17 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเลย ประเทศไทย

  • อ่าน (7,423)
  • ByWebmaster
  • 15:02:25 | 12 ม.ค. 2567

17 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเลย ประเทศไทย

Top 17 Travel Destinations in Loei, Thailand

 

             จังหวัดเลยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของไทย มีสภาพภูมิประเทศที่มีลักษณะเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนและมีสภาพทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ของจังหวัดเลยจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะภายในเขตอุทยานแห่งชาติต่างๆ อย่างเช่น อุทยานแห่งชาติภูเรือ และอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ซึ่งไฮไลท์ของการท่องเที่ยวเลยคือการชมทะเลหมอกจากด้านบนหน้าผาและยอดภูต่างๆ ที่มีความสวยงามติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย รวมถึงการไปชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่จะผลิบานเพียงปีละครั้งในช่วงกลางเดือนมกราคมของทุกปีจนทำให้ทั้งเนินเขาของภูลมโลกลายเป็นสีชมพูจนได้รับสมญานามว่าเป็นแดนชมซากุระเมืองไทย และการนั่งรถอีแต๊กขึ้นไปชมฟูจิเมืองเลยบนภูป่าเปาะที่มีบรรยากาศอันน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังพลาดไม่ได้กับการไปสัมผัสวิถีชีวิตสโลว์ไลฟ์ยังเมืองเชียงคานที่มีพรมแดนติดกับแม่น้ำโขง และเพลิดเพลินไปกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ อีกมากมายที่ทาง Palanla ได้รวบรวมมาฝากกันในทริปนี้       


แผนที่ 17 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดเลย


1. อุทยานแห่งชาติภูเรือ (Phu Ruea National Park)

             อุทยานแห่งชาติภูเรือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดเลย เพราะมีทัศนียภาพทางธรรมชาติอันสวยงามและมีความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้และทิวเขาสลับซับซ้อน อีกทั้งยังมีอากาศที่หนาวเย็นจนเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่สุดหนาวในสยามในช่วงฤดูหนาว ภายในอุทยานมีจุดชมวิวที่มีความสูง 1,365 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นจุดชมวิวภูเขาและทะเลหมอกที่มีความสวยงามน่าประทับใจติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย

การเดินทาง : จากตัวเมืองเลยไปยังอุทยานแห่งชาติภูเรือ มีระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 05:00 น. – 20:00 น.

พิกัด GPS : 17°30'51.1"N 101°20'41.7"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ อุทยานแห่งชาติภูเรือ ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=706


2. วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง (Wat Somdet Phu Ruea Ming Mueang)

             วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมืองเป็นวัดที่มีชื่อเสียงของอำเภอภูเรือ วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขา ภายในวัดโดดเด่นด้วยโบสถ์ไม้สักทั้งหลังที่สร้างขึ้นอย่างงดงาม โดยมีการแกะสลักเนื้อไม้อย่างวิจิตรบรรจงด้วยศิลปะลายไทยที่ละเอียดอ่อนช้อย ภายในโบสถ์เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปนามว่าพระพุทธเจ้าไภสัชยาคุรุไวฑูรยประภาจอมแพทย์ หรือพระกริ่งปวเรศ ที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธากันมาอย่างช้านาน

การเดินทาง : จากอุทยานแห่งชาติภูเรือไปยังวัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง มีระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 07:00 น. – 17:00 น.

พิกัด GPS : 17°27'27.7"N 101°21'06.8"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=702


3. วัดป่าห้วยลาด (Wat Pa Huay Lad)

             วัดป่าห้วยลาดเป็นวัดป่าในอำเภอภูเรือที่สร้างขึ้นอย่างงดงาม ภายในวัดโดดเด่นด้วยศาลาเฉลิมพระเกียรติทรงไทยประยุกต์ที่ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นมงคล โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่บริเวณด้านหน้าและมีฉากหลังเป็นทิวเขาภูคลั่ง ภายในเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อขาวองค์ใหญ่นามว่าพระสัพพัญญูรู้แจ้งสามแดนโลกธาตุ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธากันมาอย่างช้านาน นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีประติมากรรมต่างๆ เช่น เจ้าแม่กวนอิม พญานาค พระอินทร์ และจระเข้ ประดับอยู่โดยรอบให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมอีกด้วย

การเดินทาง : จากอุทยานแห่งชาติภูเรือไปยังวัดป่าห้วยลาด มีระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 07:00 น. – 18:00 น.

