันแรกของทริปเบลเยียม เราจึงเริ่มต้นด้วยการเที่ยวในเมืองหลวงแห่งนี้เพื่อเป็นการทักทาย ทำความรู้จักกันก่อนพอหอมปากหอมคอ ก่อนที่จะเดินทางท่องเที่ยวต่อไปยังเมืองอื่นๆ แล้ววนกลับมาตะลุยบรัสเซลส์กันอย่างเต็มที่ในวันท้ายๆ ของทริปก่อนบินกลับไทย
จัตุรัสกร็อง ปลัส (Grand Place)
จัตุรัสกลางเปรียบเสมือนใบหน้าอันเลอโฉมของเมืองบรัสเซลส์แห่งนี้ เป็นพื้นที่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่แวดล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมทรงคุณค่า และสวยงามที่สุดของเมืองหลายหลัง โดยมีศาลาว่าการกับพิพิธภัณฑ์เมืองบรัสเซลส์ เป็นแลนด์มาร์กหลักที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาเยี่ยมชมเวลามาเมืองบรัสเซลส์ และจัตุรัสแห่งนี้ยังเป็นศูนย์รวมมรดกทางวัฒนธรรมของบรัสเซลส์ที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ประติมากรรม ภาพเขียน ฯลฯ ที่จัดแสดงอยู่ภายในอาคารของจัตุรัส โดยจัตุรัสกร็อง ปลัส แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1998
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : ตลอดเวลา
พิกัด GPS : 50°50'48.3"N 4°21'08.7"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ จัตุรัสกร็อง ปลัส ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=773
ศาลาว่าการเมืองบรัสเซลส์ (Brussels Town Hall)
ศาลาว่าการเมืองบรัสเซลส์คือนิยามแห่งความคลาสสิกของแท้ เพราะเป็นสิ่งก่อสร้างแห่งเดียวภายในจัตุรัสกร็อง ปลัส ที่โครงสร้างบางส่วนยังอยู่ในสถาปัตยกรรมโกธิคดั้งเดิมตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15 และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ศาลาว่าการแห่งนี้ก็ผ่านการบูรณะ ปรับปรุง โดยสถาปนิกหลายคนที่มีแนวทางสถาปัตย์เป็นของตัวเอง ทำให้โครงสร้างต่างๆ ของตัวอาคาร ไม่ว่าจะเป็นหอระฆัง ปีกอาคาร ผนัง ห้องโถง ประติมากรรมประดับอาคาร ฯลฯ ล้วนมีเอกลักษณ์ ซึ่งได้มาจากการบ่มเพาะผ่านกาลเวลาอันยาวนาน จนเกิดเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอก ที่ถูกใช้เป็นแบบอย่างชั้นดีในการศึกษาพัฒนาการด้านศิลปกรรมในแขนงต่างๆ ของบรัสเซลส์ผ่านรายละเอียดที่ปรากฏอยู่ในศาลาว่าการ
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 5 ยูโร / นักเรียน – นักศึกษา และเด็ก (6 - 12 ปี) 3 ยูโร / อายุต่ำกว่า 6 ปี เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมศาลาว่าการเมืองบรัสเซลส์ได้ในวันอาทิตย์กับวันพุธ แบ่งเป็นรอบเวลา และโปรแกรมภาษาของไกด์นำทัวร์ที่แตกต่างกันสามภาษาดังนี้
- วันอาทิตย์ เวลา 10:00 น. (ภาษาดัตช์) / 12:00 น. กับ 14:00 น. (ฝรั่งเศส) / 11:00 น., 15:00 น. และ 16:00 น. (ภาษาอังกฤษ)
- วันพุธ เวลา 13:00 น. (ภาษาฝรั่งเศส) / 14:00 น. (ภาษาอังกฤษ) / 15:00 น. (ภาษาดัตช์)
พิกัด GPS : 50°50'47.7"N 4°21'07.2"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศาลาว่าการเมืองบรัสเซลส์ ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=784
พิพิธภัณฑ์เมืองบรัสเซลส์ (Brussels City Museum)
แมซง ดูว์ รัว ไม่เพียงเป็นอาคารมรดกโลกที่มีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ภายในยังมีพิพิธภัณฑ์ ซึ่งทำหน้าที่นำเสนอเรื่องราวในหลากหลายแง่มุมของเมืองบรัสเซลส์มาตั้งแต่ปี 1887 โดยมีของจัดแสดงอยู่กว่า 7,000 ชิ้น ทั้งงานประติมากรรม, ภาพวาด, สิ่งทอ, เครื่องแต่งกาย ฯลฯ มีนิทรรศการน่าสนใจหมุนเวียนมาสร้างอรรถรสให้กับผู้เข้าชมกันตลอดปี มีส่วนดำเนินงานด้านการวิจัย และรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของเมือง ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวเห็นถึงพัฒนาการที่ทำให้บรัสเซลส์กลายมาเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปได้อย่างชัดเจน
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 8 ยูโร / ผู้สูงอายุ 6 ยูโร / นักเรียน-นักศึกษา 4 ยูโร / ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือนเข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : วันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 10:00 – 17:00 น. (ปิดทุกวันจันทร์และวันที่ 1 ม.ค. / 1 พ.ค. / 1 และ 11 พ.ย. / 25 ธ.ค.)
พิกัด GPS : 50°50'49.1"N 4°21'10.0"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์เมืองบรัสเซลส์ ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=777
แมนเนเกน พิส (Manneken Pis)
หากถามหาเด็กชายที่ฮอตที่สุดในเมืองบรัสเซลส์เชื่อว่าประติมากรรมเด็กชายกำลังยืนปัสสาวะที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบรัสเซลส์ชิ้นนี้ ต้องปรากฏขึ้นมาเป็นที่หนึ่งแน่นอน เพราะนี่คือประติมากรรมที่ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในการแสดงความเข้มแข็ง และสามัคคีของชาวบรัสเซลส์ มาตั้งแต่การรอดพ้นจากความเสียหายอย่างน่าอัศจรรย์ ในเหตุการณ์ปฎิวัติฝรั่งเศสปี 1695 โดยปัจจุบันแมนเนเกน พิส ยังรับบทบาทเป็นทูตสันถวไมตรีผ่านอาภรณ์ตามประเพณีพื้นเมืองหรือตามเทศกาลสำคัญในหลากประเทศทั่วโลก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถหาชมคอลเลกชั่นเสื้อผ้าที่มีอยู่กว่า 1,000 ชุด ภายในพิพิธภัณฑ์เสื้อผ้าแมนเนเกน พิส ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกันได้อีกด้วย
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมตลอดเวลา
พิกัด GPS : 50°50'42.0"N 4°21'00.0"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประติมากรรมแมนเนเกน พิส ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=783
Day 2 : (Leuven – Antwerp)
Leuven Town Hall - St. Peter’s Church - Antwerp Central Railway Station - Zoo Antwerp - Cathedral of Our Lady Antwerp (พักค้างคืนที่ Antwerp)
วันที่ 2 จากบรัสเซลส์มุ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเพียงราวๆ 30 กิโลเมตรก็จะเป็นเมืองเลอเวน เมืองเล็กๆ ที่สามารถแวะเที่ยวได้โดยใช้เวลาไม่มากระหว่างทางที่จะไปแอนต์เวิร์ปซึ่งอยู่ทางเหนือขึ้นไปอีก 53 กิโลเมตร
ศาลากลางเมืองเลอเวน (Leuven Town Hall)
ศาลากลางเมืองเลอเวน ตั้งอยู่บริเวณ Grote Markt อาคารแห่งนี้เป็นผลงานของสถาปนิก 3 คนที่รับช่วงต่อๆ กันมา โดยเริ่มก่อสร้างในปีค.ศ. 1439 เสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ. 1469 ในส่วนรูปปั้นรอบๆ จำนวน 235 ชิ้นนั้นเพิ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1850 และกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวในเวลาต่อมา ศาลากลางเมืองเลอเวนนับเป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่โด่งดังไปทั่วโลก ด้วยความงดงามหรูหรา ลวดลายอ่อนช้อย มียอดแหลมสวยสง่าสามารถมองเห็นจากระยะไกล และมีจุดเด่นคือรูปปั้นกว่าสองร้อยตัวที่ยืนรายล้อมอยู่ตามเสาและซอกผนังอาคาร สถานที่แห่งนี้จึงเป็นหนึ่งความภูมิใจของเมืองเลอเวน
ค่าเข้าชม : บริการทัวร์นำชมด้านในศาลากลางเมืองเลอเวน ตั๋วราคา 4 ยูโร (ทัวร์มีทุกวัน เวลา 15.00 น.)
