- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- น้ำพุเทรวี่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี
น้ำพุเทรวี่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี

- อ่าน (7,155)
- By Webmaster
- 10:47:36 | 8 เม.ย. 2563
น้ำพุเทรวี่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี
Trevi Fountain, Rome, Italy
น้ำพุ เทรวี่ (Trevi Fountain) เป็นน้ำพุที่จัดได้ว่าสวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งนอกจากความงดงามแล้ว น้ำพุแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องการโยนเหรียญอธิษฐานที่ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์และเป็นกิจกรรมที่เป็นเสน่ห์สำหรับการมาเที่ยวชมน้ำพุแห่งนี้
ประวัติ
น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรมทางตะวันออกของถนน Via del Corso ชื่อของน้ำพุเป็นชื่อที่ตั้งตามทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นจุดบรรจบของถนนสามสาย (“tre vie”) ได้แก่ Acqua Vergine, Aqua Virgo และสะพานส่งน้ำโรมันโบราณ น้ำพุแห่งนี้เป็นน้ำพุที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมรูปแบบบาร็อก (Baroque) ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม โดยมีขนาดความสูงถึง 85 ฟุต และความกว้างถึง 65 ฟุต เป็นผลงานชิ้นเอกของนิโคลา ซาลวี (Nicola Salvi) และจูเซปเป ปานนินี (Giuseppe Pannini) ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
น้ำพุที่เห็นกันในปัจจุบันนั้นได้เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1732 เป็นผลงานการออกแบบโดยนิโคลา ซาลวิ ทว่าซาลวิได้เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1751 หลังจากที่น้ำพุสร้างเสร็จไปเพียงครึ่งหนึ่ง ภายจากนั้นจึงได้มีการสร้างต่อด้วยฝีมือของศิลปินท่านอื่นๆ และเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์หลังจากการติดตั้งประติมากรรมโอเชียนัส หรือเทพเจ้าเนปจูนเทพแห่งน้ำไว้ในบริเวณช่องกลางน้ำพุในปี ค.ศ. 1762
น้ำพุนี้สลักจากหินทราเวอร์ทีน (Ttravertine stone) และหินอ่อนคารารา (Carrara marble) เป็นหลัก จุดเด่นของน้ำพุนี้คือรูปสลักโอเชียนุส (Oceanus) ซึ่งรถลากรูปเปลือกหอยเทียมม้าและไตตัน (Titans) สองตน รูปสลักของเทพอบันแดนซ์ (Abundance) เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ยืนอยู่ในซุ้มด้านซ้ายและชูเขาแห่งความอุดมสมบูรณ์ ส่วนด้านตรงข้ามเป็นรูปปั้นสวมมงกุฎช่อมะกอก ถือถ้วยและมีงูดื่มน้ำจากถ้วย นอกจากนี้ส่วนต่างๆ ของน้ำพุยังประกอบไปด้วยรูปสลักต้นไม้ถึง 30 สายพันธุ์ให้นักท่องเที่ยวได้ลองสังเกตและมองหาอย่างเพลิดเพลิน
น้ำที่น้ำพุนี้มาจากท่อส่งน้ำอะควีดักท์ (Aqueduct) ที่สร้างโดยจักรพรรดิ์ซีซาร์ออกุสตุส (Caesar Augustus) ซึ่งใช้งานมาตั้งแต่ ปีที่ 17 ก่อนคริสตกาล น้ำที่นี่จึงสะอาดอยู่เสมอและนักท่องเที่ยวสามารถดื่มได้ และสิ่งหนึ่งที่เป็นไฮไลต์สำหรับการมาเที่ยวที่น้ำพุแห่งนี้ก็คือการโยนเหรียญลงไปในบ่อน้ำพุเทรวี่
ตามธรรมเนียมนั้นผู้ที่จะโยนเหรียญต้องอธิษฐาน ก่อนที่จะหันหลังแล้วโยนเหรียญข้ามไหล่ซ้าย หากเหรียญหล่นไปใต้น้ำพุเชื่อกันว่าคำอธิษฐานจะสมปรารถนา โดยมีความเชื่อกันว่า เมื่อโยนเหรียญหนึ่งเหรียญจะได้กลับมาเที่ยวโรมอีกครั้ง ถ้าโยนสองเหรียญจะได้พบรักกับชาวโรม และถ้าโยนสามเหรียญจะได้แต่งงานกับชาวโรม ในแต่ละวันนั้นจึงมีผู้โยนเหรียญลงไปในบ่อน้ำพุแห่งนี้มากถึงราวๆ 4,000 ดอลลาร์ โดยในแต่ละเช้าก็จะมีการเก็บเหรียญขึ้นมาเพื่อนำไปบริจาคให้แก่การกุศล
หากมาเที่ยวน้ำพุเทรวี่ในเวลากลางวัน นักท่องเที่ยวจะได้ชมประกายของหินทราเวอร์ทีนที่สะท้อนกับแสงแดด และหากมาเที่ยวในเวลากลางคืนก็จะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศของน้ำพุที่ฉาบไล้ด้วยแสงสีทองจากแสงไฟเป็นอีกหนึ่งบรรยากาศที่สวยงามไม่แพ้กัน
