จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค และ หอระฆังซานมาร์โค เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

  • อ่าน (5,797)
  • By Webmaster
  • 11:58:58 | 30 ม.ค. 2567

จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค และ หอระฆังซานมาร์โค เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

Piazza San Marco & San Marco Campanile, Venice, Italy 


จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค แหล่งแลนด์มาร์กและศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งเวนิส

             จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค หรือ จตุรัสเซนต์มาร์ค (Piazza San Marco / St. Mark’s Square) เป็นจัตุรัสที่เป็นศูนย์กลางของเมืองเวนิส บริเวณจัตุรัสล้อมรอบด้วยแลนด์มาร์กสำคัญของเมือง อย่างเช่น มหาวิหาร หอนาฬิกา พระราชวัง พิพิธภัณฑ์ ศูนย์นิทรรศการ และหอสมุด และมีด้านที่ติดกับชายฝั่งทะเล ซึ่งจักรพรรดินโปเลียน (Napoleon) อดีตจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งฝรั่งเศสเคยกล่าวไว้ว่าที่นี่เป็นดั่งห้องรับรองที่สวยที่สุดในโลก นอกจากนี้ บริเวณจัตุรัสยังโดดเด่นด้วยหอระฆังซานมาร์โค หรือ หอระฆังเซนต์มาร์ค (San Marco Campanile / St. Mark’s Campanile) ความสูง 99 เมตรซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมทัศนียภาพอันน่าประทับใจของเมืองเวนิสและชายฝั่งทะเลได้จากด้านบน ด้วยเหตุนี้ จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โคและหอระฆังซานมาร์โค จึงได้รับนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามของสถาปัตยกรรมเก่าแก่โดยรอบ และยังมีทัศนยีภาพอันสวยงามของเมืองริมฝั่งทะเลให้เที่ยวชม


แผนที่ตั้งจัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค และ หอระฆังซานมาร์โค (Piazza San Marco & San Marco Campanile) เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี


ประวัติ

             จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โคตั้งอยู่ใจกลางเมืองเวนิส แต่เดิมเป็นสนามหญ้าของพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเลที่อยู่ติดกัน สร้างขึ้นในช่วงปลายของศตวรรษที่ 9 เพื่อใช้เป็นบริเวณทางเดินทอดไปยังมหาวิหารซานมาร์โค บริเวณจัตุรัสโดดเด่นด้วยหอระฆังซานมาร์โค (San Marco Campanile) ความสูง 99 เมตรที่สามารถขึ้นไปชมทัศนียภาพเมืองเวนิสอันงดงามได้จากด้านบนบริเวณ นอกจากนี้บริเวณจัตุรัสยังรายล้อมด้วยอาคารที่สร้างด้วยสถาปัตกรรมเก่าแก่ โดยทางด้านเหนือของจตุรัสเป็นที่ตั้งของศูนย์นิทรรศการโอลิเวตตี (Olivetti Exhibition Centre) และหอนาฬิกาเซนต์มาร์ค (Saint Mark’s Clocktower) ทางด้านตะวันออกของจัตุรัสเป็นที่ตั้งของมหาวิหารซานมาร์โค (Basilica di San Marco) มหาวิหารประจำเมืองเวนิส ทางด้านใต้ของจตุรัสเป็นที่ตั้งของอาคารพิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ (Museo Archeologico Nazionale di Venezia) และร้านค้าต่างๆ และทางด้านตะวันตกเป็นที่ตั้งของอาคารพิพิธภัณฑ์ศิลปะคอร์เรย์ (Museo Correr)

             นอกจากนี้ พื้นที่จัตุรัสยังครอบคลุมไปถึงพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล (Palazzo Ducale) และหอสมุดแห่งชาติมาร์เซียน่า (Biblioteca Nazionale Marciana) บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานที่มีลักษณะเป็นเสาหินสูงสองต้น ได้แก่ เสาเซนต์มาร์ค (Columns of Saint Mark) และเสาเซนต์ธีโอดอร์ (Column of Saint Theodore) ซึ่งเป็นเสาหินสลักที่ทำจากหินแกรนิตและหินอ่อน สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1172 เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงนักบุญมาร์คและนักบุญธีโอดอร์ ผู้มีความสำคัญทางศาสนาคริสต์ และในบริเวณใกล้กันยังมีท่าเรือกอนโดล่า และจุดชมวิวเพลซ ริวา เดกลี เชียโวนี (Place Riva Degli Schiavoni) ซึ่งเป็นพื้นที่ริมชายฝั่งบริเวณด้านหน้าพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเลที่เป็นจุดชมวิวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของเมืองเวนิส นอกจากนี้ จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โคเป็นจัตุรัสเดียวในเมืองเวนิสที่เรียก “เปียซซ่า (Piazza)” สำหรับจัตุรัสอื่นจะเรียกว่า “เปียซแซล (Piazalle)”