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 17.00 น.
พิกัด GPS : 50°52'43.7"N 4°42'03.2"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศาลากลางเมืองเลอเวน ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1050
โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Church)
โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ ในเมือง Leuven โบสถ์โรมันคาทอลิกที่สร้างขึ้นสร้างในศตวรรษที่ 15 งดงามโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคซึ่งแตกต่างจากสถาปัตยกรรมแบบโกธิคทั่วๆ ไปที่ต้องมียอดปลายแหลม แต่แม้ว่าจะไร้ยอดแหลมสูงตระหง่าน โบสถ์แห่งนี้ก็มีความสวยงามโดดเด่นเฉพาะตัว และยังถูกรวมอยู่ในรายชื่อหอระฆังที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) แม้ว่าหอคอยจะยังไม่สร้างเสร็จก็ตาม ภายในโบสถ์มีแท่นเทศน์ไม้โอ๊คขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยความวิจิตรบรรจงจากศตวรรษที่ 17 และรูปปั้นพระแม่มารีและพระกุมารที่สร้างในปี ค.ศ. 1442 ประทับบนบัลลังก์แห่งปัญญา นอกจากนี้โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ยังเป็นสถานที่เก็บสะสมภาพวาดที่มีชื่อเสียงอยู่หลายภาพด้วยกัน
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ – วันเสาร์ เปิดเวลา 10.00 - 16.30 น. / วันอาทิตย์ เปิดเวลา 11.00 - 16.30 น.
พิกัด GPS : 50°52'46.2"N 4°42'04.7"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1049
สถานีรถไฟกลางเมืองแอนต์เวิร์ป (Antwerpen Centraal)
สถานีรถไฟกลางเมืองแอนต์เวิร์ป เรียกได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าและงดงามที่สุดหลังหนึ่งของเมืองนี้ โดยถูกสร้างขึ้นมาครั้งแรกในปี 1895 ตัวอาคารนั้นทำจากหิน และเสริมความแข็งแรงด้วยเหล็กกับกระจก ลักษณะโดยรวมของอาคารจะเป็นโดมขนาดใหญ่ซึ่งขนาบด้วยโดมเล็กกว่าอีกสองหลังพร้อมปีกอาคารซ้ายขวา ในส่วนของโถงหลักของสถานีได้รับการออกแบบโดย หลุยส์ เดลาเซนเซรี (Louis Delacenserie) ที่เนรมิตให้พื้นที่ภายในดูสวยงามราวกับพระราชวัง จนถูกยกให้เป็นต้นแบบที่นำไปใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสถานีรถไฟอีกหลายแห่งทั่วประเทศเบลเยียม และในปี 2009 นิตยสารอเมริกันชื่อดัง นิวส์วีก (Newsweek) ได้ยกให้สถานีรถไฟกลางเมืองแอนต์เวิร์ป เป็นสถานีรถไฟกลางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอันดับสี่ของโลก และยังได้รางวัลมรดกทางวัฒนธรรมจากสหพันธรัฐมรดกทางวัฒนธรรมแห่งยุโรป (Europa Nostra) ด้วย
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดตลอดเวลา
พิกัด GPS : 51°13'02.1"N 4°25'17.4"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สถานีรถไฟกลางเมืองแอนต์เวิร์ป ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1057
สวนสัตว์แอนต์เวิร์ป (Zoo Antwerp)
สวนสัตว์ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 1843 ขึ้นแท่นเป็นสวนสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศเบลเยียม โดยตั้งแต่เปิดให้บริการสวนสัตว์แห่งนี้ก็มีการส่งเสริมด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่ามาอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับสัตววิทยากับพฤกษศาสตร์ด้วย ซึ่งปัจจุบันมีสัตว์ที่อยู่ในความดูแลของที่นี่กว่า 7,000 สายพันธุ์ และมีสวนที่เต็มไปด้วยพืชอนุรักษ์หลายชนิด ทั้งอาคารต่างๆ ที่ตั้งอยู่ภายในสวนสนุก ยังมีความงดงามทางสถาปัตยกรรม จากการก่อสร้างมานานปี โดยในแต่ละวันทางสวนสัตว์จะมีกิจกรรม, การแสดงโชว์, นิทรรศการ ฯลฯ เกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้า ตลอดจนความสนุกสนานแก่ผู้เข้ามาใช้บริการที่รับรองว่าจะได้เห็นแง่มุมที่งดงาม และความรู้สึกดีๆ จากเพื่อนร่วมโลกต่างสายพันธุ์กลับไปแบบเต็มเปี่ยมแน่นอน
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 23 ยูโร / นักเรียน - นักศึกษา 20.50 ยูโร / ผู้สูงอายุ 22 ยูโร / อายุต่ำกว่า 3 ปีเข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00 - 16:45 น.
พิกัด GPS : 51°12'58.8"N 4°25'24.9"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สวนสัตว์แอนต์เวิร์ป ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1058
โบสถ์อาวร์เลดี้ (Cathedral of Our Lady)
โบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ และสูงที่สุดในประเทศเบลเยียมแห่งนี้ เป็นโบสถ์อายุกว่า 169 ปี สร้างขึ้นระหว่างปี 1325-1521 นับเป็นโบสถ์ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่สุดหลังหนึ่งของประเทศเบลเยียมซึ่งได้รับการรังสรรค์อย่างละเอียดลออ และเปิดต้อนรับผู้มาเยือนกว่า 360,000 คนต่อปี โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตัวโบสถ์ก็ได้รับการบูรณะปรับปรุงหลายครั้ง ในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันไป ทำให้โครงสร้างของโบสถ์มีเอกลักษณ์ และแง่มุมน่าเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมในศาสนาคริสต์หลายจุด โดยผู้อุปถัมภ์ของโบสถ์จะเป็นพระแม่มารีย์ (Blessed Virgin Mary) การออกแบบพื้นที่ภายใน ตลอดจนงานศิลป์ทางศาสนาที่ประดับอยู่ที่โบสถ์จึงเน้นไปที่การเคารพพระแม่มารีย์เป็นหลัก
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 8 ยูโร / นักเรียน, นักศึกษา, ผู้สูงอายุ 6 ยูโร / อายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ - วันศุกร์ เปิดเวลา 10:00 – 17:00 น. / วันเสาร์ เปิดเวลา 10:00 – 15:00 น. / วันอาทิตย์กับวันหยุดประจำชาติ เปิดเวลา 13:00 – 17:00 น.