น้ำพุนี้สลักจากหินทราเวอร์ทีน (Ttravertine stone) และหินอ่อนคารารา (Carrara marble)
น้ำที่น้ำพุเทรวี่เป็นน้ำที่มาจากท่อส่งน้ำอะควีดักท์ (Aqueduct) ที่สร้างโดยจักรพรรดิ์ซีซาร์ออกุสตุส (Caesar Augustus) ซึ่งใช้งานมาตั้งแต่ ปีที่ 17
น้ำพุเทรวี่เป็นน้ำพุที่จัดได้ว่าสวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
การเดินทางจากสนามบินสู่ตัวเมือง
สนามบินโรม หรือชื่อทางการคือท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน (Leonardo da Vinci-Fiumicino Airport) ภาษาอิตาเลียนใช้ Fiumicino Aeroporto ตั้งอยู่ห่างจากกรุงโรมประมาณ 30 กิโลเมตร จากสนามบินนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าเมืองไปยังสถานีรถไฟหลักคือสถานี Roma Termini ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินทางของกรุงโรมได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้
- รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากสนามบิน Fiumicino Aeroporto ไปยังสถานี Roma Termini โดยใช้เส้นทางสาย A91 มีระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
- รถไฟ (Train) จากสนามบิน Fiumicino Aeroporto นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟสาย RV3231 ไปยังสถานี Roma Termini ได้โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
การเดินทางไป Trevi Fountain
- รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากสถานี Roma Termini ไปยัง Trevi Fountain โดยใช้เส้นทางสาย Nazionale มีระยะทาง 3.8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 16 นาที
- รถประจำทาง (Bus) จากสถานี Roma Termini ไปยัง Trevi Fountain นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถประจำทางสาย nMA ไปลงที่ป้าย Barberini ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
อัตราค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม
น้ำพุเทรวี่เป็นน้ำพุที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมรูปแบบบาร็อก
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว Trevi Fountain
นอกจากชมความงดงามของน้ำพุที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลกแล้ว สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยว Trevi Fountain ก็คือการอธิษฐานและโยนเหรียญลงไปในน้ำพุเพื่อลองเสี่ยงทายสักหนึ่งเหรียญเพื่อขอให้ได้กลับมากรุงโรมอีกครั้ง
สิ่งที่เป็นไฮไลต์สำหรับการมาเที่ยวที่น้ำพุเทรวี่ก็คือการโยนเหรียญอธิษฐานลงไปในบ่อน้ำพุแห่งนี้
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยว Trevi Fountain ได้ตลอดทั้งปี
ประติมากรรมแกะสลักเทพเจ้า
สถาปัตยกรรมอันงดงาม
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
น้ำพุแห่งนี้สวยงามด้วยรูปปั้นที่มีความหลากหลายและเปี่ยมไปด้วยความหมาย เช่น รูปปั้นเทพเนปจูนขี่ม้าติดปีกที่บริเวณส่วนกลางของน้ำพุ ขนาบข้างด้วยไททันเทพครึ่งคนครึ่งปลา แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์นั่นเอง
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม Trevi Fountain สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
น้ำพุเทรวี่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี
(Trevi Fountain, Rome, Italy)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิด – ปิด : เปิด 24 ชั่วโมง
ตั้งอยู่ที่ : Piazza di Trevi, 00187 Roma RM
โทรศัพท์ : (+39) 06 0608
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวเมืองโรม https://www.rome.net/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวประเทศอิตาลี http://www.italia.it
ขนส่งสาธารณะเมืองโรม https://www.rome.net/transportation
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

7 วันขับรถเที่ยวตะลุยแลปแลนด์
