- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
- อ่าน (3,829)
- By Webmaster
- 16:16:37 | 24 พ.ย. 2563
หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
Baptistery of St. John, Florence, Italy
ประติมากรรมโรมาเนสก์ฟลอเรนทีน หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น เมืองฟลอเรนซ์
หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น (Baptistery of St. John) อาคารทรงแปดเหลี่ยมคาดลายหินอ่อนสีเขียว ขาว และชมพูกุหลาบ ศิลปะโรมาเนสก์ฟลอเรนทีน หนึ่งในโบราณสถานที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองฟลอเรนซ์ มีชื่อเสียงจากประตูสำริด 3 ประตู โดยเฉพาะประตูด้านทิศตะวันออกที่สวยงามจนได้รับยกย่องจากประติมากรเอกของโลกอย่างมิเคลันเจโลให้เป็นประตูสวรรค์ หรือ Gates of Paradise นอกจากนี้ภายในโดมยังมีภาพโมเสกขนาดใหญ่รูปพระเยซูประทานพรที่สวยงามระดับโลกอีกด้วย
แผนที่ตั้ง หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
ประวัติ
หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น (Baptistery of St. John / Florence Baptistery / Battistero di San Giovanni) ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสเปียซซา ดิ ซาน โจวานนี่ (Piazza di San Giovanni) ใกล้กับมหาวิหารฟลอเรนซ์ (Santa Maria del Fiore) สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6 แล้วได้รับการบูรณะระหว่างปี ค.ศ. 1059 -1128 โดยกลุ่มพ่อค้าผู้ร่ำรวย หอศีลมีลักษณะเพดานโค้งแบบโรมันคล้ายถังไม้และคาดลายหินอ่อนสีขาว เขียว และชมพูแบบฟลอเรนทีน ใช้เป็นที่ประกอบพิธีศีลจุ่มและตั้งชื่อในศาสนาคริสต์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นักบุญจอห์น หรือโจวานนี่ บั๊ตติสต้า (Giovanni Battista) นักบุญแห่งเมืองฟลอเรนซ์
สิ่งที่มีชื่อเสียงของหอศีลจุ่มคือ ประติมากรรมบนบานประตูสำริดทั้ง 3 ด้าน คือ ประตูทิศใต้ที่เก่าแก่ที่สุด สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1336 เป็นภาพชีวประวัตินักบุญเซนต์จอห์นอยู่ในกรอบ 28 ช่อง ศิลปะโกธิก ผลงานของอันเดรีย ปิซาโน (Andrea Pisano) ประตูทิศเหนือ เป็นเรื่องราวพันธะสัญญาใหม่ ในพระคัมภีร์ (The New Testament) สร้างในราวปี ค.ศ. 1403-1424 โดยการแกะสลักแผ่นทองบรอนซ์แล้วมาประกอบกัน ผลงานของลอเรนโซ กิเบอร์ติ (Lorenzo Ghiberti) ซึ่งเขาต้องใช้เวลาถึง 20 ปีจึงแล้วเสร็จ ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของศิลปะเรอนาสซองส์ และประตูทิศตะวันออก นับเป็นประตูที่สำคัญที่สุด ที่หันเข้าสู่มหาวิหารฟลอเรนซ์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับพันธะสัญญาเดิมในพระคัมภีร์ (The Old Testament) ผลงานของลอเรนโซ กิเบอร์ติเช่นกัน เขาต้องใช้เวลาแกะสลักถึง 28 ปี จึงเป็นประตูสีทองบรอนซ์ที่งดงามจนได้รับยกย่องจากมิเคลันเจโลว่าเป็น Gates of Paradise หรือประตูสวรรค์ ซึ่งประตูของจริงนั้นถูกเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ดูโอโม (Opera del Duomo Museum) สามารถชมภาพทั้งหมดได้ที่ http://www.museumsinflorence.com/musei/Baptistery_of_florence.html