พิกัด GPS : 51°13'13.0"N 4°24'05.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โบสถ์อาวร์เลดี้ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1054
Day 3 : (Antwerp)
Grote Markt - Antwerp City Hall - Het Steen Castle - The View Antwerp (พักค้างคืนที่ Antwerp)
วันที่ 3 เป็นวันที่เรายังคงอยู่เที่ยวต่อในเมืองแอนต์เวิร์ปเมืองท่าสำคัญที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเบลเยียมแห่งนี้ คือเมืองที่เปี่ยมไปด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ และมีสถานที่ท่องเที่ยวระดับแลนด์มาร์กที่โดดเด่นไม่แพ้เมืองบรัสเซลส์หลายแห่งซึ่งเราจะเก็บตกกันต่อในวันนี้
จัตุรัสกลางเมืองแอนต์เวิร์ป (Grote Markt)
ศูนย์กลางทางสถาปัตยกรรม การดำเนินงาน วัฒนธรรม ตลอดจนการใช้ชีวิตของคนในเมืองแห่งนี้ คือจัตุรัสทรงสามเหลี่ยมปูด้วยหิน ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารสำคัญที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ในสถาปัตยกรรมสไตล์เรอเนซองส์ ที่ผสานไปกับวิธีคิดแบบเฟลมิชได้อย่างลงตัวและเป็นเอกลักษณ์ ทั้งศาลาว่าการเมือง หรือจะเป็นกิลด์ฮอลล์ (Guild Hall) กลุ่มอาคารทอดยาวต่อกัน 7 หลังที่ถูกใช้เป็นพื้นที่หลักในการพบปะสังสรรค์ และดำเนินงานสำคัญของกลุ่มกิลด์ สมาคมช่างฝีมือเก่าแก่ของประเทศ ความโดดเด่นของอาคารสังเกตได้ชัดเจนตั้งแต่หน้าจั่วที่ได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตร บนหลังคาของอาคารหลายหลังยังมีรูปปั้นสีทองประดับเอาไว้อย่างสวยงาม และบริเวณกลางจัตุรัสกับประติมากรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่งของเมืองแอนต์เวิร์ปอย่าง รูปปั้นน้ำพุบราโว่ (Brabo Fountain) ที่สร้างขึ้นในปี 1887 ปัจจุบันจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้ยังเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมรื่นเริงต่างๆ หลายงาน ทั้งตลาดคริสต์มาส หรือลานสเก็ตน้ำแข็งในฤดูหนาว และแวดล้อมไปด้วยร้านอาหารท้องถิ่น เป็นย่านที่คึกคักและเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาตลอดทั้งวัน
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : ตลอดเวลา
พิกัด GPS : 51°13'16.0"N 4°24'01.4"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ จัตุรัสกลางเมืองแอนต์เวิร์ป ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1051
ศาลาว่าการเมืองแอนต์เวิร์ป (Antwerp City Hall)
ศาลาว่าการเมืองแอนต์เวิร์ปเริ่มสร้างขึ้นในปี 1561 และเสร็จในปี 1564 เป็นอาคารยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ (Renaissance) ที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการดำเนินงานหลังจากแอนต์เวิร์ปก้าวขึ้นมาเป็นท่าเรือการค้าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในแถบยุโรปตอนเหนือช่วงศตวรรษที่ 16 โดยตัวอาคารจะมีลักษณะเป็นซุ้มโค้งอิฐแดงที่ขนาบด้วยปีกอาคารสูงใหญ่ซ้ายขวา มีเสาไอโอนิกสองต้นประดับอยู่ด้านบนอาคาร ซึ่งตรงกลางของชายคายังมีประติมากรรมรูปปั้นหญิงที่แสดงถึงความยุติธรรม ส่วนภายในอาคารก็ได้รับการออกแบบอย่างหรูหรา และประกอบไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่บันทึกเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองแอนต์เวิร์ปได้อย่างสมจริง นับเป็นศาลาว่าการเมืองที่สร้างอิทธิพลให้เกิดสถาปัตยกรรมสไตล์เดียวกันเกิดขึ้นอีกหลายแห่งทั่วยุโรป
ค่าเข้าชม : สามารถเข้าชมได้ผ่านการจองทัวร์ที่สำนักงานการท่องเที่ยวเมืองแอนต์เวิร์ป
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08:30 – 17:30 น.
พิกัด GPS : 51°13'16.9"N 4°23'57.3"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศาลาว่าการเมืองแอนต์เวิร์ป ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1056
ปราสาทหิน (Het Steen Castle)
ปราสาทหินที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสเกลต์ (Scheldt River) นี้ คือด่านหน้าหลักของแนวรบในอดีต มีป้อมปราการหลักที่ผ่านจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ของเมืองแอนต์เวิร์ปมาหลากยุคสมัย โดยในปี 1520 ปราสาทแห่งนี้ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ให้กลายมาเป็นปราสาทสำคัญของประเทศ และเคยถูกใช้เป็นคุกสำหรับขังนักโทษในปี 1827 – 1846 ก่อนที่ต่อมาในปี 1890 ปราสาทแห่งนี้จะถูกปรับให้เป็นพิพิธภัณฑ์โบราณคดี และอนุสรณ์สถานจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งจุดเด่นอีกอย่างของปราสาทคืองานประติมากรรมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าอย่าง แลงค์ แวปเปอร์ (Lange Wapper) ตัวละครยักษ์ในตำนานจากนิทานพื้นบ้านเก่าแก่ของเมืองแอนต์เวิร์ป ซึ่งเป็นมุมถ่ายรูปยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวไม่เคยพลาดเวลามาเยือน
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ ราคา 7 ยูโร / เด็กอายุไม่เกิน 17 ปี ราคา 5 ยูโร
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 18:00 น.
พิกัด GPS : 51°13'21.8"N 4°23'50.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ปราสาทหิน ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1055
เดอะวีล แอนต์เวิร์ป (The View Antwerp)
ชิงช้าสวรรค์ขนาดมหึมาอันโด่งดังของเมืองแอนต์เวิร์ป ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับ Steenplein (Stone Square) ริมฝั่งท่าเรือแม่น้ำสเกลต์ (Scheldt) สถานที่แห่งนี้เรียกว่าเป็นแลนด์มาร์กที่โดดเด่นมากๆ และเป็นจุดที่จะเผยให้เห็นทัศนียภาพมุมสูงสวยๆ ของเมืองแอนต์เวิร์ปแบบสุดลูกหูลูกตา ในเวลากลางคืนยังมีไฟประดับสวยๆ ที่ส่องสว่างจากตัวชิงช้า ขับให้บรรยากาศของชิงช้าสวรรค์ริมแม่น้ำสายสำคัญของเมืองแอนต์เวิร์ปแห่งนี้ยิ่งทวีความโรแมนติกขึ้นไปอีก
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 8 ยูโร / เด็ก 5 ยูโร
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 11:00 – 23:00 น.
พิกัด GPS : 51°13'16.4"N 4°23'47.9"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เดอะวีล แอนต์เวิร์ป ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1052
Day 4 : (Ghent)
Saint Nicholas Church - Belfry of Ghent - St. Bavo's Cathedral Ghent - Leie River + Boat in Ghent (พักค้างคืนที่ Ghent)
วันที่ 4 จากแอนต์เวิร์ปเราเดินทางต่อไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 50 กิโลเมตรก็เข้าสู่เมืองเกนต์ เมืองท่องเที่ยวสำคัญอีกเมืองหนึ่งของเบลเยียม มีเอกลักษณ์โดดเด่นคือภาพของอาคารบ้านเรือนน่ารักๆ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่จากยุคกลางริมฝั่งแม่น้ำเลอิ (Leie River) แม่น้ำสายไม่เล็กไม่ใหญ่ที่มีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศฝรั่งเศส และไหลพาดผ่านลงมายังกลางเมืองเกนต์แห่งนี้
โบสถ์เซนต์นิโคลัส (St. Nicholas Church)
โบสถ์ขนาดใหญ่และสวยงามวิจิตรที่ตั้งตระหง่านเหนือใจกลางเมืองของเกนต์แห่งนี้ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่เก่าแก่และโดดเด่นที่สุดในเกนต์ สร้างขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 11 และสร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 13 หลังจากเสียหายอย่างหนักจากไฟไหม้ และยังได้รับความเสียหายจากการที่ผู้นับถือลัทธิปฏิรูปโปรเตสแตนต์ได้ทำลายรูปเคารพทางศาสนาในศตวรรษที่ 16 รวมถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศสในช่วงศตวรรษที่ 18 ฉะนั้นโบสถ์สวยงามที่เห็นในปัจจุบันนี้จึงเป็นผลมาจากการบูรณะครั้งใหญ่ซึ่งเริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 19 นี่เอง โดยตัวอาคารสร้างด้วยหินสีเทาอมฟ้าที่มาจากเมือง Tournai ส่วนการตกแต่งภายในก็สวยงาม โดดเด่นด้วยออร์แกนขนาดยักษ์ หน้าต่างกระจกสีบานใหญ่ ฉากแท่นบูชาที่สวยงาม รูปปั้นขนาดเท่าตัวจริงของอัครสาวกต่างๆ รวมทั้งธรรมาสน์ที่แกะสลักอย่างวิจิตร
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 16:00 น.
