We use cookies
We use cookies to improve your experience and performance on our website. You can manage your preferences by clicking "Change Preferences".
จัตุรัสเปียซซา ดิ ซานตา มาเรีย โนเวลลา เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
Piazza di Santa Maria Novella, Florence, Italy
Basilica di Santa Maria Novella และเสาโอเบลิสก์ บริเวณจัตุรัส Piazza di Santa Maria Novella
จัตุรัสเปียซซา ดิ ซานตา มาเรีย โนเวลลา (Piazza di Santa Maria Novella) จัตุรัสสำคัญใจกลางเมืองฟลอเรนซ์ เป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟกลาง Firenze Santa Maria Novella ศูนย์กลางการคมนาคมของเมือง ห่างจากมหาวิหารซานตา มาเรีย โนเวลลา (Basilica di Santa Maria Novella) ที่ได้ชื่อว่ามี Façade หน้ามหาวิหารที่สวยงามที่สุดในอิตาลีเพียง 290 เมตร ตัววิหารทำจากหินอ่อนสีขาว เขียว และชมพู ภายในมีแท่นบูชา Crucifix ที่มีชื่อเสียง ผลงานของฟิลิปโป บรูเนลเลสกี (Filippo Brunelleschi) และจ๊อตโต (Giotto), ภาพเขียนสีปูนเปียก The Holy Trinity ของมาซัซโซ (Masaccio) และภาพ Life of the Virgin ของโดเมนิโค กิลันดายโย (Domenico Ghirlandaio) อีกด้านของจัตุรัสเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์การถ่ายภาพ Museo Nazionale Alinari della Fotografia ที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ภาพถ่ายและกล้องถ่ายรูปให้ได้ชมด้วย
แผนที่ตั้ง จัตุรัสเปียซซา ดิ ซานตา มาเรีย โนเวลลา เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
ประวัติ
จัตุรัสเปียซซา ดิ ซานตา มาเรีย โนเวลลา (Piazza di Santa Maria Novella) เป็นที่ตั้งสถานที่สำคัญของเมืองฟลอเรนซ์ ได้แก่ สถานีรถไฟกลางฟลอเรนซ์ หรือ Firenze Santa Maria Novella (Firenze S.M.N.) ศูนย์กลางการคมนาคมไปยังเมืองต่างๆ ในอิตาลี และเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางไปยังสถานที่เที่ยวทางศิลปะและประวัติศาสตร์ของเมืองฟลอเรนซ์ตามจัตุรัสต่างๆ ที่สำคัญยังเป็นที่ตั้งของมหาวิหารซานตา มาเรีย โนเวลลา (Santa Maria Novella) ที่ได้ชื่อว่ามี Façade หน้าวิหารศิลปะโกธิกโรมาเนสก์ที่งดงามที่สุดในอิตาลีด้วย ด้านข้างและด้านหน้าวิหารมีเสาโอเบลิสก์ (Obelisks) 2 ต้น ศิลปะอียิปต์โบราณสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดในการแข่งรถม้าตั้งแต่ปี ค.ศ.1563 จนถึงศตวรรษที่ 19 ด้านหลังวิหารเป็นหอระฆังเก่าแก่ซึ่งเคยใช้เป็นที่เก็บของมีค่า ภายในมหาวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังศิลปะปูนเปียก (Fresco) ของจิตรกรเอกหลายคน อาทิ Filippino Lippi, Nardo di Cione, Piero da Miniato และ Botticelli และภาพที่มีชื่อเสียงมากคือ Santa Trinita หรือ The Holy Trinity ผลงานของ Masaccio ที่เขียนในปี ค.ศ. 1428 และภาพ Life of the Virgin ผลงานของ Domenico Ghirlandaio แท่นพระเยซูถูกตรึงไม้กางเขน (Crucifix) ผลงานของ Giotto และ Filippo Brunelleschi รวมถึงระเบียงคด (Cloister) ที่ออกแบบโดย Paolo Uccello
อีกด้านหนึ่งของจัตุรัสจะเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ Museo Nazionale Alinari della Fotografia ระเบียงเสาแบบโครินเทียนที่ได้รับอิทธิพลจากผลงานของ Filippo Brunelleschi ที่อดีตเคยเป็นโรงพยาบาลซานเปาโล (Ospedale di San Paolo) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์การถ่ายภาพที่ทันสมัย จัดแสดงประวัติศาสตร์ภาพถ่ายและกล้องถ่ายรูปเท่านั้น และมักจัดนิทรรศการเกี่ยวกับภาพถ่ายอยู่เสมอ (มีค่าเข้าชม) สามารถติดตามได้ที่ http://www.museonovecento.it/
Façade ของมหาวิหาร Santa Maria Novella ที่สวยงามที่สุดในอิตาลี
ภาพ Fresco และ Crucifix ผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงตาม Chapels ต่างๆ
พิพิธภัณฑ์ Museo Nazionale Alinari della Fotografia ภาพจาก http://www.alinarifondazione.it/
การเดินทางจากสนามบินฟลอเรนซ์ เมืองเปเรโตลา ไปยัง ตัวเมืองฟลอเรนซ์