พิกัด GPS : 17°27'00.1"N 101°24'45.3"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ วัดป่าห้วยลาด ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=701


4. ภูบักได (Phu Bak Dai)

             ภูบักไดตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกในช่วงฤดูหนาวที่มีความงดงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเลย โดยไฮไลท์ของที่นี่อยู่ที่ “หินห้อยขา” หรือ “หินหลอกลวง” ที่เวลาขึ้นไปยืนถ่ายภาพจะดูเหมือนว่ายืนบนหน้าผาสูงชัน แต่อันที่จริงแล้วโขดหินที่ยื่นออกไปบริเวณหน้าผานี้มีความสูงจากพื้นด้านล่างบนผาเพียง 1-2 เมตรเท่านั้น

การเดินทาง : จากอุทยานแห่งชาติภูเรือไปยังภูบักได มีระยะทางประมาณ 36 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดตลอดเวลา แต่ควรขึ้นภูก่อนพระอาทิตย์ตก

พิกัด GPS : 17°21'47.0"N 101°27'00.8"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ ภูบักได ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=696


5. พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน วัดโพนชัย (Phi Ta Khon Museum at Wat Phon Chai)

             พิพิธภัณฑ์ผีตาโขนตั้งอยู่ภายในวัดโพนชัย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประวัติความเป็นมาของประเพณีผีตาโขน รวมถึงหน้ากากผีตาโขนและวิธีการทำหน้ากากในรูปแบบต่างๆ ซึ่งประเพณีผีตาโขนนี้เป็นประเพณีท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเลยที่มีมาอย่างช้านาน นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงเรื่องราวทางวัฒนธรรมท้องถิ่นอื่นๆ และมีร้านขายของที่ระลึกให้เที่ยวชมอีกด้วย

การเดินทาง : จากอุทยานแห่งชาติภูเรือไปยังพิพิธภัณฑ์ผีตาโขน วัดโพนชัย มีระยะทางประมาณ 42 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08:00 น. – 17:00 น.

พิกัด GPS : 17°16'28.7"N 101°08'56.1"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน วัดโพนชัย ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=694


6. พระธาตุศรีสองรัก (Phra That Sri Song Rak)

             พระธาตุศรีสองรักเป็นพระธาตุเจดีย์ก่ออิฐถือปูนสีขาวที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสักขีพยานในความสัมพันธ์อันดีระหว่างกรุงศรีอยุธยากับกรุงศรีสัตนาคนหุตแห่งเวียงจันทน์ การมานมัสการพระธาตุแห่งนี้จึงมีข้อห้ามในการใส่เสื้อผ้าสีแดง รวมถึงการนำสิ่งของสีแดงขึ้นบูชาพระธาตุ เพราะสีแดงเปรียบเสมือนเลือดและความรุนแรง

การเดินทาง : จากอุทยานแห่งชาติภูเรือไปยังพระธาตุศรีสองรัก มีระยะทางประมาณ 44 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08:00 น. – 18:30 น.

พิกัด GPS : 17°16'12.1"N 101°08'26.6"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับพระธาตุศรีสองรักได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=693


7. วัดเนรมิตวิปัสสนา (Wat Neramit Wipatsana)

             วัดเนรมิตวิปัสสนาเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในอำเภอด่านซ้าย เป็นวัดที่มีชื่อเสียงด้านการฝึกอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐาน ภายในวัดโดดเด่นด้วยพระอุโบสถทรงไทยก่ออิฐถือปูนหลังใหญ่ที่มุงด้วยกระเบื้องหลังคาศิลาแลงซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่หาชมได้ยาก ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช และประดับด้วยจิตรกรรมฝาผนังถ่ายทอดเรื่องรางพุทธศาสนาอย่างงดงาม บริเวณโดยรอบวัดตกแต่งอย่างเรียบง่ายและมีบรรยากาศที่สงบร่มรื่น

การเดินทาง : จากอุทยานแห่งชาติภูเรือไปยังวัดเนรมิตวิปัสสนา มีระยะทางประมาณ 44.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00 น. – 18:00 น.

