พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

  • อ่าน (5,313)
  • By Webmaster
  • 13:12:49 | 29 เม.ย. 2563

พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

Palazzo Ducale, Venice, Italy


พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเลตั้งอยู่บริเวณริมอ่าวบริเวณจัตุรัสซานมาร์โค

           พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล หรือพระราชวังโดจ (Palazzo Ducale / Doge's Palace) เป็นพระราชวังเก่าที่มีอายุราวหนึ่งพันปี ตั้งอยู่ในบริเวณของจัตุรัสซานมาร์โคที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งเมืองเวนิส แต่เดิมพระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของเจ้าเมืองเวนิสที่เรียกว่า “โดจ (Doge)” และยังเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการในสมัยนั้นอีกด้วย ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้สาธารณะเข้าชม โดยตั้งแต่แรกสร้างจนถึงช่วงศตวรรษที่ 18 ได้มีการปรับโครงสร้าง เพิ่มอาคารส่วนต่อขยาย รวมถึงสร้างขึ้นใหม่อยู่หลายครั้ง ด้วยเหตุนี้ พระราชวังแห่งนี้จึงเป็นแลนด์มาร์กเชิงประวัติศาสตร์ทั้งในด้านสถาปัตยกรรมเก่าแก่ในรูปแบบผสมผสานทั้งแบบเวเนเชียน ไบเซนไทน์ เรเนซอง และโกธิก รวมถึงการตกแต่งภายในและภายนอกอันสวยงามทรงคุณค่าที่สะท้อนให้เห็นถึงศิลปะสมัยนิยมในยุคนั้น  ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองเวนิสอีกแห่งหนึ่งที่ควรค่าต่อการเข้าชม


แผนที่ตั้งพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล (Palazzo Ducale) เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

ประวัติ

           พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมโกธิก (Gothic Architecture) ตัวอาคารพระราชวังแบ่งออกเป็นสามส่วน โดยอาคารปีกที่หันหน้าหาอ่าวซานมาร์โคเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุด อาคารส่วนที่สองคือด้านที่หันหน้าเข้าหาจัตุรัสซานมาร์โค และอาคารส่วนที่สามคือฝั่งที่ติดกับคลองด้านสะพานบริดจ์ออฟไซท์ (Bridge of Sighs) พระราชวังนี้เคยเป็นที่ประทับของโดจ (Doge) เจ้าเมืองเมืองเวนิสในอดีต รวมถึงเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการในสมัยนั้นอีกด้วย

           หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกในปีค.ศ. 476 หลายเมืองจึงกลายเป็นเอกเทศและปกครองตนเองอย่างอิสระ เมืองเวนิสก็เช่นกัน โดยเจ้าเมืองหรือในภาษาท้องถิ่นจะเรียกกันว่า "โดจ (Doge)" ซึ่งโดจคนแรกของเมืองเวนิสคือ โดจ แองเจโล พาร์เทซิปาซิโอ (Doge Angelo Partecipazio) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเลนี้ขึ้นมาในช่วงศตวรรษที่ 9 โดยข้อสันนิษฐานในการเลือกตั้งพระราชวังบริเวณนี้เพราะมีคลองกั้นด้านหนึ่งเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการสร้างกำแพงหนาทึบ และหอสังเกตการณ์ทั้งสี่มุม มีทางเข้าหลักชื่อว่าประตูคาร์ตา (Carta Gate) ซึ่งคงอยู่มาถึงทุกวันนี้ พระราชวังนี้เป็นที่ตั้งของที่ประทับ หน่วยงานราชการ ศาล คุก และคลังแสงอาวุธ

           ในช่วงศตวรรษที่ 10 พระราชวังแห่งนี้ถูกไฟไหม้ และได้รับการสร้างใหม่ภายใต้การปกครองของโดจ เซบัสเตียโน เซียนี (Doge Sebastiano Ziani) ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและผังของพระราชวังใหม่ทั้งหมดเพื่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารใหม่เพิ่มขึ้นสองหลังในพื้นที่บริเวณจัตุรัสซานมาร์โคในปัจจุบัน โดยหลังแรกหันหน้าไปทางจัตุรัส เพื่อใช้เป็นที่ตั้งของศาลและสถาบันทางกฎหมาย อีกหลังหนึ่งหันหน้าเข้าหาอ่าวซานมาร์โคเพื่อใช้เป็นที่ตั้งของกรมการปกครองต่างๆ อาคารพระราชวังที่สร้างขึ้นใหม่นี้ใช้สถาปัตยกรรมไบเซนไทน์-เวเนเชียน (Byzantine-Venetain Architecture)  

           ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 13 ได้มีการขยายพระราชวังขึ้นอีกครั้งเพื่อรองรับข้าราชการที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น (ซึ่งเป็นโครงสร้างของพระราชวังที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้) ภายใต้การปกครองของโดจ บาร์โตโลมีโอ กราเดนิโก (Dodge Bartolomeo Gradenigo) และมีการประดับตกแต่งด้วยภาพเขียนบริเวณผนังในบริเวณของสภา Great Council Chamber โดยจิตกรกาเรียนโต (Guariento) จากเมืองปาดัว (Padua) ที่อยู่ทางเหนือของประเทศอิตาลี และยังมีภาพเขียนอื่นๆ จากศิลปินฝีมือเอกอีกมากมายที่ใช้ประดับตกแต่งภายใน

           ในช่วงศตวรรษที่ 14 โดจฟรานเซสโก ฟอสคารี (Doge Francesco Foscari) ได้มีการปรับโครงสร้างอาคารชั้นล่างที่หันหน้าเข้าหาจัตุรัสซานมาร์โคให้มีความโปร่งขึ้นเพื่อให้มองเห็นวิวของอ่าวได้ ซึ่งใช้ระยะเวลายาวนานจนถึงช่วงปลายของศตวรรษที่14 ซึ่งเป็นยุคของโดจ จิโอวานนี โมเซนนิโก (Doge Giovanni Mocenigo) และในช่วงนี้เกิดไฟไหม้ขึ้นอีกครั้งบริเวณอาคารฝั่งติดกับคลองซึ่งเป็นที่ประทับของโดจ จึงมีการสร้างอาคารขึ้นใหม่ด้วยสถาปัตยกรรมเรเนซอง (Renaissance Architecture) โดยนายสถาปนิกอันโตนิโอ ริซโซ๋ (Antonio Rizzo) สร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 ในส่วนของคุก สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 เชื่อมต่อกับส่วนพระราชวังด้วยสะพานบริดจ์ออฟไซท์ (Bridge of Sighs)

           พระราชวังเป็นศูนย์กลางการปกครองของรัฐเวเนเชียมาหลายร้อยปี จนกระทั่งล่มสลายลงในปีค.ศ. 1797 เมื่อฝรั่งเศสและออสเตรียเข้ามายึดครอง แต่ในที่สุดรัฐเวเนเชียก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอิตาลีในปีค.ศ. 1866 เป็นต้นมา และในศควรรษที่ 19 รัฐบาลอิตาลีได้มีการจัดสรรงบประมาณมาให้เพื่อใช้ทำนุบำรุงพระราชวังเก่าแห่งนี้ พระราชวังนี้จึงเปลี่ยนบทบาทมาเป็นพิพิธภัณฑ์เชิงประวัติศาสตร์ ซึ่งดูแลโดยองค์กรพิพิธภัณฑ์แห่งเมืองเวนิส (Civic Museums of Venice) นับแต่นั้นมาปัจจุบันพระราชวังปาลัซโซดูคาเล เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กอันโดดเด่นของเมืองเวนิสและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก


อาคารพระราชวังฝั่งที่หันหน้าเข้าหาอ่าวซานมาร์โค 


อาคารพระราชวังฝั่งที่ติดกับมหาวิหารซานมาร์โค


โถงทางเดินหลังคาซุ้มโค้งและเรียงรายด้วยเสาหินสลักเก่าแก่ริมอาคารพระราชวัง


ทางเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ด้านในพระราชวัง


เสาหินสลักโบราณที่สร้างขึ้นในช่วงศควรรษที่ 14-15 จัดแสดงอยู่ภายใน Room VI of the Museo dell’Opera ของพระราชวัง 


เสาหินสลักโบราณที่สร้างขึ้นในช่วงศควรรษที่ 14-15


ชิ้นส่วนของอาคารพระราชวังเก่า


ชิ้นส่วนของเสาหินสลักโบราณที่ยังหลงเหลืออยู่


เสาหินและรูปสลักโบราณ


สถาปัตยกรรมโบราณที่มีความเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของโลก


ประติมากรรมหินสลักรูปสิงโตเก่าแก่


เรือโบราณที่จัดแสดงอยู่ภายในริมทางเดินด้านในพระราชวัง 


ด้านในพระราชวังจะมีลานสี่เหลี่ยมอยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วยอาคารพระราชวัง


อาคารด้านในฝั่งทิศเหนือติดมหาวิหารซานมาร์โค


อาคารด้านในฝั่งทิศตะวันออกติดคลองข้างพระราชวัง


ด้านหลังอาคารทางฝั่งทิศใต้ที่หันหน้าสู่อ่าวซานมาร์โค 


ในบริเวณของ The Senate Chamber ที่เคยเป็นรัฐสภาเก่า


พื้นที่ของสภาจะตกแต่งด้วยภาพเขียนบริเวณผนังและเพดาน


พื้นที่ของสภาจะตกแต่งด้วยภาพเขียนบริเวณผนังและเพดาน


ภาพเขียนขนาดใหญ่ในบริเวณห้องที่เคยเป็นศาลสูง The Chamber of the Great Council


ห้องต่างๆ ได้รับตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง


ภาพเขียนที่ใช้ตกแต่งถ่ายทอดเรื่องราวประวัติความเป็นมาของเมืองเวนิส


ภาพเขียนบอกเล่าเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ด้วยฝีมือศิลปินเอก


ภายในห้อง The Council Chamber ประดับด้วยภาพเขียนอย่างสวยงาม 


ในส่วน Armoury จัดแสดงคลังแสงอาวุธของกองทัพในสมัยโบราณ


อาวุธโบราณแบบต่างๆ 


อาวุธโบราณแบบต่างๆ


ปืนใหญ่ในสมัยโบราณ 


ดาบ หมวก และโล่ ที่เคยใช้ในการออกรบ


ดาบ โล่ และชุดเกราะของนักรบในอดีต 


ชุดเกราะและอาวุธของนักรบโบราณ


พื้นที่อาคารในส่วนของคุก 


คุกเก่าไฟสลัวก่อด้วยอิฐหนาทึบ 


โถงทางเดินแคบๆ ทอดยาวสู่ห้องคุมขังภายในคุก 


ภายในคุกแบ่งเป็นห้องขังเล็กๆ เรียงรายไปตามโถงทางเดิน


ด้านในห้องขังเป็นพื้นที่แคบหลังคาต่ำ 


สภาพด้านในคุกโบราณ


บางห้องจะมีเตียงเล็กๆ ทำจากไม้ 


สภาพภายในห้องขังเก่า

การเดินทางจากสนามบินเวนิสมาร์โคโปโล (Venice Marco Polo Airport / Aeroporto di Venezia-Marco Polo) ไปยังสถานีรถไฟเวเนเซียซานตาลูเซีย (Stazione di Venezia Santa Lucia)

 

             - รถยนต์ (Car) จาก Venice Marco Polo Airport ไปยัง Stazione di Venezia Santa Lucia มีระยะทางประมาณ 13.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที

             - รถประจำทาง (Bus) จาก Venice Marco Polo Airport ให้เดินมายังท่ารถ Aeroporto Marco Polo เพื่อขึ้นรถบัสสาย Venezia P. Roma (ออกทุก 20 นาที) มุ่งหน้าไปยังเมือง Venice โดยเมื่อไปถึงเมืองเวนิส รถบัสจะจอดให้ลงบริเวณท่ารถ Venezia Piazzale Roma ATVO ที่จัตุรัสโรมา (Piazzale Roma) จากนั้นเดินต่อไปประมาณ 450 เมตร ก็จะถึงยัง Stazione di Venezia Santa Lucia มีระยะทางโดยรวมประมาณ 13.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที

หมายเหตุ : Stazione di Venezia Santa Lucia เป็นสถานีรถไฟหลักของเมืองเวนิสที่มีเส้นทางเดินรถเชื่อมต่อกับเมืองต่างๆ ในประเทศอิตาลี รวมถึงเมืองต่างๆ ในประเทศแถบยุโรป แต่ขนส่งสาธารณะหลักภายในเมืองเวนิส จะใช้การเดินทางทางน้ำโดย “เรือประจำทาง” ที่เรียกว่า “Water-bus” ซึ่งมีท่าเรือครอบคลุมทั่วเมือง โดยท่าเรือบริเวณด้านหน้า Stazione di Venezia Santa Lucia มีจำนวน 4 ท่าแยกตามเส้นทางเดินเรือ ได้แก่ Ferrovia “A”, Ferrovia “B”, Ferrovia “C” และ Ferrovia “D”