พิกัด GPS : 51°03'14.2"N 3°43'22.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โบสถ์เซนต์นิโคลัส ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1060
หอระฆังเมืองเกนต์ (Belfry of Ghent)
หอระฆังเมืองเกนต์ คือสิ่งก่อสร้างที่สูงเด่นกว่าสิ่งก่อสร้างใดๆ ในเมืองนี้ กับความสูงถึง 91 เมตร ถือเป็น Belfry สูงที่สุดของเบลเยียม ควบคู่กับการถูกจัดให้อยู่ใน Unesco’s World Heritage List ด้วย การก่อสร้างหอระฆังเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1313 โดยมีผู้ออกแบบคือ Jan van Haelst หอระฆังความสูง 6 ชั้นแห่งนี้ผ่านสงครามภัยพิบัติและความวุ่นวายทางการเมืองมาหลายหนก่อนที่จะแล้วเสร็จในปี 1380 โดยส่วนบนสุดของอาคารนั้นได้รับการสร้างขึ้นใหม่หลายครั้ง ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับจำนวนระฆังที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง ปัจจุบันมีระฆังอยู่จำนวน 54 ใบ หอระฆังแห่งนี้ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นหอระฆังเพื่อประกาศเวลาและคำเตือนต่างๆ ทว่า ยังใช้เป็นหอสังเกตการณ์ที่มีป้อมปราการแน่นหนา และเป็นที่จัดเก็บเอกสารสำคัญของเทศบาลเมืองเกนต์ด้วย
ค่าเข้าชม : ตั๋วเข้าชมราคา 10 ยูโร
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 18:00 น.
พิกัด GPS : 51°03'13.1"N 3°43'29.7"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หอระฆังเมืองเกนต์ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1064
มหาวิหารเซนต์บาโว (St. Bavo Cathedral)
มหาวิหารเซนต์บาโว เป็นโบสถ์ขนาดใหญ่ความสูง 89 เมตร ที่มีสถาปัตยกรรมงดงามในรูปแบบสถาปัตยกรรมภายนอกแบบนีโอโกธิก ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนาที่ดีที่สุดในเบลเยียม และยังเป็นสถานที่เก็บรักษาผลงานศิลปะชิ้นเอกหลายๆ ชิ้นของประเทศด้วย นักท่องเที่ยวส่วนมากจึงไม่ได้มาเพื่อชมความงามของวิหารเท่ากับมาเพื่อชมผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียงซึ่งประดับประดาอยู่ภายใน โดยเฉพาะฉากแท่นบูชาเกนต์แสนงดงามที่รู้จักกันในชื่อ The Altar of Ghent แท่นบูชานี้ถือเป็นหนึ่งในงานศิลปะชิ้นเอกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศเบลเยียมในช่วงต้นยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ นอกจากนี้มหาวิหารเซนต์บาโวยังมีห้องใต้ดินแบบโรมันซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาคอลเล็กชั่นเครื่องประดับงานพิธีกรรมที่ปักด้วยมือและผ้า หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดของประเทศเบลเยียมอยู่ด้วย
ค่าเข้าชม : ตั๋วราคา 4 ยูโรสำหรับการชมภาพวาดในโบสถ์
เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ – วันเสาร์ เปิดเวลา 08:30 – 17:30 น. / วันอาทิตย์ เปิดเวลา 13:00 – 17:30 น.
พิกัด GPS : 51°03'10.5"N 3°43'37.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ มหาวิหารเซนต์บาโว ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1061
แม่น้ำเลอิ (Leie River)
แม่น้ำเลอิ เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่มีต้นกำเนิดในประเทศฝรั่งเศสความยาว 202 กิโลเมตร และไหลผ่านประเทศเบลเยียมที่เมืองเกนต์ เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศสวยงาม เหมาะแก่การเดินเล่นกินลมชมวิวเมื่อมาเยือนเกนต์ ตลอดสองฟากฝั่งของแม่น้ำเลอิรายล้อมด้วยตึกรามรูปทรงและสีสันสวยงามตามแบบฉบับเบลเยียมประกอบเป็นทัศนียภาพที่สวยงาม และมีสะพานข้ามแม่น้ำสวยงามหลายแห่ง โดยหนึ่งในสะพานที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูปคือสะพาน Grasburg เพราะจากกลางสะพานจะมองเห็นแนวอาคารบ้านเรือนเก่าสองฝั่งคลองที่สร้างมาตั้งแต่ยุคกลาง รอบๆ ย่านนี้ยังมีร้านอาหารอร่อยๆ หลากหลายให้เลือกรับประทาน
และหนึ่งกิจกรรมน่าทำเมื่อไปเที่ยวเมืองเกนต์ก็คือการล่องเรือในแม่น้ำเลอิเพื่อชมเมืองที่เต็มไปด้วยความรุ่มรวยทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ ค่าล่องเรืออยู่ที่ 9 ยูโรต่อคน โดยจากท่าเทียบเรือ เรือจะเริ่มล่องไปตามแม่น้ำเลอิโดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที ผ่านใจกลางเมืองเกนต์และสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง อาทิ โบสถ์เซนต์บาโว (St Bavo’s Cathedral) หอระฆังเมืองเกนต์ (Belfry of Ghent) โบสถ์เซนต์นิโคลัส (St Nicholas’ Church) รวมถึงปราสาท และตลาดปลาเก่า ระหว่างที่ล่องเรือนั้นนักท่องเที่ยวก็จะได้ซึมซับประวัติศาสตร์จากจุดชมวิวริมแม่น้ำ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับอดีตอันทรงเกียรติและรุ่งโรจน์ของเมืองที่สวยงามแห่งนี้จากไกด์ท้องถิ่น
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม (ค่าล่องเรือ 9 ยูโรต่อคน)
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
พิกัด GPS : 51°03'22.9"N 3°43'19.4"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แม่น้ำเลอิ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1062
Day 5 : (Bruges)
Church of Our Lady - Belfry & Halle - Bruges City Hall – Minnewater (พักค้างคืนที่ Bruges)
วันที่ 5 จากเมืองเกนต์เดินทางต่อไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออีกประมาณ 50 กิโลเมตรก็จะเป็นเมืองบรูจส์ ฉายา "เวนิชแห่งยุโรปเหนือ" ตามสภาพเมืองที่เต็มไปด้วยลำคลองที่สวยงาม บรูจส์เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองหลวงของจังหวัดฟลานเดอร์ตะวันตกที่เต็มไปด้วยความรุ่มรวยทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเมืองบรูจส์ยังได้รับเลือกให้เป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกด้วย
โบสถ์อาวร์เลดี้ (Church of Our Lady)
โบสถ์อาวร์เลดี้ หรือ โบสถ์พระแม่มารีย์ คือมหาวิหารของศาสนาคริสต์อายุกว่า 800 ปีที่ตั้งตระหง่านอย่างยิ่งใหญ่อยู่ทางทิศใต้ของเมืองบรูจส์ โบสถ์สถาปัตยกรรมรูปแบบโกธิกแห่งนี้เริ่มสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1270 นอกจากจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในเมืองด้วยหอคอยความสูง 115.6 เมตรแล้ว ยังเป็นหอก่ออิฐที่สูงเป็นอันดับสองของโลก รองจากโบสถ์เซนต์มาร์ตินในประเทศเยอรมนีด้วย โบสถ์อาวร์เลดี้ยังมีความสำคัญคือ เป็นที่เก็บศพของ Charles the Bold และบุตรสาวคือ The Duchess Mary และมีประติมากรรมหินอ่อนขาวแกะสลัก The Madonna and Child ของไมเคิลแองเจโล (Michelangelo) ประติมากรชื่อดังก้องโลกในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาอยู่ด้วย ซึ่งประติมากรรมชิ้นนี้ถูกซื้อมาโดยพี่น้องเศรษฐีพ่อค้าผ้าในปีค.ศ.1504 ถือเป็นผลงานชิ้นเดียวของไมเคิลแองเจโลที่ถูกขายออกมานอกอิตาลีขณะที่เขายังมีชีวิต
ค่าเข้าชม : ค่าเข้าชม 7 ยูโร
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09:30 – 17:00 น.