เหนือบานประตูทั้งสามบานมีรูปปั้นสำริดบุคคลสามกลุ่ม ประตูทิศใต้เป็นการตัดศีรษะเซนต์จอห์นแบ๊บติสท์ (Beheading of St. John) โดยพระเจ้าแฮรอด อันทิปาสผู้ไม่เชื่อในพระเจ้า ผลงานของวินเซนโซ ดันติ (Vincenzo Danti), ประตูทิศเหนือเป็นเรื่องราวของเซนต์จอห์นแบ๊บติสต์กำลังสั่งสอนชาวยิวและชาวอิสราเอล สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1504-1509 ผลงานของจิโอวานนี ฟรานเซสโก รัสทิซิ (Giovanni Francesco Rustici) และประตูทิศใต้เป็นการทำพิธีศีลจุ่มให้แก่พระเยซู ผลงานของอันเดรีย ซานโซวิโน (Andrea Sansovino) และเทวดา (an Angel) ผลงานของ Innocenzo Spinazzi ที่เพิ่มเข้าไปในปี ค.ศ. 1792
เพดานโดมภายในหอศีลจุ่มเป็นงานศิลปะโมเสกยุคไบเซนไทน์ (Byzantine Style Mosaics) สร้างในศตวรรษที่ 13 เป็นภาพ The Last Judgement, The Creation และ Life of St. John โดยมีพระเยซูอยู่ด้านล่าง ทางเดินทำด้วยหินอ่อนโมเสกลายเรขาคณิตและจักรราศี นอกจากนี้ยังมีหีบศพของพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 (Baladassare Cossa Antipope John XXIII) และรูปปั้นนักบุญเซนต์จอห์นอยู่ด้วย
หอศีลจุ่มเซนต์จอห์น (ขวาของภาพ) มหาวิหารฟลอเรนซ์ (ซ้ายของภาพ)
ประตูทิศตะวันออกและรูปปั้นเหนือบานประตู (ซ้าย) บานประตูทิศใต้ (ขวา)
การตกแต่งภายในหอศีลจุ่มและรูปปั้นนักบุญ St. John the Baptist
ภาพโมเสกขนาดใหญ่บนเพดาน พระเยซูประทานพรและคำพิพากษาสุดท้าย
การเดินทางจากสนามบินฟลอเรนซ์ เมืองเปเรโตลา ไปยังตัวเมืองฟลอเรนซ์
- รถยนต์ (Car) จากสนามบินฟลอเรนซ์ เมืองเปเรโตลา ไปยังบริเวณสถานีรถไฟกลาง Firenze S.M.N. ระยะทางประมาณ 8.2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร
- รถชัตเติลบัส (Shuttle Bus) จอดบริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้าและขาออกไปส่งยังสถานีรถไฟกลาง Firenze S.M.N. ให้บริการตั้งแต่เวลา 5.30 น. จนถึงเวลา 00.30 น. รถออกทุก 30 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ค่าโดยสารราคา 6 ยูโร สามารถซื้อตั๋วได้ที่ขายตั๋วภายในสนามบิน และทุกที่ขายตั๋วผู้โดยสารบริษัท ATAF หรือที่คนขับโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (เงินสด)
- รถไฟ (Train) ขึ้นรถรางสาย T2 ที่สถานี Peretola Aeroporto ไปลงที่สถานีรถราง Unita ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟกลาง Firenze S.M.N. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 22 นาที
