- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- พิพิธภัณฑ์ซีดา ซามิ และศูนย์ศึกษาธรรมชาติ เมืองอินาริ ประเทศฟินแลนด์
พิพิธภัณฑ์ซีดา ซามิ และศูนย์ศึกษาธรรมชาติ เมืองอินาริ ประเทศฟินแลนด์

- อ่าน (2,840)
- By Webmaster
- 11:25:13 | 13 ส.ค. 2563
พิพิธภัณฑ์ซีดา ซามิ และศูนย์ศึกษาธรรมชาติ เมืองอินาริ ประเทศฟินแลนด์
Siida Sami Museum and Nature Centre, Inari, Finland
พิพิธภัณฑ์ซีดา ซามิ (Siida Sami Museum) และศูนย์ศึกษาธรรมชาติ (Nature Centre) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องของวัฒนธรรมท้องถิ่น ความเป็นมาของชาวซามิ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเรื่องเกี่ยวกับแสงเหนือหรือแสงออโรร่าที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงไว้ได้อย่างครบถ้วนและน่าสนใจอย่างยิ่ง
ประวัติ
พิพิธภัณฑ์ซีดา ซามิ และศูนย์ศึกษาธรรมชาติ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1959 โดยเปิดให้บริการแก่สาธารณะครั้งแรกในปี ค.ศ. 1963 อาคารพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่บริเวณซึ่งเป็นพื้นที่ของหมู่บ้านอินาริ ส่วนหนึ่งของแลปแลนด์ (Lapland) นอกจากพิพิธภัณฑ์ซีดา ซามิ และศูนย์ศึกษาธรรมชาติแล้วที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง (open air Inari Sami Museum) ที่เปิดให้บริการในช่วงฤดูร้อนอีกด้วย
เนื่องจากซีดาเป็นดินแดนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวซามิ (Sami) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองในทวีปยุโรป มานานกว่า 9,000 ปี ประมาณการกันว่าปัจจุบันมีชาวซามิทั้งหมด 75,000 คน โดยส่วนใหญ่นั้นอาศัยอยู่ในประเทศนอร์เวย์ และมีบางส่วนที่ยังคงอาศัยอยู่ในภูมิภาคแลปแลนด์ของประเทศฟินแลนด์
ผู้เชี่ยวชาญได้พบหลักฐานที่สำคัญทางโบราณคดีว่าที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยที่แรกสุดของผู้ตั้งถิ่นฐานในแลปแลนด์ซึ่งก็คือชาวซามิ ซึ่งพิพิธภัณฑ์ซีดา ซามิ และศูนย์ศึกษาธรรมชาติแห่งนี้เองที่เป็นสถานที่ที่จัดแสดงคอลเล็กชั่นซึ่งสามารถสะท้อนวัฒนธรรมทางจิตวิญญาณและประวัติศาสตร์ของชาวซามิดั้งเดิมไว้ได้อย่างน่าสนใจ การก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็สืบเนื่องมาจากวัตถุประสงค์เพื่อต้องการที่จะสนับสนุนตัวตนของคนโบราณเหล่านี้ที่มีมาอย่างยาวนานด้วยนั่นเอง
นิทรรศการที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจต่างๆ ได้แก่
ลำดับเวลาของธรรมชาติและวัฒนธรรมทางเหนือและการเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์โลก (Timeline of Northern nature and culture and how it interlaced with global history)
ประวัติศาสตร์โบราณคดีของภูมิภาค (Archaeological history of the region)
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับผู้คนในแถบอาร์กติกรวมถึงชาวเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้เลี้ยงกวางเรนเดียร์ (Introduction to the Arctic Peoples as well as the Northern Eurasian Reindeer Herders)
วิวัฒนาการของภาษา (Sami Evolution of the Sami languages)
วัฒนธรรม Sami (Sami culture)
สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของ (Northern Lapland Northern Lapland’s unique natural environment)
การเอาชีวิตรอดในขั้วโลกเหนือ (Survival in the Arctic extremes)
