- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- พิพิธภัณฑ์ศิลปะเป็กกี้ กุกเกนไฮม์ คอลเลคชั่น เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเป็กกี้ กุกเกนไฮม์ คอลเลคชั่น เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
- อ่าน (3,427)
- By Webmaster
- 09:45:42 | 29 เม.ย. 2563
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเป็กกี้ กุกเกนไฮม์ คอลเลคชั่น เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
Peggy Guggenheim Collection, Venice, Italy
บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเป็กกี้ กุกเกนไฮม์ คอลเลคชั่น (Peggy Guggenheim Collection) ตั้งตามชื่อของเป็กกี้ กุกเกนไฮม์ (Peggy Guggenheim) บุคคลสำคัญผู้มีใจรักและให้การสนับสนุนในด้านผลงานศิลปะร่วมสมัยที่มีชีวิตอยู่ในช่วงค.ศ.1898 – ค.ศ.1979 พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้ตั้งอยู่ริมคลองแกรนด์คาแนลใกล้กับสะพานแอคคาเดเมีย (Ponte dell'Accademia) อาคารพิพิธภัณฑ์แต่เดิมคือพระราชวังเก่าปาลัซโซ่เวนิเยร์เดอีลีโอนี (Palazzo Venier dei Leoni) ที่เป็กกี้ได้ซื้อไว้ในปี ค.ศ. 1949 และปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายนอกและการตกแต่งภายในเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยและเปิดเป็นศูนย์จัดแสดงผลงานศิลปะชิ้นเอกต่างๆ ทั้งภาพเขียนและผลงานประติมากรรมมากมายที่ได้สะสมเอาไว้ เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีความสำคัญที่สุดของยุโรปอีกแห่งหนึ่งในยุคศตวรรษที่ 20 ที่นี่จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของเมืองเวนิสที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและผู้หลงใหลในผลงานศิลปะ
แผนที่ตั้ง พิพิธภัณฑ์ศิลปะเป็กกี้ กุกเกนไฮม์ คอลเลคชั่น (Peggy Guggenheim Collection) เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
ประวัติ
เป็กกี้ กุกเกนไฮม์ (Peggy Guggenheim) เกิดในเมืองนิวยอร์ก ในวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1898 เป็นลูกสาวของนายเบนจามิน กุกเกนไฮม์ (Benjamin Guggenheim) และนางฟลอเรต เซลิกแมน (Florette Seligman) ทางฝั่งพ่อของเป็กกี้มีธุรกิจครอบครัวเกี่ยวกับโลหะและเครื่องเงิน ทางฝั่งแม่ของเป็กกี้อยู่ในครอบครัวที่ทำธุรกิจธนาคาร เป็กกี้เติบโตมาในเมืองนิวยอร์ก เธอแต่งงานกับนายลอเรนซ์ เวล (Laurence Vail) และมีลูกด้วยกันสองคน
ในปีค.ศ. 1921 เธอได้เดินทางไปยุโรป ที่นั่นเธอได้ค้นพบความเป็นศิลปินในตัวเองในสังคมของชาวปารีสโบฮีเมียน (Parisian bohème) และชาวอเมริกัน และมีเพื่อนที่เป็นศิลปินดังในยุคนั้นมากมาย เช่น Constantin Brancusi, Djuna Barnes และ Marcel Duchamp
ในปีค.ศ. 1938 เป็กกี้ในวัย 39 ปีได้เปิดพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งแรกในกรุงลอน ชื่อว่า “Guggenheim Jeune” มีการจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยและผลงานศิลปะ abstract มากมาย ในช่วงนั้นเธอยังได้ซื้อผลงานศิลปะชิ้นเอกของศิลปินดังสะสมไว้หลายชิ้น ก่อนจะย้ายไปยังตอนใต้ของฝรั่งเศส และกลับไปยังนิวยอร์กในอีกสามสี่ปีถัดมา และในปีค.ศ. 1942 เธอได้เปิดพิพิธภัณฑ์ศิลปะอีกแห่งขึ้นในกรุงแมนฮัตตันชื่อว่า “Art of This Century” เพื่อจัดแสดงผลงานศิลปะอันหลากหลายในแบบต่างๆ
