- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- โคลอสเซียม กรุงโรม ประเทศอิตาลี
โคลอสเซียม กรุงโรม ประเทศอิตาลี
- อ่าน (12,534)
- By Webmaster
- 10:02:45 | 8 เม.ย. 2563
โคลอสเซียม กรุงโรม ประเทศอิตาลี
Colosseum, Rome, Italy
โคลอสเซียม (Colosseum) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทีมีชื่อเสียงที่สุดของกรุงโรม ประเทศอิตาลี ที่เมื่อเอ่ยชื่อคงมีน้อยคนที่จะไม่คุ้นหู สนามกีฬากลางแจ้งโบราณขนาดมหึมาแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม ที่นอกจากจะเคยเป็นสนามประลองอันทรงเกียรติของบรรดาเหล่านักสู้ในสมัยโบราณแล้วยังได้รับการคัดเลือกจากองค์กร New 7 Wonders ให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย
ประวัติ
โคลอสเซียมถูกสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซี่ยน (Vespasianus) แห่งจักวรรดิโรมัน สร้างแล้วเสร็จในสมัยจักรพรรดิไททัส (Titus) ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือราวๆ ปี ค.ศ. 80 สนามประลองแห่งนี้มีลักษณะเป็นอัฒจันทร์รูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายโดยมีเส้นรอบวงประมาณ 527 เมตร สูงประมาณ 57 เมตร และสามารถบรรจุคนได้ร่วม 50,000 คน
หากเทียบกับความยิ่งใหญ่และอลังการของลานประลองแห่งนี้แล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องประหลาดใจที่โคลอสเซียมอันยิ่งใหญ่และน่าอัศจรรย์แห่งนี้ใช้เวลาสร้างเพียง 10 ปีเท่านั้น ด้วยความยิ่งใหญ่จึงมีประตูทางเข้าทางเข้ามากกว่า 80 แห่ง โดยในสมัยโบราณเมื่อมีงานเฉลิมฉลองต่างๆ หรือเมื่อจัดเกมการแข่งขันบางครั้งอาจจัดกันยาวนานถึงร้อยวันเลยทีเดียว
โคลอสเซียมเป็นสิ่งก่อสร้างจากยุคโรมันโบราณที่ได้รับการออกออกแบบอย่างชาญฉลาด โดยมีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลมเพื่อที่ผู้ชมจะได้ใกล้ชิดกับนักกีฬา และไม่เพียงเท่านั้นเพราะสนามประลองแห่งนี้ยังมีทางระบายน้ำที่ดีเยี่ยมที่สามารถป้องกันไม่ให้น้ำขังในสนามหากเกิดฝนตก ซึ่งเป็นต้นแบบของการออกแบบสนามกีฬาอื่นๆ ในปัจจุบันด้วย และเนื่องจากเคยเป็นสนามประลองมาก่อนโคลอสเซียมจึงมีบริเวณใต้ดินที่มีห้องคุมขังนักโทษหลายร้อยห้อง รวมถึงมีกรงสำหรับใช้ขังสัตว์ป่าดุร้ายที่ไว้ใช้สำหรับการประลองการต่อสู้หลายร้อยกรงที่บริเวณชั้นใต้ดินอีกด้วย
นอกจากโคลอสเซียมจะเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโรมในปัจจุบันแล้ว ในอดีตยังเคยเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยโรมัน วัตถุประสงค์สำหรับการสร้างโคลอสเซียมขึ้นมาแรกเริ่มนั้นคือสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ประลองฝีมือของเหล่ากลาดิเอเตอร์ (Gladiator) ซึ่งก็คือกลุ่มคนที่ถูกจับหรือถูกขายเป็นทาสในยุคโรมันแล้วมาต่อสู้ประลองกันในสนาม หรือการประลองของกษัตริย์ใหม่ที่ต้องการแสดงฝีมือและอำนาจ รวมไปถึงการที่นักโทษที่รอวันประหารชีวิตหรือนักโทษที่ถูกคุมขังขอประลองเพื่อแลกกับอิสรภาพ โดยการประลองนั้นก็มีทั้งประลองกับกลาดิเอเตอร์รวมถึงการประลองกับสัตว์ป่าต่างๆ ที่ดุร้าย และผลจากการขอประลองเพื่อเรียกร้องอิสรภาพนั้นจึงได้ลามไปถึงการเปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้ามาประลองเพื่อยกระดับฐานะด้วย
แม้ว่าในอดีตโคลอสเซียมจะเคยเป็นสนามประลองอันโหดเหี้ยมที่มีชีวิตของผู้คนที่เข้าแข่งขันเป็นเดิมพันและต้องสังเวยให้แก่สนามประลองแห่งนี้มาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ปัจจุบันสนามประลองในอดีตแห่งนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านโทษประหารชีวิต โดยทุกครั้งที่มีการกลับการตัดสินหรือยกเลิกโทษประหารชีวิตจากที่ใดของโลกก็ตาม ที่โคลอสเซียมจะมีไฟสีเหลืองส่องสว่างทุกครั้ง
โคลอสเซียมได้รับคัดเลือกจากองค์กร New 7 Wonders ให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
โคลอสเซียมสามารถจุคนได้ร่วม 50,000 คน
สนามกีฬากลางแจ้งโบราณขนาดมหึมาแห่งนี้คือสนามประลองอันทรงเกียรติของเหล่านักสู้ในสมัยโบราณ
โคลอสเซียมมีลักษณะเป็นอัฒจันทร์รูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายโดยมีเส้นรอบวงประมาณ 527 เมตร สูงประมาณ 57 เมตร
การเดินทางจากสนามบินสู่ตัวเมือง
สนามบินโรม หรือชื่อทางการคือท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน (Leonardo da Vinci-Fiumicino Airport) ภาษาอิตาเลียนใช้ Fiumicino Aeroporto ตั้งอยู่ห่างจากกรุงโรมประมาณ 30 กิโลเมตร จากสนามบินนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าเมืองไปยังสถานีรถไฟหลักคือสถานี Roma Termini ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินทางของกรุงโรมได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้
- รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากสนามบิน Fiumicino Aeroporto ไปยังสถานี Roma Termini โดยใช้เส้นทางสาย A91 มีระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
- รถไฟ (Train) จากสนามบิน Fiumicino Aeroporto นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟสาย RV3231 ไปยังสถานี Roma Termini ได้โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
การเดินทางไป Colosseum
- รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากสถานี Roma Termini ไปยัง Colosseum โดยใช้เส้นทางสาย Via Nazionale มีระยะทาง 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 นาที
- รถไฟ (Train) จากสถานี Roma Termini ไปยัง Colosseum นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟสาย MEBLaurentina ไปลงที่สถานี Colosseo ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 9 นาที
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30 – 19.00 น.