พิกัด GPS : 51°12'16.7"N 3°13'27.8"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โบสถ์อาวร์เลดี้ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1069
หอระฆังเมืองบรูจส์ (Belfry & Halle)
หอระฆังเมืองบรูจส์ หอระฆังยุคกลางที่ตั้งตระหง่านใจกลางเมืองถือเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจและอิสรภาพของชาวบรูจส์ในช่วงยุคกลาง หอระฆังความสูง 83 เมตรแห่งนี้เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1282 โดยยอดหอคอยที่มีรูปทรงเป็นรูปแปดเหลี่ยมนั้นสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1482 หอระฆังแห่งนี้เป็นส่วนสำคัญของเมืองบรูจส์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก (Unesco) ในปีค.ศ. 2000 ครั้งหนึ่งในอดีตหอระฆังแห่งนี้เคยเป็นคลังสมบัติและคลังเอกสารของเมือง ปัจจุบันมีระฆังอยู่มากถึง 57 ใบ ซึ่งระฆังใบที่มีชื่อเสียงที่สุดมีชื่อว่า Victory Bell มีขนาดกว้าง 2 เมตร น้ำหนักราว 6,000 กิโลกรัม และหากเดินขึ้นบันได 366 ขั้นขึ้นไป จากด้านบนหอคอยจะสามารถชมวิวรอบสวยๆ รอบเมืองบรูจส์ได้แบบสุดลูกหูลูกตา
ค่าเข้าชม : ตั๋วเข้าชม ราคา 14 ยูโร
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09:00 – 20:00 น.
พิกัด GPS : 51°12'16.7"N 3°13'28.1"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หอระฆังเมืองบรูจส์ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1071
ศาลาว่าการมืองบรูจส์ (Bruges City Hall)
อาคารหลังงดงามด้วยสถาปัตยกรรมรูปแบบโกธิกแห่งนี้ คือหนึ่งในอาคารเก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป โดยสร้างขึ้นปี ค.ศ.1376 และเสร็จในปี ค.ศ.1421 นอกจากอาคารหลังนี้จะมีอิทธิพลอย่างมากต่อสถาปัตยกรรมแบบโกธิกในเมืองบรูจส์เองแล้ว ยังเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างศาลาว่าการหลายๆ แห่งในเบลเยียมไม่ว่าจะเป็น ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ ศาลาว่าการเมืองเกนต์ และศาลาว่าการเมืองเลอเวน ปัจจุบันไม่เพียงแต่ศาลาว่าการมืองบรูจส์จะยังคงบทบาทสำคัญด้านการเมืองการปกครองอยู่ ทว่าสถานที่ที่สวยงามและโรแมนติกแห่งนี้ยังถูกใช้เป็นฉากในการแต่งงานของคู่รักหลายๆ คู่อีกด้วย
ค่าเข้าชม : ค่าเข้าชม 7 ยูโร
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09:30 – 17:00 น.
พิกัด GPS : 51°12'29.7"N 3°13'37.2"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศาลาว่าการเมืองบรูจส์ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1070
ทะเลสาบมินนีวอเตอร์ (Minnewater)
ทะเลสาบมินนีวอเตอร์เป็นทะเลสาบขนาดย่อม ที่ชื่อแปลออกมาได้ความแสนโรแมนติกว่า "ทะเลสาบแห่งรัก" บริเวณนี้มีผู้คนนิยมมาเดินเล่น ชมวิว ปิกนิกอยู่ตลอด ทะเลสาบและคลองที่เชื่อมกันกันรอบๆ มินนีวอเตอร์แห่งนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นเส้นทางการคมนาคมที่สำคัญของเมืองในยุคทองช่วงยุคกลาง สินค้าเกือบทุกอย่างจะถูกนำมาบรรทุกใส่เรือเพื่อออกเดินทางตามเส้นทางการค้า ซึ่งคนเดินเรือมักจะมาจอดเทียบเรือที่นี่ด้วย ปัจจุบันเส้นทางน้ำดังกล่าวไม่มีเรือสัญจรบรรทุกแล้ว ทว่าถูกแทนที่ด้วยเป็ดและหงส์ โดยเฉพาะหงส์ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองบรูจส์เลยก็ว่าได้ บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างรอบๆ ทะเลสาบมินนีวอเตอร์ส่วนใหญ่เป็นอาคารเก่าแก่ที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี หลายๆ จุดเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองบรูจส์ กิจกรรมซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอีกอย่างหนึ่งก็คือการล่องเรือชมวิวทิวทัศน์รอบๆ คลองที่เชื่อมกันกับทะเลสาบมินนีวอเตอร์นั่นเอง
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
พิกัด GPS : 51°11'58.8"N 3°13'26.2"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทะเลสาบมินนีวอเตอร์ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1068
Day 6 : (Tournai - Mons - Brussels)
Tournai Cathedral - Belfry of Tournai - Belfry of Mons - Mini Europe - Atomium Building (พักค้างคืนที่ Brussels)
วันที่ 6 จากเมืองบรูจส์ เราออกเดินทางลงใต้มาราวๆ 80 กิโลเมตร โดยมีจุดหมายแรกคือเมือง Tournai ต่อไปยังเมือง Mons ซึ่งอยู่ห่างกันออกไป 50 กิโลเมตร และมีปลายทางอยู่ที่เมือง Brussels
หอระฆังเมืองทัวร์เน (Belfry of Tournai)
เป็นหอระฆังสูง 72 เมตร ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศเบลเยียม สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1188 และต่อมาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกร่วมกับมหาวิหารโนเทรอดามแห่งทัวร์เน หอระฆังเมืองทัวร์เนตั้งตระหง่านผ่านกาลเวลามาหลายยุคหลายสมัย โดยในปี ค.ศ.1940 แม้ว่าระเบิดเพลิงของเยอรมันได้ทำลายใจกลางเมืองทัวร์เนอย่างย่อยยับ ทว่าหอระฆังความสูง 72 เมตรที่ตั้งตระหง่านใจกลางเมืองแห่งนี้แทบไม่ได้รับผลกระทบจากระเบิดเลย นอกจากความน่าสนใจของตัวหอระฆังเองแล้ว หากผ่านบันได 257 ขั้นขึ้นไป ด้านบนสุดของหอระฆังแห่งนี้ยังสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองทัวร์เนได้อย่างชัดเจนกว้างไกล ที่นี่จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของผู้ที่มาเที่ยวเมืองทัวร์เน
ค่าเข้าชม : ตั๋วเข้าชม ผู้ใหญ่ ราคา 2.10 ยูโร / เด็ก ราคา 1.10 ยูโร
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) เวลา 09:30 - 12:30 น. และ 13:30 - 17:30 น.
พิกัด GPS : 50°36'20.9"N 3°23'16.8"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หอระฆังเมืองทัวร์เน ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1066
มหาวิหารทัวร์เน (Tournai Cathedral)
มหาวิหารทัวร์เน หรือชื่อเต็มว่า อาสนวิหารแม่พระแห่งทัวร์เน (Cathédrale Notre-Dame de Tournai; Onze-Lieve-Vrouw van Doornik) เป็นมหาวิหารขนาดใหญ่จากยุคกลางที่เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์และกอทิกอย่างงดงาม พร้อมด้วยหอคอยขนาดใหญ่จำนวนห้าหอ อันเป็นเอกลักษณ์สำคัญและเป็นที่มาของชื่อเล่นของทัวร์เนว่า "เมืองแห่งหอระฆังทั้งห้า" มหาวิหารแห่งนี้ถือเป็นมหาวิหารแห่งเดียวในประเทศเบลเยียมซึ่งตั้งใจสร้างเพื่อมีฐานะเป็นอาสนวิหาร (Cathedral) จัดเป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมกอทิกแบบทัวร์เน (Gothique tournaisien) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างโรมาเนสก์กับกอทิกที่พบได้มากในภูมิภาคแถบนี้ มหาวิหารทัวร์เนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปีค.ศ. 2000
ค่าเข้าชม : มหาวิหารสามารถเยี่ยมชมได้ฟรี แต่การเข้าชมในส่วนของ Treasury ราคา 2.50 ยูโร
เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ – วันศุกร์ เปิดเวลา 09:00 – 18:00 น. / วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดเวลา 09:00 – 12:00 น. และ 14:00 – 18:00 น.