เป็กกี้กลับมายังยุโรปอีกครั้งในปีค.ศ. 1947 และได้จัดแสดงผลงานศิลปะที่ศูนย์นิทรรศการเวนิสเบียนนาเล (Venice Biennale) ที่เมืองเวนิส และที่เมืองเวนิสนี้เองที่เป็กกี้ได้ซื้อพระราชวังเก่าปาลัซโซ่เวนิเยร์ เดอี ลีโอนี (Palazzo Venier dei Leoni) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมคลองแกรนด์คาแนลมาในปีค.ศ. 1949 ตัวอาคารได้รับการตกแต่งและปรับโครงสร้างใหม่เพื่อใช้เป็นบ้านและพื้นที่จัดแสดงผลงานศิลปะที่เธอสะสมเอาไว้
ในปีค.ศ. 1951 เธอได้เปิดบ้านเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ มีการจัดแสดงผลงานภาพเขียนและผลงานประติมากรรมร่วมสมัยต่างๆ มากมาย และเธอยังได้ให้การสนับสนุนงานศิลปะโดยการช่วยอุดหนุนผลงานจากศิลปินฝีมือดีมาสะสมไว้หลายชิ้น จนทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์แห่งเวนิส (Honorary Citizen of Venice) ในปีค.ศ. 1962
เป็กกี้เสียชีวิตลงในวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1979 ด้วยวัย 81 ปี อัฐิของเธอได้รับการเก็บรักษาไว้ที่สวนของพิพิธภัณฑ์ ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ศิลปะเป็กกี้ กุกเกนไฮม์ คอลเลคชั่น อยู่ในความดูแลของมูลนิธิโซโลมอน อาร์ กุกเกนไฮม์ (Solomon R. Guggenheim Foundation)
ภาพของ เป็กกี้ กุกเกนไฮม์ ในเมืองเวนิส ปี ค.ศ. 1949 (ขอขอบคุณภาพจาก https://www.guggenheim-venice.it)
เป็กกี้ กุกเกนไฮม์ ขณะต้อนรับ นายลุยจี เอย์เนาดี (Luigi Einaudi) ประธานาธิบดีอิตาลี ที่งานเปิดนิทรรศการที่ศูนย์นิทรรศการเวนิสเบียนนาเล (Venice Biennale) ในปีค.ศ. 1948
บริเวณประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์
บริเวณด้านหน้าทางเข้า
ป้ายบอกเวลาทำการ และค่าเข้าชม
บรรยากาศรอบๆ อาคารพิพิธภัณฑ์
ร้านกาแฟเล็กๆ ภายในพิพิธภัณฑ์ (ขอขอบคุณภาพจาก https://www.guggenheim-venice.it)
บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์ (ขอขอบคุณภาพจาก https://www.guggenheim-venice.it)
บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์ (ขอขอบคุณภาพจาก https://www.guggenheim-venice.it)
ภาพมุมหนึ่งในศูนย์จัดแสดงผลงานศิลปะ (ขอขอบคุณภาพจาก https://www.guggenheim-venice.it)
ที่นี่มีบริการทัวร์ชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ (ขอขอบคุณภาพจาก https://www.guggenheim-venice.it)
การเดินทางจากสนามบินเวนิสมาร์โคโปโล (Venice Marco Polo Airport / Aeroporto di Venezia-Marco Polo) ไปยังสถานีรถไฟเวเนเซียซานตาลูเซีย (Stazione di Venezia Santa Lucia)
- รถยนต์ (Car) จาก Venice Marco Polo Airport ไปยัง Stazione di Venezia Santa Lucia มีระยะทางประมาณ 13.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที
- รถประจำทาง (Bus) จาก Venice Marco Polo Airport ให้เดินมายังท่ารถ Aeroporto Marco Polo เพื่อขึ้นรถบัสสาย Venezia P. Roma (ออกทุก 20 นาที) มุ่งหน้าไปยังเมือง Venice โดยเมื่อไปถึงเมืองเวนิส รถบัสจะจอดให้ลงบริเวณท่ารถ Venezia Piazzale Roma ATVO ที่จัตุรัสโรมา (Piazzale Roma) จากนั้นเดินต่อไปประมาณ 450 เมตร ก็จะถึงยัง Stazione di Venezia Santa Lucia มีระยะทางโดยรวมประมาณ 13.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที
หมายเหตุ : Stazione di Venezia Santa Lucia เป็นสถานีรถไฟหลักของเมืองเวนิสที่มีเส้นทางเดินรถเชื่อมต่อกับเมืองต่างๆ ในประเทศอิตาลี รวมถึงเมืองต่างๆ ในประเทศแถบยุโรป แต่ขนส่งสาธารณะหลักภายในเมืองเวนิส จะใช้การเดินทางทางน้ำโดย “เรือประจำทาง” ที่เรียกว่า “Water-bus” ซึ่งมีท่าเรือครอบคลุมทั่วเมือง โดยท่าเรือบริเวณด้านหน้า Stazione di Venezia Santa Lucia มีจำนวน 4 ท่าแยกตามเส้นทางเดินเรือ ได้แก่ Ferrovia “A”, Ferrovia “B”, Ferrovia “C” และ Ferrovia “D”
การเดินทางจากสถานีรถไฟเวเนเซียซานตาลูเซีย (Stazione di Venezia Santa Lucia) ไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะเป็กกี้ กุกเกนไฮม์ คอลเลคชั่น (Peggy Guggenheim Collection)
- เรือ (Ferry) จาก Stazione di Venezia Santa Lucia เดินไปยังท่าเรือ Ferrovia D เพื่อขึ้น Water-bus สาย 1 จากนั้นลงที่ท่าเรือ Accademia และเดินต่อไปอีกประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงยัง Peggy Guggenheim Collection ใช้เวลาเดินทางโดยรวมประมาณ 38 นาที
เวลาทำการเปิด-ปิด
เปิดทุกวัน เวลา 10:00 น. - 18:00 น.
ปิดวันอังคาร
ร้านขายของที่ระลึก (ขอขอบคุณภาพจาก https://www.guggenheim-venice.it)
อัตราค่าเข้าชม
ตั๋วผู้ใหญ่ ราคา 15 Euro
ตั๋วนักเรียน-นักศึกษา อายุไม่เกิน 26 ปี ราคา 13 Euro
ตั๋วผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป ราคา 9 Euro
เด็กอายุไม่เกิน 10 ปี เข้าชมฟรี
ร้านขายของที่ระลึก (ขอขอบคุณภาพจาก https://www.guggenheim-venice.it)
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
ตลอดทั้งปี
ผลงานศิลปะบริเวณสวน
นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยว Peggy Guggenheim Collection สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเป็กกี้ กุกเกนไฮม์ คอลเลคชั่น เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
(Peggy Guggenheim Collection, Venice, Italy)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ตั๋วผู้ใหญ่ ราคา 15 Euro
ตั๋วนักเรียน-นักศึกษา อายุไม่เกิน 26 ปี ราคา 13 Euro
ตั๋วผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป ราคา 9 Euro
เด็กอายุไม่เกิน 10 ปี เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00 น. - 18:00 น. ปิดวันอังคาร
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
โทรศัพท์ : (+39) 041 2405 411
เว็บไซต์ : https://www.guggenheim-venice.it/
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/th/it/italy-weather
เว็บไซต์ทางการของเมืองเวนิส https://www.veneziaunica.it/en
เว็บไซต์ทางการของประเทศอิตาลี http://www.italia.it/en/home.html
เว็บไซต์การท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี https://www.italyguides.it/en
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อรวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