การเดินทางจากสถานีรถไฟเวเนเซียซานตาลูเซีย (Stazione di Venezia Santa Lucia) ไปยังพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล (Palazzo Ducale) 

             - เรือ (Ferry) จาก Stazione di Venezia Santa Lucia เดินไปยังท่าเรือ Ferrovia D เพื่อขึ้น Water-bus สาย 1 จากนั้นลงที่ท่าเรือ San Marco-Zaccaria ก็จะถึงยัง Palazzo Ducale ใช้เวลาเดินทางโดยรวมประมาณ 40 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด

             วันที่ 1 เมษายน ถึง วันที่ 31 ตุลาคม

                     วันอาทิตย์ - วันพฤหัสบดี เปิดเวลา 8:30 น. - 21:00 น.

                     วันศุกร์ - วันเสาร์ เปิดเวลา 8:30 น. - 23:00 น.

             วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง วันที่ 31 มีนาคม

                     เปิดทุกวัน เวลา 8:30 น. - 19:00 น.



อัตราค่าเข้าชม

           จะเป็นตั๋วแบบรวมค่าเข้าชมพระราชวังและสถานที่ต่างๆ ภายในบริเวณจัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค ดังนี้

                    - พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล (Palazzo Ducale)

                    - พิพิธภัณฑ์ศิลปะคอร์เรย์ (Museo Correr)

                    - พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ (Museo Archeologico Nazionale di Venezia)

                    - ห้อง Monumental Rooms ภายในหอสมุดแห่งชาติมาร์เซียน่า (Biblioteca Nazionale Marciana)

           ราคาตั๋ว

                    - ตั๋วผู้ใหญ่ ราคา 25 Euro

                    - เด็กอายุ 6-14 ปี / นักเรียนนักศึกษาอายุ 15-25 ปี / ผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป ราคา 13 Euro

                    - ชาวเวนิส / เด็กอายุไม่เกิน 5 ปี / ผู้พิการ เข้าชมฟรี


ทัศนียภาพพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเลริมอ่าวซานมาร์โค

เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

           ตลอดทั้งปี

 
            นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยว Palazzo Ducale สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                         พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

                         (Palazzo Ducale, Venice, Italy)

                         ระดับความนิยม : 

                         อัตราค่าเข้าชม : จะเป็นตั๋วแบบรวมค่าเข้าชมพระราชวัง และสถานที่ต่างๆ ภายในบริเวณจัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค 

                                                 - ตั๋วผู้ใหญ่ ราคา 25 Euro

                                                 - เด็กอายุ 6-14 ปี / นักเรียนนักศึกษาอายุ 15-25 ปี / ผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป ราคา 13 Euro

                                                 - ชาวเวนิส / เด็กอายุไม่เกิน 5 ปี / ผู้พิการ เข้าชมฟรี

                         เวลาเปิด-ปิด : วันที่ 1 เมษายน ถึง วันที่ 31 ตุลาคม

                                                - วันอาทิตย์ - วันพฤหัสบดี เปิดเวลา 8:30 น. - 21:00 น.

                                                - วันศุกร์ - วันเสาร์ เปิดเวลา 8:30 น. - 23:00 น.

                                             วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง วันที่ 31 มีนาคม

                                                - เปิดทุกวัน เวลา 8:30 น. - 19:00 น.

                         ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี

                         สถานที่ตั้ง : เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

                         โทรศัพท์ : (+39) 041 2715911

                         เว็บไซต์ : https://palazzoducale.visitmuve.it/en/home/   

                         ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/th/it/italy-weather

                                      เว็บไซต์ทางการของเมืองเวนิส https://www.veneziaunica.it/en

                                      เว็บไซต์ทางการของประเทศอิตาลี http://www.italia.it/en/home.html   

                                      เว็บไซต์การท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี https://www.italyguides.it/en

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์

นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์

อ่านต่อ

รวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์

นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด

อ่านต่อ

หมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม

อ่านต่อ

มหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ

อ่านต่อ

มหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม

อ่านต่อ

ท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ

อ่านต่อ

กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์

กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา

อ่านต่อ

หมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์

หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ

อ่านต่อ

หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์

หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้

อ่านต่อ

หมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์

หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