พิกัด GPS : 17°15'50.1"N 101°08'30.9"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ วัดเนรมิตวิปัสสนา ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=700


8. ภูลมโล (Phu Lom Lo)

             ภูลมโลตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ภูลมโลเป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูที่จะผลิบานเพียงปีละครั้งในช่วงสั้นๆ ราวเดือนมกราคมของทุกปีจนได้ชื่อว่าเป็นจุดชมซากุระเมืองไทย โดยบนภูลมโลมีต้นนางพญาเสือโคร่งกระจายอยู่กว่า 1,200 ไร่ เมื่อดอกไม้บานจึงทำให้ภูลมโลปกคลุมด้วยสีชมพูไปทั่วทั้งเขาจนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก

การเดินทาง : จากอุทยานแห่งชาติภูเรือไปยังภูลมโล มีระยะทางประมาณ 85 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : 05:30 น. – 19:00 น.

พิกัด GPS : 16°59'07.3"N 101°04'32.8"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ ภูลมโล ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=698


9. ห้วยกระทิง (Huay Krating)

             ห้วยกระทิงเป็นอ่างเก็บน้ำสันเขื่อนดินความจุ 26 ล้านลูกบาศก์เมตรที่อยู่ในพื้นที่ดูแลของวนอุทยานหริรักษ์ มีบรรยากาศที่แวดล้อมด้วยป่าไม้และภูเขา นักท่องเที่ยวนิยมมาล่องแพและนั่งเรือชมทิวทัศน์ภายในอ่างเก็บน้ำ นอกจากนี้ ยังมีแพร้านอาหารอีสานให้นั่งทานอาหารพร้อมชมวิวกันบริเวณศาลาริมฝั่ง

การเดินทาง : จากอุทยานแห่งชาติภูเรือไปยังห้วยกระทิง มีระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดตลอดเวลา

พิกัด GPS : 17°30'01.7"N 101°36'10.4"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ ห้วยกระทิง ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=704


10. มูลนิธิสว่างคีรีธรรม (Sawang Kiri Tham Foundation)

             มูลนิธิสว่างคีรีธรรมเป็นองค์กรการกุศลที่ช่วยเหลือสังคมมาอย่างยาวนาน มูลนิธิแห่งนี้สร้างขึ้นในรูปแบบศาลเจ้าและวิหารที่มีความงดงามจากสถาปัตยกรรมจีน โดยไฮไลท์ของที่นี่คือวิหารมหาโพธิสัตว์กวนอิมพันกรซึ่งมีเทวรูปเจ้าแม่กวนอิมพันกรสีทองขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยประดิษฐานอยู่บริเวณด้านหน้าวิหารซึ่งถือเป็นเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ และเชื่อกันว่ามีอิทธิฤทธิ์สามารถดลบันดาลให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข

การเดินทาง : จากอุทยานแห่งชาติภูเรือไปยังมูลนิธิสว่างคีรีธรรม มีระยะทางประมาณ 57 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08:30 น. – 17:00 น.

พิกัด GPS : 17°29'40.6"N 101°42'49.2"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ มูลนิธิสว่างคีรีธรรม ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=699


11. สกายวอล์คเชียงคาน (ภูคกงิ้ว) (Skywalk Chiang Khan (Phu Kok Ngiew))

             สกายวอล์คเชียงคานเป็นทางเดินกระจกใสทอดยาวออกไปบนเนินเขาของภูคกงิ้ว เป็นทางเดินชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำและภูเขาได้ในแบบ 360 องศา อีกทั้งยังเป็นจุดชมแม่น้ำสองสีในตำแหน่งที่แม่น้ำโขงตัดกับแม่น้ำเหืองได้อย่างชัดเจน ภายในบริเวณยังเป็นที่ประดิษฐานองค์พระใหญ่ภูคกงิ้วซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางลีลาประทานพรที่นักท่องเที่ยวมักจะนำดอกไม้ธูปเทียนมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

การเดินทาง : จากอุทยานแห่งชาติภูเรือไปยังสกายวอล์คเชียงคาน (ภูคกงิ้ว) มีระยะทางประมาณ 79 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง

เวลาทำการเปิด-ปิด : 07:00 น. – 18:00 น.