             ในส่วนของหอระฆังซานมาร์โค หรือ หอระฆังเซนต์มาร์ค เป็นจุดแลนด์มาร์กที่ตั้งตระหง่านด้วยความสูง 99 เมตร แต่เดิมพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นประภาคารบอกตำแหน่งเมืองให้กับนักเดินเรือมาก่อนที่จะได้รับการปรับเปลี่ยนให้เป็นหอระฆังประจำมหาวิหารซานมาร์โคในปีค.ศ. 1515 แต่หอถล่มลงมาในปีค.ศ. 1902 และได้รับการสร้างใหม่ในปีค.ศ. 1912 บริเวณยอดด้านบนของหลังคาหอระฆังประดับด้วยรูปปั้นทูตสวรรค์กาเบรีล (Archangel Gabriel) และบริเวณผนังด้านล่างของหลังคาตกแต่งด้วยรูปสลักสิงโตเซนต์มาร์คซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองเวนิสทั้งสี่ด้าน ด้านบนหอระฆังยังเป็นพื้นที่ของหอชมเมืองที่สามารถขึ้นไปชมทัศนียภาพเมืองเวนิส และชมความสวยงามของท้องทะเลบริเวณบึงปากแม่น้ำ (lagoon) ที่คลองแกรนด์คาแนล (Grand Canal) กับคลองจิวเดคคา (Giudecca Canal) ไหลมาบรรจบกันบริเวณใกล้กับมหาวิหารซานตามารียา เดลล่า ซาลูเต (Basilica di Santa Maria della Salute) ก่อนจะไหลรวมกันไปออกยังอ่าวซานมาร์โค (Bacino San Marco) บริเวณด้านหน้าจุดชมวิวเพลซ ริวา เดกลี เชียโวนี

             จตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โคในปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของเมืองเวนิสที่นอกจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และศาสนา ยังมักใช้เป็นจุดนัดพบ และเป็นพื้นที่จัดงานประจำเมืองเวนิสอยู่หลายงาน โดยเฉพาะเทศกาลเวนิสคาร์นิวัล (Venice Carnival) ก็จะจัดขึ้นที่นี่เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองเวนิสอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดไปเที่ยวชม


ภายในจัตุรัสโดดเด่นด้วยหอระฆังซานมาร์โค


อาคารหลังคาโดมที่เยื้องไปทางด้านหลังของหอระฆังคือ มหาวิหารซานมาร์โค


ภาพจัตุรัสจากมุมสูงจากด้านบนมหาวิหารซานมาร์โค


อาคารที่ล้อมรอบจัตุรัสสร้างด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า ร้านอาหาร และศูนย์จัดนิทรรศการ


ทางด้านทิศใต้ของจัตุรัสเป็นพื้นที่อีกโซนหนึ่งที่ติดกับชายฝั่งทะเล พื้นที่ตรงนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเปียซเซ็ตต้าซานมาร์โค (Piazzetta San Marco) อาคารด้านขวาในภาพคือหอสมุดแห่งชาติมาร์เซียน่า


บริเวณริมฝั่งโดดเด่นด้วยเสาหินสองต้น โดยเสาต้นซ้ายของภาพคือเสาเซนต์มาร์ค และเสาต้นขวาของภาพคือเสาเซนต์ธีโอดอร์

 
เสาเซนต์มาร์ค อนุสรณ์รำลึกถึงนักบุญมาร์ค ด้านบนเป็นรูปปั้นสิงโต สัญลักษณ์แห่งนักบุญมาร์คและเมืองเวนิส (รูปซ้าย) เสาเซนต์ธีโอดอร์ อนุสรณ์รำลึกถึงนักบุญธีโอดอร์ เป็นรูปปั้นนักบุญธีโอดอร์ถือหอกและยืนอยู่บนหลังจระเข้ (รูปขวา)


ทัศนียภาพพื้นที่จัตุรัสฝั่งใต้ที่ติดทะเล ถ่ายจากบริเวณท่าเรือกอนโดล่า จะสามารถเห็นแลนด์มาร์กทั้งหมดของจัตุรัส


แลนด์มาร์กในภาพจากซ้ายไปขวาได้แก่ หอสมุดแห่งชาติมาร์เซียน่า หอระฆังซานมาร์โค หอนาฬิกาเซนต์มาร์ค มหาวิหารซานมาร์โค และพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล

 
หอระฆังซานมาร์โค (รูปซ้าย) บริเวณยอดด้านบนของหลังคาหอระฆังประดับด้วยรูปปั้นทูตสวรรค์กาเบรีล และบริเวณผนังด้านล่างของหลังคาตกแต่งด้วยรูปสลักสิงโตเซนต์มาร์ค (รูปขวา)


หอระฆังซานมาร์โคจากมุมด้านในอาคารฝั่งตรงข้าม


ความสวยงามของหอระฆังและสถาปัตยกรรมเก่าแก่โดยรอบ


หอนาฬิกาเซนต์มาร์คบริเวณด้านเหนือของจัตุรัสใกล้กับมหาวิหารซานมาร์โค


บริเวณใกล้กับพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเลนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ชมวิวยอดนิยม สามารถมองเห็นโบสถ์ซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่ที่อยู่ในฝั่งตรงข้าม


โบสถ์ซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่ที่อยู่ในฝั่งตรงข้าม


บริเวณจัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โคในช่วงเช้ามืด


ความสวยงามของมหาวิหารซานมาร์โคและพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเลในตอนเช้ามืด


ความสวยงามจัตุรัสที่มีแสงเรืองรองจากไฟประดับตัดกับสีของท้องฟ้า


บริเวณท่าเรือกอนโดล่า


จุดชมวิวเพลซ ริวา เดกลี เชียโวนี ซึ่งเป็นพื้นที่ริมชายฝั่งบริเวณด้านหน้าพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล


ทัศนียภาพอันสวยงามของท้องทะเล เรือกอนโดล่า และเกาะซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่ในฝั่งตรงข้าม บริเวณจุดชมวิวเพลซ ริวา เดกลี เชียโวนี


ทัศนียภาพอ่าวซานมาร์โคอันสวยงามน่าประทับใจ


เรือกอนโดล่า เรือท้องถิ่นของเมืองเวนิส จอดเรียงรายอยู่ริมฝั่ง


อนุเสารีย์กษัตริย์วิคเตอร์เอ็มมานูแอลที่ 2 (Monument to Victor Emmanuel II)


อนุเสารีย์กษัตริย์วิคเตอร์เอ็มมานูแอลที่ 2 ตั้งอยู่ใกล้กับจุดชมวิวเพลซ ริวา เดกลี เชียโวนี


การเดินทางจากสนามบินเวนิสมาร์โคโปโล (Venice Marco Polo Airport / Aeroporto di Venezia-Marco Polo) ไปยังสถานีรถไฟเวเนเซียซานตาลูเซีย (Stazione di Venezia Santa Lucia)

             - รถยนต์ (Car) จาก Venice Marco Polo Airport ไปยัง Stazione di Venezia Santa Lucia มีระยะทางประมาณ 13.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที

             - รถประจำทาง (Bus) จาก Venice Marco Polo Airport ให้เดินมายังท่ารถ Aeroporto Marco Polo เพื่อขึ้นรถบัสสาย Venezia P. Roma (ออกทุก 20 นาที) มุ่งหน้าไปยังเมือง Venice โดยเมื่อไปถึงเมืองเวนิส รถบัสจะจอดให้ลงบริเวณท่ารถ Venezia Piazzale Roma ATVO ที่จัตุรัสเปียซแซลโรมา (Piazzale Roma) จากนั้นเดินต่อไปประมาณ 450 เมตร ก็จะถึงยัง Stazione di Venezia Santa Lucia มีระยะทางโดยรวมประมาณ 13.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที 

หมายเหตุ : Stazione di Venezia Santa Lucia เป็นสถานีรถไฟหลักของเมืองเวนิสที่มีเส้นทางเดินรถเชื่อมต่อกับเมืองต่างๆ ในประเทศอิตาลี รวมถึงเมืองต่างๆ ในประเทศแถบยุโรป แต่ขนส่งสาธารณะหลักภายในเมืองเวนิส จะใช้การเดินทางทางน้ำโดย “เรือประจำทาง” ที่เรียกว่า “Water-bus” ซึ่งมีท่าเรือครอบคลุมทั่วเมือง โดยท่าเรือบริเวณด้านหน้า Stazione di Venezia Santa Lucia มีจำนวน 4 ท่าแยกตามเส้นทางเดินเรือ ได้แก่ Ferrovia “A”, Ferrovia “B”, Ferrovia “C” และ Ferrovia “D”


การเดินทางจากสถานีรถไฟเวเนเซียซานตาลูเซีย (Stazione di Venezia Santa Lucia) ไปยังจัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โคและหอระฆังซานมาร์โค (Piazza San Marco & San Marco Campanile)

