- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- เกาะซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่ เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
เกาะซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่ เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
- อ่าน (3,603)
- By Webmaster
- 13:41:05 | 29 เม.ย. 2563
เกาะซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่ เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
San Giorgio Maggiore, Venice, Italy
เกาะซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับชายฝั่งจัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค
เกาะซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่ (San Giorgio Maggiore) เป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองเมืองเวนิส ตรงข้ามกับจตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค โดดเด่นด้วยโบสถ์หินอ่อนเก่แก่สีขาวที่มีโดมขนาดใหญ่ด้านบน และหอระฆังความสูง 63 เมตรที่ด้านบนเป็นหอชมเมืองซึ่งสามารถชมทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองเวนิส และเห็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองเวนิสได้หลายแห่ง อาทิเช่น หอระฆังซานมาร์โคและพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเลที่ตั้งอยู่ในฝั่งตรงข้าม อีกทั้งยังสามารถชมทิวทัศน์อันน่าประทับใจของท้องทะเลและหมู่เกาะต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียงได้โดยรอบ เกาะนี้จึงเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองเวนิสที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากอีกแห่งหนึ่ง
แผนที่ตั้งเกาะซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่ (San Giorgio Maggiore) เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
ประวัติ
เกาะซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่เป็นเกาะที่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองเมืองเวนิส แต่เดิมชื่อว่าเกาะอินซูลา เมมมีอา (Insula Memmia) ตามชื่อของราชวงศ์เมมโม (Memmo) ที่ปกครองเวนิสในช่วงศตวรรษที่ 8
ต่อมาในสมัยของโดจทริบูโน เมมโม (Doge Tribuno Memmo) ได้ทรงมอบเกาะแห่งนี้ให้กับ เจ้าคณะนักบวชจีโอแวนนี โมโรซินี (Benedettino Monk Giovanni Morosini) เพื่อใช้ในการศาสนา และได้มีการสร้างอารามซันจิออร์จิโอ (San Giorgio Monastery) ขึ้นมาบนเกาะในปีค.ศ. 829
ต่อมาในปี ค.ศ. 1566 ได้มีการสร้างโบสถ์ขึ้นเพื่ออุทิศแด่นักบุญเซนต์จอร์จ (St. George) และตั้งชื่อว่า โบสถ์ซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่ (Chiesa di San Giorgio Maggiore / Church of San Giorgio Maggiore) เป็นโบสถ์นิกายโรมันคาทอลิก สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมเรเนซอง (Renaissance Architecture) ออกแบบโดยนายแอนเดรีย ปาลาดิโอ (Andrea Palladio) นายสถาปนิกมือหนึ่งในยุคนั้น โบสถ์สร้างแล้วเสร็จในปีค.ศ. 1610 โดดเด่นด้วยอาคารที่สร้างจากหินอ่อนสีขาวตัดกับสีของน้ำทะเล ตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่ง ตรงข้ามกับจตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค ด้านในตกแต่งแบบเน้นความโปร่งด้วยเสาสูงและผนังสีขาว ที่นี่ยังเป็นที่เก็บรักษาและจัดแสดงผลงานภาพเขียนชื่อดังหลายชิ้น อย่างเช่น “The Last Supper” และ “The Jews in the desert” จากฝีมือของ Tintoretto ศิลปินชาวอิตาลีที่มีชื่อเสียง
ในส่วนของหอระฆัง (Campanile / Bell Tower) นั้นสร้างขึ้นในช่วงปีค.ศ. 1467 แต่พังลงในปีค.ศ. 1774 และได้รับการสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งด้วยสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิก (Neo-Classic Architecture)
ปัจจุบันเกาะนี้อยู่ในความดูแลของ Giorgio Cini Foundation และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งในเมืองเวนิส โดยไฮไลท์ของการท่องเที่ยวเกาะนี้คือการขึ้นลิฟต์ไปด้านบนหอระฆังเพื่อชมวิวเมืองเวนิสอันสวยงามและน่าประทับใจ
เกาะซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่โดดเด่นด้วยหลังคาโดมขนาดใหญ่โบสถ์และหอระฆัง
ความสวยงามตัวอาคารบนเกาะที่เรืองรองด้วยแสงไฟประดับในช่วงหัวค่ำไปจนถึงรุ่งสาง
ตัวโบสถ์ทำจากหินอ่อนสีขาวตัดกับสีของน้ำทะเล
ด้านทิศตะวันออกของเกาะเป็นอู่เรือ
ภายในโบสถ์เรียงรายด้วยเสาสูง และซุ้มประตูหน้าต่างโค้ง
การตกแต่งด้านในประดับด้วยผลงานภาพเขียนและงานประติมากกรรม
ประติมากรรมพระเยซูคริสต์ตรึงกางเขน
เสาสูงโปร่งและซุ้มประตูโค้งภายในโบสถ์
บริเวณแท่นบูชาสูงด้านในโบสถ์
ประติมากรรม God Father
ภาพเขียนถ่ายทอดเรื่องราวทางศาสนาคริสต์ที่ประดับตกแต่งอยู่ภายในโบสถ์
เทวรูปโบราณที่แกะสลักจากไม้