นักท่องเที่ยวเข้าคิวเพื่อรอเข้าชมโคลอสเซียม
อัตราค่าเข้าชม
ตั๋วเข้าชมแบบไม่มีไกด์ราคา 16 ยูโร ทั้งนี้เป็นตั๋วแบบ Fast Track คือมีทางเข้าที่สงวนไว้ในเวลาที่นักท่องเที่ยวได้เลือกเพื่อไปยังสถานที่โคลอสเซียม โดยตั๋วสามารถใช้เข้าชม Roman Forum และ Palatine Hill ได้ด้วย (ใช้ได้ 2 วัน - หนึ่งครั้งต่อการเยี่ยมชมแต่ละสถานที่) และมี Audio-guide ให้หากต้องการ
ตั๋วเข้าชมแบบมีไกด์ ราคา 17 ยูโร
โดลอสเซียมสร้างแล้วเสร็จในสมัยจักรพรรดิไททัส (Titus) ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือราวๆ ปี ค.ศ. 80
โคลอสเซียมถูกสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซี่ยน (Vespasianus) แห่งจักวรรดิโรมัน
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว Colosseum
หากต้องการเที่ยวอย่างคุ้มค่า นักท่องเที่ยวสามารถชำระเงินเพื่อใช้บริการนำเที่ยวเมื่อเข้าสู่บริเวณภายในแล้ว และยังสามารถเช่าอุปกรณ์ให้เสียงบรรยายได้ด้วย โดยในคอลอสเซียมนั้นมีสิ่งต่างๆ ที่ให้ชมมากมากมาย และมีหัวใจสำคัญคือไฮโปเจียม (Hypogeum) ซึ่งเป็นชั้นใต้ดิน
สนามประลองอันยิ่งใหญ่และน่าอัศจรรย์แห่งนี้ใช้เวลาสร้างเพียง 10 ปี โดยสร้างแล้วเสร็จในสมัยจักรพรรดิไททัส (Titus) (รูปซ้าย) บรรยากาศของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมโคลอสเซียม (รูปขวา)
โคลอสเซียมมีประตูทางเข้ามากกว่า 80 แห่ง
โคลอสเซียมมีบริเวณใต้ดินที่มีห้องคุมขังนักโทษหลายร้อยห้อง รวมถึงมีกรงสำหรับใช้ขังสัตว์ป่าดุร้ายที่ไว้ใช้สำหรับการประลองการต่อสู้หลายร้อยกรงที่บริเวณชั้นใต้ดินด้วย
สนามประลองแห่งนี้ยังมีทางระบายน้ำที่ดีเยี่ยมที่สามารถป้องกันไม่ให้น้ำขังในสนามหากเกิดฝนตก ซึ่งเป็นต้นแบบของการออกแบบสนามกีฬาอื่นๆ ในปัจจุบันด้วย
โคลอสเซียมเป็นสิ่งก่อสร้างจากยุคโรมันโบราณที่ได้รับการออกออกแบบอย่างชาญฉลาด
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยว Colosseum ได้ตลอดทั้งปี
ทางเดินปูด้วยหิน
สถาปัตยกรรมการออกแบบอันน่าทึ่งของคนสมัยโรมันโบราณ
ปัจจุบันสนามประลองในอดีตแห่งนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านโทษประหารชีวิต โดยทุกครั้งที่มีการกลับการตัดสินหรือยกเลิกโทษประหารชีวิตจากที่ใดของโลกก็ตาม ที่โคลอสเซียมจะมีไฟสีเหลืองส่องสว่างทุกครั้ง
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
หากนักท่องเที่ยววางแผนล่วงหน้าและซื้อตั๋วที่รวมการเข้าชมโคลอสเซียม โรมันฟอรัม และเนินเขาปาลาทีนไว้ด้วยกัน จะสามารถเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องรอคิวยาวๆ
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม Colosseum สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
โคลอสเซียม กรุงโรม ประเทศอิตาลี
(Colosseum, Rome, Italy)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ตั๋วเข้าชมแบบไม่มีไกด์ราคา 16 ยูโร แบบมีไกด์ราคา 17 ยูโร
เวลาเปิด – ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30 – 19.00 น.
ตั้งอยู่ที่ : Piazza del Colosseo, 1, 00184 Roma RM
โทรศัพท์ : (+39) 06 3996 7700
เว็บไซต์ : https://www.rome.net/colosseum
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวเมืองโรม https://www.rome.net/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวประเทศอิตาลี http://www.italia.it
ขนส่งสาธารณะเมืองโรม https://www.rome.net/transportation
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อรวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อหมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อมหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อมหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อกระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อหมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อหมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อหมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