- รถแท็กซี่ (Taxi) สามารถขึ้นได้ที่จุดจอดรถแท็กซี่บริเวณอาคารผู้โดยสารขาออก ราคาประมาณ 22 ยูโร / วันอาทิตย์ราคา 24 ยูโร / วันหยุดพิเศษและตั้งแต่เวลา 22.00 น. – 06.00 น. ราคา 25 ยูโร และมีค่าภาษีสนามบิน 2.70 ยูโร หากมีสัมภาระจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มใบละ 1 ยูโร สูงสุด 7 ใบ ใช้เวลาเดินทางไปยังตัวเมืองฟลอเรนซ์ประมาณ 15 นาที โทร. (+39) 055-4242 / 055- 4390 / 055-4798
การเดินทางไปหอศีลจุ่ม Baptistery of St. John
เมืองฟลอเรนซ์เป็นเมืองขนาดเล็ก สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองอยู่ไม่ห่างกันมากนัก นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้าไปยังสถานที่ต่างๆ ได้สะดวกกว่าการใช้รถ เพราะภายในเขตเมืองเก่าอนุญาตให้คนในพื้นที่เข้าจอดเท่านั้น รถอื่นให้จอดบริเวณจุดจอดรอบนอกและอาจมีค่าผ่านทาง
- การเดิน (Footpath) จากสถานีรถไฟกลาง Firenze S.M.N. ไปยังหอศีลจุ่ม The Baptistery of St. John ระยะทางประมาณ 800 เมตร ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
- รถโดยสารประจำทาง (Bus) จากสถานีรถไฟกลาง Firenze S.M.N. นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปขึ้นรถโดยสารประจำทางสาย C2 ที่ป้าย Stazione Orti Oricellari ไปลงที่ป้าย Duomo ที่อยู่ติดกับหอศีลจุ่ม Baptistery of St. John ได้เลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที (ต้องซื้อตั๋วก่อนขึ้นรถโดยซื้อได้ที่ร้านขายบุหรี่ (Tabacchi), ร้านกาแฟที่ติดป้าย ATAF, บริษัททัวร์ หรือจากคนขับ ราคา 1.20 ยูโร หลังจากประทับตรา (validate) บนรถแล้วสามารถขึ้นกี่เที่ยวก็ได้ ใช้ได้ 90 นาที)
- รถยนต์ (Car) จากบริเวณสถานีรถไฟกลาง Firenze S.M.N. ไปยังหอศีลจุ่ม The Baptistery of St. John ระยะทางประมาณ 800 เมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 นาที (มีค่าผ่านทาง)
เวลาทำการเปิด – ปิด
วันจันทร์ - ศุกร์ เปิดเวลา 8.15 - 10.15 น. และเปิดอีกครั้งในเวลา 11.15 – 18.30 น.
วันเสาร์ เปิดเวลา 8.15 – 18.30 น.
วันอาทิตย์ เปิดเวลา 8.15 - 13.30 น.
อัตราค่าเข้าชม
มีค่าเข้าชม 3 ยูโร หรือหากซื้อบัตรเข้าชมมหาวิหารฟลอเรนซ์ ราคา 18 ยูโร จะรวมหอศีลจุ่ม Baptistery of St. John อยู่ด้วย
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปหอศีลจุ่ม The Baptistery of St. John
ชมประตูแกะสลักสำริดขนาดใหญ่ทั้ง 3 ด้าน คือประตูทิศใต้ที่เก่าแก่ที่สุด ประตูทิศเหนือจุดเริ่มต้นของศิลปะเรอนาสซองส์ และประตูทิศตะวันออกที่สวยงามที่สุดจนได้รับยกย่องให้เป็น Gates of Paradise และชมภาพโมเสกขนาดใหญ่ภายใน
ประตูทิศตะวันออก Gates of Paradise
ข้อมูลที่ควรรู้
นักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตรเข้าชมราคา 18 ยูโร สำหรับเข้าชมส่วนต่างๆ ของมหาวิหารฟลอเรนซ์ได้ 5 ที่ซึ่งจะรวมหอศีลจุ่ม The Baptistery of St. John ด้วย
