- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
- อ่าน (3,882)
- By Webmaster
- 16:16:37 | 24 พ.ย. 2563
หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
Baptistery of St. John, Florence, Italy
ประติมากรรมโรมาเนสก์ฟลอเรนทีน หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น เมืองฟลอเรนซ์
หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น (Baptistery of St. John) อาคารทรงแปดเหลี่ยมคาดลายหินอ่อนสีเขียว ขาว และชมพูกุหลาบ ศิลปะโรมาเนสก์ฟลอเรนทีน หนึ่งในโบราณสถานที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองฟลอเรนซ์ มีชื่อเสียงจากประตูสำริด 3 ประตู โดยเฉพาะประตูด้านทิศตะวันออกที่สวยงามจนได้รับยกย่องจากประติมากรเอกของโลกอย่างมิเคลันเจโลให้เป็นประตูสวรรค์ หรือ Gates of Paradise นอกจากนี้ภายในโดมยังมีภาพโมเสกขนาดใหญ่รูปพระเยซูประทานพรที่สวยงามระดับโลกอีกด้วย
แผนที่ตั้ง หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
ประวัติ
หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น (Baptistery of St. John / Florence Baptistery / Battistero di San Giovanni) ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสเปียซซา ดิ ซาน โจวานนี่ (Piazza di San Giovanni) ใกล้กับมหาวิหารฟลอเรนซ์ (Santa Maria del Fiore) สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6 แล้วได้รับการบูรณะระหว่างปี ค.ศ. 1059 -1128 โดยกลุ่มพ่อค้าผู้ร่ำรวย หอศีลมีลักษณะเพดานโค้งแบบโรมันคล้ายถังไม้และคาดลายหินอ่อนสีขาว เขียว และชมพูแบบฟลอเรนทีน ใช้เป็นที่ประกอบพิธีศีลจุ่มและตั้งชื่อในศาสนาคริสต์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นักบุญจอห์น หรือโจวานนี่ บั๊ตติสต้า (Giovanni Battista) นักบุญแห่งเมืองฟลอเรนซ์
สิ่งที่มีชื่อเสียงของหอศีลจุ่มคือ ประติมากรรมบนบานประตูสำริดทั้ง 3 ด้าน คือ ประตูทิศใต้ที่เก่าแก่ที่สุด สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1336 เป็นภาพชีวประวัตินักบุญเซนต์จอห์นอยู่ในกรอบ 28 ช่อง ศิลปะโกธิก ผลงานของอันเดรีย ปิซาโน (Andrea Pisano) ประตูทิศเหนือ เป็นเรื่องราวพันธะสัญญาใหม่ ในพระคัมภีร์ (The New Testament) สร้างในราวปี ค.ศ. 1403-1424 โดยการแกะสลักแผ่นทองบรอนซ์แล้วมาประกอบกัน ผลงานของลอเรนโซ กิเบอร์ติ (Lorenzo Ghiberti) ซึ่งเขาต้องใช้เวลาถึง 20 ปีจึงแล้วเสร็จ ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของศิลปะเรอนาสซองส์ และประตูทิศตะวันออก นับเป็นประตูที่สำคัญที่สุด ที่หันเข้าสู่มหาวิหารฟลอเรนซ์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับพันธะสัญญาเดิมในพระคัมภีร์ (The Old Testament) ผลงานของลอเรนโซ กิเบอร์ติเช่นกัน เขาต้องใช้เวลาแกะสลักถึง 28 ปี จึงเป็นประตูสีทองบรอนซ์ที่งดงามจนได้รับยกย่องจากมิเคลันเจโลว่าเป็น Gates of Paradise หรือประตูสวรรค์ ซึ่งประตูของจริงนั้นถูกเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ดูโอโม (Opera del Duomo Museum) สามารถชมภาพทั้งหมดได้ที่ http://www.museumsinflorence.com/musei/Baptistery_of_florence.html