             - เรือ (Ferry) จาก Stazione di Venezia Santa Lucia เดินไปยังท่าเรือ Ferrovia D เพื่อขึ้น Water-bus สาย 1 จากนั้นลงที่ท่าเรือ San Marco Zaccaria และเดินต่อไปอีกประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงยัง Piazza San Marco & San Marco Campanile ใช้เวลาเดินทางโดยรวมประมาณ 43 นาที


เวลาทำการเปิด-ปิด

             บริเวณจัตุรัสเปิดตลอดเวลา

             หอระฆังมีเวลาทำการดังนี้

             วันที่ 1 ตุลาคม - 31 มีนาคม เปิดเวลา 9:30 น. - 17:00 น.

             วันที่ 7-24 มกราคม ปิดเพื่อทำการบูรณะซ่อมแซม

             วันที่ 1-15 เมษายน เปิดเวลา 9:30 น. - 17:30 น.

             วันที่ 16 เมษายน - 30 กันยายน เปิดเวลา 8:30 น. - 21:00 น.


ความสวยงามของจัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โคในช่วงเช้ามืดที่ไร้ผู้คนพลุกพล่าน


ความสวยงามของมหาวิหารซานมาร์โคและหอนาฬิกาซานมาร์โคในช่วงเช้ามืด


จัตุรัสที่เงียบสงบในช่วงเช้ามืด


อัตราค่าเข้าชม

             บริเวณจัตุรัสไม่เสียค่าเข้าชม

             ค่าเข้าชมหอระฆัง : ตั๋วผู้ใหญ่ราคา 8 Euro / ตั๋วเด็กอายุ 6 - 18 ปี ราคา 4 Euro


จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โคและหอระฆังริมอ่าวซานมาร์โค


จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โคและหอระฆังริมอ่าวซานมาร์โค


ความสวยงามของจัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค และพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเลเมื่อมองจากริมอ่าวซานมาร์โค


ภาพแลนด์มาร์กอันโดดเด่นกลางเมืองเวนิสเมื่อมองจากหอระฆังบนเกาะซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่ที่อยู่ในฝั่งตรงข้าม


เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

             ตลอดทั้งปี ยกเว้นช่วง 7-24 มกราคม ที่หอระฆังจะปิดซ่อมบำรุง


             
นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยว Piazza San Marco และ San Marco Campanile สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                         จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค และ หอระฆังซานมาร์โค เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

                         (Piazza San Marco & San Marco Campanile, Venice, Italy)

 

                         ระดับความนิยม : 

                         อัตราค่าเข้าชม : บริเวณจัตุรัสไม่เสียค่าเข้าชม

                                                ค่าเข้าชมหอระฆัง:  ตั๋วผู้ใหญ่ราคา 8 Euro / ตั๋วเด็กอายุ 6 - 18 ปี ราคา 4 Euro

                         เวลาเปิด-ปิด : บริเวณจัตุรัสเปิดตลอดเวลา

                                               หอระฆังมีเวลาทำการดังนี้

                                               วันที่ 1 ตุลาคม - 31 มีนาคม เปิดเวลา 9:30 น. - 17:00 น.

                                               วันที่ 7-24 มกราคม ปิดเพื่อทำการบูรณะซ่อมแซม

                                               วันที่ 1-15 เมษายน เปิดเวลา 9:30 น. - 17:30 น.

                                               วันที่ 16 เมษายน - 30 กันยายน เปิดเวลา 8:30 น. - 21:00 น.

                         ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี

                         สถานที่ตั้ง : เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

                         โทรศัพท์ : (+39) 041 2708311

                         เว็บไซต์ : http://www.italia.it/en/discover-italy/veneto/poi/st-marks-square.html?no_cache=1&h=Piazza%2CSan%2CMarco    

                                        http://www.basilicasanmarco.it/basilica/campanile/?lang=en

                         ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/th/it/italy-weather

                                          เว็บไซต์ทางการของเมืองเวนิส https://www.veneziaunica.it/en

                                          เว็บไซต์ทางการของประเทศอิตาลี http://www.italia.it/en/home.html   

                                          เว็บไซต์การท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี https://www.italyguides.it/en

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์

นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์

อ่านต่อ

รวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์

นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด

อ่านต่อ

หมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม

อ่านต่อ

มหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ

อ่านต่อ

มหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม

อ่านต่อ

ท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ

อ่านต่อ

กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา

อ่านต่อ

หมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์

หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ

อ่านต่อ

หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์

หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้

อ่านต่อ

หมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์

หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