พิกัด GPS : 50°36'23.2"N 3°23'20.1"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ มหาวิหารทัวร์เน ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1065
หอระฆังเมืองมอนส์ (Belfry of Mons)
หอระฆังอันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองมอนส์แห่งนี้เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมท้องถิ่น และเป็นหอระฆังสไตล์บาโรกเพียงแห่งเดียวที่ยังคงมีอยู่ หอระฆังเมืองมอนส์สร้างขึ้นระหว่างปีค.ศ. 1661 – 1672 หลังจากที่หอนาฬิการุ่นเก่าทรุดโทรมลงไป สถาปัตยกรรมที่ตั้งตระหง่านความสูง 87 เมตรแห่งนี้เรียกว่าเป็นทั้งสิ่งก่อสร้างอันทรงเกียรติและเป็นอาคารที่ใช้งานได้จริง โดยใช้เป็นเครื่องเตือนในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ หรือเพื่อแจ้งเตือนเมื่อมีการทิ้งระเบิดเข้ามาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองด้วย หอระฆังเมืองมอนส์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 โดยด้านบนของหอระฆังยังสามารถชมทิวทัศน์แบบพาโนรามาของเมืองมอนส์ได้ด้วย
ค่าเข้าชม : ตั๋วเข้าชม ราคา 9 ยูโร
เวลาเปิด-ปิด : เปิดวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 10:00 – 18:00 น.
พิกัด GPS : 50°27'14.7"N 3°56'60.0"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หอระฆังเมืองมอนส์ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1067
มินิ ยุโรป (Mini Europe)
มินิ ยุโรป เมืองจำลองขนาด 300,000 ตารางฟุต แห่งนี้ คือพื้นที่ซึ่งรวบรวมแบบจำลองที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของสหภาพยุโรปเอาไว้มากมาย ทั้งสถาปัตยกรรม ซากอารยธรรม พื้นที่อนุรักษ์ทางธรรมชาติ อนุสรณ์สถาน เส้นทางคมนาคม ฯลฯ รวม 80 เมือง แบ่งเป็นแบบจำลองอาคาร 350 หลัง โมเดล 9,000 ชิ้น งานจิตรกรรม 33 ชิ้น และมีการใส่ระบบอินเทอร์แอคทีฟ ที่ทำให้แบบจำลองมีการเคลื่อนไหวเหมือนกับต้นแบบอย่างสมจริง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่อิงตามพื้นที่จริงของสถานที่นั้นๆ เรียกว่าเป็นเมืองจำลองที่ทำให้เราเห็นภาพความน่าสนใจทางวัฒนธรรมของสหภาพยุโรปได้เป็นอย่างดี
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (12 ปีขึ้นไป) 17.30 ยูโร / เด็ก (11 ปีลงไป) 12.30 ยูโร / เด็กที่สูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10:00 – 18:00 น.
พิกัด GPS : 50°53'38.7"N 4°20'20.1"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ มินิ ยุโรป ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=780
อาคารอะโตเมียม (Atomium Building)
อาคารรูปทรงแปลกตาที่ได้ต้นแบบมาจากโครงสร้างการเรียงตัวกันของอะตอมซึ่งได้รับการยอมรับในแวดวงวิทยาศาสตร์ว่ามีความสมมาตรและงดงาม คืออาคารที่เป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จของเบลเยียมในการก้าวเข้าสู่การเป็นประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันระดับต้นๆ ของโลก โดยอาคารอะโตเมียมเปิดตัวครั้งแรกในงานเอ็กซ์โปครั้งที่ 17 และกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่ก้าวมาเป็นภาพจำสำคัญอีกแห่งของงานเวิลด์เอ็กซ์โป โดยปัจจุบันพื้นที่ภายในอาคารจะมีทั้งงานนิทรรศการ ร้านอาหาร จุดชมวิว ฯลฯ นับเป็นแลนด์มาร์กที่มีความล้ำหน้าทางสถาปัตยกรรมอยู่เสมอ แม้จะถูกสร้างมาแล้วกว่า 60 ปี
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (18-65 ปี) ราคา 16 ยูโร / ผู้สูงอายุ (66+ปี) ราคา 14 ยูโร / นักเรียน-นักศึกษา 8.5 ยูโร
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10:00 – 18:00 น.
พิกัด GPS : 50°53'42.0"N 4°20'29.8"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อาคารอะโตเมียม ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=774
Day 7 : (Brussels)
Jubilee Park - Place Royale Square - Royal Museum of Fine Arts of Belgium - Notre Dame du Sablon - The Giant Wheel (พักค้างคืนที่ Brussels)
วันที่ 7 เที่ยวในเมืองบรัสเซลส์
สวนสาธารณะจูบิลี่ (Jubilee Park)
พื้นที่สีเขียวขนาด 74 เอเคอร์แห่งนี้ คือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่แวดล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรม พิพิธภัณฑ์ อนุสรณ์สถาน มัสยิด ฯลฯ โดยมีความเขียวขจีของต้นไม้ ดอกไม้หลายสายพันธุ์ ที่ถูกออกแบบในภูมิสถาปัตย์สไตล์ฝรั่งเศส โดยส่วนที่มีชื่อเสียงที่สุดของสวนสาธารณะแห่งนี้ จะเป็นประตูชัยเมืองบรัสเซลส์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี การประกาศอิสรภาพของประเทศเบลเยียม เป็นประตูชัยทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนที่ล้อมด้วยปีกอาคารทรงสี่เหลี่ยมสำริด ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กที่มีความงดงาม และทรงคุณค่าที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง นอกจากนั้นปีกอาคารทั้งสองฝั่งยังถูกปรับให้เป็นพิพิธภัณฑ์น่าสนใจให้เข้าไปเยี่ยมชมได้ด้วย
ค่าเข้าชม : สวนสาธารณะจูบิลี่ เข้าชมฟรี (ส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์เสียค่าเข้าชม)
เวลาเปิด-ปิด : สวนสาธารณะจูบิลี่ เปิดตลอดเวลา (ส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์ เปิด เวลา 09:00 – 17:00 น. โดยประมาณ)
พิกัด GPS : 50°50'29.1"N 4°23'25.9"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สวนสาธารณะจูบิลี่ ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=786
จัตุรัสเพลส โรเยลเล่ (Place Royale Square)
อดีตศูนย์กลางการปกครองของประเทศเบลเยียมมานานกว่า 700 ปี นี้ คือจัตุรัสทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่แวดล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิกสำคัญหลายหลัง อย่าง พระราชวังหลวง, โบสถ์จัค เซอร์ คอร์เดนเบิร์ก, อาคารหลักของพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์หลวงแห่งเบลเยียม ฯลฯ และบริเวณใจกลางจัตุรัสยังมีอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้าของกอดฟรีย์แห่งบูยง ประติมากรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่งของเมืองบรัสเซลส์ ตลอดจนบริเวณใกล้เคียงยังมีสวนสาธารณะที่ให้นักท่องเที่ยวได้มานั่งพักผ่อน เวลามาเยี่ยมชมจัตุรัสได้อีก
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดตลอดเวลา
พิกัด GPS : 50°50'32.8"N 4°21'33.3"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ จัตุรัสเพลส โรเยลเล่ ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=772
พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์หลวงแห่งเบลเยียม (Royal Museum of Fine Arts of Belgium)
พิพิธภัณฑ์ประจำชาติที่เป็นศูนย์รวมองค์ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมขนาดใหญ่ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวทางศิลปะซึ่งแบ่งออกเป็น 4 หมวดหลักอย่าง เพลง, สถาปัตยกรรม, ประติมากรรม, จิตรกรรม รวมกว่า 20,000 ชิ้น มีการแบ่งส่วนจัดแสดงออกไปตามความเหมาะสมของชิ้นงาน ผ่านพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อย 6 แห่งที่เชื่อมถึงกันด้วยอาคารกลางของพิพิธภัณฑ์ และมีส่วนจัดแสดงน่าสนใจมากมาย ทั้งผลงานของศิลปินเฟลมิชยุคเก่า หรือจะเป็นคอลเลกชั่นผลงานของเรอเน มากริต อาร์ตติสร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นต้น