วัฏจักรตามฤดูกาลและปรากฏการณ์ทางธรรมชาติในภูมิภาค (Seasonal cycles and natural phenomena in the region)
ตัวตนของชาวซามิ (Sami identity)
ในช่วงฤดูร้อนของทางเหนือจะเป็นช่วงที่พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเปิดให้บริการรวมถึง
บ้านพัก Sami (Sami dwellings)
การล่าสัตว์และการตกปลา (Hunting and fishing practices)
อาคารแบบดั้งเดิมของ (Authentic Tirro Farm buildings)
ศาลของ Mirham Hut (Mirham Hut courthouse)
บ้านพักซามิ, เต็นท์ และตาดกระท่อม (Sami lodges, tents, and sod huts)
กับดักล่าสัตว์ (Hunting traps)
เรือและรถเลื่อน (Boats and sleds)
ที่พิพิธภัณฑ์มีบริการนำเที่ยวภายในพิพิธภัณฑ์ มีร้านอาหาร คาเฟ่ บรรยากาศสบายๆ ให้บริการอาหาร Lappish ดั้งเดิมแบบสดใหม่สำหรับมื้อกลางวันด้วย
ซีดา (Siida) ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ เป็นดินแดนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวซามิมานานกว่า 9,000 ปี
ตู้จัดแสดงโมเดลสัตว์จำลองภายในพิพิธภัณฑ์
ตู้จัดแสดงเกี่ยวกับธรณีวิทยา
พิพิธภัณฑ์ซีดา ซามิ และศูนย์ศึกษาธรรมชาติเปิดให้บริการแก่สาธารณะครั้งแรกในปี ค.ศ. 1963
ดอกไม้และพืชพันธุ์ท้องถิ่นของแลปแลนด์
เครื่องแต่งกายของชาวซามิ
ข้าวของเครื่องใช้โบราณที่ชาวซามิใช้ในการดำรงชีพ
บรรยากาศบางส่วนของนิทรรศการ
การเดินทางจาก Helsinki ไป Ivalo
สนามบินที่อยู่ใกล้กับ Siida Sami Museum and Nature Centre มากที่สุดคือสนามบิน Ivalo (IVL) เมืองอิวาโล (Ivalo) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคแลปแลนด์ (Lapland) โดยตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศฟินแลนด์ ห่างจากเมืองหลวงคือเฮลซิงกิ (Helsinki) ราว 1,094 กิโลเมตร จากประเทศไทยไม่มีเที่ยวบินตรง นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปยังเมืองอิวาโลจะต้องต่อเครื่องไปจากเฮลซิงกิ ส่วนการเดินทางโดยรถยนต์นั้นใช้เวลาที่ยาวนาน
- เครื่องบิน (Plane) การเดินทางโดยเครื่องบินจากสนามบิน Vantaa เฮลซิงกิ (HEL) ไปยังสนามบิน Ivalo (IVL) ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที
- รถยนต์ (Car) การเดินทางจากเฮลซิงกิไปอิวาโลทางรถยนต์โดยใช้ถนนสาย E75 มีระยะระยะทาง 1,094 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง 30 นาที
การเดินทางไป Siida Sami Museum and Nature Centre
- รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากสนามบิน Ivalo (IVL) ไป Siida Sami Museum and Nature Centre โดยใช้ถนนสาย E75 มีระยะทาง 49.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที
ทั้งนี้ การเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ในแลปแลนด์นั้น วิธีที่สะดวกที่สุดคือการเดินทางไปกับทัวร์ หรือเช่ารถขับ เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นนั้นจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางอย่างยิ่งหากต้องเดินทางโดยรถสาธารณะ ซึ่งตารางเวลาการเดินทางนั้นไม่ได้มีเยอะและเส้นทางการเดินรถไม่ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรอรถท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นโดยที่ไม่มีเครื่องทำความอุ่นเหมือนเดินทางไปกับทัวร์หรือรถเช่าส่วนตัวนั้น จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวถูกลดทอนความสนุก และเสียเวลาไปมากกว่าที่ควรจะเป็น
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 9.00 – 17.00 น.