- รถยนต์ (Car) จากสนามบินฟลอเรนซ์ เมืองเปเรโตลา ไปยังบริเวณสถานีรถไฟกลาง Firenze S.M.N. ระยะทางประมาณ 8.2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร
- รถชัตเติลบัส (Shuttle Bus) จอดบริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้าและขาออกไปส่งยังสถานีรถไฟกลาง Firenze S.M.N. ให้บริการตั้งแต่เวลา 5.30 น. จนถึงเวลา 00.30 น. รถออกทุก 30 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ค่าโดยสารราคา 6 ยูโร สามารถซื้อตั๋วได้ที่ขายตั๋วภายในสนามบิน และทุกที่ขายตั๋วผู้โดยสารบริษัท ATAF หรือที่คนขับโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (เงินสด)
- รถไฟ (Train) ขึ้นรถรางสาย T2 ที่สถานี Peretola Aeroporto ไปลงที่สถานีรถราง Unita ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟกลาง Firenze S.M.N. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 22 นาที
- รถแท็กซี่ (Taxi) สามารถขึ้นได้ที่จุดจอดรถแท็กซี่บริเวณอาคารผู้โดยสารขาออก ราคาประมาณ 22 ยูโร / วันอาทิตย์ราคา 24 ยูโร / วันหยุดพิเศษและตั้งแต่เวลา 22.00 น. – 06.00 น. ราคา 25 ยูโร และมีค่าภาษีสนามบิน 2.70 ยูโร หากมีสัมภาระจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มใบละ 1 ยูโร สูงสุด 7 ใบ ใช้เวลาเดินทางไปยังตัวเมืองฟลอเรนซ์ประมาณ 15 นาที โทร. (+39) 055-4242 / 055- 4390 / 055-4798
การเดินทางไปยังจัตุรัส Piazza di Santa Maria Novella
เมืองฟลอเรนซ์เป็นเมืองขนาดเล็ก สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองอยู่ไม่ห่างกันมากนัก นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้าไปยังสถานที่ต่างๆ ได้สะดวกกว่าการใช้รถ เพราะภายในเขตเมืองเก่าอนุญาตให้คนในพื้นที่เข้าจอดเท่านั้น รถอื่นให้จอดบริเวณจุดจอดรอบนอกและอาจมีค่าผ่านทาง
- การเดิน (Footpath) จากสถานีรถไฟกลาง Firenze S.M.N. ไปยังจัตุรัส Piazza di Santa Maria Novella ระยะทางประมาณ 500 เมตร ใช้เวลาประมาณ 6 นาที
เวลาทำการเปิด –ปิด
บริเวณจัตุรัสเปิดตลอด 24 ชั่วโมง
มหาวิหารซานตา มาเรีย โนเวลลา
ตุลาคม – มีนาคม : วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี และวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 17.30 น. / วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 11.00 น. – 17.30 น. / วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. – 17.30 น.
เมษายน – มิถุนายน : วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 19.00 น. / วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 17.30 น. / วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. – 17.30 น.
กรกฎาคม – สิงหาคม : วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี เวลา 09.00 น. – 19.00 น. / วันศุกร์ เวลา 11.00 น. – 19.00 น. / วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 18.30 น. / วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 18.30 น.
กันยายน : วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 19.00 น. / วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 11.00 น. – 19.00 น. / วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 17.30 น. / วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 17.30 น.
พิพิธภัณฑ์ Museo Nazionale Alinari della Fotografia
เมษายน – กันยายน : วันจันทร์ - วันพุธ / วันเสาร์ – วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.00 – 20.00 น. / วันพฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 11.00 น. – 14.00 น. / วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 11.00 น. – 23.00 น.
ตุลาคม – มีนาคม : วันจันทร์ – วันพุธ และวันศุกร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.00 – 19.00 น. / วันพฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 11.00 น. – 14.00 น.