พิกัด GPS : 17°49'10.6"N 101°33'14.2"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ สกายวอล์คเชียงคาน (ภูคกงิ้ว) ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=703


12. ถนนคนเดินเชียงคาน (Chiang Khan Walking Street)

             ถนนคนเดินเชียงคานเป็นย่านเศรษฐกิจของเมืองเชียงคานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากอาคารไม้เก่าแก่เรียงรายไปตามสองข้างทาง ให้บรรยากาศท้องถิ่นย้อนยุค ภายในบริเวณมีทั้งที่พักในแบบเกสต์เฮาส์ ร้านอาหาร และร้านค้าไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน โดยในช่วงเย็นจะเปลี่ยนเป็นตลาดนัดที่คึกครื้น เต็มไปด้วยสตรีทฟู้ดและแผงขายสินค้ามากมาย ถือเป็นสเน่ห์ของการท่องเที่ยวเมืองเชียงคาน

การเดินทาง : จากอุทยานแห่งชาติภูเรือไปยังถนนคนเดินเชียงคาน มีระยะทางประมาณ 91 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : วันศุกร์-เสาร์ เวลา 16:00 น. เป็นต้นไป

พิกัด GPS : 17°53'48.7"N 101°39'33.0"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ ถนนคนเดินเชียงคาน ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=691


13. แก่งคุดคู้ (Kaeng Khut Khu)

             แก่งคุดคู้เป็นแก่งริมแม่น้ำโขงในเมืองเชียงคานที่มีตำนานเรื่องเล่าถึงที่มาของชื่อแก่งจากนายพรานขี้โมโห ภายในบริเวณแก่งคุดคู้มีทัศนียภาพทางธรรมชาติอันสวยงามของสายน้ำและภูเขา เป็นจุดชมชมวิวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่น ในฤดูน้ำหลากสามารถเช่าเรือหรือแพออกไปเที่ยวชมธรรมชาติกลางแม่น้ำโขงได้ ส่วนในฤดูแล้งที่โขดหินน้อยใหญ่โผล่พ้นลำน้ำขึ้นมาก็สามารถเดินลงไปเที่ยวชมเกาะแก่งจากบนสันทรายและก้อนหินริมแก่งได้เช่นกัน

การเดินทาง : จากอุทยานแห่งชาติภูเรือไปยังแก่งคุดคู้ มีระยะทางประมาณ 96 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดตลอดเวลา

พิกัด GPS : 17°54'23.6"N 101°42'06.9"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ แก่งคุดคู้ ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=690


14. ภูทอก (Phu Thok)

             ภูทอกเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเลยที่มีทะเลหมอกหนาผืนใหญ่ปกคลุมพื้นที่ด้านล่างจนมิด มีบรรยากาศที่สวยงามน่าประทับใจ และมีอากาศที่สดชื่น โดยในช่วงสายๆ ที่หมอกค่อยๆ จางไปจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์เขียวขจีด้านล่างในพื้นที่ฝั่งไทยและฝั่งลาวและแม่น้ำโขงได้อีกด้วย

การเดินทาง : จากอุทยานแห่งชาติภูเรือไปยังภูทอก มีระยะทางประมาณ 92 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 05:00 น. – 18:00 น.

พิกัด GPS : 17°52'09.4"N 101°40'54.9"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับภูทอกได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=695


15. บ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำ (Tai Dam Museum House)

             บ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่นักท่องเที่ยวจะได้เที่ยวชมศึกษาวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวไทดำซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์อีกกลุ่มหนึ่งในประเทศไทยซึ่งอพยพมาจากประเทศลาวและเวียดนาม ซึ่งชาวไทดำนั้นมีภาษา การแต่งกาย ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง โดยภายในบริเวณมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ และบ้านโบราณ และยังมีมุมขายของที่ระลึกไว้ให้เที่ยวชมอีกด้วย

การเดินทาง : จากอุทยานแห่งชาติภูเรือไปยังบ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำ มีระยะทางประมาณ 86 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08:00 น. – 17:00 น.

พิกัด GPS : 17°47'59.5"N 101°44'02.2"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ บ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำ ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=692


16. ภูป่าเปาะ (ฟูจิเมืองเลย) (Phu Pa Poh (Fuji Muang Loei))

             ภูป่าเปาะได้ชื่อว่าเป็นฟูจิเมืองเลย เนื่องจากด้านบนภูป่าเปาะสามารถชมทัศนียภาพของภูหอที่มีลักษณะคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิของประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่มีทะเลหมอกนั้นจะยิ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมากจากสายหมอกที่คลอเคลียอยู่รอบๆ ภูหอ ที่นี่จึงได้รับสมญานามว่าฟูจิเมืองเลยนั่นเอง

การเดินทาง : จากอุทยานแห่งชาติภูเรือไปยังภูป่าเปาะ (ฟูจิเมืองเลย) มีระยะทางประมาณ 112 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 05:00 น. – 18:00 น.