อัตราค่าเข้าชม
ตั๋วเข้าชมราคา 10 ยูโร
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว Siida Sami Museum and Nature Centre
ภายในพิพิธภัณฑ์เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจต่างๆ มากมายที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือนิทรรศการเกี่ยวกับการเกิดปรากฏการณ์แสงเหนือนั่นเอง เนื่องจากแลปแลนด์ (Lapland) นั้นเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากและมีชื่อเสียงในเรื่องของการเกิดปรากฏการณ์แสงเหนือ ภายในพิพิธภัณฑ์จึงได้มีการจัดนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับแสงเหนือ (Aurora)ไว้อย่างละเอียดและน่าสนใจทั้งข้อมูลและภาพประกอบ ซึ่งแนะนำว่าหากนักท่องเที่ยวมีโอกาสได้มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อนที่จะออกไปล่าแสงเหนือน่าจะทำให้เข้าใจที่มาของการเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้ได้อย่างดีและทำให้การเฝ้ารอชมแสงเหนือนั้นเป็นไปโดยสนุกสนานยิ่งขึ้น
นิทรรศการถาวรที่จัดแสดงเกี่ยวกับการเกิดปรากฏการณ์แสงเหนือหรือแสงออโรร่า
แสงเหนือ (Aurora) เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทางธรรมชาติ ที่มีแสงเรืองบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน โดยมักจะขึ้นในบริเวณประเทศแถบขั้วโลก ได้แก่ ประเทศสวีเดน (Sweden) ประเทศรัสเซีย (Russia) ประเทศไอซ์แลนด์ (Iceland) รัฐอะแลสกา สหรัฐอเมริกา (Alaska) ประเทศแคนนาดา (Canada) ประเทศนอร์เวย์ (Norway) ประเทศกรีนแลนด์ (Greenland) และประเทศฟินแลนด์ (Finland)
คำเรียกว่า แสงเหนือ หรือ แสงใต้ นั้นขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดว่าเป็นแสงที่เกิดขึ้นที่ขั้วโลกเหนือหรือขั้วโลกใต้ ปรากฏการออโรราเป็นตัวอย่างปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ที่น่าทึ่งที่สุดที่เกิดขึ้นในอวกาศที่ใกล้พื้นโลก โดยมีความสูงจากพื้นโลก (altitudes) ประมาณ 100 ถึง 300 กิโลเมตร ตามประวัตินั้นแสงเหนือถูกเรียกด้วยหลากหลายชื่อที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ ชื่อวิทยาศาสตร์ของปรากฏการณ์นี้ คือ ออโรรา บอเรลลีส (Aurora Borealis) ซึ่งเป็นภาษาละติน หมายถึง รุ่งอรุณสีแดงแห่งทิศเหนือ ซึ่งตั้งชื่อโดย กาลิเลโอ กาลิเลอิ (Galileo Galilei)
ปรากฏการณ์แสงเหนือเกิดจากการชนกันระหว่างก๊าซในชั้นบรรยากาศโลกกับอนุภาคไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ ก่อให้เกิดการระเบิดเป็นลำแสงสีต่างๆ กันออกไป ขึ้นอยู่กับแสงนั้นเกิดขึ้นในช่วงชั้นบรรยากาศไหน และเกิดจากก๊าซชนิดใด โดยในระดับความสูงที่เหนือชั้นบรรยากาศ 100 กิโลเมตรขึ้นไปจะประกอบด้วยโมเลกุลไนโตรเจนและออกซิเจนเป็นส่วนใหญ่
สีเขียวอมเหลือง เกิดในช่วง 100 - 200 กิโลเมตร เป็นช่วงที่มีโมเลกุลออกซิเจนหนาแน่น (สามารถเห็นแสงเหนือสีนี้ได้บ่อยๆ)
สีฟ้าและสีม่วง เกิดในช่วงที่ต่ำกว่า 120 กิโลเมตร เป็นช่วงที่มีโมเลกุลของไนโตรเจนหนาแน่นกว่าออกซิเจน
สีแดง เกิดในช่วงที่ความสูงเกิน 200 กิโลเมตร