เหนือบานประตูทั้งสามบานมีรูปปั้นสำริดบุคคลสามกลุ่ม ประตูทิศใต้เป็นการตัดศีรษะเซนต์จอห์นแบ๊บติสท์ (Beheading of St. John) โดยพระเจ้าแฮรอด อันทิปาสผู้ไม่เชื่อในพระเจ้า ผลงานของวินเซนโซ ดันติ (Vincenzo Danti), ประตูทิศเหนือเป็นเรื่องราวของเซนต์จอห์นแบ๊บติสต์กำลังสั่งสอนชาวยิวและชาวอิสราเอล สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1504-1509 ผลงานของจิโอวานนี ฟรานเซสโก รัสทิซิ (Giovanni Francesco Rustici) และประตูทิศใต้เป็นการทำพิธีศีลจุ่มให้แก่พระเยซู ผลงานของอันเดรีย ซานโซวิโน (Andrea Sansovino) และเทวดา (an Angel) ผลงานของ Innocenzo Spinazzi ที่เพิ่มเข้าไปในปี ค.ศ. 1792
เพดานโดมภายในหอศีลจุ่มเป็นงานศิลปะโมเสกยุคไบเซนไทน์ (Byzantine Style Mosaics) สร้างในศตวรรษที่ 13 เป็นภาพ The Last Judgement, The Creation และ Life of St. John โดยมีพระเยซูอยู่ด้านล่าง ทางเดินทำด้วยหินอ่อนโมเสกลายเรขาคณิตและจักรราศี นอกจากนี้ยังมีหีบศพของพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 (Baladassare Cossa Antipope John XXIII) และรูปปั้นนักบุญเซนต์จอห์นอยู่ด้วย
หอศีลจุ่มเซนต์จอห์น (ขวาของภาพ) มหาวิหารฟลอเรนซ์ (ซ้ายของภาพ)
ประตูทิศตะวันออกและรูปปั้นเหนือบานประตู (ซ้าย) บานประตูทิศใต้ (ขวา)
การตกแต่งภายในหอศีลจุ่มและรูปปั้นนักบุญ St. John the Baptist
ภาพโมเสกขนาดใหญ่บนเพดาน พระเยซูประทานพรและคำพิพากษาสุดท้าย
การเดินทางจากสนามบินฟลอเรนซ์ เมืองเปเรโตลา ไปยังตัวเมืองฟลอเรนซ์
- รถยนต์ (Car) จากสนามบินฟลอเรนซ์ เมืองเปเรโตลา ไปยังบริเวณสถานีรถไฟกลาง Firenze S.M.N. ระยะทางประมาณ 8.2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร
- รถชัตเติลบัส (Shuttle Bus) จอดบริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้าและขาออกไปส่งยังสถานีรถไฟกลาง Firenze S.M.N. ให้บริการตั้งแต่เวลา 5.30 น. จนถึงเวลา 00.30 น. รถออกทุก 30 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ค่าโดยสารราคา 6 ยูโร สามารถซื้อตั๋วได้ที่ขายตั๋วภายในสนามบิน และทุกที่ขายตั๋วผู้โดยสารบริษัท ATAF หรือที่คนขับโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (เงินสด)
- รถไฟ (Train) ขึ้นรถรางสาย T2 ที่สถานี Peretola Aeroporto ไปลงที่สถานีรถราง Unita ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟกลาง Firenze S.M.N. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 22 นาที
- รถแท็กซี่ (Taxi) สามารถขึ้นได้ที่จุดจอดรถแท็กซี่บริเวณอาคารผู้โดยสารขาออก ราคาประมาณ 22 ยูโร / วันอาทิตย์ราคา 24 ยูโร / วันหยุดพิเศษและตั้งแต่เวลา 22.00 น. – 06.00 น. ราคา 25 ยูโร และมีค่าภาษีสนามบิน 2.70 ยูโร หากมีสัมภาระจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มใบละ 1 ยูโร สูงสุด 7 ใบ ใช้เวลาเดินทางไปยังตัวเมืองฟลอเรนซ์ประมาณ 15 นาที โทร. (+39) 055-4242 / 055- 4390 / 055-4798
การเดินทางไปหอศีลจุ่ม Baptistery of St. John