พิกัด GPS : 17°02'27.7"N 101°42'45.0"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ ภูป่าเปาะ (ฟูจิเมืองเลย) ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=697 


17. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง (Phu Kradueng National Park)

             อุทยานแห่งชาติภูกระดึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติและสายเดินป่า เนื่องจากการขึ้นไปยังยอดภูนั้นต้องเดินเท้าเข้าป่าประมาณสามชั่วโมงเพื่อขึ้นไปชมความงามของทิวทัศน์ด้านบนที่มีความสวยงามคุ้มค่ากับความเหนื่อย โดยภายในอุทยานแห่งชาติภูกระดึงมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายให้เที่ยวชม เช่น ผานกแอ่น น้ำตกวังกวาง น้ำตกถ้ำใหญ่ สระอโนดาต และผาเหยียบเมฆ

การเดินทาง : จากอุทยานแห่งชาติภูเรือไปยังอุทยานแห่งชาติภูกระดึง มีระยะทางประมาณ 123 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 07:00-14:00 น.

พิกัด GPS : 16°52'16.8"N 101°50'44.4"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=705


ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้

- เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ

  www.accuweather.com

- เว็บไซต์จังหวัดเลย

  https://loei.mots.go.th

- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

  https://thai.tourismthailand.org/ 

- บริการขนส่ง (รถทัวร์ประจำทาง) 

  http://www.busticket.in.th , http://www.thairoute.com 

- สกุลเงินที่ใช้ : บาท (THB)


แอปพลิเคชัน "บริการรถแท็กซี่" ในประเทศไทย

- Grab สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
 

แอปพลิเคชัน "แผนที่ในการนำทาง" ในประเทศไทย

- Google Map​ สามารถดาวน์โหลดได้ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
 

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย

จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้

อ่านต่อ

วัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย

วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

น้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน

อ่านต่อ

เกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) Wat Bu Pai (Wat Ban Rai 2) เป็นวัดที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขาในอำเภอวังน้ำเขียว ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ หรือ พระเทพวิทยาคม พระเกจิดังวัดบ้านไร่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

อ่านต่อ

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว (Wat Saeng Tham Wang Khao Khiao) เป็นที่ตั้งของพระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล พระมหาเจดีย์รูปทรงดอกบัวสีขาวตั้งตระหง่านสง่างามอยู่กลางคูน้ำ ท่ามกลางสวนหย่อมสีเขียวขนาดใหญ่และแวดล้อมด้วยหุบเขาสีเขียวขจีของอำเภอวังน้ำเขียว

อ่านต่อ

ผาเก็บตะวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

ผาเก็บตะวัน (Pha Kep Tawan) หนึ่งในที่เที่ยววังน้ำเขียวที่เป็นจุดชมวิวที่มีทัศนียภาพสวยงาม แวดล้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เหมาะแก่การแวะมาชมวิวผ่อนคลาย หรือหากต้องการกางเต็นท์ค้างคืนก็ได้เช่นกัน

อ่านต่อ

วัดป่าโนนสวรรค์ จังหวัดร้อยเอ็ด ประเทศไทย

วัดป่าโนนสวรรค์ (Wat Pa Non Sawan) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดร้อยเอ็ด ภายในวัดมีความน่าตื่นตาตื่นใจของประติมากรรมปูนปั้นมากมายที่ถ่ายทอดเรื่องเกี่ยวกับพุทธประวัติ พระธรรมคำสอน รวมถึงวรรณคดีไทยชื่อดังต่างๆ ให้ได้เดินเที่ยวชม และภายในวัดยังโดดเด่นด้วยองค์เจดีย์ขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างงดงาม รวมถึงศิลปะการตกแต่งที่ใช้หม้อดินมาประดับในส่วนต่างๆ โดยรอบจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดร้อยเอ็ดที่ไม่ควรพลาดชม

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