ปรากฏการณ์แสงเหนือเกิดจากการชนกันระหว่างก๊าซในชั้นบรรยากาศโลกกับอนุภาคไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ ก่อให้เกิดการระเบิดเป็นลำแสงสีต่างๆ
ในระดับความสูงเหนือชั้นบรรยากาศ 100 กิโลเมตรขึ้นไปจะประกอบด้วยโมเลกุลไนโตรเจนและออกซิเจนเป็นส่วนใหญ่
แสงเหนือสีที่สามารถเห็นได้บ่อยๆ คือสีเขียวอมเหลือง ซึ่งเกิดในช่วง 100 - 200 กิโลเมตร
สีของแสงเหนือที่จะปรากฏนั้นขึ้นอยู่กับว่าเกิดขึ้นในช่วงชั้นบรรยากาศไหน และเกิดจากก๊าซชนิดใด
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการเกิดแสงเหนือจะอยู่ในช่วงฤดูหนาวของทางขั้วโลก โดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายน - มีนาคม และอาจเลยไปถึงเมษายน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี นอกจากนี้หากได้ไปเยือนขั้วโลกในขณะที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ไร้เมฆ มีความมืดมิดสนิท มีสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างปลอดมลพิษ และอยู่ระหว่างช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 - 24.00 น. ก็จะยิ่งมีโอกาสในการเห็นแสงเหนือมากยิ่งขึ้น
ทว่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปล่าแสงเหนือ หากต้องการความแม่นยำสำหรับโอกาสที่จะได้เห็นแสงเหนือมากที่สุด แนะนำให้ไปล่าแสงเหนือในช่วงที่ผ่านวัฏจักรจุดสุริยะ (Sun Spot) มาแล้ว 2 วัน ซึ่งเป็นช่วงที่แสงเหนือจะเกิดขึ้นชัดเจนที่สุด ก่อนจะค่อย ๆ ลดระดับแสงลงจนกว่าจะเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้งเมื่อครบรอบวัฏจักร 11 ปี แต่วัฏจักรดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เพราะจะเกิดขึ้นทุกๆ 11 ปีเท่านั้น โดยช่วงที่ผ่านวัฏจักรจุดสุริยะไปครั้งล่าสุดคือรอยต่อของปี ค.ศ. 2013 - ค.ศ. 2014
แม้ว่าแสงเหนือจะเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สามารถคำนวณการเกิดได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีแอพลิเคชั่นต่างๆ อยู่มากมายให้สามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้อย่างสะดวก แต่ก็ไม่มีใครสามารถการันตีได้ว่าจะได้ชมแสงเหนือร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ ฉะนั้นการไปท่องเที่ยวล่าแสงเหนือนี้จึงถือเป็นความตื่นเต้นท้าทายอย่างหนึ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องลุ้นกันเอาเองว่าโชคจะเข้าข้างหรือไม่
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยว Siida Sami Museum and Nature Centre ได้ตลอดทั้งปี
ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกภายในพิพิธภัณฑ์
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม Siida Sami Museum and Nature Centre สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
พิพิธภัณฑ์ซีดา ซามิ และศูนย์ศึกษาธรรมชาติ เมืองอินาริ ประเทศฟินแลนด์
(Siida Sami Museum and Nature Centre, Inari, Finland)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ตั๋วเข้าชมราคา 10 ยูโร
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 9.00 – 17.00 น.