การซื้อตั๋วล่วงหน้าสามารถทำได้ก่อนเป็นสัปดาห์ตามพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ในเมืองฟลอเรนซ์ที่เป็นของรัฐ โดยเสียค่าธรรมเนียมประมาณ 3 ยูโร หรือโทรติดต่อที่ฟิเรนเซ่มูเซย์ (Firenze Musei) โทร. (+39) 055-294-883 หรือซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ www.weekendafirenze.com เสียค่าธรรมเนียมใบละ 6.80 ยูโร จองได้ครั้งละไม่เกิน 3 ใบ ล่วงหน้าได้ 3 วัน แล้วนำสำเนาอีเมลไปยื่นเจ้าหน้าที่
ภายในเมืองฟลอเรนซ์มีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่จะต้องเสียค่าเข้าชม จึงได้มีการออกบัตร Firenze Card ที่สามารถเข้าชมได้หลายพิพิธภัณฑ์ในราคาที่ถูกกว่าปกติ คือ บัตรราคา 85 ยูโร สามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ในเมืองฟลอเรนซ์ได้ 72 ชั่วโมง ได้แก่ Galleria Palatina, Appartamenti Monomentali, Pallazzo Piti, Museo Nazionale del Bargello, Museo delle Cappelle Medicee รวมถึงหอศิลป์ Uffizi Gallery และพิพิธภัณฑ์ Galleria dell' Accademia ที่มีผู้สนใจเข้าชมเป็นจำนวนมาก ต้องเข้าคิวเป็นเวลานานด้วย เหมาะสำหรับผู้ต้องการเที่ยวภายในเมืองฟลอเรนซ์ 3 วันขึ้นไป สนใจประวัติศาสตร์ศิลปะและไม่ต้องการต่อคิว สามารถซื้อได้ที่จุดขายในเมืองฟลอเรนซ์หรือทางออนไลน์ที่ http://www.firenzecard.it/ แล้วโหลดแอพพลิเคชั่น Firenzecard เพื่อเป็นบัตรผ่านดิจิตอลหรือปริ้นท์ออกมาเพื่อไปรับบัตรจริงได้ที่พิพิธภัณฑ์แรกที่เข้าชม แล้วลงทะเบียนยืนยันวันเดือนปีที่เริ่มใช้บัตรก่อนโดยแต่ละพิพิธภัณฑ์อาจมีจุดออกใบเสร็จอยู่ที่ประตูทางเข้า, ร้านหนังสือ หรือเคาน์เตอร์ขายตั๋วปกติ
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
เดือนที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวคือเดือนพฤษภาคม, มิถุนายน, กันยายนและตุลาคม เพราะเป็นช่วงที่อากาศกำลังสบายไม่หนาวหรือร้อนเกินไป นักท่องเที่ยวมีจำนวนไม่มาก ส่วนเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมจะมีอากาศร้อนและมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเพราะเป็นช่วงหยุดซัมเมอร์ของทางยุโรป ที่พักราคาสูงกว่าปกติ ที่นั่งในรถไฟอาจเต็ม จึงควรจองตั๋วหรือซื้อบัตรล่วงหน้าทางเว็บไซต์มาก่อน
ข้อแนะนำในการเข้าชม
ในการเข้าชมศาสนสถานในเมืองฟลอเรนซ์นักท่องเที่ยวควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ไม่สวมรองเท้าแตะ ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อกล้าม เสื้อสายเดี่ยวหรือเปลือยไหล่ เพื่อเป็นการเคารพสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
(The Baptistery of St. John, Florence, Italy)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : 3 ยูโร หรืออาจใช้บัตรราคา 18 ยูโรที่สามารถเข้าชมภายในมหาวิหารฟลอเรนซ์ได้ 5 ที่ซึ่งรวมหอศีลจุ่มด้วย
เวลาเปิด - ปิด : วันจันทร์ - ศุกร์ เปิดเวลา 8.15 -10.15 น. และเปิดอีกครั้งในเวลา 11.15 – 18.30 น.
วันเสาร์ เปิดเวลา 8.15 – 18.30 น. วันอาทิตย์ เปิดเวลา 8.15 - 13.30 น.
