- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- เกาะบูราโน่ เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
เกาะบูราโน่ เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
- อ่าน (6,080)
- By Webmaster
- 13:25:59 | 29 เม.ย. 2563
เกาะบูราโน่ เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
Burano, Venice, Italy
อาคารบ้านเรือนสีสันสดใสบนเกาะบูราโน่
เกาะบูราโน่ (Burano) เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมงอันสงบสุข โดดเด่นด้วยอาคารบ้านเรือนสีสันสดใสเรียงรายอยู่บนเกาะ และหอเอียงแห่งบูราโน่ (Burano's Leaning Bell Tower) ซึ่งเป็นหอระฆังความสูง 53 เมตรที่มีความเอียงจากการทรุดตัวของพื้นดินด้านล่าง นอกจากทัศนียภาพอันสวยงามบนเกาะแล้ว ที่นี่ยังมีชื่อเสียงด้านงานหัตถศิลป์ในการถักทอผ้าลูกไม้ ซึ่งจัดเป็นศิลปาชีพท้องถิ่นของเกาะแห่งนี้ที่สร้างรายได้จำนวนมากให้กับชาวบ้าน โดยนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ผ้าลูกไม้เมอร์เล็ตโต (Museo del Merletto) ที่จัดแสดงความเป็นมาของการผลิตผ้า และยังมีร้านค้าและร้านขายของที่ระลึกให้ซื้อสินค้าติดมือกลับไปได้อีกด้วย นอกจากนี้ เนื่องด้วยเป็นหมู่บ้านชาวประมง ของขึ้นชื่อของที่นี่จึงเป็นความสดของปลาทะเลที่นักท่องเที่ยวสามารถลิ้มลองรสชาติได้จากร้านอาหารต่างๆ ที่อยู่บนเกาะ เกาะบูราโน่จึงเป็นหนึ่งในหมู่เกาะของเวนิสที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
แผนที่ตั้งเกาะบูราโน่ (Burano) เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
ประวัติ
เกาะบูราโน่อยู่ห่างจากเมืองเวนิสไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 11 กิโลเมตร มีประชากรท้องถิ่นประมาณ 3,000 คน ชื่อ “Burano” มาจากภาษาท้องถิ่นว่า “Porta Boreana” มีความหมายว่า “ประตูเมืองด้านเหนือ” เกาะแห่งนี้มีความโดดเด่นจากอาคารบ้านเรือนที่มีสีสันสดใสตัดกับสีของท้องฟ้าและท้องทะเล เกิดเป็นทัศนียภาพที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ในอดีตบ้านเรือนที่สร้างในช่วงแรกที่มีประชากรอพยพมาตั้งถิ่นฐานนั้นสร้างจากโคลนและไม้ ต่อมาเมื่อมีการตั้งรกรากอย่างจริงจังจึงมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนด้วยอิฐเพื่อความคงทนแข็งแรงและทาด้วยสีสันสดใส ข้อสันนิษฐานของการทาสีบ้านด้วยสีสันฉูดฉาดอาจเป็นเพราะในอดีตชาวประมงต้องการทำสัญลักษณ์ให้สังเกตเห็นเกาะได้ง่าย เพื่อที่ชาวประมงจะได้สามารถมองเห็นเกาะที่เป็นบ้านของตัวเองได้จากนอกชายฝั่งเมื่อออกเรือไปหาปลาในระยะไกล เนื่องจากมีหมู่เกาะในท้องทะเลมากมาย
เมื่อมีการตั้งถิ่นฐาน จึงมีการก่อสร้างสถาปัตยกรรมอื่นๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น โบสถ์ซันมาร์ติโน่ (San Martino Vescovo's Church) ซึ่งมีหอเอียงแห่งบูราโน่ (Burano's Leaning Bell Tower) ซึ่งเป็นหอระฆังความสูง 53 เมตรที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 ด้วยสถาปัตยกรรมเรเนซองและนีโอคลาสสิก (Renaissance and Neoclassical Architecture) แต่เนื่องจากมีการทรุดตัวของดินจึงทำให้หอเอน และจตุรัสเปียซซ่าบัลแดซแซเร กัลลัปปี (Piazza Baldassarre Galuppi) ซึ่งเป็นจัตุรัสที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่นายบัลแดซแซเร กัลลัปปี นักแต่งเพลงชาวเวนิสในช่วงศตวรรษที่ 17