อัตราค่าเข้าชม
มหาวิหารซานตา มาเรีย โนเวลลา ผู้ใหญ่ ราคา 7.5 ยูโร เด็กอายุระหว่าง 11 - 18 ปี ราคา 5 ยูโร
พิพิธภัณฑ์ Museo Nazionale Alinari della Fotografia ผู้ใหญ่ ราคา 9.5 ยูโร เด็กอายุต่ำกว่า 18 – 25 ปี ราคา 4.5 ยูโร เด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ชมฟรี
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปจัตุรัส Piazza di Santa Maria Novella
ชมความงาม Façade, ประติมากรรม Crucifix, ภาพเขียนสีปูนเปียก (Fresco) ประดับ Chapel บุคคลสำคัญภายในมหาวิหารซานตา มาเรีย โนเวลลา และชมพิพิธภัณฑ์ภาพถ่าย Museo Nazionale Alinari della Fotografia
ข้อมูลที่ควรรู้
การซื้อตั๋วล่วงหน้าสามารถทำได้ก่อนเป็นสัปดาห์ตามพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ในเมืองฟลอเรนซ์ที่เป็นของรัฐ โดยเสียค่าธรรมเนียมประมาณ 3 ยูโร หรือโทรติดต่อที่ฟิเรนเซ่มูเซย์ (Firenze Musei) โทร. (+39) 055-294-883 หรือซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ www.weekendafirenze.com เสียค่าธรรมเนียมใบละ 6.80 ยูโร จองได้ครั้งละไม่เกิน 3 ใบ ล่วงหน้าได้ 3 วัน แล้วนำสำเนาอีเมลไปยื่นเจ้าหน้าที่
ภายในเมืองฟลอเรนซ์มีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่จะต้องเสียค่าเข้าชม จึงได้มีการออกบัตร Firenze Card ที่สามารถเข้าชมได้หลายพิพิธภัณฑ์ในราคาที่ถูกกว่าปกติ คือ บัตรราคา 85 ยูโร สามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ในเมืองฟลอเรนซ์ได้ 72 ชั่วโมง ได้แก่ Galleria Palatina, Appartamenti Monomentali, Pallazzo Piti, Museo Nazionale del Bargello, Museo delle Cappelle Medicee รวมถึงหอศิลป์ Uffizi Gallery และพิพิธภัณฑ์ Galleria dell' Accademia ที่มีผู้สนใจเข้าชมเป็นจำนวนมาก ต้องเข้าคิวเป็นเวลานานด้วย เหมาะสำหรับผู้ต้องการเที่ยวภายในเมืองฟลอเรนซ์ 3 วันขึ้นไป สนใจประวัติศาสตร์ศิลปะและไม่ต้องการต่อคิว สามารถซื้อได้ที่จุดขายในเมืองฟลอเรนซ์หรือทางออนไลน์ที่ http://www.firenzecard.it/ แล้วโหลดแอพพลิเคชั่น Firenzecard เพื่อเป็นบัตรผ่านดิจิตอลหรือปริ้นท์ออกมาเพื่อไปรับบัตรจริงได้ที่พิพิธภัณฑ์แรกที่เข้าชม แล้วลงทะเบียนยืนยันวันเดือนปีที่เริ่มใช้บัตรก่อนโดยแต่ละพิพิธภัณฑ์อาจมีจุดออกใบเสร็จอยู่ที่ประตูทางเข้า, ร้านหนังสือ หรือเคาน์เตอร์ขายตั๋วปกติ
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
เดือนที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวคือเดือนพฤษภาคม, มิถุนายน, กันยายนและตุลาคม เพราะเป็นช่วงที่อากาศกำลังสบายไม่หนาวหรือร้อนเกินไป นักท่องเที่ยวไม่มากนัก ส่วนเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมจะมีอากาศร้อนและมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเพราะเป็นช่วงหยุดซัมเมอร์ของทางยุโรป และที่พักจะราคาสูงกว่าปกติ ที่นั่งในรถไฟอาจเต็ม จึงควรจองตั๋วหรือซื้อบัตรล่วงหน้าทางเว็บไซต์มาก่อน
ข้อแนะนำในการเข้าชม
ในการเข้าชมศาสนสถานในเมืองฟลอเรนซ์นั้นนักท่องเที่ยวควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ไม่สวมรองเท้าแตะ ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อกล้าม เสื้อสายเดี่ยวหรือเปลือยไหล่เพื่อเป็นการเคารพสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์
Chapel ของ Filippo Strozzi และภาพเขียนสีปูนเปียก Holy Trinity ของ Masaccio ขอบคุณภาพจาก https://www.smn.it/
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม จัตุรัสเปียซซา ดิ ซานตา มาเรีย โนเวลลา สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
จัตุรัสเปียซซา ดิ ซานตา มาเรีย โนเวลลา เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
(Piazza di Santa Maria Novella, Florence, Italy)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม ยกเว้น
มหาวิหารซานตา มาเรีย โนเวลลา ผู้ใหญ่ ราคา 7.5 ยูโร เด็กอายุระหว่าง 11 -18 ปี ราคา 5 ยูโร
พิพิธภัณฑ์ Museo Nazionale Alinari della Fotografia ผู้ใหญ่ ราคา 9.5 ยูโร เด็กอายุต่ำกว่า 18 – 25 ปี ราคา 4.5 ยูโร เด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : จัตุรัสเปิดตลอดเวลา ยกเว้นมหาวิหารและพิพิธภัณฑ์เปิด- ปิดตามฤดูกาล
ตั้งอยู่ที่ : Piazza di Santa Maria Novella, เมืองฟลอเรนซ์, ประเทศอิตาลี
โทรศัพท์ : (+39) 055-219-257 และ (+39) 055-286-132
เว็บไซต์ : https://www.smn.it และ http://www.museonovecento.it/info/
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
การท่องเที่ยวเมืองฟลอเรนซ์ https://www.florence-carhire.net/th/ , https://www.florence.net
พิพิธภัณฑ์ในเมืองฟลอเรนซ์ http://www.museumsinflorence.com
การท่องเที่ยวในแคว้นทัศคานี https://www.visittuscany.com/en/
การท่องเที่ยวในประเทศอิตาลี http://www.italia.it/en/home.html
ระบบขนส่งสาธารณะในประเทศอิตาลี http://www.italia.it/en/useful-info/how-to-arrive.html
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อนอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อนอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อนอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อนอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อ