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (19-64 ปี) ราคา 10 – 15 ยูโร ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ต้องการเข้าชม / ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) ราคา 8 – 10 ยูโร ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ต้องการเข้าชม / นักเรียน-นักศึกษา ราคา 3 – 5 ยูโร ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ต้องการเข้าชม
เวลาเปิด-ปิด : พิพิธภัณฑ์แต่ละแห่งเปิดเวลา 10:00 – 17:00 น โดยประมาณ
พิกัด GPS : 50°50'31.1"N 4°21'28.5"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์หลวงแห่งเบลเยียม ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=778
โบสถ์นอทเทอร์ดัมซาบอน (Notre Dame du Sablon)
โบสถ์โรมันคาทอลิกที่โดดเด่นที่สุดหลังหนึ่งของเมืองบรัสเซลส์ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 เป็นโบสถ์สถาปัตยกรรมโกธิคที่มีความประณีตทางด้านการออกแบบ และแฝงไปด้วยรายละเอียดทางศาสนาคริสต์ผ่านงานศิลป์ที่ปรากฏอยู่ทั่วโบสถ์ ทั้งปราการยอดแหลม, ภาพจิตรกรรมลงสี, หน้าต่างกรุด้วยกระจกสี, งานประติมากรรม ฯลฯ เรียกว่าเป็นมรดกทางศาสนาคริสต์ที่เปิดเผยแง่มุมทางประวัติศาสตร์ศาสนาของเมืองบรัสเซลส์ได้อย่างครบถ้วนทั้งสาระความรู้ และความอิ่มเอมจากความงดงามของตัวโบสถ์
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ - วันศุกร์ เปิดให้เข้าชมเวลา 10:00 – 18:00 น. (วันเสาร์ - วันอาทิตย์ เปิดเวลา 09:00 น.)
พิกัด GPS : 50°50'24.5"N 4°21'21.3"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โบสถ์นอทเทอร์ดัมซาบอน ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=776
เดอะ ไจแอนท์ วีล (The Giant Wheel)
แลนด์มาร์กแห่งใหม่ในเมืองบรัสเซลส์ ที่รู้จักกันในนาม “The View” ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นโดยได้แรงบันดาลใจมาจากชิงช้าสวรรค์ “The Budapest Eye” กระเช้าชิงช้าสวรรค์ขนาดมหึมา ความสูง 55 เมตรจากพื้นดินแห่งนี้ คือที่ที่จะเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวมุมสูงและดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบๆ เมืองบรัสเซลส์ The View โดยด้านในแต่ละเคบินก็จะมี Audio presentation เกี่ยวกับเมืองบรัสเซลส์บรรยายให้นักท่องเที่ยวได้รับฟังในขณะที่วงล้อของกระเช้าหมุนนำชมทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองแห่งนี้ด้วย นอกจากวิวที่สวยงามรอบๆ แล้วในยามค่ำคืนที่ตัวของ The View เองก็จะมีการเปิดไฟประดับที่สวยงาม เรียกว่าเป็นจุดเช็กอินอีกแห่งหนึ่งที่คนมาเที่ยวบรัสเซลส์จะต้องไม่พลาด
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ ราคา 9 ยูโร / เด็ก ราคา 5 ยูโร
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 11:00 – 23:00 น.
พิกัด GPS : 50°50'16.8"N 4°21'07.3"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เดอะ ไจแอนท์ วีล ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=1047
Day 8 : (Brussels)
Mont des Arts - St. Michael and St. Gudula Cathedral – Galleries Royales Saint Hubert - St. Nicholas Church (พักค้างคืนที่ Brussels)
วันที่ 8 เที่ยวในเมืองบรัสเซลส์ และเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ประเทศไทยในวันรุ่งขึ้น
เมาท์ เดส อาร์ต (Mont des Arts)
เนินเขาแห่งศิลปะที่เป็นศูนย์รวมทางวัฒนธรรมร่วมสมัยของเมืองบรัสเซลส์ ซึ่งมีทั้งพิพิธภัณฑ์ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ศูนย์การประชุมบรัสเซลส์ โรงภาพยนตร์เก่าแก่ของเมือง สวนสาธารณะ โดยมีความโดดเด่นด้วยการออกแบบพื้นที่ให้มีความร่วมสมัย และด้วยพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ซึ่งเป็นที่ราบสูง ทำให้เป็นจุดชมวิวที่สามารถเห็นทัศนียภาพรอบเมืองบรัสเซลส์ได้อย่างชัดเจน ท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่นของสวนสาธารณะประจำเนินเขา ที่มีความเขียวขจี เหมาะต่อการมาเดินค้นหาแง่มุมน่าสนใจของเมืองบรัสเซลส์ที่สุด
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมตลอดเวลา
พิกัด GPS : 50°50'39.8"N 4°21'21.4"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เมาท์ เดส อาร์ต ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=782
มหาวิหารเซนต์ไมเคิลและเซนต์กูดูลา (St. Michael and St. Gudula Cathedral)
ศาสนสถานหลักที่ถูกใช้ประกอบพิธีสำคัญของเหล่าเชื้อพระวงศ์ และบุคคลสำคัญของประเทศมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 ถูกสร้างขึ้นมาในสถาปัตยกรรมกอธิคที่มีความโดดเด่นด้วยหอคอยสมมาตร มีการติดตั้งหน้าต่างกระจกสีบานใหญ่ ทั้งภายในมหาวิหารยังมีประติมากรรม, ภาพเขียน, อนุสรณ์สถานบุคคลสำคัญของประเทศ ฯลฯ นับเป็นมหาวิหารหลักที่มีเรื่องราวน่าสนใจรอให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมมากมาย
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ - วันศุกร์ เปิดเวลา 07:00 – 18:00 น. / วันเสาร์ - วันอาทิตย์ เปิดเวลา 08:00 – 18:00 น.
พิกัด GPS : 50°50'52.3"N 4°21'36.5"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ มหาวิหารเซนต์ไมเคิลและเซนต์กูดูลา ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=779
ศูนย์การค้าแกลเลอรี รอยัล แซ็ง อูแบร์ (Galeries Royales Saint Hubert)
ศูนย์การค้าที่ถูกใช้เป็นพื้นที่สังสรรค์ ช้อปปิ้ง ให้ความบันเทิงแก่เหล่าบุคคลชั้นสูงของเมืองบรัสเซลส์ในสมัยศตวรรษที่ 19 แห่งนี้ คือโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ และประสบความสำเร็จที่สุดครั้งหนึ่งของเมือง โดยได้รับการออกแบบอย่างงดงามในสถาปัตยกรรมยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา มีร้านค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ ฯลฯ ที่ตั้งอยู่กับศูนย์การค้ามาตั้งแต่แรกเริ่ม และแทรกไปด้วยร้านค้าแบรนด์ดังประปราย โดยปัจจุบันศูนย์การค้าแห่งนี้ไม่เพียงเป็นแหล่งรวมความบันเทิงยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมซึ่งสามารถมาสัมผัสวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวบรัสเซลส์ที่สะท้อนอยู่ในทุกอณูของศูนย์การค้า
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดตลอดเวลา แต่ร้านต่างๆ ภายในศูนย์การค้าจะมีเวลาเปิด - ปิด ที่แตกต่างกันไป
พิกัด GPS : 50°50'53.1"N 4°21'19.0"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับศูนย์การค้าแกลเลอรี รอยัล แซ็ง อูแบร์ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=785
โบสถ์เซนต์นิโคลัส (St. Nicholas Church)
สิ่งก่อสร้างจากคริสตจักรหลังแรกๆ ที่ปรากฏขึ้นมาในหน้าประวัติศาสตร์ของเมืองบรัสเซลส์ โครงสร้างของโบสถ์จะมีความผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมโรมันกับกอธิคอย่างเป็นเอกลักษณ์ และอยู่คู่กับชุมชนมายาวนานกว่า 900 ปี ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จัดแสดงอยู่ภายในโบสถ์มากมาย นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองบรัสเซลส์ที่ยังคงได้รับความนับถือ และใส่ใจดูแลอยู่จนถึงทุกวันนี้
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ - วันศุกร์ เปิดเวลา 10:00 – 17:30 น. / วันเสาร์ - วันอาทิตย์ เปิดเวลา 09:00 – 18:00 น.