เกาะบูราโน่ยังเป็นแหล่งผลิตผ้าลูกไม้ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งเป็นศิลปาชีพท้องถิ่นที่มีความสวยงามและมีเทคนิคเฉพาะตัว และมีพิพิธภัณฑ์ผ้าลูกไม้เมอร์เล็ตโต (Museo del Merletto) ที่จัดแสดงความเป็นมาของการผลิตผ้าลูกไม้ให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้เที่ยวชม และสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ที่ร้านค้าและร้านขายของที่ระลึก เกาะบูราโน่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งของเมืองเวนิส ที่สามารถมาเที่ยวได้ทั้งแบบเช้าไปเย็นกลับ หรือจะถ้าจะพักค้างคืน บนเกาะก็มีที่พักไว้บริการอีกด้วย
เกาะบูราโน่มีคลองสายเล็กๆ คดเคี้ยวไปทั่วเกาะ สองฝั่งคลองเป็นทางคนเดินทอดยาวไปกับลำคลองและอาคารบ้านเรือนสีสันสะดุดตา
คลองสายเล็กๆ มาจากกระแสน้ำทะเลด้านนอกชายฝั่ง
บนเกาะมีเรือลำเล็กพอเหมาะกับขนาดของคลอง
หอสูงในภาพคือหอเอียงแห่งบูราโน่ที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของเกาะ
หอเอียงแห่งบูราโน่เป็นหอระฆังความสูง 53 เมตร
บรรยากาศร้านอาหารแห่งหนึ่งบนเกาะบูโรน่า
ร้านขายผ้า และร้านขายของที่ระลึกบนเกาะบูราโน่
คลองลัดเลาะไปรอบเกาะท่ามกลางอาคารบ้านเรือนหลากสี
มีสะพานข้ามคลองบนเกาะเป็นระยะ ทั้งสะพานอิฐ และสะพานไม้
ร้านขายของที่ระลึก เป็นหน้ากากขนาดจิ๋วที่ระลึกเทศกาลเวนิสคาร์นิวัล
ร้านจำหน่ายภาพเขียน โปสการ์ด ที่ระลึกบนเกาะบูราโน่
การเดินทางจากสนามบินเวนิสมาร์โคโปโล (Venice Marco Polo Airport / Aeroporto di Venezia-Marco Polo) ไปยังสถานีรถไฟเวเนเซียซานตาลูเซีย (Stazione di Venezia Santa Lucia)
- รถยนต์ (Car) จาก Venice Marco Polo Airport ไปยัง Stazione di Venezia Santa Lucia มีระยะทางประมาณ 13.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที
- รถประจำทาง (Bus) จาก Venice Marco Polo Airport ให้เดินมายังท่ารถ Aeroporto Marco Polo เพื่อขึ้นรถบัสสาย Venezia P. Roma (ออกทุก 20 นาที) มุ่งหน้าไปยังเมือง Venice โดยเมื่อไปถึงเมืองเวนิส รถบัสจะจอดให้ลงบริเวณท่ารถ Venezia Piazzale Roma ATVO ที่จัตุรัสโรมา (Piazzale Roma) จากนั้นเดินต่อไปประมาณ 450 เมตร ก็จะถึงยัง Stazione di Venezia Santa Lucia มีระยะทางโดยรวมประมาณ 13.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที
หมายเหตุ : Stazione di Venezia Santa Lucia เป็นสถานีรถไฟหลักของเมืองเวนิสที่มีเส้นทางเดินรถเชื่อมต่อกับเมืองต่างๆ ในประเทศอิตาลี รวมถึงเมืองต่างๆ ในประเทศแถบยุโรป แต่ขนส่งสาธารณะหลักภายในเมืองเวนิส จะใช้การเดินทางทางน้ำโดย “เรือประจำทาง” ที่เรียกว่า “Water-bus” ซึ่งมีท่าเรือครอบคลุมทั่วเมือง โดยท่าเรือบริเวณด้านหน้า Stazione di Venezia Santa Lucia มีจำนวน 4 ท่าแยกตามเส้นทางเดินเรือ ได้แก่ Ferrovia “A”, Ferrovia “B”, Ferrovia “C” และ Ferrovia “D”