ตั้งอยู่ที่ : Siida, Inarintie 46, 99870 Inari, Finland
โทรศัพท์ : (+358) 400 898 212
เว็บไซต์ : https://siida.fi/en
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวเมืองอินาริ https://visitinari.fi
เว็บไซต์การท่องเที่ยวแลปแลนด์ https://www.visitlapland.com
เว็บไซต์การท่องเที่ยวประเทศฟินแลนด์ https://www.visitfinland.com
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

7 วันขับรถเที่ยวตะลุยแลปแลนด์
แลปแลนด์ (Lapland) ภูมิภาคซึ่งตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศฟินแลนด์ (Finland) นับเป็นจุดหมายหลักสำหรับนั่งท่องเที่ยวจากทั่วโลกรวมถึงพวกเราด้วยที่อยากจะเดินทางไปสัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยวฤดูหนาวแบบขั้วโลกเหนือ ไม่ว่าจะเป็นการพักอยู่ในที่พักแบบกระท่อมหลังคากระจกใสท่ามกลางบรรยากาศแวดล้อมของป่าสนและทุ่งหิมะขาวโพลนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เฝ้ารอชมปรากฏการณ์แสงเหนือวาดลีลาอันสวยงามเหนือท้องฟ้าในยามค่ำคืน และทำกิจกรรมฤดูหนาวสนุกๆ อย่างการนั่งเลื่อนที่วิ่งลากโดยสุนัขฮัสกี้จอมพลัง ขับสโนวโมบิลออกไปตะลุยตกปลาน้ำแข็ง รวมถึงนั่งเลื่อนกวางเรนเดียร์ เที่ยวปราสาทหิมะ ไปเที่ยวหมู่บ้านซานต้าและชมเส้นวงกลมละติจูดอาร์กติก (Arctic Circle) ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าเส้นสำคัญของโลกที่ลากผ่านเมืองโรวาเนียมี
อ่านต่อ
14 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเนฟเชียร์ ประเทศตุรกี
หากเอ่ยถึงการท่องเที่ยวประเทศตุรกี เชื่อว่าหนึ่งในภาพที่หลายๆ คนมักจะนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ คือภาพของบอลลูนลมร้อนหลากสีสันที่ลอยละล่องอยู่เต็มน่านฟ้า เหนือภูมิประเทศแปลกตาด้วยกลุ่มหินรูปทรงต่างๆ และสถานที่ที่ว่านี้ก็คือเนฟเชียร์ จังหวัดทางภาคกลางของตุรกีที่มีเมืองดังอย่างคัปปาโดเชียเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ในบทความนี้ Palanla ได้รวบรวมเอา 14 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเนฟเชียร์มาให้ออกเดินทางสำรวจไปพร้อมๆ กัน
อ่านต่อ
8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดอิซเมียร์ ประเทศตุรกี
อิซเมียร์ (Izmir) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศตุรกี และเป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากอิสตันบูล ซึ่งไม่เพียงแต่ความเป็นเมืองใหญ่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเท่านั้น ทว่าอิซเมียร์ยังรุ่มรวยไปด้วยภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง เชื่อว่า 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในอิซเมียร์ที่ Palanla ได้คัดสรรมาให้ได้ชมในบทความนี้จะทำให้คุณรู้จักอิซเมียร์มากขึ้นกว่าที่เคยอย่างแน่นอน
อ่านต่อ
7 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรกี
เดนิซลี (Denizli) จังหวัดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกีที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่งให้สำรวจ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมรดกโลกชื่อดังอย่างปามุคคาเล่ หรือเมืองโบราณเฮียราโพลิส และเมืองโบราณเลาดิเซียซึ่งเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในสมัยโรมันและไบแซนไทน์มาก่อน Palanla ได้รวบรวม 7 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเดนิซลีมาให้ได้ชมกัน
อ่านต่อ
10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไอร์แลนด์เหนือ
ประเทศไอร์แลนด์เหนือตั้งอยู่ในทวีปยุโรปและเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์เหนือมีชื่อเสียงทางด้านภูมิประเทศที่สวยงามและทิวทัศน์ทางธรรมชาติอันน่าหลงใหล อีกทั้งยังเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีพิพิธภัณฑ์และสถาปัตยกรรมต่างๆ ให้เที่ยวชมมากมายโดยมีสถานที่ท่องเที่ยวกระจายตัวอยู่ตามเมืองต่างๆ อย่างเช่นเมืองเบลฟาสต์ เมืองลอนดอนเดอร์รี่ และเมืองแถบชายฝั่งทะเล ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ก็อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ไททานิกเบลฟาสต์ที่จัดแสดงเรื่องราวของเรือไททานิกอันโด่งดัง และไจแอนท์คอสเวย์ที่ได้รับเลือกให้เป็นแหล่งมรดกโลกแห่งองค์การยูเนสโก นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยทาง Palanla ได้รวบรวมมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้