แลปแลนด์ (Lapland) ภูมิภาคซึ่งตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศฟินแลนด์ (Finland) นับเป็นจุดหมายหลักสำหรับนั่งท่องเที่ยวจากทั่วโลกรวมถึงพวกเราด้วยที่อยากจะเดินทางไปสัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยวฤดูหนาวแบบขั้วโลกเหนือ ไม่ว่าจะเป็นการพักอยู่ในที่พักแบบกระท่อมหลังคากระจกใสท่ามกลางบรรยากาศแวดล้อมของป่าสนและทุ่งหิมะขาวโพลนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เฝ้ารอชมปรากฏการณ์แสงเหนือวาดลีลาอันสวยงามเหนือท้องฟ้าในยามค่ำคืน และทำกิจกรรมฤดูหนาวสนุกๆ อย่างการนั่งเลื่อนที่วิ่งลากโดยสุนัขฮัสกี้จอมพลัง ขับสโนวโมบิลออกไปตะลุยตกปลาน้ำแข็ง รวมถึงนั่งเลื่อนกวางเรนเดียร์ เที่ยวปราสาทหิมะ ไปเที่ยวหมู่บ้านซานต้าและชมเส้นวงกลมละติจูดอาร์กติก (Arctic Circle) ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าเส้นสำคัญของโลกที่ลากผ่านเมืองโรวาเนียมี
อ่านต่อ
14 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเนฟเชียร์ ประเทศตุรกี
หากเอ่ยถึงการท่องเที่ยวประเทศตุรกี เชื่อว่าหนึ่งในภาพที่หลายๆ คนมักจะนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ คือภาพของบอลลูนลมร้อนหลากสีสันที่ลอยละล่องอยู่เต็มน่านฟ้า เหนือภูมิประเทศแปลกตาด้วยกลุ่มหินรูปทรงต่างๆ และสถานที่ที่ว่านี้ก็คือเนฟเชียร์ จังหวัดทางภาคกลางของตุรกีที่มีเมืองดังอย่างคัปปาโดเชียเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ในบทความนี้ Palanla ได้รวบรวมเอา 14 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเนฟเชียร์มาให้ออกเดินทางสำรวจไปพร้อมๆ กัน
อ่านต่อ
8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดอิซเมียร์ ประเทศตุรกี
อิซเมียร์ (Izmir) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศตุรกี และเป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากอิสตันบูล ซึ่งไม่เพียงแต่ความเป็นเมืองใหญ่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเท่านั้น ทว่าอิซเมียร์ยังรุ่มรวยไปด้วยภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง เชื่อว่า 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในอิซเมียร์ที่ Palanla ได้คัดสรรมาให้ได้ชมในบทความนี้จะทำให้คุณรู้จักอิซเมียร์มากขึ้นกว่าที่เคยอย่างแน่นอน
อ่านต่อ
7 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรกี
เดนิซลี (Denizli) จังหวัดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกีที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่งให้สำรวจ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมรดกโลกชื่อดังอย่างปามุคคาเล่ หรือเมืองโบราณเฮียราโพลิส และเมืองโบราณเลาดิเซียซึ่งเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในสมัยโรมันและไบแซนไทน์มาก่อน Palanla ได้รวบรวม 7 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเดนิซลีมาให้ได้ชมกัน
อ่านต่อ
10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไอร์แลนด์เหนือ
ประเทศไอร์แลนด์เหนือตั้งอยู่ในทวีปยุโรปและเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์เหนือมีชื่อเสียงทางด้านภูมิประเทศที่สวยงามและทิวทัศน์ทางธรรมชาติอันน่าหลงใหล อีกทั้งยังเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีพิพิธภัณฑ์และสถาปัตยกรรมต่างๆ ให้เที่ยวชมมากมายโดยมีสถานที่ท่องเที่ยวกระจายตัวอยู่ตามเมืองต่างๆ อย่างเช่นเมืองเบลฟาสต์ เมืองลอนดอนเดอร์รี่ และเมืองแถบชายฝั่งทะเล ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ก็อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ไททานิกเบลฟาสต์ที่จัดแสดงเรื่องราวของเรือไททานิกอันโด่งดัง และไจแอนท์คอสเวย์ที่ได้รับเลือกให้เป็นแหล่งมรดกโลกแห่งองค์การยูเนสโก นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยทาง Palanla ได้รวบรวมมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้