เมืองฟลอเรนซ์เป็นเมืองขนาดเล็ก สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองอยู่ไม่ห่างกันมากนัก นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้าไปยังสถานที่ต่างๆ ได้สะดวกกว่าการใช้รถ เพราะภายในเขตเมืองเก่าอนุญาตให้คนในพื้นที่เข้าจอดเท่านั้น รถอื่นให้จอดบริเวณจุดจอดรอบนอกและอาจมีค่าผ่านทาง
- การเดิน (Footpath) จากสถานีรถไฟกลาง Firenze S.M.N. ไปยังหอศีลจุ่ม The Baptistery of St. John ระยะทางประมาณ 800 เมตร ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
- รถโดยสารประจำทาง (Bus) จากสถานีรถไฟกลาง Firenze S.M.N. นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปขึ้นรถโดยสารประจำทางสาย C2 ที่ป้าย Stazione Orti Oricellari ไปลงที่ป้าย Duomo ที่อยู่ติดกับหอศีลจุ่ม Baptistery of St. John ได้เลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที (ต้องซื้อตั๋วก่อนขึ้นรถโดยซื้อได้ที่ร้านขายบุหรี่ (Tabacchi), ร้านกาแฟที่ติดป้าย ATAF, บริษัททัวร์ หรือจากคนขับ ราคา 1.20 ยูโร หลังจากประทับตรา (validate) บนรถแล้วสามารถขึ้นกี่เที่ยวก็ได้ ใช้ได้ 90 นาที)
- รถยนต์ (Car) จากบริเวณสถานีรถไฟกลาง Firenze S.M.N. ไปยังหอศีลจุ่ม The Baptistery of St. John ระยะทางประมาณ 800 เมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 นาที (มีค่าผ่านทาง)
เวลาทำการเปิด – ปิด
วันจันทร์ - ศุกร์ เปิดเวลา 8.15 - 10.15 น. และเปิดอีกครั้งในเวลา 11.15 – 18.30 น.
วันเสาร์ เปิดเวลา 8.15 – 18.30 น.
วันอาทิตย์ เปิดเวลา 8.15 - 13.30 น.
อัตราค่าเข้าชม
มีค่าเข้าชม 3 ยูโร หรือหากซื้อบัตรเข้าชมมหาวิหารฟลอเรนซ์ ราคา 18 ยูโร จะรวมหอศีลจุ่ม Baptistery of St. John อยู่ด้วย
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปหอศีลจุ่ม The Baptistery of St. John
ชมประตูแกะสลักสำริดขนาดใหญ่ทั้ง 3 ด้าน คือประตูทิศใต้ที่เก่าแก่ที่สุด ประตูทิศเหนือจุดเริ่มต้นของศิลปะเรอนาสซองส์ และประตูทิศตะวันออกที่สวยงามที่สุดจนได้รับยกย่องให้เป็น Gates of Paradise และชมภาพโมเสกขนาดใหญ่ภายใน
ประตูทิศตะวันออก Gates of Paradise
ข้อมูลที่ควรรู้
นักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตรเข้าชมราคา 18 ยูโร สำหรับเข้าชมส่วนต่างๆ ของมหาวิหารฟลอเรนซ์ได้ 5 ที่ซึ่งจะรวมหอศีลจุ่ม The Baptistery of St. John ด้วย
การซื้อตั๋วล่วงหน้าสามารถทำได้ก่อนเป็นสัปดาห์ตามพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ในเมืองฟลอเรนซ์ที่เป็นของรัฐ โดยเสียค่าธรรมเนียมประมาณ 3 ยูโร หรือโทรติดต่อที่ฟิเรนเซ่มูเซย์ (Firenze Musei) โทร. (+39) 055-294-883 หรือซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ www.weekendafirenze.com เสียค่าธรรมเนียมใบละ 6.80 ยูโร จองได้ครั้งละไม่เกิน 3 ใบ ล่วงหน้าได้ 3 วัน แล้วนำสำเนาอีเมลไปยื่นเจ้าหน้าที่