อ่านต่อ
สะพานเชือกคาร์ริก-อะ-รีด เขตอนุรักษ์แห่งชาติ ชายฝั่งคอสเวย์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
สะพานเชือกคาร์ริก-อะ-รีด เขตอนุรักษ์แห่งชาติ (National Trust Carrick-a-Rede) เป็นสะพานเชือกความยาว 20 เมตรที่เชื่อมระหว่างพื้นที่ชายฝั่งกับเกาะหินคาร์ริก-อะ-รีดที่อยู่ตรงข้ามกัน ที่นี่เป็นจุดชมทิวทัศน์มหาสมุทรแอตแลนติกอันกว้างใหญ่พร้อมกับเส้นทางผจญภัยบนสะพานเชือกที่ทอดข้ามข้ามเหวลึก 30 เมตรไปสำรวจเกาะเบื้องหน้าซึ่งเป็นที่ตั้งของกระท่อมชาวประมงเก่าแก่ที่มีอายุราวสี่ร้อยกว่าปี ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในจุดชมวิวและจุดถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
อ่านต่อ
ปราสาทเบลฟาสต์ เมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
ปราสาทเบลฟาสต์ (Belfast Castle) เป็นคฤหาสน์เก่าแก่หลังใหญ่ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบสกอตต์บารอนอย่างงดงาม ถือเป็นแลนด์มาร์กขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นบนเนินเขาเคฟฮิลล์ในเมืองเบลฟาสต์ นอกจากปราสาทเบลฟาสต์จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆ เช่น งานแต่งงานและการประชุมทางธุรกิจ นอกจากนี้ ด้วยพื้นที่เนินเขาที่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 120 เมตร จึงทำให้ที่นี่เป็นจุดชมวิวเมืองเบลฟาสต์จากมุมสูงอีกด้วย
อ่านต่อ
ตลาดเซนต์จอร์จ เมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
ตลาดเซนต์จอร์จ (St George’s Market) เป็นตลาดในร่มสไตล์วิคตอเรียนแห่งสุดท้ายที่ยังเปิดทำการอยู่ในเมืองเบลฟาสต์ ตลาดแห่งนี้เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ช่วงสายถึงบ่ายสอง โดยมีแผงขายอาหาร สินค้าแฮนด์เมด และสินค้าหลากหลายประเภท ท่ามกลางดนตรีสดและบรรยากาศที่คึกคัก ตลาดแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองในทุกสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดเซนต์จอร์จยังได้รับรางวัลทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศทางด้านผลผลิตสดใหม่ในท้องถิ่นและบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังได้รับการเสนอชื่อให้เป็นตลาดในร่มขนาดใหญ่ที่ดีที่สุดของสหราชอาณาจักรประจำปี 2023 จาก NABMA Great British Market Awards อีกด้วย
อ่านต่อ
กำแพงเมืองเดอร์รี เมืองลอนดอนเดอร์รี่ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
กำแพงเมืองเดอร์รี (The Derry Walls) เป็นอนุสรณ์สถานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเป็นกำแพงเมืองที่ยาวที่สุดและมีความสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบที่เหลืออีก 30 เมืองในไอร์แลนด์อีกด้วย กำแพงเมืองเดอร์รี่อยู่ใกล้กับแม่น้ำฟอยล์ มีประตูเมือง 7 ประตู ภายในกำแพงเมืองเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ปราสาท ศาลากลาง และโบสถ์ ไฮไลท์ของกำแพงเมืองแห่งนี้คือปืนใหญ่จำนวน 22 กระบอกที่เรียงรายไปตามป้อมปราการของกำแพงเมือง ปืนเหล่านี้เป็นปืนโบราณจากศตวรรษที่ 16, 17 และ 18 โดยมีปืนโรริงเมกอันโด่งดังตั้งอยู่ที่ป้อมปราการที่อยู่ใกล้ประตูบิชอป กำแพงเมืองเดอร์รี่จึงถือเป็นแหล่งมรดกที่มีความสำคัญระดับชาติและเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ควรแวะเที่ยวชม
อ่านต่อ
11 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ซูริค (Zurich) หนึ่งในเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของยุโรปที่นักเดินทางทั่วโลกใฝ่ฝัน เพราะนอกจากมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติอันงดงามบริสุทธิ์แล้ว ยังรุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม Palanla ได้รวบรวมเอา 11 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในซูริคมาฝากกัน
อ่านต่อ