พิกัด GPS : 50°50'52.3"N 4°21'05.3"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โบสถ์เซนต์นิโคลัส ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=774
Day 9 : (Brussels- BKK)
*** เดินทางกลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ ***
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
ล่องบอลลูนชม 2 ดินแดนมรดกโลก…พุกาม & คัปปาโดเชีย
หากเอ่ยถึง “พุกาม” (Bagan) เชื่อว่าคงจะนึกถึงสิ่งอื่นใดไปไม่ได้ นอกจากทะเลเจดีย์นับพันที่สร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณพื้นที่ของเขตเขตมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ และหากเอ่ยถึง “คัปปาโดเชีย” (Cappadocia) ประเทศตุรกีหรือตุรเคีย แน่นอนว่าก็คงจะต้องมีภาพของบอลลูนหลากสีลอยล่องอยู่เหนือภูมิประเทศแปลกตา ที่เต็มไปด้วยกลุ่มภูเขาหินรูปกรวยโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน... ในครั้งนี้ Palanla จะพาออกเดินทางไปสัมผัสกับความน่าอัศจรรย์ของ 2 ดินแดนมรดกโลก “พุกาม” และ “คัปปาโดเชีย” ด้วยมุมมองจากบนท้องฟ้าผ่านการล่องบอลลูนลมร้อน พร้อมแล้วไปด้วยกัน!
อ่านต่อเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) & ฮาจิโกะ (Hachiko)
สุนัข ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่แสนดีและซื่อสัตย์ของมนุษย์มายาวนานอยู่ทุกหนแห่งของโลกใบนี้ หลายๆ เรื่องราวถูกถ่ายทอดความประทับใจออกมาผ่านภาพยนตร์ หนังสือ ตลอดจนสร้างเป็นรูปปั้นอนุสรณ์สถานเพื่อเชิดชูและระลึกถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่เจ้าตูบและมนุษย์มีต่อกัน เช่นเดียวกับรูปปั้นของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ 2 แห่งที่ Palanla จะพาไปชมในวันนี้ ที่แรกคือ รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) เมืองเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์ และอีกที่คือ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ (Hachiko) ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
อ่านต่อ8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
อิสตันบูล (Istanbul) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นนคร 2 ทวีป ซึ่งมีช่องแคบบอสฟอรัสเป็นเส้นแบ่งระหว่างยุโรปและเอเชียแห่งนี้ คือเมืองที่รุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์ความเป็นมานับพันๆ ปี จึงไม่น่าแปลกใจหากอิสตันบลูจะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่และงดงามทรงคุณค่ามากมายที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นยุโรปและเอเชียจากอดีตจนถึงปัจจุบัน Palanla จะพาไปชม 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอิสตันบูลที่หากมีโอกาสไปเยือนประเทศตุรกีไม่ควรพลาด
อ่านต่อล่องเรือชมวิวช่องแคบบอสฟอรัส เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
ช่องแคบบอสฟอรัส เป็นช่องแคบเล็กๆ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของตุรกี เคยเป็นทั้งเส้นทางการค้าที่สำคัญ และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมาจนถึงปัจจุบัน การล่องเรือชมวิวช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) จึงเป็นวิธีที่ดีที่จะได้สัมผัสบรรยากาศ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมที่หลากหลายของอิสตันบูล
อ่านต่ออุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน (Yerebatan Sarnici) คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของตุรกี ดินแดนที่เต็มไปด้วยประวัติความเป็นมามากกว่าพันปี อุโมงค์เก่าแก่ขนาดใหญ่แห่งนี้คือสถานที่เก็บน้ำในสมัยโบราณที่ยังคงความยิ่งใหญ่และงดงาม กับเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างเสากรีกที่ค้ำเรียงรายมากถึง 336 ต้น และเสาเมดูซ่าพร้อมตำนานที่เล่าขานกันมาหลายชั่วอายุคน รวมถึงซากโบราณของพระราชวังใต้ดินแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิลสมัยไบเซนไทน์อีกด้วย
อ่านต่อตลาดเครื่องเทศ เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
ตลาดเครื่องเทศ (Historical Spice Bazaar / Egyptıan Spıce Bazaar) ในอิสตันบูล เป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก ตลาดแห่งนี้มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ในสมัยจักรวรรดิออตโตมัน เดิมทีเป็นจุดแลกเปลี่ยนเครื่องเทศ ผ้าไหม และสินค้าอื่นๆ จากเอเชียมาสู่ยุโรป
อ่านต่อ10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
บูดาเปสต์ (Budapest) เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี ตัวเมืองถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งด้วยแม่น้ำดานูบที่ไหลผ่านกลางเมือง ทำให้ในเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกจากสถาปัตยกรรมอันสวยงามเปี่ยมเสน่ห์ที่รอคอยให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือน Palanla ได้รวบรวมเอา 10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองบูดาเปสต์มาให้แล้วในบทความนี้
อ่านต่อ12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองปราก สาธารณรัฐเช็ก
ปราก (Prague) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลนี้ ตั้งอยู่ใจกลางของทวีปยุโรป ในอดีต เมืองปรากเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองอันยิ่งใหญ่ของทวีปยุโรป ซึ่งอารยธรรมแห่งความยิ่งใหญ่ และเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนั้น ก็ยังคงสะท้อนอยู่ในวิถีชีวิตของชาวเมือง วัฒนธรรมประเพณี สถาปัตยกรรม ฯลฯ ราวกับมรดกที่สืบทอด และรักษากันมาอย่างดี จนถูกยกให้เป็นเมืองที่มีความน่าหลงใหล ควรค่าแก่การไปสัมผัสความเป็นยุโรปมากที่สุด โดยเมืองปรากยังได้รับการประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก จากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วย ปัจจุบันเมืองนี้นับเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญ ของบรรดานักท่องเที่ยวที่มาเยือนทวีปยุโรป ไปชม 12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองปรากพร้อมๆ กันกับ Palanla!
อ่านต่อถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
ถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ (Fashion Street Budapest) เป็นถนนช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงในใจกลางเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ถนนสายนี้เป็นที่รู้จักในด้านร้านค้าแฟชั่นชั้นนำจากแบรนด์ระดับโลก อาทิ Gucci, Louis Vuitton, Dior, Armani, Prada และ Chanel ถนนสายนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่มากมาย จึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวเมืองบุดาเปสต์เองด้วย
อ่านต่อล่องเรือดินเนอร์ในบูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
ล่องเรือดินเนอร์ในบูดาเปสต์ (Dinner Cruise Budapest) เป็นวิธียอดเยี่ยมในการชมความสวยงามของเมืองบูดาเปสต์ โดยขณะที่เรือล่องไปตามแม่น้ำดานูบ (Danube River) นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงามของสะพาน พระราชวัง และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รวมทั้งอิ่มอร่อยกับอาหารรสเลิศและเครื่องดื่มแสนอร่อย
อ่านต่อ