ตั้งอยู่ที่ : จัตุรัส Piazza San Giovanni หรือ จัตุรัส Piazza del Duomo, เมืองฟลอเรนซ์, ประเทศอิตาลี
โทรศัพท์ : (+39) 055-230-2885
เว็บไซต์ : https://operaduomo.firenze.it/
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
การท่องเที่ยวเมืองฟลอเรนซ์ https://www.florence-carhire.net/th/ , https://www.florence.net
พิพิธภัณฑ์ในเมืองฟลอเรนซ์ http://www.museumsinflorence.com
การท่องเที่ยวในแคว้นทัศคานี https://www.visittuscany.com/en/
การท่องเที่ยวในประเทศอิตาลี http://www.italia.it/en/home.html
ระบบขนส่งสาธารณะในประเทศอิตาลี http://www.italia.it/en/useful-info/how-to-arrive.html
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
ล่องบอลลูนชม 2 ดินแดนมรดกโลก…พุกาม & คัปปาโดเชีย
หากเอ่ยถึง “พุกาม” (Bagan) เชื่อว่าคงจะนึกถึงสิ่งอื่นใดไปไม่ได้ นอกจากทะเลเจดีย์นับพันที่สร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณพื้นที่ของเขตเขตมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ และหากเอ่ยถึง “คัปปาโดเชีย” (Cappadocia) ประเทศตุรกีหรือตุรเคีย แน่นอนว่าก็คงจะต้องมีภาพของบอลลูนหลากสีลอยล่องอยู่เหนือภูมิประเทศแปลกตา ที่เต็มไปด้วยกลุ่มภูเขาหินรูปกรวยโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน... ในครั้งนี้ Palanla จะพาออกเดินทางไปสัมผัสกับความน่าอัศจรรย์ของ 2 ดินแดนมรดกโลก “พุกาม” และ “คัปปาโดเชีย” ด้วยมุมมองจากบนท้องฟ้าผ่านการล่องบอลลูนลมร้อน พร้อมแล้วไปด้วยกัน!
อ่านต่อเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) & ฮาจิโกะ (Hachiko)
สุนัข ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่แสนดีและซื่อสัตย์ของมนุษย์มายาวนานอยู่ทุกหนแห่งของโลกใบนี้ หลายๆ เรื่องราวถูกถ่ายทอดความประทับใจออกมาผ่านภาพยนตร์ หนังสือ ตลอดจนสร้างเป็นรูปปั้นอนุสรณ์สถานเพื่อเชิดชูและระลึกถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่เจ้าตูบและมนุษย์มีต่อกัน เช่นเดียวกับรูปปั้นของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ 2 แห่งที่ Palanla จะพาไปชมในวันนี้ ที่แรกคือ รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) เมืองเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์ และอีกที่คือ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ (Hachiko) ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
อ่านต่อ8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
อิสตันบูล (Istanbul) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นนคร 2 ทวีป ซึ่งมีช่องแคบบอสฟอรัสเป็นเส้นแบ่งระหว่างยุโรปและเอเชียแห่งนี้ คือเมืองที่รุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์ความเป็นมานับพันๆ ปี จึงไม่น่าแปลกใจหากอิสตันบลูจะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่และงดงามทรงคุณค่ามากมายที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นยุโรปและเอเชียจากอดีตจนถึงปัจจุบัน Palanla จะพาไปชม 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอิสตันบูลที่หากมีโอกาสไปเยือนประเทศตุรกีไม่ควรพลาด
อ่านต่อล่องเรือชมวิวช่องแคบบอสฟอรัส เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
ช่องแคบบอสฟอรัส เป็นช่องแคบเล็กๆ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของตุรกี เคยเป็นทั้งเส้นทางการค้าที่สำคัญ และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมาจนถึงปัจจุบัน การล่องเรือชมวิวช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) จึงเป็นวิธีที่ดีที่จะได้สัมผัสบรรยากาศ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมที่หลากหลายของอิสตันบูล