ประติมากรรมรูปสลักที่ตกแต่งอยู่ในภายในโบสถ์
พื้นที่สำหรับร้องเพลงประสานเสียงตกแต่งผนังด้วยไม้แกะสลัก
ทัศนียภาพท้องทะเลและหมู่เกาะจากด้านบนหอระฆัง
จากด้านบนสามารถมองเห็นมหาวิหารซานตามารียา เดลล่า ซาลูเต ที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ
เมื่อมองไปทางฝั่งทิศเหนือจะเห็นจตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โคที่โดดเด่นด้วยหอระฆังซานมาร์โคและพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล่
ทัศนียภาพเกาะหลักของเมืองเวนิส
บริเวณน่านน้ำและอู่เรือของเกาะซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่
ไกลออกไปทางด้านตะวันออกเฉียงใต้คือที่ตั้งของเกาะซานเซอร์โวโล (San Servolo)
การเดินทางจากสนามบินเวนิสมาร์โคโปโล (Venice Marco Polo Airport / Aeroporto di Venezia-Marco Polo) ไปยังสถานีรถไฟเวเนเซียซานตาลูเซีย (Stazione di Venezia Santa Lucia)
- รถยนต์ (Car) จาก Venice Marco Polo Airport ไปยัง Stazione di Venezia Santa Lucia มีระยะทางประมาณ 13.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที
- รถประจำทาง (Bus) จาก Venice Marco Polo Airport ให้เดินมายังท่ารถ Aeroporto Marco Polo เพื่อขึ้นรถบัสสาย Venezia P. Roma (ออกทุก 20 นาที) มุ่งหน้าไปยังเมือง Venice โดยเมื่อไปถึงเมืองเวนิส รถบัสจะจอดให้ลงบริเวณท่ารถ Venezia Piazzale Roma ATVO ที่จัตุรัสโรมา (Piazzale Roma) จากนั้นเดินต่อไปประมาณ 450 เมตร ก็จะถึงยัง Stazione di Venezia Santa Lucia มีระยะทางโดยรวมประมาณ 13.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที
หมายเหตุ : Stazione di Venezia Santa Lucia เป็นสถานีรถไฟหลักของเมืองเวนิสที่มีเส้นทางเดินรถเชื่อมต่อกับเมืองต่างๆ ในประเทศอิตาลี รวมถึงเมืองต่างๆ ในประเทศแถบยุโรป แต่ขนส่งสาธารณะหลักภายในเมืองเวนิส จะใช้การเดินทางทางน้ำโดย “เรือประจำทาง” ที่เรียกว่า “Water-bus” ซึ่งมีท่าเรือครอบคลุมทั่วเมือง โดยท่าเรือบริเวณด้านหน้า Stazione di Venezia Santa Lucia มีจำนวน 4 ท่าแยกตามเส้นทางเดินเรือ ได้แก่ Ferrovia “A”, Ferrovia “B”, Ferrovia “C” และ Ferrovia “D”
การเดินทางจากสถานีรถไฟเวเนเซียซานตาลูเซีย (Stazione di Venezia Santa Lucia) ไปยังเกาะซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่ (San Giorgio Maggiore)
- เรือ (Ferry) จาก Stazione di Venezia Santa Lucia เดินไปยังท่าเรือ Ferrovia D เพื่อขึ้น Water-bus สาย 1 จากนั้นลงที่ท่าเรือ San Marco-San Zaccaria และต่อ Water-bus ที่ไปยังเกาะ San Giorgio Maggiore และลงที่ท่า S. Giorgio แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 550 เมตร ก็จะถึงยัง San Giorgio Maggiore ใช้เวลาเดินทางโดยรวมประมาณ 1 ชั่วโมง 5 นาที
เวลาทำการเปิด-ปิด
เดือนเมษายน ถึง เดือนตุลาคม เปิด 9:00 น. - 19:00 น.
เดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนมีนาคม เปิด 8:30 น. - 18:00 น.
บนยอดโดมของโบสถ์ประดับด้วยรูปปั้นของ Saint George
อัตราค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม แต่มีค่าขึ้นหอระฆัง
ค่าขึ้นหอระฆัง
- ผู้ใหญ่ ราคา 6 Euro
- นักเรียนและนักศึกษาอายุไม่เกิน 26 ปี และผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป ราคา 4 Euro
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
ตลอดทั้งปี
นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยว San Giorgio Maggiore สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
เกาะซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่ เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
(San Giorgio Maggiore, Venice, Italy)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม แต่มีค่าขึ้นหอระฆัง
ค่าขึ้นหอระฆัง (ผู้ใหญ่ ราคา 6 Euro / นักเรียนและนักศึกษาอายุไม่เกิน 26 ปี และผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป ราคา 4 Euro)
เวลาเปิด-ปิด : เดือนเมษายน ถึง เดือนตุลาคม เปิด 9:00 น. - 19:00 น.
เดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนมีนาคม เปิด 8:30 น. - 18:00 น.
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
โทรศัพท์ : (+39) 041 5298711
เว็บไซต์ : http://en.turismovenezia.it/Venezia/Chiesa-di-San-Giorgio-Maggiore-6106.html
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/th/it/italy-weather
เว็บไซต์ทางการของเมืองเวนิส https://www.veneziaunica.it/en
เว็บไซต์ทางการของประเทศอิตาลี http://www.italia.it/en/home.html
เว็บไซต์การท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี https://www.italyguides.it/en
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อรวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