อ่านต่อ
สะพานเชือกคาร์ริก-อะ-รีด เขตอนุรักษ์แห่งชาติ ชายฝั่งคอสเวย์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
สะพานเชือกคาร์ริก-อะ-รีด เขตอนุรักษ์แห่งชาติ (National Trust Carrick-a-Rede) เป็นสะพานเชือกความยาว 20 เมตรที่เชื่อมระหว่างพื้นที่ชายฝั่งกับเกาะหินคาร์ริก-อะ-รีดที่อยู่ตรงข้ามกัน ที่นี่เป็นจุดชมทิวทัศน์มหาสมุทรแอตแลนติกอันกว้างใหญ่พร้อมกับเส้นทางผจญภัยบนสะพานเชือกที่ทอดข้ามข้ามเหวลึก 30 เมตรไปสำรวจเกาะเบื้องหน้าซึ่งเป็นที่ตั้งของกระท่อมชาวประมงเก่าแก่ที่มีอายุราวสี่ร้อยกว่าปี ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในจุดชมวิวและจุดถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
อ่านต่อ
ปราสาทเบลฟาสต์ เมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
ปราสาทเบลฟาสต์ (Belfast Castle) เป็นคฤหาสน์เก่าแก่หลังใหญ่ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบสกอตต์บารอนอย่างงดงาม ถือเป็นแลนด์มาร์กขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นบนเนินเขาเคฟฮิลล์ในเมืองเบลฟาสต์ นอกจากปราสาทเบลฟาสต์จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆ เช่น งานแต่งงานและการประชุมทางธุรกิจ นอกจากนี้ ด้วยพื้นที่เนินเขาที่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 120 เมตร จึงทำให้ที่นี่เป็นจุดชมวิวเมืองเบลฟาสต์จากมุมสูงอีกด้วย
อ่านต่อ
ตลาดเซนต์จอร์จ เมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
ตลาดเซนต์จอร์จ (St George’s Market) เป็นตลาดในร่มสไตล์วิคตอเรียนแห่งสุดท้ายที่ยังเปิดทำการอยู่ในเมืองเบลฟาสต์ ตลาดแห่งนี้เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ช่วงสายถึงบ่ายสอง โดยมีแผงขายอาหาร สินค้าแฮนด์เมด และสินค้าหลากหลายประเภท ท่ามกลางดนตรีสดและบรรยากาศที่คึกคัก ตลาดแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองในทุกสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดเซนต์จอร์จยังได้รับรางวัลทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศทางด้านผลผลิตสดใหม่ในท้องถิ่นและบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังได้รับการเสนอชื่อให้เป็นตลาดในร่มขนาดใหญ่ที่ดีที่สุดของสหราชอาณาจักรประจำปี 2023 จาก NABMA Great British Market Awards อีกด้วย
อ่านต่อ
กำแพงเมืองเดอร์รี เมืองลอนดอนเดอร์รี่ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
กำแพงเมืองเดอร์รี (The Derry Walls) เป็นอนุสรณ์สถานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเป็นกำแพงเมืองที่ยาวที่สุดและมีความสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบที่เหลืออีก 30 เมืองในไอร์แลนด์อีกด้วย กำแพงเมืองเดอร์รี่อยู่ใกล้กับแม่น้ำฟอยล์ มีประตูเมือง 7 ประตู ภายในกำแพงเมืองเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ปราสาท ศาลากลาง และโบสถ์ ไฮไลท์ของกำแพงเมืองแห่งนี้คือปืนใหญ่จำนวน 22 กระบอกที่เรียงรายไปตามป้อมปราการของกำแพงเมือง ปืนเหล่านี้เป็นปืนโบราณจากศตวรรษที่ 16, 17 และ 18 โดยมีปืนโรริงเมกอันโด่งดังตั้งอยู่ที่ป้อมปราการที่อยู่ใกล้ประตูบิชอป กำแพงเมืองเดอร์รี่จึงถือเป็นแหล่งมรดกที่มีความสำคัญระดับชาติและเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ควรแวะเที่ยวชม
อ่านต่อ
11 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ซูริค (Zurich) หนึ่งในเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของยุโรปที่นักเดินทางทั่วโลกใฝ่ฝัน เพราะนอกจากมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติอันงดงามบริสุทธิ์แล้ว ยังรุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม Palanla ได้รวบรวมเอา 11 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในซูริคมาฝากกัน
อ่านต่อ