อ่านต่ออุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน (Yerebatan Sarnici) คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของตุรกี ดินแดนที่เต็มไปด้วยประวัติความเป็นมามากกว่าพันปี อุโมงค์เก่าแก่ขนาดใหญ่แห่งนี้คือสถานที่เก็บน้ำในสมัยโบราณที่ยังคงความยิ่งใหญ่และงดงาม กับเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างเสากรีกที่ค้ำเรียงรายมากถึง 336 ต้น และเสาเมดูซ่าพร้อมตำนานที่เล่าขานกันมาหลายชั่วอายุคน รวมถึงซากโบราณของพระราชวังใต้ดินแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิลสมัยไบเซนไทน์อีกด้วย
อ่านต่อตลาดเครื่องเทศ เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
ตลาดเครื่องเทศ (Historical Spice Bazaar / Egyptıan Spıce Bazaar) ในอิสตันบูล เป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก ตลาดแห่งนี้มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ในสมัยจักรวรรดิออตโตมัน เดิมทีเป็นจุดแลกเปลี่ยนเครื่องเทศ ผ้าไหม และสินค้าอื่นๆ จากเอเชียมาสู่ยุโรป
อ่านต่อ10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
บูดาเปสต์ (Budapest) เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี ตัวเมืองถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งด้วยแม่น้ำดานูบที่ไหลผ่านกลางเมือง ทำให้ในเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกจากสถาปัตยกรรมอันสวยงามเปี่ยมเสน่ห์ที่รอคอยให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือน Palanla ได้รวบรวมเอา 10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองบูดาเปสต์มาให้แล้วในบทความนี้
อ่านต่อ12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองปราก สาธารณรัฐเช็ก
ปราก (Prague) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลนี้ ตั้งอยู่ใจกลางของทวีปยุโรป ในอดีต เมืองปรากเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองอันยิ่งใหญ่ของทวีปยุโรป ซึ่งอารยธรรมแห่งความยิ่งใหญ่ และเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนั้น ก็ยังคงสะท้อนอยู่ในวิถีชีวิตของชาวเมือง วัฒนธรรมประเพณี สถาปัตยกรรม ฯลฯ ราวกับมรดกที่สืบทอด และรักษากันมาอย่างดี จนถูกยกให้เป็นเมืองที่มีความน่าหลงใหล ควรค่าแก่การไปสัมผัสความเป็นยุโรปมากที่สุด โดยเมืองปรากยังได้รับการประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก จากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วย ปัจจุบันเมืองนี้นับเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญ ของบรรดานักท่องเที่ยวที่มาเยือนทวีปยุโรป ไปชม 12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองปรากพร้อมๆ กันกับ Palanla!
อ่านต่อถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
ถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ (Fashion Street Budapest) เป็นถนนช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงในใจกลางเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ถนนสายนี้เป็นที่รู้จักในด้านร้านค้าแฟชั่นชั้นนำจากแบรนด์ระดับโลก อาทิ Gucci, Louis Vuitton, Dior, Armani, Prada และ Chanel ถนนสายนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่มากมาย จึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวเมืองบุดาเปสต์เองด้วย
อ่านต่อล่องเรือดินเนอร์ในบูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
ล่องเรือดินเนอร์ในบูดาเปสต์ (Dinner Cruise Budapest) เป็นวิธียอดเยี่ยมในการชมความสวยงามของเมืองบูดาเปสต์ โดยขณะที่เรือล่องไปตามแม่น้ำดานูบ (Danube River) นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงามของสะพาน พระราชวัง และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รวมทั้งอิ่มอร่อยกับอาหารรสเลิศและเครื่องดื่มแสนอร่อย
อ่านต่อ