ภายในเมืองฟลอเรนซ์มีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่จะต้องเสียค่าเข้าชม จึงได้มีการออกบัตร Firenze Card ที่สามารถเข้าชมได้หลายพิพิธภัณฑ์ในราคาที่ถูกกว่าปกติ คือ บัตรราคา 85 ยูโร สามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ในเมืองฟลอเรนซ์ได้ 72 ชั่วโมง ได้แก่ Galleria Palatina, Appartamenti Monomentali, Pallazzo Piti, Museo Nazionale del Bargello, Museo delle Cappelle Medicee รวมถึงหอศิลป์ Uffizi Gallery และพิพิธภัณฑ์ Galleria dell' Accademia ที่มีผู้สนใจเข้าชมเป็นจำนวนมาก ต้องเข้าคิวเป็นเวลานานด้วย เหมาะสำหรับผู้ต้องการเที่ยวภายในเมืองฟลอเรนซ์ 3 วันขึ้นไป สนใจประวัติศาสตร์ศิลปะและไม่ต้องการต่อคิว สามารถซื้อได้ที่จุดขายในเมืองฟลอเรนซ์หรือทางออนไลน์ที่ http://www.firenzecard.it/ แล้วโหลดแอพพลิเคชั่น Firenzecard เพื่อเป็นบัตรผ่านดิจิตอลหรือปริ้นท์ออกมาเพื่อไปรับบัตรจริงได้ที่พิพิธภัณฑ์แรกที่เข้าชม แล้วลงทะเบียนยืนยันวันเดือนปีที่เริ่มใช้บัตรก่อนโดยแต่ละพิพิธภัณฑ์อาจมีจุดออกใบเสร็จอยู่ที่ประตูทางเข้า, ร้านหนังสือ หรือเคาน์เตอร์ขายตั๋วปกติ
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
เดือนที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวคือเดือนพฤษภาคม, มิถุนายน, กันยายนและตุลาคม เพราะเป็นช่วงที่อากาศกำลังสบายไม่หนาวหรือร้อนเกินไป นักท่องเที่ยวมีจำนวนไม่มาก ส่วนเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมจะมีอากาศร้อนและมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเพราะเป็นช่วงหยุดซัมเมอร์ของทางยุโรป ที่พักราคาสูงกว่าปกติ ที่นั่งในรถไฟอาจเต็ม จึงควรจองตั๋วหรือซื้อบัตรล่วงหน้าทางเว็บไซต์มาก่อน
ข้อแนะนำในการเข้าชม
ในการเข้าชมศาสนสถานในเมืองฟลอเรนซ์นักท่องเที่ยวควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ไม่สวมรองเท้าแตะ ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อกล้าม เสื้อสายเดี่ยวหรือเปลือยไหล่ เพื่อเป็นการเคารพสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
(The Baptistery of St. John, Florence, Italy)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : 3 ยูโร หรืออาจใช้บัตรราคา 18 ยูโรที่สามารถเข้าชมภายในมหาวิหารฟลอเรนซ์ได้ 5 ที่ซึ่งรวมหอศีลจุ่มด้วย
เวลาเปิด - ปิด : วันจันทร์ - ศุกร์ เปิดเวลา 8.15 -10.15 น. และเปิดอีกครั้งในเวลา 11.15 – 18.30 น.
วันเสาร์ เปิดเวลา 8.15 – 18.30 น. วันอาทิตย์ เปิดเวลา 8.15 - 13.30 น.
ตั้งอยู่ที่ : จัตุรัส Piazza San Giovanni หรือ จัตุรัส Piazza del Duomo, เมืองฟลอเรนซ์, ประเทศอิตาลี
โทรศัพท์ : (+39) 055-230-2885
เว็บไซต์ : https://operaduomo.firenze.it/
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
การท่องเที่ยวเมืองฟลอเรนซ์ https://www.florence-carhire.net/th/ , https://www.florence.net
พิพิธภัณฑ์ในเมืองฟลอเรนซ์ http://www.museumsinflorence.com
การท่องเที่ยวในแคว้นทัศคานี https://www.visittuscany.com/en/
การท่องเที่ยวในประเทศอิตาลี http://www.italia.it/en/home.html
ระบบขนส่งสาธารณะในประเทศอิตาลี http://www.italia.it/en/useful-info/how-to-arrive.html
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อรวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