การเดินทางจากสถานีรถไฟเวเนเซียซานตาลูเซีย (Stazione di Venezia Santa Lucia) ไปยังเกาะบูราโน่ (Burano)
- เรือ (Ferry) จาก Stazione di Venezia Santa Lucia เดินไปยังท่าเรือ Ferrovia D เพื่อขึ้น Water-bus สาย 5.2 จากนั้นลงที่ท่า F.te Nove "D" และเดินไปต่อเรือที่ท่าเรือ F.te Nove "A" เพื่อขึ้น Water-bus สายที่ไป Burano แล้วไปลงยังท่าเรือ Burano "B" ก็จะถึงยัง Burano ใช้เวลาเดินทางโดยรวมประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
เวลาทำการเปิด-ปิด
บนเกาะเปิดตลอดเวลา
ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ผ้าผ้าลูกไม้เมอร์เล็ตโตมีเวลาทำการ ดังนี้
- ในช่วงฤดูร้อน เดือนเมษายน - เดือนตุลาคม เวลา 10:30 น. - 17:00 น.
- ในช่วงฤดูหนาว เดือนพฤศจิกายน - เดือนมีนาคม เวลา 10:00 น. - 17:00 น.
- ปิดวันจันทร์
อัตราค่าเข้าชม
บนเกาะไม่เสียค่าเข้าชม แต่มีค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ผ้าลูกไม้เมอร์เล็ตโตในราคาผู้ใหญ่ 7 Euro และเด็กอายุุ 6-14 ปี ราคา 6.50 Euro
สีสันของอาคารบ้านเรือนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเกาะบูราโน่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชม
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
ตลอดทั้งปี
โบสถ์ซันมาร์ติโน่ และหอเอียงแห่งบูราโน่ จากบริเวณจตุรัสเปียซซ่าบัลแดซแซเร กัลลัปปี
นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยว Burano สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
เกาะบูราโน่ เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
(Burano, Venice, Italy)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : บนเกาะไม่เสียค่าเข้าชม
ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ผ้าลูกไม้เมอร์เล็ตโตในราคาผู้ใหญ่ 7 Euro และเด็กอายุุ 6-14 ปี ราคา 6.50 Euro
เวลาเปิด-ปิด : ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ผ้าผ้าลูกไม้เมอร์เล็ตโตมีเวลาทำการ ดังนี้
- ในช่วงฤดูร้อน เดือนเมษายน - เดือนตุลาคม เวลา 10:30 น. - 17:00 น.
- ในช่วงฤดูหนาว เดือนพฤศจิกายน - เดือนมีนาคม เวลา 10:00 น. - 17:00 น.
- ปิดวันจันทร์
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
โทรศัพท์ : (+39) 041 8877441
เว็บไซต์ : https://www.isoladiburano.it/en/
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/th/it/italy-weather
เว็บไซต์ทางการของเมืองเวนิส https://www.veneziaunica.it/en
เว็บไซต์ทางการของประเทศอิตาลี http://www.italia.it/en/home.html
เว็บไซต์การท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี https://www.italyguides.it/en
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อรวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